ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 321 ท่านแม่เฒ่าที่ใจดำอำมหิต + ตอนที่ 322 ประวัติความเป็นมาไม่เบา
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- ตอนที่ 321 ท่านแม่เฒ่าที่ใจดำอำมหิต + ตอนที่ 322 ประวัติความเป็นมาไม่เบา
ตอนที่ 321 ท่านแม่เฒ่าที่ใจดำอำมหิต
ท่านแม่เฒ่าก็สงสัยเหมือนกับอู่เหมย “ทำไมครั้งนี้แกทนไหว?”
อู่เจิ้งหงพูดเสียงอ่อย “หนูเป็นห่วงพี่รองน่ะสิ นี่ถ้าไม่มีเรื่องของพี่รองนะ เมื่อคืนนี้หนูคงได้ไปอาละวาดแล้ว แม่คะ หนูถามมาเรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้ช่วงบ่ายนังจิ้งจอกนั่นมีสอน พรุ่งนี้หนูจะเลิกงานเร็วหน่อย จะไปห้องเรียนเยาวชนอาละวาดให้หนักสักครั้ง ทำให้นังสารเลวที่ไร้ยางอายไม่กล้ามาหว่านเสน่ห์เจี้ยนโปอีก”
ท่านแม่เฒ่าทำเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่พอใจ และกล่าวอย่างแค้นเคือง “นังจิ้งจอกไม่ใช่คนดีอะไร ผู้ชายของแกก็ไม่ได้ดีอะไร ตบมือข้างเดียวมันไม่ดัง ตอนนั้นที่ไม่ยอมให้แกแต่งงานกับเจี้ยนโป แกก็ไม่ฟัง จะผูกคอตายเพราะจี้เจี้ยนโป คนเจ้าชู้นี้ให้ได้ แล้วแกจะโทษใครได้ล่ะ?”
อู่เจิ้งหงทำปากยื่น “ก็หนูเห็นว่าเขาหน้าตาดี มันแต่งกันไปแล้ว แม่จะมาพูดประชดประชันหนูตอนนี้มันจะมีความหมายอะไรล่ะ!”
ท่านแม่เฒ่าทำเสียงฮึดฮัด หน้าตาดีจะมีประโยชน์อะไร ผู้ชายยิ่งหน้าตาดียิ่งเจ้าชู้ ถ้าแกเชื่อฟังคำตักเตือนของผู้ใหญ่ ก็จะไม่ได้รับความเสียหาย แต่ตอนนี้เสียหายกันใหญ่แล้ว!
ถึงแม้จะโกรธอู่เจิ้งหงที่ไม่เชื่อฟัง แต่ท่านแม่เฒ่าก็ยังเป็นห่วงลูกสาวของตัวเอง จึงให้คำแนะนำแก่เธอ “พรุ่งนี้แกอย่าไปคนเดียว เอาเพื่อนสนิทไปด้วย ในเมื่อตั้งใจจะไปอาละวาดแล้ว ก็อาละวาดให้หนักสักหน่อย ยังไงแกก็เป็นฝ่ายถูก ไม่มีใครพูดอะไรได้สักคำ!”
อู่เจิ้งหงมีความกังวลเล็กน้อย “เจี้ยนโปเขาจะโกรธไหมแม่?”
ท่านแม่เฒ่าส่งเสียงฮึ พลางกล่าวอย่างเหยียดหยาม “นอกเสียจากว่าเขาไม่อยากได้ตำแหน่งรองศาสตราจารย์แล้ว หาไม่แล้วเขาก็คงไม่กล้าโวยวายหรอก”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ สีหน้าของท่านแม่เฒ่าก็ปรากฏความภูมิใจ เธอตั้งใจสั่งสอนลูกสาวว่า “แกคิดว่าทำไมแม่ถึงบอกให้พ่อกับพี่ชายของแกถ่วงเวลาไม่ช่วยประเมินการเป็นรองศาสตราจารย์ให้แก่จี้เจี้ยนโป ไม่ใช่เพื่อแกที่ไม่รู้สำนึกผิดชอบชั่วดีหรือไง ตอนนี้เป็นโอกาสเหมาะที่พวกเราจะใช้สิ่งนี้บีบเจี้ยนโปไว้ คิดว่าเขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้!”
ในเวลานี้อู่เจิ้งหงถึงได้เข้าใจความตั้งใจของท่านแม่เฒ่า เธอรู้สึกอับอาย เมื่อก่อนเธอยังบ่นว่าท่านแม่เฒ่าไม่ยอมช่วยเธออยู่เลย!
“คุณแม่คะ หนูเข้าใจแม่ผิดไป!” อู่เจิ้งหงพูดเสียงอ่อย
ท่านแม่เฒ่ามองเธอด้วยสายตาเหยียดแวบหนึ่ง พูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ต่อไปแกต้องใช้หัวคิดบ้าง เรียนรู้ให้มากๆ เหมือนพี่สะใภ้คนโตของแก ถ้าแกมีความสามารถได้ครึ่งหนึ่งของพี่สะใภ้คนโต ฉันก็ตายตาหลับแล้ว”
อู่เจิ้งหงมุ่ยปาก แม้ว่าในใจจะไม่ยอม ถึงอย่างไรก็ไม่มั่นใจที่โต้แย้งท่านแม่เฒ่าเหมือนเมื่อก่อน เธอไม่ได้โง่เขลา แม้ว่าแม่ของตัวเองมักจะรังเกียจตัวเธอเอง แต่ถึงเวลาสำคัญแม่ก็ยังคอยเป็นที่พึ่งพาเสมอ!
อู่เหมยฟังแล้ว รู้สึกแอบเป็นกังวล หรือว่าเฮ่อเหวินจิ้งจะหนีไม่พ้นเคราะห์ร้ายของชาติที่แล้วได้?
ไม่ได้ เธอต้องไปบอกเฮ่อเหวินจิ้ง
อู่เหมยรู้จักท่านแม่เฒ่าของตัวเองเป็นอย่างดี เดิมทีอู่เจิ้งหงคิดจะยั้งมือไว้ชีวิต แต่ท่านแม่เฒ่ากลับโหดเหี้ยมกว่า ดูเหมือนว่าเมื่อชาติที่แล้วก็เป็นความคิดของท่านแม่เฒ่า
เวลาปกติท่านแม่เฒ่าที่ทั้งหน้าตาอ่อนโยน จิตใจดีมีเมตตา กินเจ สวดมนต์ ดูไม่ออกเลยจริงๆ ว่าวิธีการของเธอ จะโหดเหี้ยมขนาดนี้ เหมือนนายหญิงในหอแดงที่ยังมีชีวิต!”
อู่เหมยกระแอมหนัก และก้าวเท้าเสียงดังขึ้น เสียงสนทนาในห้องครัวหยุดลงทันที อู่เหมยเข้าไปตักข้าวแล้วก็เดินออกมา
หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จ อู่เหมยขอลากลับกับทุกคน อู่เจิ้งต้าวไปส่งเธอที่บ้าน ระหว่างทางที่กลับเงียบเป็นปกติ เขาถามอู่เหมยเกี่ยวกับเรื่องเรียน และยังชมเธอหลายคำ ช่างน่าประหลาดใจนักที่ได้รับการโปรดปรานอย่างไม่คาดคิด!
ภายในบ้านว่างเปล่า เหอปี้อวิ๋นไม่อยู่บ้าน ก็ไม่รู้ว่าไปไหนแล้ว ทั้งเตาและหม้อ ถ้วยชามสะอาดสะอ้าน ดูเหมือนเธอไม่ได้กลับมาบ้าน อู่เหมยเดาว่าเธอน่าจะกลับไปบ้านตัวเองแล้ว
เกิดเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ เหอปี้อวิ๋นไม่กลับไปหาคนช่วยคิดหาทางสิถึงจะแปลก!
…………………………………………………………………………..
ตอนที่ 322 ประวัติความเป็นมาไม่เบา
อู่เหมยรู้ว่าเหอปี้อวิ๋นต้องกลับไปที่บ้านของตัวเองเพื่อปรึกษากับท่านแม่เฒ่า อู่เจิ้งซือถูกทุบหัวแตกเป็นรูใหญ่ ไม่แน่ว่าต้องเกลียดเหอปี้อวิ๋นมากๆ ถึงอู่เจิ้งซือไม่คิดบัญชีกับเธอ แต่ท่านแม่เฒ่าอู่ก็ให้อภัยเธอไม่ได้ เหอปี้อวิ๋นจะไม่กังวล ไม่หวาดกลัวได้หรือ?
ท่านแม่เฒ่าของตระกูลอู่ไม่ใช่คนดีอะไร ท่านแม่เฒ่าเหอก็ใช่ว่าจะหาเรื่องกันได้ง่ายๆ บทบาทและความร้ายกาจก็มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั้งใกล้และไกล หากจะพูดให้พอฟังได้สักหน่อยก็คืออารมณ์ร้าย ปากจัด แต่หากพูดตามจริงแล้วก็คือครอบครัวที่ตกอับดีๆ นี่เอง หากท่านแม่เฒ่าสองคนนี้สู้กัน ยังไม่รู้ว่าใครชนะ ใครแพ้!
อู่เหม่ยพอใจกับการพัฒนาของเรื่องนี้มาก เธอไม่เคยเพ้อฝันถึงเรื่องการหย่าร้าง อู่เจิ้งซือจะไม่หย่ากับเหอปี้อวิ๋นเด็ดขาด เขาเป็นครูต้นแบบประจำจังหวัด และเป็นสมาชิกพรรคที่ยอดเยี่ยมอีก เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รักชื่อเสียงของตัวเอง?
แต่สำหรับคนรุ่นหลังแล้ว การหย่าร้างเป็นเรื่องธรรมดาเหมือนกับการกินข้าว ปัจจุบันนี้หากใครหย่าร้างแล้ว คำซุบซิบนินทาของผู้คนก็ทำร้ายจิตใจคนให้ถึงตายได้ โดยเฉพาะตำแหน่งข้าราชการ เป็นไปได้อย่างมากที่จะส่งผลต่ออาชีพ แต่อู่เจิ้งซือไม่ได้โง่ขนาดนั้น!
แม้ว่าไม่หย่าร้าง หากต่อไปการใช้ชีวิตของเหอปี้อวิ๋นไม่ดีแล้ว ก็ต้องอยู่เงียบๆ อย่างอ่อนน้อม เอาหางจุกก้นไว้ก่อนแน่นอน ฮ่าฮ่า!
อู่เหมยรอคอยละครที่ยอดเยี่ยมในอนาคตเป็นอย่างมาก!
ฟ้ามืดลงแล้ว เหอปี้อวิ๋นยังคงไม่กลับบ้าน อู่เหมยรู้ว่าคืนนี้เธอคงไม่กลับบ้านแล้ว เธอกำลังจะขึ้นไปชั้นบนเพื่อบอกว่า คืนนี้เธอจะค้างที่บ้านของตัวเอง ไม่ไปนอนที่บ้านตระกูลสยง
บ้านสยงมู่มู่กำลังกินข้าวเย็น ไม่คิดว่าจะมีแขกที่เธอรู้จัก นั่นก็คือ เฮ่อเหวินจิ้ง
“เหมยเหมยกินข้าวมาหรือยัง? มากินอะไรสักหน่อยไหม? จ้าวอิงหนานทักทายอย่างอบอุ่น
อู่เหมยปฏิเสธด้วยรอยยิ้ม อาหารค่ำของตระกูลอู่มีมากมายเต็มโต๊ะ เธอกินข้าวไปสองชาม เธอกินจนอิ่มแปล้มาแล้ว
ประจวบเหมาะที่เฮ่อหวินจิ้งอยู่ที่นี่ พรุ่งนี้เธอจะได้ไม่ต้องไปที่ห้องเรียนเยาวชนอีกรอบ เธอไปดูทีวีก่อน รอให้พวกเจ้าอิงหนานกินข้าวเย็นเสร็จ ค่อยคุยเรื่องนี้เพียงลำพังกับเฮ่อเหวินจิ้ง เพราะถึงยังไงมันไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีอะไร
“พี่หนานคะ กำไลเงินที่มือของพี่สวยมากเลย ซื้อจากที่ไหนคะ?”
เฮ่อเหวินจิ้งสังเกตเห็นกำไลที่เปล่งประกายแวววับบนมือจ้าวอิงหนาน เธอรู้สึกสนใจมาก
กำไลเงินที่จ้าวอิงหนานใส่อยู่บนมือ ทั้งชุดนั้นอู่เหมยเป็นคนมอบให้เธอ เธอใส่มันทั้งสองวง แม้กระทั่งปิ่นปักผมก็สอดอยู่บนหัว ทั้งๆ ที่มองอย่างเดียวก็ดูธรรมดา แต่พออยู่สวมใส่บนร่างกายแล้ว รู้สึกว่าแตกต่างกันมาก ทำให้ดูสง่างาม
“เหมยเหมยแสดงความกตัญญูต่อฉันน่ะ” จ้าวอิงหนานชี้ไปที่อู่เหมยด้วยความภูมิใจ
เฮ่อเหวินจิ้งมองไปที่อู่เหมยอย่างประหลาดใจ เธอถาม “เหมยเหมยของพวกนี้ซื้อมาจากไหนเหรอ? ฉันก็จะไปซื้อมาใส่สักหนึ่งชุด
อู่เหมยหน้าแดงก่ำ
เธอรู้สึกเขินเล็กน้อย พูดอ้ำอึ้ง “หนูซื้อที่ถนนหนานสุ่ยค่ะ เป็นของไม่มีราคาอะไร แม่บุญธรรมก็ไม่รังเกียจมัน”
จ้าวอิงหนานหัวเราะอย่างเบิกบานใจ “กำไลสวยขนาดนี้ ฉันชอบมาก ไม่แน่กำไลนี้ องค์หญิงอาจเคยใส่ก็ได้นะ!”
อู่เหมยหลุดขำออกมา เธอรู้ว่าจ้าวอิงหนานกลัวว่าเธอทำตัวไม่ถูกถึงได้จงใจพูดอย่างนี้ จะมีองค์หญิงคนไหนที่ยากจนข้นแค้นจนต้องมาสวมเครื่องประดับเงินได้?
เฮ่อเหวินจิ้งที่กำลังพิจารณากำไลเงินอย่างพิถีพิถัน ขอให้จ้าวอิงหนานถอดกำไลเงินออกมาให้เธอดู และยังมีปิ่นปักผมอีก
เฮ่อเหวินจิ้งพลิกกำไลเงินกับปิ่นปักผมดูกลับไปกลับมา เหมือนกับดูของล้ำค่าอะไรอย่างนั้น พ่อสยงพูดล้อเล่น “รึว่ากำไลนี้จะมีองค์หญิงคนไหนเคยใส่จริง ๆ
เฮ่อเหวินจิ้งเห็นลายใบไม้สามใบเล็กๆ ที่อยู่ด้านในกำไล เธอก็ฉีกยิ้มมุมปาก หันไปยิ้มกับพ่อสยง “พี่พูดถูกจริงๆ ด้วย ประวัติความเป็นมาของเครื่องประดับเงินเหล่านี้ไม่เบา องค์หญิงกับผู้หญิงทั่วไปไม่สามารถครอบครองได้!”
อู่เหมยกับคนตระกูลสยงตกใจ กะพริบตาปริบๆ ถามพร้อมกัน “ประวัติความเป็นมาอะไร?”
…………………………………………………………………