ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 331 ท่านแม่เฒ่าที่ฉลาดหลักแหลม + ตอนที่ 332 ความเปลี่ยนแปลงของเหอปี้อวิ๋น
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- ตอนที่ 331 ท่านแม่เฒ่าที่ฉลาดหลักแหลม + ตอนที่ 332 ความเปลี่ยนแปลงของเหอปี้อวิ๋น
ตอนที่ 331 ท่านแม่เฒ่าที่ฉลาดหลักแหลม
เหอปี้อวิ๋นบอกสาเหตุที่เธอไม่รักอู่เหมยต่อหน้าแม่ของตัวเองโดยไม่ปิดบัง
“เพราะคลอดยายตัวดี หนูเลยมีลูกชายไม่ได้ แล้วยายตัวดียังหน้าตาคล้ายกับเหยียนซินหย่าอีก ไม่เหมือนกับออกมาจากท้องหนูเลยสักนิด!”
เหอปี้อวิ๋นรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รับความยุติธรรมอย่างมาก ลูกที่คลอดออกมาอย่างทุกข์ทรมานกลับไม่เหมือนตัวเอง แต่กลับเหมือนนังสารเลวนั่น ทุกครั้งที่มองก็เหมือนกับมีมีดมาทิ่มแทงอกตัวเอง จะทำให้เธอรักได้อย่างไร?
ท่านแม่เฒ่าคิดไม่ถึงว่ายังมีสาเหตุนี้อีก เธอเจอหน้าอู่เหมยน้อยครั้งมาก เวลาที่ได้เจอหน้ากันไม่กี่ครั้ง อู่เหมยล้วนทำผมปรกหน้าไว้ ดูไม่ออกสักนิดว่าหน้าตาเป็นอย่างไร?
ตอนนี้ฟังเหอปี้อวิ๋นพูด หลานสาวคนเล็กหน้าตาไม่ขี้เหร่ ยังค่อนข้าวสวยทีเดียว เหยียนซินหย่าก็เป็นคนสวยครบทุกด้าน ลักษณะหน้าตาคงไม่ต่างกับเหยียนซินหยาเท่าไหร่ ท่านแม่เฒ่ากลับมีแนวคิดที่ต่างกับเหอปี้อวิ๋นโดยสิ้นเชิง
“เหมยเหมยหน้าตาเหมือนลูกพี่ลูกน้องแปลกตรงไหน? แกกับซินหย่าไม่ถูกคอกัน ทำไมต้องพาลไปลงที่ลูกด้วย? เหมยเหมยเจอแม่อย่างแกช่างโชคร้ายเสียจริง ไม่แปลกใจเลยที่เธอต้องเป็นปฏิปักษ์กับแก!”
ท่านแม่เฒ่าพูดอย่างยุติธรรมแทนอู่เหมย เธอรับไม่ได้กับลูกสาวที่โง่เขลาเบาปัญญาจริงๆ แต่เธอก็ยังอบรมสั่งสอนเหอปี้อวิ๋นด้วยความอดทน
“ลูกสาวพอโตแล้ว จะช้าจะเร็วก็ต้องไปอยู่ครอบครัวอื่น ตอนนี้แกปฏิบัติกับเธอดี ในอนาคตเธอก็จะยังจดจำแม่ได้ ตอนนี้แกปฏิบัติกับเธอไม่ดี อนาคตข้างหน้ารอให้เหมยเหมยตำแหน่งหน้าที่การงานขึ้นพรวดพราด เธอจะยังจำแกคนนี้ที่เป็นแม่ได้ไหม?”
เหอปี้อวิ๋นกล่าวอย่างเอือมระอา “แม่ อย่าพูดเล่นสิคะ ยายตัวดีนั่นยังคิดจะมีหน้าที่การงานขึ้นพรวดพราดอีกเหรอ? หนูไม่มั่นใจเหมือนแม่หรอกนะ ตอนนี้หนูให้เยวี่ยเยวี่ยรักษาหน้าไว้อยู่ค่ะ!”
ท่านแม่เฒ่าเบ้ปาก หลานสาวสองคน ในอนาคตยังไม่แน่ว่าคนไหนจะมีอนาคตกว่า!
“แกก็อย่าเอาแต่เดิมพันทั้งหมดชีวิตไว้กับเยวี่ยเยวี่ย จากที่แม่มองนะ อนาคตเหมยเหมยก็คงไม่ต่างกับเยวี่ยเยวี่ย แกบอกเองไม่ใช่เหรอว่าเหมยเหมยหน้าตาเหมือนซินหย่า? รูปร่างหน้าตาต้องดีแน่นอน เธอรูปร่างหน้าตาแบบนี้ ยังไงต่อไปต้องได้แต่งงานกับคนดีๆ ไม่แน่อาจจะได้แต่งงานกับข้าราชการก็ได้นะ แกก็จะได้เป็นแม่ยายของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ไงล่ะ!”
ท่านแม่เฒ่าวิเคราะห์อย่างละเอียด บอกให้ต่อไปเหอปี้อวิ๋นต้องปฏิบัติกับอู่เหมยดีๆ ที่จริงแล้วท่านแม่เฒ่าก็เห็นแก่ตัวไม่น้อย ลูกๆ ที่บ้านไม่มุมานะเท่าไหร่ ก็มีเหอปี้อวิ๋นที่ได้แต่งงานดีหน่อย
ตอนนี้ดูเหมือนว่า ลูกสาวสองคนที่เหอปี้อวิ๋นคลอดออกมานั้นล้วนพัฒนาไปในทางที่ดี ต่อไปถ้าแต่งงาน คงจะไม่แย่มาก เธอไม่ค่อยห่วงเยวี่ยเยวี่ย เพราะลูกคนนี้เชื่อฟังเธอ อย่างไรก็ต้องกตัญญูต่อเหอปี้อวิ๋น และต่อไปเธอสามารถพึ่งใบบุญเยวี่ยเยวี่ยได้แน่นอน
ทว่า สำหรับอู่เหมยแล้วไม่แน่ ยิ่งดูจากท่าทีของเหอปี้อวิ๋นที่ปฏิบัติกับอู่เหมยตอนนี้แล้ว ต่อไปเมื่อลูกสาวคนนี้โตขึ้นถ้าไม่เกลียดคนเป็นแม่สิถึงจะแปลก แล้วเธอจะพึ่งใบบุญได้อย่างไร?
หลานสาวสองคน จริงๆ แล้วเธอแอบเอนเอียงใจให้อู่เหมยไม่น้อย ผู้หญิงจะทำดีแค่ไหนก็ไม่สู้มีชีวิตการแต่งงานที่ดี อยากมีชีวิตการแต่งงานที่ดีก็ต้องมีรูปร่างหน้าตาดี และอู่เหมยก็มีครบถ้วนทุกอย่าง
ท่านแม่เฒ่าก็ได้แต่ชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูดเท่านั้น เธอพูดจนคอแห้ง เหอปิ้อวิ๋นก็ไม่ขยับสักนิด พูดเพียงว่าต่อไปจะค่อยดูและจัดการ
เหอปี้อวิ๋นเข้าใจเหตุผล แต่เธอไม่สามารถรักอู่เหมยได้ แค่เห็นก็โมโหขึ้นมาแล้ว จะบอกให้เธอรักได้อย่างไร!
ท่านแม่เฒ่าก็โมโหขึ้นมา เธอด่าด้วยความฉุนเฉียว “ถึงเวลานั้นแล้วแกจะเสียใจ!”
เหอปี้อวิ๋นยืดคอพลางพูดปากแข็ง “ต่อไปถ้ามันกล้าอกตัญญูหนู หนูก็จะไปอาละวาดที่ทำงานของมัน ทำให้มันขายขี้หน้าเหมือนกัน!”
ท่านแม่เฒ่าทำเสียงขึ้นจมูกไม่พอใจ และขี้เกียจจะพูดแล้ว ถึงอย่างไรในอนาคตคนที่เสียหายก็คือตัวเหอปี้อวิ๋นเอง เธออายุมากแล้ว ไม่สามารถจัดการได้มากมายขนาดนั้นหรอก!
……………………………………………………………………….
ตอนที่ 332 ความเปลี่ยนแปลงของเหอปี้อวิ๋น
เหอปี้อวิ๋นค้างที่บ้านตัวเองหนึ่งคืน เธอตื่นแต่เช้าในวันรุ่งขึ้นเพื่อขึ้นรถรอบเช้าไปทำงาน ท่านแม่เฒ่ากำชับกับเธอ บอกให้เหอปี้อวิ๋นทำตามที่เธอแนะนำ ต้องทำทีให้อู่เจิ้งซือเชื่อจนไม่ถือโทษโกรธเคืองให้ได้
“ถ้าเหล่าอู่ต้องการจะหย่าขาดกับหนูจะทำยังไง?” เหอปี้อวิ๋นยังรู้สึกร้อนอกร้อนใจเล็กน้อย
ท่านแม่เฒ่าจ้องเธอเขม็ง พูดตวาด “อู่เจิ้งซือเป็นครูต้นแบบประจำอำเภอ และยังเป็นสมาชิกพรรคที่ยอดเยี่ยม เขากลัวการหย่าร้างยิ่งกว่าแก ขอเพียงแค่แกตั้งใจเปลี่ยนแปลง วางตัวดีๆ หน่อย อู่เจิ้งซือต้องใช้ชีวิตตามเดิมกับแกแน่นอน”
เธอเบนหัวข้อสนทนา และกล่าวว่า “แต่ว่า ถ้าแกอยากให้อู่เจิ้งซือใช้ชีวิตอย่างสงบกับแก ต่อไปแกต้องปรับปรุงนิสัย ผู้ชายชอบผู้หญิงที่อ่อนน้อมถ่อมตน ไม่มีผู้ชายคนไหนชอบเสือตัวเมียที่เอาแท่นทับกระดาษทุบหัวหรอก!”
เหอปี้อวิ๋นเบ้ปาก ไม่กล้าพูดความคิดที่อยู่ในใจออกมา แต่เธอไม่ใช่เสือตัวเมีย แม่ของตัวเองต่างหากถึงจะเป็นเสือตัวเมีย!
ท่านแม่เฒ่าอ่านคำพูดที่อยู่ในใจเธอออก เธอฮึดฮัด “พวกแกสองคนพี่น้อง ไม่มีคนไหนที่มีอนาคตเลย ยอมให้ผู้ชายจัดการจนว่านอนสอนง่าย แม้แต่ครึ่งหนึ่งของความสามารถของแม่ก็ไม่ได้เรียนรู้มาเลย”
ก่อนที่เหอปี้อวิ๋นจะขึ้นรถ ท่านแม่เฒ่าอดไม่ได้ก็เตือนอีก “ต่อไปถึงแม้จะเป็นการเล่นละครตบตา แกก็ต้องปฏิบัติกับยายตัวดีให้ดีสักหน่อย อย่าทำเหมือนลูกสาวเป็นศัตรูคู่อาฆาตตลอดทั้งวัน!”
แม้ว่าแม่เฒ่าเหอในใจยิ่งให้ความสำคัญกับลูกชาย แต่ก็ยังเป็นห่วงลูกสาว ไม่อยากให้ต่อไปเหอปี้อวิ๋นแก่ตัวไปแล้วจะเสียใจภายหลัง
เพียงแต่ว่าเหอปี้อวิ๋นกลับไม่เข้าใจเจตนาอันดีของท่านแม่เฒ่า แม้ใบหน้าจะรับปาก แต่ในใจกลับไม่ได้สนใจ เธอยังคิดว่าต่อไปจะจัดการสะสางกับอู่เหมยอย่างไรดี!
ตอนค่ำอู่เหมยเลิกเรียนก็ไปที่บ้านท่านผู้เฒ่าอู่ อู่เจิ้งซือดูสดใสขึ้นมาเล็กน้อย ไม่เหมือนเมื่อวานที่ดูท่าทางตายมิตายแหล่
ตอนกินข้าวเย็นอู่เจิ้งต้าวกับอู่เจิ้งหง ทั้งสองครอบครัวก็มาที่บ้านนี้ ขาดแต่พี่น้องจี้เหวินฮุ่ยที่ไม่มา อู่เหมยพินิจพิเคราะห์อู่เจิ้งหงอย่างละเอียด ก็ไม่รู้ว่าวันนี้เธอได้ไปห้องเรียนเยาวชนหรือไม่?
อู่เจิ้งหงสีหน้าไม่ค่อยดีนัก ดูแล้วอารมณ์ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ จี้เจี้ยนโปก็เช่นกัน ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ใบหน้าที่หล่อเหลามีความกลัดกลุ้ม
เหอปี้อวิ๋นมาตั้งนานแล้ว พอมาถึงก็เข้าไปในครัวช่วยท่านแม่เฒ่าอู่ทำกับข้าว เธอพูดจาปากหวาน น่าฟัง เรียกแม่ทุกคำ
ยื่นมือช่วยแต่ใบหน้าไม่ยิ้มแย้ม แม้ว่าท่านแม่เฒ่าไม่ต้อนรับเหอปี้อวิ๋น แต่ก็ไม่สามารถไล่ออกไปได้ จึงต้องยอมให้เธออยู่ช่วยงานในครัว
ก็ไม่รู้ว่าเหอปี้อวิ๋นพูดอะไรกับท่านแม่เฒ่าอู่ ทำกับข้าวหนึ่งมื้อ สีหน้าของแม่เฒ่ากลับดูดีขึ้นมาก ท่าทีที่เย็นชากลับกลายเป็นอ่อนลง แม้ว่ายังเย็นชาอยู่ แต่ก็ไม่ถึงกับเฉยชา
ตอนที่กินข้าวเหอปี้อวิ๋นเข้าไปนั่งข้างอู่เจิ้งซือและคีบกับข้าวให้เขา มีความเอาใจใส่มาก อู่เจิ้งซือท่าทางเฉยชา ไม่กินกับข้าวที่เหอปี้อวิ๋นคีบ อย่าได้พูดถึงเลยว่าเขาจะสนใจคนข้างๆ สักนิด
แม้จะเลิกคิดเรื่องหย่าร้าง แต่อู่เจิ้งซือไม่อยากให้อภัยเหอปี้อวิ๋นเร็วเกินไป เพียงแค่เขานึกถึงวันนั้น ที่เหอปี้อวิ๋นไม่ยอมเรียกให้คนมาช่วยชีวิตเขา ในใจอู่เจิ้งซือก็รู้สึกเหมือนกับกินแมลงวัน น่าขยะแขยงที่สุด
เหอปี้อวิ๋นก็ไม่ได้สนใจท่าทีของอู่เจิ้งซือ แค่ทำเป็นมองไม่เห็น และทำหน้ายิ้มแย้มต่อไป ดูเหมือนเธอจะเชื่อฟังคำพูดของท่านแม่เฒ่าเหอ แต่ก็ยังคงปฏิบัติกับอู่เหมยเหมือนเดิม ไม่แม้แต่จะมอง
ที่อู่เหมยรู้สึกแปลกใจคืออู่เจิ้งหง ถ้าเปลี่ยนเป็นเวลาปกติ อาของเธอคนนี้ คงจะพูดจาประชดประชันนานแล้ว ไม่นึกเลยว่าวันนี้กินข้าวอย่างเงียบๆ ไม่พูดอะไรสักคำ นิสัยไม่เหมือนเมื่อก่อนสักนิดเดียว
จี้เจี้ยนโปมองอู่เจิ้งหง แล้วเขาก็สูดหายใจลึก ในที่สุดก็ตัดสินใจแน่วแน่
“คุณพ่อ คุณแม่ครับ ผมมีเรื่องจะแจ้งให้ทราบ”
…………………………………………………………………………….