ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 319 อู่เจิ้งหงที่น่ารัก+ตอนที่ 320 ฉันจะไปอาละวาดที่หน่วยงานของเธอ
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- ตอนที่ 319 อู่เจิ้งหงที่น่ารัก+ตอนที่ 320 ฉันจะไปอาละวาดที่หน่วยงานของเธอ
ตอนที่ 319 อู่เจิ้งหงที่น่ารัก
ช่วงเวลาอาหารค่ำ ครอบครัวของอู่เจิ้งหงก็มาด้วย อู่เจิ้งหงเป็นคนอารมณ์รุนแรง พอเธอเห็นเลือดที่ศรีษะอู่เจิ้งซือจากการถูกตี ก็ระเบิดลงในทันที บอกให้อู่เจิ้งซือหย่าขาดกับเหอปี้อวิ๋น
“พี่รองคะ ผู้หญิงแบบนี้ พี่ยังจะเก็บเอาไว้ทำไม รีบๆ หย่าแล้วทิ้งไปเถอะ!”
อู่เจิ้งหงก่นด่า น้ำเสียงดุดันเป็นพิเศษ ก็ไม่รู้แล้วว่ามีใครมายั่วให้เธอโมโหอีก
อู่เหมยนึกขึ้นได้ว่า วันนั้นจี้เหวินฮุ่ยปรากฏตัวที่ห้องเรียนเยาวชน หรือว่า…
แต่จากนิสัยของจี้เหวินฮุ่ย ถ้าเธอเห็นจี้เจี้ยนโปอยู่กับเฮ่อเหวินจิ้งจริงๆ เธอต้องกลั้นเอาไว้ไม่ไหวแน่ๆ กลับมาบ้านก็ต้องบอกอู่เจิ้งหงอย่างแน่นอน อีกอย่างด้วยนิสัยของอู่เจิ้งหง อาจเป็นไปได้ที่ในวันนั้นเธอไปคิดบัญชีกับเฮ่อเหวินจิ้งแล้ว จะยังทนอัดอั้นตันใจตั้งสองวันได้อย่างไร?
ในใจของอู่เยวี่ยรู้สึกเคียดแค้นมาก เธอจิกต้นขาอย่างแรง มองอู่เจิ้งซือน้ำตาคลอ พลางพูดเสียงสะอื้น “คุณพ่อ ห้ามหย่ากับแม่นะ หนู่ไม่อยากให้คนอื่นหัวเราะเยาะที่พ่อแม่หนูหย่าร้างกัน”
ท่านแม่เฒ่าจ้องอู่เจิ้งหงเขม็ง ปลอบอู่เยวี่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน อู่เยวี่ยร้องไห้ กระซิกๆ จนตาและจมูกแดงไปหมด เห็นแล้วดูน่าสงสารมาก แม่เฒ่ารักและเอ็นดูเธอจริงๆ ปลอบเธออยู่ตั้งนาน
“คุณแม่คะ แม่ก็หันมาสนใจหลานสาวบ้างสิ เหวินฮุ่ยสอบคณิตศาสตร์ครั้งนี้ได้เก้าสิบห้าคะแนน ซึ่งเป็นคะแนนสูงที่สุดของชั้นเรียนเลยนะคะ ไม่เห็นแม่ชมเหวินฮุ่ยกับครอบครัวหนูเลย หนูว่าแม่เองก็ไม่ต่างกับพี่สะใภ้รอง มีความก้าวหน้าไม่ชมเชย แต่พอแย่ลงก็ยังให้เป็นหลานรัก!’
อู่เจิ้งหงพูดอย่างตรงไปตรงมา เธอดูถูกดูแคลนเหอปี้อวิ๋น สาเหตุหลักก็เป็นเพราะว่าลูกสาวของเหอปี้อวิ๋นแย่งความรักที่เป็นของลูกสาวบ้านเธอไป แน่นอนว่า ตัวเธอเองก็ไม่ชอบเหอปี้อวิ๋น
อู่เหมยยิ้มมุมปาก แอบขำอยู่ในใจเงียบๆ อู่เจิ้งหงพูดจาน่ารักจริงๆ เธอมองว่านี่เป็นการพูดจี้ใจดำ แต่ท่านแม่เฒ่าอาจจะโกรธจนหัวใจวายได้!
หัวใจของท่านแม่เฒ่าแข็งแรงมาก ไม่มีแม้กระทั่งอาการป่วยเล็กๆ น้อย ทว่าก็ยังโกรธอยู่ไม่น้อย เธอจ้องอู่เจิ้งหงเขม็งอีกครั้ง แต่ก็จนปัญญากับเธอ ใครปล่อยให้สิ่งที่น่าผิดหวังนี้ออกมาจากท้องเธอล่ะ!
“เหวินฮุ่ยกินซี่โครงหมูสิ มีความมุมานะพยายาม ไม่ย่อท้อต่อไปนะลูก”
ท่านแม่เฒ่าจำใจต้องคีบซี่โครงหมูให้จี้เหวินฮุ่ย ยิ้มพลางพูดให้กำลังใจ จี้เหวินฮุ่ยหันไปทำเสียงฮึอย่างภาคภูมิใจใส่อู่เยวี่ย เธอกัดซี่โครงหมูอย่างเอร็ดอร่อย อู่เยวี่ยไม่ใส่ใจ แต่กลับยิ้มแย้มพลางอวยพรจี้เหวินฮุ่ย
“เหวินฮุ่ยเก่งจริงๆ ครั้งหน้าก็พยายามสอบให้ได้หนึ่งร้อยคะแนนให้ได้นะ!”
จี้เหวินฮุ่ยมองเธอแวบหนึ่งด้วยความภูมิใจ “เธอห่วงตัวเธอเองก่อนเถอะ คราวหน้าอย่าสอบได้แย่อีกล่ะ!”
“ไม่เป็นอย่างนั้นแน่นอน”
อู่เยวี่ยรู้สึกเคียดแค้นอยู่ในใจ
เธอฝืนยิ้ม ขี้เกียจจะรับมือกับครอบครัวโง่เง่า ขอแค่รอให้เธอสอบได้ที่หนึ่งอีกครั้งในการสอบคราวหน้า จะดูว่าสองแม่ลูกนี้จะยังมีหน้ามาพูดอะไรได้อีก?
ก็แค่เก้าสิบกว่าคะแนน เก่งตรงไหน ตอนโรงเรียนประถมวิชาภาษาและวรรณคดีเธอไม่เคยต่ำกว่าเก้าสิบห้าคะแนน คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ สอบได้หนึ่งร้อยคะแนนเป็นเรื่องปกติ เชอะ!
อู่เจิ้งหงก็ภูมิใจมากเช่นกัน เธอยิ้มกริ่มพลางกล่าว “เยวี่ยเยวี่ย เธอก็อย่าฝืนตัวเองเกินไปนะ พยายามทำให้ดีที่สุดล่ะ อย่าทำเพื่ออันดับหนึ่งจนทำให้สภาพจิตใจของตัวเองมีปัญหา มันไม่คุ้มเลยนะ”
อู่เยวี่ยสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด มองท่านแม่เฒ่าด้วยความน้อยใจที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม โรคประสาททำให้เธอปวดหัวยิ่งกว่ามีกลิ่นตัว ทั้งหมดเป็นเพราะยายสารเลวอู่เหมยพูดซี้ซั้วว่าเธอสภาพจิตใจมีปัญหา ข่าวลือที่น่าหวาดกลัว จนแทบจะเป็นจริง เธอไม่ได้ป่วยเป็นโรคประสาทสักหน่อย แต่ตอนนี้ลือกันไปทั้งเมือง เธอเกรงว่าผู้คนจะเข้าใจว่าเธอป่วย!
“คุณย่าคะ สภาพจิตใจของหนูดีมาก จะมีปัญหาได้อย่างไรคะ? คุณอา ทำไมต้องพูดว่าหนูอย่างนี้ด้วย?” อู่เยวี่ยร้องไห้สะอึกสะอื้น น้ำตาไหลพราก
ท่านแม่เฒ่าอู่หน้าเคร่งขรึม จ้องอู่เจิ้งหงอย่างขุ่นเคือง หลานสาวคนโตก็แค่เรียนหนังสือเหนื่อยล้า จะเป็นโรคประสาทได้อย่างไร?
……………………………………………………………….
ตอนที่ 320 ฉันจะไปอาละวาดที่หน่วยงานของเธอ
อู่เจิ้งหงทำเสียงฮึดฮัดอย่างเย็นชา สีหน้าหม่นหมอง เธอคีบซี่โครงหมูลงในชามของลูกชาย จี้เหวินเฟิง และตัวเองก็กินบ้าง จี้เจี้ยนโปเหมือนกับเวลาปกติ เขาก็คีบซี่โครงหมูให้ลูกสาว พูดพลางยิ้ม “บ้านของเราเนี่ย เหวินฮุ่ยเป็นคนเก่ง พ่อให้รางวัลลูกด้วยการให้กินซี่โครงหมูนะ”
“ในชามหนูมีแล้วค่ะ ไม่ต้อง”
จี้เหวินฮุ่ยสีหน้าและท่าทางเฉยชา เธอขยับชามไปด้านข้าง แสดงถึงความผิดปกติ จี้เจี้ยนโปหัวเราะเก้อเขิน เอาซี่โครงหมูที่ถือค้างไว้ ใส่เข้าไปในปากตัวเอง
อู่เจิ้งหงยิ้มให้ลูกสาวอย่างเมตตา แล้วก็คีบซี่โครงหมูวางลงในชามของจี้เหวินฮุ่ยอีก ครั้งนี้จี้เหวินฮุ่ยไม่ปฏิเสธ เธอกินอย่างเอร็ดอร่อย จี้เจี้ยนโปสีหน้าเศร้าสลด และยิ้มกับตัวเอง
ส่วนคนอื่นๆ ไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของครอบครัวนี้ มีเพียงอู่เหมยคนเดียวที่สังเกตเห็น เธอแอบสงสัยอยู่ในใจ
อู่เจิ้งหง ครอบครัวนี้เป็นอะไร ดูแล้วก็ไม่เหมือนสองสามีภรรยาทะเลาะกัน หากเป็นเพียงสามีภรรยาทะเลาะกัน จี้เหวินฮุ่ยคงจะไม่เย็นชาใส่จี้เจี้ยนโปไปด้วยอีกคน อู่เหมยครุ่นคิด แล้วก็คิดออกเรื่องหนึ่งฉับพลัน เธอใจหล่นวูบ
เมื่อวานจี้เหวินฮุ่ยไปปรากฏที่ห้องเรียนเยาวชน เพราะอย่างนั้นก็อาจจะเป็นไปได้ที่เธอเห็นจี้เจี้ยนโปอยู่กับเฮ่อเหวินจิ้ง จากนิสัยของจี้เหวินฮุ่ย ถ้าเธอไม่บอกอู่เจิ้งหงสิถึงจะเป็นเรื่องแปลก!
แต่ก็ไม่ถูกต้อง หากจี้เหวินฮุ่ยบอกไปแล้วจริงๆ อู่เจิ้งหงก็คงจะอาละวาดตั้งนานแล้ว จะนิ่งสงบอย่างนี้ได้อย่างไร?
อู่เหมยคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก การแสดงออกของอู่เจิ้งหงสองแม่ลูกแปลกประหลาดจริงๆ
บรรยากาศอาหารเย็นมื้อนี้ผิดปกติมากๆ อู่เจิ้งหงพูดกระทบเทียบหลายประโยคบ่อยๆ เธอพูดจาถากถางอู่เยวี่ย อู่เหมยก็ไม่ปล่อยไปเช่นกัน กระทั่งเจ้าอ้วนอู่เชาก็โดนเธอว่าเช่นกัน บอกว่าอู่เชาต้องออกกำลังกายเยอะๆ ไม่อย่างนั้นต่อไปจะไม่สูงขึ้น ผู้หญิงก็จะดูถูกเขา
ทีแรกจี้เจี้ยนโปอยากจะพูดเรื่องตลกเพื่อให้ผ่อนคลายลง แต่อู่เจิ้งหงกลับไม่สนใจเขาเลยสักนิด น้ำเสียงยังกระแทกแดกดัน ทำให้จี้เจี้ยนโปพูดน้อยลง ไม่มีเรื่องอะไรเกี่ยวกับเขา
เดิมทีตี๋ชิวเยวี่ยนั่งกินอย่างเงียบๆ อยู่ข้างท่านผู้เฒ่าอู่ ตั้งแต่ไหนแต่ไรเธอพูดไม่ค่อยเก่ง แต่ตอนนี้อู่เจิ้งหงพูดถึงลูกชายเขา แน่นอนว่าเธอนั่งไม่ติด
ตี๋ชิวเยวี่ยกล่าวอย่างช้า ๆ “เจิ้งหงนี่ไปกินดินปืนที่ไหนมา? เสี่ยวเชาของฉันไปทำผิดอะไร เจิ้งหง ฉันจะบอกเธอเอาไว้ ฉันอบรมเสี่ยวเชาเป็นอย่างดีแน่นอน ถ้าไม่รู้แม้กระทั่งเด็กและผู้ใหญ่ ฉันคงต้องจัดการเขาจริงๆ!”
อู่เจิ้งหงไม่ใช่คนโง่เขลา แน่นอนว่าเธอฟังตี๋ชิวเยวี่ยออกว่า กำลังว่าเธอไม่รู้จักเด็ก ไม่รู้จักผู้ใหญ่ สักพักไฟแห่งความเดือดดาลก็พลุ่งพล่านขึ้นมา ความเดือดดาลของเธอกำลังจะปะทุ ท่านแม่เฒ่าพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจิ้งหงไปตักน้ำแกงกับแม่ในครัว!”
ท่านแม่เฒ่าหน้านิ่ง กำลังจะเดินเข้าไปในห้องครัว
เธอก็ด่าออกมา “วันนี้แกตั้งใจกลับบ้านมาก่อกวน? แกยังทำตัวเป็นอาได้อย่างไร เอะอะโวยวายเหมือนกับเด็กน้อย? แต่พี่สะใภ้ใหญ่ของแกไม่พูด ฉันจึงต้องด่าแก”
อู่เจิ้งหงเม้มปากด้วยความน้อยใจ นึกถึงเรื่องเศร้าใจ น้ำตาก็ไหลออกมาก่อนที่จะพูด เธอร้องไห้พลางพูด “แม่คะ หนูรู้สึกแย่… จี้เจี้ยนโปมีคนอื่น!”
อู่เหมยที่แกล้งไปตักข้าวมือสั่น เธอเกือบจะทำถ้วยตก จี้เหวินฮุ่ยเห็นพอดี แถมยังบอกอู่เจิ้งหงอีก แต่เรื่องแบบนี้อู่เจิ้งหงข่มความโกรธได้อย่างไร?
เมื่อก่อนแค่เหตุการณ์เล็กๆ น้อย เธอก็เสียงดังเอ็ดตะโรขึ้นมาแล้ว แต่ครั้งนี้มีหลักฐานจริงๆ เธอกลับนิ่งเงียบ ช่างน่าแปลกจริงๆ
เดิมทีท่านแม่เฒ่าที่อยู่ในครัวทำเป็นเหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น แต่พอได้ยินว่าจี้เหวินฮุ่ยเห็นกับตาตัวเอง ท่านแม่เฒ่าก็เชื่อโดยปริยาย เธอถามอู่เจิ้งหงคิดจะทำอย่างไร
“นังจิ้งจอกนั่น หนูจะต้องไปอาละวาดที่หน่วยงานของมัน ฉีกเสื้อผ้าของมัน แปะรูปโปสเตอร์ใหญ่ๆ ของมัน แล้วก็โกนหัวมัน ฮึ! หนูจะทำให้มันอับอายจนอยู่ในหน่วยงานต่อไปไม่ได้!”
อู่เจิ้งหงพูดด้วยความแค้นเคือง พร้อมกับใบหน้าที่ดูดุร้ายขึ้นจนดูน่ากลัวกว่าเดิมเป็นเท่าตัว
………………………………………………………………………………….