ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 329 เหยียนซินหย่าเคยกลับมาตอนไหน + ตอนที่ 330 มีชีวิตอยู่หรือตายก็ไม่รู้
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- ตอนที่ 329 เหยียนซินหย่าเคยกลับมาตอนไหน + ตอนที่ 330 มีชีวิตอยู่หรือตายก็ไม่รู้
ตอนที่ 329 เหยียนซินหย่าเคยกลับมาตอนไหน
ท่านแม่เฒ่าเหอไม่เข้าใจความแค้นเคืองของเหอปี้อวิ๋นเป็นอย่างมาก เพียงแค่ผู้ชายนอนอยู่บนเตียงของเธอ ขอแค่เอาเงินกลับมาบ้านได้ทุกๆ เดือน ในใจเขาจะคิดถึงใครก็ช่างเขาเถอะ!
“แม่ว่าแกมันโง่ แกไม่ใช่ผู้หญิงที่อายุสิบเจ็ดสิบแปดแล้วนะ วันๆ คิดแต่เรื่องรักๆ ใคร่ๆ ทำไม? เวลานี้จริงจังกับเรื่องเก็บเงินเข้ากระเป๋าเถอะ”
ท่านแม่เฒ่าเหอก่นด่าไม่หยุด “ผู้ชายส่วนใหญ่เจ้าชู้ทั้งนั้น ไม่มีผู้ชายคนไหนไม่กะล่อนปลิ้นปล้อนหรอก เป็นผู้หญิงวัยกลางคนที่อายุสามสิบ สี่สิบปีแล้ว มีเงินในกระเป๋าสิถึงเป็นเรื่องสำคัญ ลูกสาวโง่เง่าคนนี้นี่ มองอะไรไม่ทะลุปรุโปร่งเลยจริงๆ!”
เหอปี้อวิ๋นรู้สึกน้อยใจที่สุด เธอร่ำไห้พลางกล่าว “เขาจะคิดถึงใครก็ได้ แต่จะคิดถึงเหยียนซินหย่าไม่ได้”
ตั้งแต่เล็กจนโต เหยียนซินหย่าเหนือกว่าเธอมาตลอด ตอนนี้เธอแต่งงาน มีลูกแล้ว นังสารเลวนั่นก็ยังมาแย่งสามีของเธอ เธอข่มความอัดอั้นตันใจนี้ไว้ไม่ไหว!
ท่านแม่เฒ่าเหอจะไปเข้าใจความแค้นในใจของเหอปี้อวิ๋นได้อย่างไร เธอเป็นผู้หญิงที่อยู่กับความเป็นจริงมากคนหนึ่ง ปฏิบัติกับสามีเช่นนี้ ปฏิบัติกับลูกชาย ลูกสาวยิ่งกว่านี้ เธอเห็นว่าในเวลานี้เหอปี้อวิ๋นยังดื้อดึง ไม่รู้จักพลิกแพลง เธอจึงรู้สึกโกรธและไม่พอใจ จึงได้ตบไปอีกฉาดหนึ่ง
“ลูกพี่ลูกน้องของแกขัดขวางแกเรื่องอะไร? ตอนนี้มันยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้ แกอย่าไปสนใจว่า ลูกเขยจะคิดถึงหรือไม่คิดถึงมันเถอะ!”
ในใจของเหอปี้อวิ๋นเริ่มคล้อยตาม จึงทนไม่ไหวเลยถามไปว่า “แม่คะ ช่วงไม่กี่ปีมานี้ ไม่ได้ข่าวเหยียนซินหย่าเลยเหรอ?”
ท่านแม่เฒ่าเหอทำเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่พอใจ พูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ใครจะไปรู้ว่าตอนนี้มันอยู่ที่ไหน ก็ไม่แน่ว่า อาจจะตายไปนานแล้ว ถ้าไม่ตาย ทำไมหลายปีมานี้ถึงไม่มีข่าวกลับมาเลย”
ท่านผู้เฒ่าเหอสีหน้าดูไม่สู้ดีนัก เขามองภรรยาเป็นการตักเตือน แต่ท่านแม่เฒ่าไม่กลัวเขา เงินของครอบครัวอยู่ในมือเธอ ถ้าไม่พอใจก็เลิกไป หรือพูดอีกอย่างก็คือ อย่างไรพ่อแม่ก็ไม่สำคัญเท่าเงิน!
เหอปี้อวิ๋นสงสัยนิดหน่อย จึงลองถามดู “ เหยียนซินหย่าแต่งงานไปอยู่เมืองหลวงแล้วไม่ใช่เหรอคะ ได้ยินว่าครอบครัวผู้ชายของเธอยังเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ จะมีชีวิตที่ไม่ดีได้อย่างไร?”
ท่านแม่เฒ่าแววตาเหยียดหยาม เธอกล่าว “เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่แล้วยังไง? บรรดาข้าราชการเหล่านั้นยิ่งตำแหน่งใหญ่โตยิ่งโชคร้าย หากมีชีวิตที่ดีจริง แล้วในปีนั้นทำไมถึงปล่อยให้มันท้องโตกลับมาคลอดลูกล่ะ ไม่มีใครมาอยู่เป็นเพื่อนเลยสักคน
เหอปี้อวิ๋นตกตะลึง “เหยียนซินหย่าเคยกลับมาเหรอคะ? กลับมาเมื่อไหร่? แล้วทำไมหนูถึงไม่รู้?”
หลังจากที่เหยียนซินหย่าแต่งงานไป เธอก็ไม่เคยเห็นนังสารเลวนั่นอีก ใครจะรู้ว่ามันยังกลับมาคลอดลูก?
ท่านแม่เฒ่ากล่าวอย่างไม่เห็นด้วย “ก็เป็นปีที่แกคลอดเหมยเหมย เหยียนซินหย่าท้องโตกลับมา แม่เห็นท่าทางไม่มีชีวิตชีวา ดูไม่ค่อยดี อีกอย่างไม่ว่าจะเป็นใส่เสื้อผ้าเก่าๆ หรือเสื้อผ้าที่เคยใส่สมัยสาวๆ ก็ซักจนซีดหมดแล้ว”
ท่านผู้เฒ่าเหอสีหน้าเปลี่ยนทันที และดุว่า “ผมบอกว่า ปีนั้นคุณไม่ยอมรับเลี้ยงซินหย่าเอาไว้ คุณรังเกียจที่เธอจน คุณ… คุณ… คุณมันภรรยาหัวสูง…”
ท่านแม่เฒ่าหัวเราะเยาะพลางกล่าว “ มันไม่มีเงินติดตัว ไม่มีตั๋ว ซ้ำยังท้องโต แล้วทำไมฉันต้องรับมันไว้? ตอนนั้นเงินเดือนของคุณเดือนหนึ่งมีสักเท่าไหร่กัน? เลี้ยงลูก เลี้ยงภรรยาก็ยังจะไม่รอด คุณยังคิดจะช่วยเหลือคนอื่นอีกเหรอ?”
ท่าทีที่สุภาพของท่านผู้เฒ่าสิ้นสุดลงทันที กล่าวเสียงดัง “ แต่ซินหย่าเป็นหลานสาวของผม และพ่อแม่ของซินหย่าก็ไม่ได้เย็นชากับครอบครัวเรา คุณมันจิตใจโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!”
ท่านแม่เฒ่ามองตาเฒ่าอย่างเหยียดหยาม เธอพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ตอนนี้คุณอย่ามาพูดจาไร้สาระเลย ตอนนั้นคุณไม่ได้พูดอะไรเลย ก็เพราะกลัวว่าซินหย่าจะทำให้คุณเดือดร้อน คุณเป็นลุงแท้ๆ ก็ยังใจร้าย แต่ฉันเป็นแค่ป้าสะใภ้ ถ้าใจร้ายแล้วจะเป็นไรไป!”
ท่านผู้เฒ่าเหอโดนภรรยาพูดแทงใจ ใบหน้าแก่ๆ ของเขาเก็บอาการไว้ไม่อยู่ จึงสะบัดหน้าหนีอย่างไม่พอใจ รู้สึกไม่สบายใจ ตกลงว่าหลานสาวของเขาตอนนี้มีชีวิตอยู่หรือไม่ก็ยังไม่รู้ เขารู้สึกผิดกับน้องสาวและน้องเขยมาก!
……………………………………………………………………
ตอนที่ 330 มีชีวิตอยู่หรือตายก็ไม่รู้
เหอปี้อวิ๋นไม่สนใจเรื่องในอดีตที่ไม่สลักสำคัญแม้แต่น้อย เธอสนใจแค่ว่าเหยียนซินหย่ามีชีวิตดีหรือไม่ หรือยังมีชีวิตอยู่ หรือว่าตายไปแล้ว?
“แม่อย่าพูดนอกเรื่อง รีบเล่าเรื่องเหยียนซินหย่าคลอดลูกมาเลยนะ มันคลอดเมื่อไหร่ คลอดอะไรออกมา?”
พอได้ยินข่าวการตายของศัตรู เหอปี้อวิ๋นก็ลืมเรื่องทุกข์ใจของตัวเองชั่วครู่หนึ่ง เธอดูตื่นเต้นใจ และคึกคักมีชีวิตชีวา
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่ามันคลอดเพศอะไร หลังจากออกจากบ้านเราไป ฉันก็ไม่เคยเห็นมันอีกเลย ท้องแปดเดือนแต่เล็กกว่าแกที่ท้องห้าเดือนเสียอีก ฉันประเมินแล้วว่าคลอดออกมาไม่ได้ ถึงแม้คลอดออกมาก็ยังช้ากว่าแกหนึ่งเดือน
ท่านแม่เฒ่านึกขึ้นได้ว่าปีนั้นหลานสาวที่รูปร่างผอมบางคนนั้น ดูแล้วไม่เหมือนกับคนท้องโตสักนิด เธอเดินออกจากบ้านอย่างแข็งกร้าว แม้กระทั่งน้ำลายก็ไม่ได้กลืน ก็ไม่รู้ว่าเดินไปไหน?”
เฮ้อ!
ท่านแม่เฒ่าถอนหายใจหนัก เธอก็รู้สึกไม่สบายใจ แต่ถ้าย้อนเวลาได้ เธอก็ยังจะไล่เหยียนซินหย่าไปอยู่ดี
เธอไม่กล้ารับเด็กที่ถูกกลุ่มคนห้าประเภทในการปฏิวัติวัฒนธรรมโค่นล้มลงมาเลี้ยงดู ถ้าหากทำให้เธอกับลูกชายเดือดร้อนจะทำอย่างไร? จะว่าไปแล้วตอนนั้นที่บ้านก็ยากจนจริงๆ ข้าวสามมื้อต่อวันก็มีแค่โจ๊ก และยิ่งสำหรับเหยียนซินหย่าที่ยากไร้แล้ว เธอก็อาจทำตัวเป็นพระโพธิสัตว์กวนอิมด้วย เธอไม่ได้มีจิตใจแม่พระขนาดนั้น
“งั้นหลังจากนั้นเหยียนซินหย่าก็ไม่เคยกลับมาบ้านเราเหรอ? เหอปี้อวิ๋นถาม
ท่านแม่เฒ่าส่ายหน้า “ไม่เคยกลับมา ยังไงซะหลังจากนั้นแม่ก็ไม่เคยเห็นมันอีกเลย!
ท่านผู้เฒ่าสีหน้าแปลกๆ เล็กน้อย เขาถือโอกาสลุกขึ้นและเดินไปที่ลานบ้าน ท่านแม่เฒ่ากับเหอปี้อวิ๋นไม่ได้สังเกต เพราะมัวแต่คุยกันอยู่
เหอปี้อวิ๋นก็อารมณ์ดีขึ้นอย่างแปลกประหลาด แม้ว่านังสารเลวนั่นยังไม่ตาย แต่ก็ไม่ได้มีชีวิตที่ดีแน่นอน ไม่เช่นนั้นแล้ว หลายปีแล้วทำไมไม่กลับมา?
ก็ไม่รู้ว่าซั่งกวาน เขาเป็นยังไงบ้าง?
มีใบหน้าหล่อเหลาแวบขึ้นมาในหัว เหอปีอวิ๋นรู้สึกสับสนมาก เธอรู้สึกมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นเล็กน้อย เหยียนซินหย่ามีชีวิตที่แย่ มันอธิบายได้ว่าซั่งกวานก็มีชีวิตที่แย่เช่นกัน ไม่เช่นนั้นแล้วแม้แต่ภรรยาก็ปกป้องไม่ได้
แต่เธอก็รักผู้ชายคนนั้นอยู่เล็กน้อย ไม่คาดหวังให้เขาใช้ชีวิตที่ยากจนข้นแค้น อันที่จริงเขาเป็นผู้ชายที่เธอเคยรัก และยังคงคิดถึงในตอนนี้!
ท่านแม่เฒ่าสอนลูกสาวปากเปียกปากแฉะด้วยความหวังดี “แกหัดใช้สมองคิดให้ไวและคิดให้ดี พรุ่งนี้ก็กลับไปคุกเข่าก้มหน้ายอมรับผิดกับอู่เจิ้งซือและพ่อแม่ของเขา ขอเพียงแค่แกแสดงท่าทียอมรับผิดออกมาก่อน พ่อแม่ของเขาและอู่เจิ้งซือก็จะไม่หย่ากับแก”
เหอปี้อวิ๋นในใจกลับไม่แน่ใจ พูดอย่างหงุดหงิดใจ “ทำแบบนี้ได้ผลเหรอ? ตอนนี้เหล่าอู่เขาเกลียดหนูมากเพราะไม่ใช่แค่เรื่องทุบหัวเท่านั้น ยังมีเหมยเหมย ยายตัวดีอีกน่ะสิ!”
ท่านแม่เฒ่าฟังไม่เข้าใจ เหอปี้อวิ๋นจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในบ้านช่วงนี้ให้ฟัง รวมถึงเรื่องอู่เยวี่ยมีกลิ่นตัว ยังมีเรื่องผลการเรียนแย่ลง และการเปลี่ยนแปลงของอู่เหมย แต่เรื่องปัญหาสภาพจิตใจของอู่เยวี่ยเธอกลับไม่พูด เพราะตั้งแต่ต้นจนจบเธอไม่เชื่อว่าลูกสาวสุดที่รักจะมีปัญหาทางจิต
แต่ในขณะที่เหอปี้อวิ๋นคิคว่าเป็นเรื่องใหญ่ สำหรับท่านแม่เฒ่าแล้วมันเป็นเรื่องเล็กนิดเดียว เธอไม่ชอบหลานสาวทั้งสองคน หลานสาวของลูกสาวจะเหมือนหลานสาวของลูกชายได้อย่างไร แต่ดูจากใบหน้าของเหอปิ้อวิ๋นแล้ว เธอดีกับอู่เยวี่ยนิดหน่อย แต่อู่เหมยไม่อยู่ในสายตาเลยสักนิด
ที่ท่านแม่เฒ่าเป็นกังวลยิ่งกว่าก็ยังคงเป็นเงินเดือนของอู่เจิ้งซือ พอได้ยินว่าอู่เจิ้งซือริบเงินเดือนกลับคืนไปหมด เธอเจ็บปวดจนซูดปาก!
อู่เจิ้งซือเอาเงินเดือนคืนไปแล้ว ต่อไปเหอปี้อวิ๋นก็จะไม่มีเงินเหลือกลับมาที่บ้าน ไม่มีความเกี่ยวข้องทางผลประโยชน์กับเธออีก เธอจะไม่ปวดใจได้หรือ?
ท่านแม่เฒ่าคอยดึงหูกระซิบกระซาบสั่งสอนเหอปี้อวิ๋น อบรมสั่งสอนเธอตลอดทั้งคืน ให้เหอปี้อวิ๋นต่อจากนี้ถ่อมเนื้อถ่อมตัว การไว้เกียรติและหน้าตาเป็นแค่เรื่องไร้สาระ!
มีเงินเข้ามาอยู่ในกระเป๋าต่างหาก คือสิ่งที่ถูกต้อง!
“อู่เจิ้งซือชอบเหมยเหมย แล้วมันไปขัดขวางอะไรแก? แกยังรักลำเอียงเยวี่ยเยวี่ย ฉันก็แปลกใจนะ เหมยเหมยก็แกเป็นคนคลอด ตัวแกเองไม่ชอบอู่เหมยก็แล้วกันไป ทำไมยังต้องกีดกันไม่ให้อู่เจิ้งซือรักลูกสาวด้วย?”
แต่ท่านแม่เฒ่าก็ไม่รู้สึกหงุดหงิดใจ เพราะเหอปี้อวิ๋นก็ไม่ชอบหลานสาวคนเล็กมาตั้งแต่ยังเล็กๆ และเธอเองก็ขี้เกียจจะถาม อย่างไรเสียไม่ใช่หลานของเธอ แต่ตอนนี้มีผลกระทบต่อกระเป๋าเงินของเธอแล้ว เธอก็ต้องเกี่ยวข้องโดยปริยาย
………………………………………………………………………….