ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 341 การแข่งขันเริ่มขึ้นแล้ว + ตอนที่ 342 ต้องได้รางวัลแน่นอน
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- ตอนที่ 341 การแข่งขันเริ่มขึ้นแล้ว + ตอนที่ 342 ต้องได้รางวัลแน่นอน
ตอนที่ 341 การแข่งขันเริ่มขึ้นแล้ว
อู่เจิ้งซือกลับมาที่บ้านแล้ว แน่นอนว่าอู่เยวี่ยจะอยู่ที่บ้านของคุณปู่ต่อไม่ได้ จึงจำต้องกลับบ้านมาด้วย ภายในบ้านยังคงเป็นปกติอย่างเช่นเคย แต่ก็มีบางอย่างที่ดูไม่ปกติ
ระหว่างอู่เจิ้งซือกับเหอปี้อวิ๋นไม่มีความรู้สึกดีๆ ต่อกัน และเขายังเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง เหอปี้อวิ๋นเองก็มักจะยิ้มให้อู่เจิ้งซืออยู่เสมอ แต่กลับเป็นอู่เจิ้งซือเองที่ไม่สนใจไยดีต่อเธอเลย เงินเดือนก็ถือว่าเขาเป็นคนหักเอง ค่าใช้จ่ายรายเดือนของทุกเดือนเขาจะจ่ายให้เธอเพียงแค่สี่สิบหยวน
แม้บรรยากาศในบ้านจะดูแปลกไป แต่อู่เหมยกลับรู้สึกดีที่เป็นแบบนั้น ดีเสียอีกที่ทุกวันนี้อู่เจิ้งซือทะเลาะกับเหอปี้อวิ๋น แค่หวังว่าจะยื้อเวลาไปได้อีกสักพัก เพราะเหอปี้อวิ๋นน่าโมโห
เวลาค่อยๆ ผ่านไปในแต่ละวันคืน นอกจากอู่เหมยจะได้เรียนเต้นรำเพิ่มแล้ว เธอยังใจจดใจจ่อต่อการเรียนวาดรูปมากขึ้นอีกด้วย การแข่งขันวาดรูปของเด็กและเยาวชนประจำเมืองซึ่งจะจัดขึ้นก่อนการแสดงของงานวันขึ้นปีใหม่ และนั่นก็ถือเป็นการแสดงเนื่องในวันขึ้นปีใหม่ด้วย สิ่งสำคัญสำหรับเธอคือการแข่งขัน แต่การเต้นรำเป็นเพียงแค่ตัวช่วยอย่างหนึ่งสำหรับเธอก็เท่านั้น
การแข่งขันในครั้งนี้เป็นการวาดรูปจริงบนเวที เพราะฉะนั้นการแสดงออกถึงความสามารถในสถานการณ์จริงถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ครูเฮ่อให้อู่เหมยฝึกที่บ้านให้มากขึ้น โดยใช้วิธีการวาดที่เป็นเอกลักษณ์ของเธอเอง และเธอเชื่อว่าอู่เหมยจะสามารถแสดงฝีมือการวาดรูปออกมาได้เต็มที่ต่อหน้าคนจำนวนมากแน่นอน
เวลาผ่านไปเร็วมากจนตอนนี้ใกล้ถึงช่วงกลางเดือนธันวาคมแล้ว การแข่งขันวาดรูปของเด็กและเยาวชนของเมืองจินจัดขึ้นที่ห้องเรียนเยาวชน ทั้งครอบครัวของจ้าวอิงหนานก็ได้มาให้กำลังใจอู่เหมย และยังมีเหยียนหมิงซุ่น เขาเองก็แอบมาให้กำลังใจอยู่เงียบๆ ไม่ได้ไปอยู่รวมกับครอบครัวของสยงมู่มู่
การแข่งขันจะจัดแข่งภายในห้องเรียน แต่ด้านนอกกลับเต็มไปด้วยบรรดาผู้ปกครอง พวกเขาดูจะตื่นเต้นยิ่งกว่าเด็กๆ ที่เข้าแข่งขันเสียอีก คอยทอดสายตามองเข้าไปด้านในตลอดเวลา และหวังอยากจะรู้ผลการแข่งขันของเด็กๆ โดยเร็ว
ก่อนการแข่งขันจะเริ่มขึ้น เหยียนหมิงซุ่นได้ไปเจอกับอู่เหมยมาก่อน เขาได้ยัดลูกกวาดเข้าไปในปากของอู่เหมย ซึ่งกลิ่นหอมๆ ของลูกกวาดรสนมถั่วลิสงได้หอมเข้าไปถึงโพรงจมูก ในชั่วพริบตาก็สามารถทำให้จิตใจที่ร้อนรนของอู่เหมยสงบและใจเย็นลงได้
“อย่าใส่ใจถึงผลของการแข่งขันเกินไป เหมยเหมยแค่เธอทำให้เต็มที่ก็พอแล้ว อย่างมากในปีหน้าก็ค่อยบอกกับครูอู่เรื่องวาดรูป” เหยียนหมิงซุ่นพูดออกมานิ่งๆ
คำพูดในครึ่งแรกของประโยคฟังดูแล้วช่างดูอบอุ่น แต่ครึ่งหลังของประโยคกลับทำให้อู่เหมยรู้สึกกังวล หากจะต้องแอบหลบๆ ซ่อนๆ ไปอีกตั้งหนึ่งปี นั่นทำให้เธอรู้สึกอึดอัดเป็นที่สุด อู่เหมยเถียงกลับไปโดยไม่คิด “ไม่ได้ ยังไงปีนี้ฉันจะต้องบอกเรื่องนี้ให้ได้ ฉันจะต้องได้รางวัล!”
“ถ้าอย่างนั้นก็ตั้งใจวาดล่ะ เหมยเหมยหากว่าเธอได้รางวัลที่ดี ฉันจะพาเธอไปหาของมีค่าในที่ที่น่าสนใจและสนุกกว่าเดิม” ในดวงตาของเหยียนหมิงซุ่นสื่อด้วยรอยยิ้ม แม้วิธีการที่เขาใช้จะดูเก่าและโบราณไปบ้าง แต่ผลลัพธ์กลับดีราวกับใช้มาเป็นเวลานาน
ในตาของอู่เหมยลุกวาวเป็นประกาย ในเมืองจินนอกจากตลาดหนานสุ่ยแล้วยังมีที่อื่นให้หาของอีกเหรอ?
ครั้งนี้เธอจะหาของมีค่ามาให้กับฉิวฉิว เหยียนหมิงซุ่นเป็นเหมือนคนที่ยื่นหมอนมาให้ในช่วงที่เธอสัปหงกง่วงนอน และเขาก็เข้ามาได้ทันท่วงทีมาก ต่อให้ไม่ได้ทำเพื่อตัวเธอเอง แต่หากเพื่อฉิวฉิวละก็ เธอจะต้องได้รางวัล
“ค่ะ พี่หมิงซุ่นรอฟังข่าวดีจากฉันได้เลย!”
เมื่ออู่เหมยได้พูดคำพูดที่มั่นใจและหนักแน่นออกไปแล้ว เธอจึงเดินสะบัดผมหางม้าที่ถูกถักเปียไว้ เดินเข้าห้องเรียนไปอย่างสง่าผ่าเผย และพร้อมด้วยความมั่นใจ
ตรงระเบียงเต็มไปด้วยผู้คนมากมายซึ่งล้วนแต่เป็นผู้ปกครอง แม้ว่าเหยียนหมิงซุ่นจะมีร่างกายกำยำสูงใหญ่ แต่เขาก็ไม่สามารถเบียดเสียดเข้าไปได้ เขาจึงตัดสินใจหันหลังกลับและเดินไปยังหลังห้องเพื่อหาต้นการบูร จากนั้นเขาได้ปีนขึ้นไปนั่งบนกิ่งไม้อย่างผ่อนคลายและอิสระ แค่มองปราดเดียวก็เห็นสภาพในห้องเรียนได้อย่างชัดเจน
เขามองเห็นอู่เหมยได้อย่างง่ายดาย ซึ่งขณะนี้เธอกำลังใจจดใจจ่ออยู่กับการวาดรูป ข้างๆ เธอก็มีกลุ่มเด็กที่กำลังตั้งใจวาดรูปยืนอยู่ กรรมการผู้คุมไพล่มือไว้ด้านหลังและเดินไปเมา มีเด็กบางคนที่เขาจะเหลือบมองแค่แวบเดียว แต่ก็มีเด็กบางคนที่เขาตั้งใจหยุดเดินและยืนมองอยู่พักหนึ่ง เหยียนหมิงซุ่นสนใจต่อกรรมการผู้คุมที่ยืนอยู่ด้านหลังของอู่เหมยได้สักพักใหญ่ๆ มุมปากของเขาปรากฏให้เห็นรอยยิ้มจางๆ
เหยียนหมิงซุ่นกระตุกยิ้มตรงมุมปากขึ้นเล็กน้อย และหันไปผิวปากให้กับนกระจอกสองตัวที่อยู่ข้างๆ เขา น่าเสียดายที่เจ้านกน้อยไม่สามารถรับรู้ได้ถึงความตื่นเต้นหรือดีอกดีใจของช่วงวัยเยาว์ ที่สามารถวิ่งเตลิดไปทั่วทุกทิศแม้แต่เงาหรือร่องรอยก็ไม่เหลือให้เห็น
…………………………………………………………………………………………..
ตอนที่ 342 ต้องได้รางวัลแน่นอน
ระยะเวลาของการแข่งขันคือหนึ่งชั่วโมงครึ่ง อู่เหมยใช้เวลาไปเพียงหนึ่งชั่วโมงก็วาดเสร็จ และเธอก็รู้สึกว่าดีมาก ที่ในเวลาอันน้อยนิดก็ทำได้สำเร็จ สายน้ำและภูเขา เธอไม่เคยวาดได้ลื่นไหลขนาดนี้มาก่อน เธอใช้เวลาที่เหลืออยู่นี้เหลือบมองผู้เข้าแข่งขันด้านข้าง ทุกคนกำลังจดจ่อกับการวาดรูปอยู่ ปลายจมูกเต็มไปด้วยเหงื่อเม็ดเล็กๆ ซึ่งบ่งบอกได้ว่าเด็กกลุ่มนี้มีความตั้งใจขนาดไหน
ใบหน้าของอู่เหมยขึ้นสีแดงระเรื่อ เธอเกิดรู้สึกละอายใจ หญิงสาววัยสามสิบกว่าปีอย่างเธอมาเข้าร่วมการแข่งขันนี้ จริงๆ แล้วมันดูเป็นการรังแกพวกเด็กกลุ่มนี้!
ต่อให้เธอชนะก็ไม่ได้ชนะอย่างห้าวหาญ!
อู่เหมยหันกลับมาปลอบใจตัวเอง เธอเองอายุมากกว่าแค่ยี่สิบกว่าปี หากพูดถึงระยะเวลาในการเรียนวาดรูปแล้ว เธอยังเทียบไม่ได้กับพวกเด็กๆ ที่เรียนมานานเลย หากคิดแบบนี้ถึงจะดูยุติธรรมขึ้นมาหน่อย!
เป็นอีกครั้งที่เธอตรวจดูภาพวาดอย่างละเอียด และนั่นก็ยิ่งทำให้เธอชอบมากขึ้น เมื่อครู่ที่เธอวาดภาพภาพนี้อยู่ เธอมีความรู้สึกเหมือนกับเลือดลมทั้งสองในกายทะลุเชื่อมหากันได้อย่างพูดไม่ออกบอกไม่ถูก แต่ถ้าหากให้เธอเริ่มลงมือวาดอีกครั้ง แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ให้ความรู้สึกแบบนี้ออกมา
อู่เหมยที่พึงพอใจต่อผลงานวาดของตัวเองก็ได้เขียนชื่อลงไปและยกมือขึ้นเพื่อจะส่งผลงานวาด ยังเหลือเวลาอีกยี่สิบกว่านาทีจะสิ้นสุดการแข่งขัน ทว่าเธอเป็นคนแรกที่ส่งภาพ กรรมการผู้คุมได้เดินเข้ามาเก็บภาพวาดของเธอไปและยังมองอู่เหมยอยู่พักหนึ่ง
เด็กคนนี้น่าตาดีใช้ได้ แถมยังวาดรูปสวยอีก ทั้งสวยทั้งมีพรสวรรค์ ผู้หญิงแบบนี้ถ้าอยากจะมีชื่อเสียงไม่ยากเลย!
อู่เหมยเดินออกมาจากห้องเรียน ทั้งจ้าวอิงหนานและทุกคนต่างพากันห้อมล้อมเข้ามาถามสารทุกข์สุขดิบ พ่อสยงก็ได้ถือลูกเกาลัดร้อนๆ มาด้วยหนึ่งถุง เขาเองเพิ่งไปซื้อมาจากร้านในตลาด ทั้งหอมและเหนียวแบบที่อู่เหมยชอบกิน
“ขอบคุณค่ะพ่อสยง!”
ในใจของอู่เหมยรู้สึกอบอุ่นเป็นอย่างมาก ทำให้ขอบตาของเธอมีน้ำตาคลอขึ้นมา ในเวลาแบบนี้มีคนคอยเป็นห่วงเป็นไยมันช่างรู้สึกดีจริงๆ ราวกับการอาบน้ำอยู่ภายใต้แสงแดดในฤดูหนาว ทั้งร่างดูอ่อนปวกเปียกไปหมด
พ่อสยงใช้มือลูบและแตะเบาๆ ที่หัวของยัยตัวแสบ เด็กคนนี้ช่างหัวอ่อนจริงๆ ก็แค่เกาลัดถุงเดียวต้องซาบซึ้งถึงขนาดนั้น ดูก็รู้ได้ว่าแต่ก่อนชีวิตของเธอขาดความรักขนาดไหน!
“อย่ากินเยอะเกินล่ะ เดี๋ยวจะถึงเวลาอาหารมื้อเที่ยงแล้ว วันนี้พวกเราไปทานข้าวที่ภัตตาคารจุ้ยเซียนกัน เถ้าแก่เนี้ยเลี้ยงเอง” พ่อสยงยิ้มตาหยีและพูดออกมา เถ้าแก่เนี้ยที่เขาพูดถึงมองเขาอย่างกระเง้ากระงอดด้วยความระอา ใบหน้าขึ้นสีแดงอมชมพู
ตั้งแต่อู่เหมยออกมาจากห้องเรียน จ้าวอิงหนานและคนอื่นๆ ไม่ได้ถามเธอเกี่ยวกับเรื่องการแข่งขันเลย แม้แต่คำเดียวก็ไม่ถามขึ้น และนั่นทำให้อู่เหมยทนไม่ได้และพูดขึ้นมาเอง “วันนี้หนูรู้สึกดีมากๆ เลย คิดว่าต้องได้รางวัลแน่ๆ”
จ้าวอิงหนานและคนอื่นๆ ต่างพากันนิ่งตะลึง พลางถอนหายใจอย่างโล่งใจและยิ้มให้ด้วยความพึงพอใจ สยงมู่มู่ยืดอกและตบอกอย่างเกินเบอร์ “โถ่เอ๊ย ถ้าอู่เหมยเธอรู้สึกดีทำไมไม่พูดให้เร็วกว่านี้ ทำเอาพี่ต้องแบกใจไว้ตั้งนาน อึดอัดแทบตาย!”
อู่เหมยมองไปทางจ้าวอิงหนาน ทั้งสองสามีภรรยาก็มีท่าทีไม่ต่างกัน
เธอจึงอดไม่ได้ที่จะพูดออกไป “พอฉันออกมาก็กินแต่เกาลัดนี่ จะให้เอาเวลาไหนมาพูดล่ะ? อีกอย่างทุกคนก็ไม่ถามนี่!”
จ้าวอิงหนานใช้มือหยิกแก้มตุ่ยๆ ของอู่เหมยที่เต็มไปด้วยเกาลัดและหัวเราะออกมา “ดูปากเล็กๆ นี่แทบยัดเข้าไปไม่ได้แล้ว แน่นอนสิว่าถึงพูดอะไรออกมาไม่ได้!”
สยงมู่มู่ยับยั้งมือของตัวเองเอาไว้ รอยกัดที่อู่เหมยทำไว้ครั้งก่อนเพิ่งจะหายไปเอง แน่นอนว่าเขาไม่กล้าเข้าไปแหย่แม่เสือร้ายตัวนี้แน่
แต่แก้มตุ่ยๆ ของเธอมันช่างน่าหยิกเสียจริง!
เฮ่อเหวินจิ้งวิ่งเข้ามาด้วยความตื่นเต้น แม้ว่าต้องรอผลหลังการแข่งขันสิ้นสุดไปหลังจากนี้หนึ่งสัปดาห์ แต่เธอมีความสัมพันธ์กับคนภายในนี่นา หนึ่งในกรรมการที่รู้ข้อมูลเบื้องลึกนั้นคือคนที่เธอรู้จัก แค่เธอเข้าไปถามก็คงจะรู้คร่าวๆ ได้
“พี่หนาน พี่เขย อู่เหมยวาดรูปได้เยี่ยมมาก หากไม่พลาดละก็ ที่หนึ่งถึงที่สามต้องได้มาสักรางวัลแน่!”
คำพูดของเฮ่อเหวินจิ้งทำให้ทุกคนรู้สึกสบายใจขึ้น ทุกคนต่างพากันดีใจกับอู่เหมย เธอเริ่มเรียนวาดรูปได้เพียงแค่สองเดือนก็ได้รับรางวัลในการแข่งระดับเมืองแล้ว ไม่ง่ายเลยที่คนธรรมดาๆ จะทำได้
แต่ที่น่าตลกก็คงจะเป็นฝั่งอู่เจิ้งซือสองสามีภรรยานั่นที่เอาแต่เห็นกงจักรเป็นดอกบัว ทอดทิ้งและรังเกียจสิ่งล้ำค่า ที่พวกเขาทำเหมือนมันเป็นรองเท้าที่สึกหรอ ดูเถอะ ต่อไปพวกเขาจะต้องเสียใจ!
…………………………………………………………………………………………..