ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 307 ตาลายหมดแล้ว + ตอนที่ 308 อู่เจิ้งซือที่ด้านชา
ตอนที่ 307 ตาลายหมดแล้ว
อู่เหมยมองเหยียนหมิงซุ่นอย่างงุนงง เธอน้ำตาคลอเล็กน้อย และมีความอบอุ่นเกิดขึ้นในใจ เหยียนหมิงซุ่นกล่าวด้วยรอยยิ้ม “รีบกินสิ เดี๋ยวเส้นบะหมี่จะอืดหมด”
“อื้อ!”
อู่เหมยตอบเสียงเบา เธอกินบะหมี่ที่รับมาคำเล็กๆ ทีละคำ เส้นบะหมี่เหนียวนุ่มมาก สดใหม่เป็นพิเศษ มันคือบะหมี่น้ำซุปไก่ เดิมทีอู่เหมยหิวจนท้องร้องจ๊อกๆ ตอนแรกก็อยากจะแสร้งทำเป็นหญิงเรียบร้อย กินครั้งแรกก็กินแค่คำเล็กๆ แต่กินอย่างนี้มันน่าอึดอัดจริงๆ ไม่ถึงอกถึงใจสักนิดเดียว คนที่ยืนมองอยู่ตรงเหนือหัวก็มีเสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้น อู่เหมยหน้าแดงขึ้นมาทันที แดงไปหมดทั้งหน้า
เธอแอบด่าตนเองว่าโง่ในใจ ตอนนี้เธอเพิ่งจะอายุสิบสองปีเท่านั้นเอง จะแสร้งทำเป็นผู้หญิงเรียบร้อยทำไม!
อู่เหมยคิดได้อย่างนั้น จึงถือโอกาสกินอย่างเปิดเผยเสียเลย เธอสูดบะหมี่ ดังซู้ดๆ น้ำซุปบะหมี่กระเด็นโดนหน้า เธอยกแขนโดยใช้แขนเสื้อเช็ด แล้วก็กินต่อ สักพักก็มีผ้าเช็ดหน้าลายตารางที่ดูสะอาดยื่นมาให้ตรงหน้า
“ใช้อันนี้เช็ดสิ!”
เหยียนหมิงซุ่นยิ้มมุมปาก เลี้ยงยายตัวดีก็รู้สึกดีไปอีกแบบ ไม่อย่างนั้นต่อไปจะเรียกยายตัวดีมากินบะหมี่บ่อยๆ ดีไหมนะ?
อู่เหมยกินบะหมี่ถ้วยใหญ่จนหมด แม้กระทั่งซุปก็ไม่เหลือ เรอออกมาอย่างพอใจ แต่เมื่อเห็นเหยียนหมิงซุ่นมองตัวเธอเองด้วยรอยยิ้มสดใส ก็อดไม่ได้ที่จะหน้าแดงขึ้นมา
“พี่หมิงซุ่น ฝากขอบคุณคุณย่าหยางด้วยนะคะ บะหมี่ที่คุณย่าหยางทำอร่อยมากค่ะ!” อู่เหมยพูดเสียงเบา
“เธอต้องขอบคุณพี่สิ พี่เป็นคนทำบะหมี่” เสียงอันหล่อเหลาชัดแจ๋วดังขึ้นมา
อู่เหมยเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ เธอมองเหยียนหมิงซุ่นอย่างไม่น่าเชื่อ บะหมี่นั่นเขาเป็นคนทำหรือ?
เมื่อเห็นมาตรฐานของบะหมี่ถ้วยนั้นแล้ว ฝีมือการทำอาหารของเหยียนหมิงซุ่นนั้นยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน และยังเก่งกว่าเธอ อู่เหมยก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย วันนั้นที่เธอแสดงฝีมือทำอาหารที่บ้านตระกูลสยง เหมือนเป็นการสอนจระเข้ว่ายน้ำจริงๆ เลย!
เหยียนหมิงซุ่นมองแวบเดียวก็อ่านความคิดของอู่เหมยออก เขาจึงจงใจพูด “บะหมี่ไม่อร่อยใช่ไหม?”
“ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่ บะหมี่อร่อยมาก อร่อยกว่าที่ฉันทำเองอีก” อู่เหมยรีบเงยหน้าขึ้นมา โบกมือปฏิเสธไม่หยุด
เหยียนหมิงซุ่นยิ้ม ความรู้สึกเหมือนกับดอกไม้เบ่งบานในฤดูใบใม้ผลิ สายตาของอู่เหมยบังเอิญมองไปเห็นลำคอของเหยียนหมิงซุ่น คอที่เย้ายวนนั้น ขยับตามเสียงหัวเราะของเหยียนหมิงซุ่น ช่างเซ็กซี่เหลือเกิน
“อึกๆ”
อู่เหมยกลืนน้ำลายแรง แต่ยังคอแห้งมาก
“เป็นอะไร?” เหยียนหมิงซุ่นมองอย่างแปลกใจ เขาก้มหน้าลงมองโดยอัตโนมัติ หรือว่าเขากลัดกระดุมไม่ดี
แต่กระดุมเสื้อก็ติดจากบนลงล่างไว้อย่างเรียบร้อย
แม้แต่กระดุมเม็ดแรกก็ติด อู่เหมย เธอกำลังมองอะไร?
“เหมยเหมย”
เหยียนหมิงซุ่นก็ส่งเสียงเรียกอีกครั้ง เขาเรียกอู่เหมยที่มองตาค้างให้ตื่น เธอถึงรู้ตัวว่าเมื่อตะกี้เคลิบเคลิ้มกับลูกกระเดือกของเหยียนหมิงซุ่น ช่างหน้าอายเสียจริง!
“ไม่มีอะไร ไม่มีอะไรจริงๆ!”
อู่เหมยโบกมือปฏิเสธไม่หยุด หน้าแดงก่ำ เหมือนกับลูกแอปเปิ้ล
เหยียนหมิงซุ่นไม่แกล้งเธออีก เขาหุบยิ้มแล้วถามเธอเกี่ยวกับเรื่องบาดแผลของอู่เจิ้งซื่อว่าเกิดอะไรขึ้น
ในห้องมีแค่เธอกับเหยียนหมิงซุ่นเพียงสองคน อู่เหมยก็ไม่ได้ปิดบัง เล่าที่มาที่ไปของเรื่องราว เล่าแม้กระทั่งเรื่องที่ก่อนหน้านั้นที่เหอปี้อวิ๋นห้ามเธอไม่ให้ออกไปเรียกให้คนมาช่วย และเรื่องที่อู่เยวี่ยไม่ยอมช่วย
“พี่หมิงซุ่น แม่กับพี่สาวของฉัน พวกเขาใจดำจริงๆ หากพ่อไม่เสียเวลาเพราะพวกเขา พ่อก็คงจะไม่เลือดไหลเยอะขนาดนั้น!” อู่เหมยพูดอย่างโกรธแค้น
เธอรู้สึกปวดร้าวใจ ถึงแม้เมื่อก่อนอู่เจิ้งซือจะปฏิบัติกับเธอไม่ดี แต่เธอก็ไม่ยอมให้อู่เจิ้งซือตาย อู่เจิ้งซือดีกับเหอปี้อวิ๋นสองแม่ลูกมาก แต่สองคนนี้กลับตอบแทนอู่เจิ้งซือแบบนี้
อู่เหมยทำปากมุ่ยบ่นกับเหยียนหมิงซุ่น แต่เธอกลับไม่รู้ว่า อู่เจิ้งซือที่นอนให้น้ำเกลืออยู่บนเตียงฟื้นนานแล้ว แม้รู้สึกว่าร่างกายจะยังไม่ค่อยดีนัก แต่กลับได้ยินคำพูดของอู่เหมยอย่างชัดเจนมาก
………………………………………………………….
ตอนที่ 308 อู่เจิ้งซือที่ด้านชา
อู่เจิ้งซือแค่รู้สึกว่าหนาวเย็นไปทั้งตัว และก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอาการที่เกิดจากการเสียเลือดมากเกินไป หรือเพราะจิตใจด้านชา เขาไม่ได้ลืมตา แต่ยังคงหลับตา เพราะอยากฟังอู่เหมยพูดต่อไป
เหยียนหมิงซุ่นขมวดคิ้วมุ่น เหอปี้อวิ๋นทำให้เขาเปลี่ยนมุมมองใหม่อีกครั้ง ถ้าบอกว่าก่อนหน้านั้นที่ทำร้ายเพราะพลั้งมือก็น่าจะพออภัยได้ แต่ยังห้ามไม่ให้อู่เหมยไปเรียกคนมาช่วยก็ทำเกินไปแล้ว ถึงขั้นสามารถพูดได้ว่ามีเจตนาวางแผนฆ่าคน
ยังมีอู่เยวี่ยอีกคน พ่อที่ให้กำเนิดนอนอยู่ที่พื้นใกล้จะตาย เธอนิ่งดูดายอยู่ได้อย่างไร?
จิตใจนี่โหดเหี้ยมไม่ธรรมดา!
“แล้วเธอเรียกคนมาช่วยได้ยังไง?” เหยียนหมิงซุ่นถาม อู่เจิ้งซือก็หูผึ่งขึ้นมา เขาก็อยากรู้ว่าอู่เหมยช่วยชีวิตเขาได้อย่างไร
อู่เหมยยิ้มอย่างภูมิใจ “ฉันก็ตะโกนสุดชีวิตว่า ช่วยด้วย มีคนถูกฆ่า แม่ก็ตะลึงงัน คิดจะปิดปากฉันไว้ แล้วฉันก็หนีออกไป ฉันวิ่งเร็วมาก แม่วิ่งตามฉันไม่ทัน”
เหยียนหมิงซุ่นตีหัวอู่เหมยเบาๆ กล่าวชม “โชคดีที่เธอวิ่งเร็ว หากช้าไปกว่านี้หลายนาที เกรงว่าสภาพของครูอู่คงจะคาดเดาได้ยาก!”
“จะเป็นยังไงเหรอคะ?” อู่เหมยถามทันที
เหยียนหมิงซุ่นชำเลืองมองที่เตียงแวบหนึ่ง เขาเม้มปาก พูดเสียงดังขึ้น “อาจเป็นไปได้ว่าเพราะที่ศรีษะเสียเลือดมาก ทำให้สมองขาดออกซิเจน อาการเขาก็จะกลายเป็นคนสติไม่สมประกอบ สูญเสียความทรงจำ หรืออาจจะกลายเป็นผัก หากอาการหนักมากก็ตายได้”
อู่เหมยตกใจจนปากเป็นรูปตัวโอ หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เธอถอนหายใจด้วยความรู้สึกที่ยังหวาดกลัวไม่หาย เธอทอดถอนใจพลางกล่าว “ยังโชคดี ถ้าพ่อของฉันกลายเป็นคนไม่สมประกอบ เขาต้องรู้สึกแย่มากๆ โชคดีที่ไม่ได้กลายเป็นแบบนั้น”
อู่เจิ้งซือเองก็ตกใจไม่น้อย ที่ด้านหลังเสื้อกล้ามก็มีเหงื่อออก เขายิ่งเอือมระอาเหอปี้อวิ๋น ผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนี้ อู่เยวี่ยอีกคน เสียแรงเปล่าที่เมื่อก่อนเขารักและโปรดปรานลูกสาวคนโต แต่ว่าเธอ…
นึกไม่ถึงว่าในยามตกทุกข์ได้ยากจะทำให้เรารู้ว่า ใครคือคนที่จริงใจกับเรา!
อู่เจิ้งซือไม่สงสัยคำพูดของอู่เหมยเลยสักนิด เธอไม่รู้ว่าตัวเขานั้นฟื้นแล้ว ยิ่งไม่จำเป็นที่ปั้นคำโกหกเหล่านี้ขึ้นเพื่อหลอกตัวเอง ด้วยเหตุนี้เองอู่เจิ้งซือถึงได้ยิ่งเอือมระอาเหอปี้อวิ๋นไม่มีสิ้นสุด
เหยียนหมิงซุ่นก็มองอู่เจิ้งซืออีกครั้ง หลังจากที่อู่เจิ้งซือฟื้นไม่นาน เขารู้อยู่แล้ว ถึงอู่เจิ้งซือจะนิ่งเฉยและยังหลับตาอยู่ แต่ลมหายใจของเขาแผ่ไอร้อน คนที่ตั้งใจฟังก็จะฟังออก
“เยวี่ยเยวี่ย มาแล้วเหรอ!” เสียงของเหยียนหมิงต๋าดังมาจากข้างนอก
“อื้อ ฉันเอาเสื้อคลุมมาให้พ่อค่ะ กลางคืนอากาศเย็น พี่หมิงต๋าคะ พ่อเป็นยังไงบ้าง ปลอดภัยแล้วใช่ไหม?” อู่เยวี่ยดูเหมือนร้อนอกร้อนใจมาก
“เยวี่ยเยวี่ยอย่าเป็นกังวลเลย ครูอู่ปลอดภัยแล้ว กำลังให้น้ำเกลืออยู่!”
อู่เยวี่ยโล่งใจ ปลอดภัยก็ดีแล้ว เธอก็ไม่ได้หวังให้อู่เจิ้งซือมีเรื่อง เธอหอบเสื้อคลุมเดินไปทางห้องที่พวกอู่เหมยนั่งอยู่ แล้วผลักประตูเปิดทันที
“เหมยเหมย พี่หมิงซุ่น”
อู่เยวี่ยพูดทักทายเสียงเบา ท่าทางสงบเสงี่ยม เธอกลับสู่สภาพก่อนหน้านี้อีกครั้ง ก่อนที่จะซึมเศร้าเหงาหงอย
เหยียนหมิงซุ่นพยักหน้าให้เธอเบาๆ แววตาไร้ความอบอุ่น อู่เหมยไม่ส่งเสียงใดๆ แต่ตอนนี้เธอต้องเสแสร้งทำเป็นเอาใจใส่ ก็เป็นแค่การแสดงละคร
อู่เยวี่ยยิ้มแหยๆ และเธอไม่ได้สนใจท่าทีของอู่เหมย เธอเดินตรงไปหาอู่เจิ้งซือ และเอาเสื้อคลุมวางไว้บนตัวเขา ท่าทางอ่อนโยนมาก อู่เจิ้งซือรู้สึกได้ เขาก็อดที่จะใจอ่อนไม่ได้
อาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้เยวี่ยเยวี่ยตกใจกลัวสินะ?
เธอจะมองดูเขาตายไปโดยไม่กังวลใจได้อย่างไร?
“เยวี่ยเยวี่ยหิวไหม? พี่จะไปทำบะหมี่ให้กินนะ!”
เหยียนหมิงต๋าวิ่งเข้ามา แล้วก็วิ่งออกไปด้วยความดีใจ เมื่อตะกี้พี่ชายเขาทำบะหมี่ให้อู่เหมยกินแล้ว เขาก็อยากจะทำบะหมี่ให้อู่เยวี่ยกิน อู่เยวี่ยต้องเปลี่ยนมุมมองต่อเขาใหม่แน่นอน!
เดิมทีอู่เยวี่ยอยากปฏิเสธ แต่เหยียนหมิงต๋าวิ่งเร็วมาก เธอเรียกก็ไม่ทันเสียแล้ว ทำได้แค่ตามเหยียนหมิงต๋าไป
………………………………………………………………………..