ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 343 แม่เสือสาว + ตอนที่ 344 ชอบความรู้สึกตอนป้อนให้
ตอนที่ 343 แม่เสือสาว
ทุกคนมุ่งหน้าไปยังภัตตาคารจุ้ยเซียน แต่เฮ่อเหวินจิ้งกลับปฏิเสธที่จะไป เธออ้างว่าจะต้องอยู่ต่อเพื่อทักทายผองเพื่อน จ้าวอิงหนานจึงไม่ได้บังคับฝืนใจเธอ แต่พูดประโยคหนึ่งออกมาอย่างสื่อความหมาย “มีเพื่อนบางคนที่เราควรจะทักทาย แต่กับเพื่อนบางคนเธออย่าสนใจเลยจะดีกว่า!”
สีหน้าของเฮ่อเหวินจิ้งเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอฝืนยิ้มออกมา “พี่หนานวางใจเถอะ ในเมื่อฉันรับปากพี่แล้ว แน่นอนว่าต้องทำให้ได้อย่างที่พูด”
จ้าวอิงหนานมองเธออยู่ครู่หนึ่ง แต่กลับไม่ได้พูดอะไรอีก อู่เหมยที่ได้ฟังก็เกิดความสงสัย นี่มันหลักสัจธรรมของลัทธิไหนกัน?
แต่เธอรู้ดี ว่าที่จ้าวอิงหนานพูดว่าเพื่อนบางคนก็อย่าไปสนใจ แน่นอนว่าเธอหมายถึงจี้เจี้ยนโป ตั้งแต่ที่จี้เจี้ยนโปอาละวาดกับคุณตาในครั้งนั้น อู่เจิ้งหงได้เปลี่ยนไปราวกับคนละคน จากที่เคยชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่ ตอนนี้กลับเริ่มอ่อนโยนขึ้นมา แม้ว่าบุคลิกของเธอยากที่จะทำในสิ่งที่ดูเรียบร้อยอ่อนหวานได้นั้น แต่เมื่อเทียบกับแต่ก่อนแล้ว เธอดีขึ้นมาเยอะมาก
ในช่วงนั้นที่เฮ่อเหวินจิ้งกลับไปทำงานที่ห้องเรียนเยาวชน อู่เจิ้งหงไม่เคยมาอาละวาดเลยแม้แต่ครั้งเดียว ชีวิตในทุกๆ วันยังคงเป็นปกติสุขราวกับไม่เคยเกิดเรื่องอะไรขึ้น และนั่นทำให้อู่เหมยรู้สึกว่าเธอโชคดี แต่เธอก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่าเรื่องทั้งหมดจะจบแบบนี้
สยงมู่มู่พูดขึ้นเบาๆ ที่ข้างหูของอู่เหมย “หลังจากหมดเทศกาลวันปีใหม่ น้าจิ้งต้องกลับเมืองหลวงแล้ว แม่ฉันออกคำสั่งให้เธอกลับไป”
อู่เหมยรู้สึกเสียดายเล็กน้อย เพราะเธอเองก็ชอบครูอยู่ไม่น้อย หากต่อไปเฮ่อเหวินจิ้งกลับเมืองหลวงไปแล้ว ไม่รู้เลยว่าเธอจะต้องเรียนวาดรูปกับใคร?
ครูคนใหม่ก็ไม่รู้ว่าจะดีเหมือนกับครูเฮ่อไหม?
แต่ถึงอย่างไรเธอเองก็ดีใจแทนเฮ่อเหวินจิ้ง เวลาและระยะทางจะเป็นน้ำล้างใจที่ดีที่สุดและจะช่วยให้ลืมได้ เฮ่อเหวินจิ้งห่างกับจี้เจี้ยนโปหลายปีโดยไม่ได้เจอกัน พอเธอได้รู้จักกับเพื่อนใหม่ ต่อให้ความสัมพันธ์จะลึกซึ้งแค่ไหนก็คงจะค่อยๆลืมได้
“เธออย่ากังวลเรื่องของครูเลย น้าจิ้งบอกว่าจะแนะนำครูให้เธอ อาจจะดีกว่าเธอ และเก่งกว่าตัวเธอร้อยเท่า” สยงมู่มู่พูด
อู่เหมยมองเขาอย่างเอือมๆ และพูดอย่างโมโห “ก็ฉันชอบครูเฮ่อ ครูคนอื่นฉันคงชอบไม่ได้”
เฮ่อเหวินจิ้งคือครูคนแรกที่ชมว่าเธอมีพรสวรรค์ ลมปากของครูคนอื่นๆ ก็คงจะมีแต่ว่าเธอว่า ’โง่แบบมีพรสวรรค์’ เฮ่อเหวินจิ้งเป็นทั้งผู้ให้ความรู้และความเมตตากับเธอ ทั้งชีวิตนี้เธอจะไม่มีวันลืม สำหรับเธอแล้วเฮ่อเหวินจิ้งมีความหมายกับเธอมาก ครูคนอื่นยังเทียบไม่ได้เลย
อู่เหมยมองไปรอบทิศ เพื่อจะหาตัวของเหยียนหมิงซุ่น เธออยากจะแบ่งปันความรู้สึกดีๆ นี้ให้กับเหยียนหมิงซุ่น แต่คนเยอะเกินไปทำให้เธอหาเหยียนหมิงซุ่นไม่เจอ
“สยงมู่มู่ นายเห็นพี่หมิงซุ่นไหม?”
“เรียกพี่สิ ถ้าเรียกพี่ฉันจะบอกเธอ” สยงมู่มู่เชิดหน้าขึ้น
อู่เหมยได้แต่ด่าเขาในใจ แต่ก็จำยอมเรียกเขาว่า ‘พี่’
สยงมู่มู่ยกยิ้มอย่างได้ใจ เขาชอบที่จะให้ยัยแสบนี่เรียกตัวเองว่าพี่ ช่างไพเราะเสนาะหูเหลือเกิน!
“ไม่เห็น ฉันไปดูว่าพ่อทำอะไรตรงนั้นดีกว่า?” สยงมู่มู่ส่งเสียงพึงพอใจออกทางจมูก และทำหน้านิ่ง
อู่เหมยโมโหเป็นอย่างมากจึงได้ยกเท้าขึ้นเหยียบเขา ไอ้บ้านี่กล้าดียังไงมาหลอกเธอ เหยียบให้ตายเลย!
สยงมู่มู่ร้องเสียงหลง ต้องยกเท้าหลบไปมา และจ้องอู่เหมยด้วยความโกรธ อู่เหมยเองก็จ้องเขาตาเขม็ง แต่สายตากลับจดจ่อไปที่ด้านหลังของเขาที่มีเหยียนหมิงซุ่น โดยไม่สนใจสยงมู่มู่แม้แต่น้อย เธอเลือกที่จะวิ่งฝ่าคนกลุ่มนั้นไป
“ยัยบ้านี่ขอโทษสักคำก็ไม่มี โถ่เอ๊ย แม่ครับ ยัยบ้าอู่เหมยนี่นับวันยิ่งเหมือนแม่ไม่มีผิด!” สยงมู่มู่ตะโกนออกไปอย่างโกรธเคือง เท้าเขาต้องแล้วบวมแน่ๆ
จ้าวอิงหนานยกมือขึ้นมาตบหัวลูกชายเขาหนึ่งที แต่สายตากลับจับจ้องไปที่อู่เหมยและเหยียนหมิงซุ่น พลางถามด้วยความสงสัย “ทำไมเหยียนหมิงซุ่นถึงมาได้ล่ะ? แล้วอู่เหมยสนิทกับเขาเหรอ?”
สยงมู่มู่ที่โดนฝ่ามือพิฆาตของแม่ตัวเองไป จึงตอบด้วยความโมโห “ถ้าไม่สนิทจะมาได้เหรอ?”
อู่เหมยเงยหน้าขึ้นยิ้มหวานให้กับเหยียนหมิงซุ่น เหยียนหมิซุ่นเองจากที่เคยเย็นชา เขายกยิ้มมุมปากเล็กน้อย มองดูแล้วทำให้รู้สึกอบอุ่นขึ้นมามาก
…………………………………………………………………………………………..
ตอนที่ 344 ชอบความรู้สึกตอนป้อนให้
อู่เหมยพูดขึ้นอย่างดีใจ “พี่หมิงซุ่น ครูเฮ่อบอกว่าฉันต้องได้ที่หนึ่งถึงที่สามแน่ๆ”
“เก่งมาก ปีหน้าอู่เหมยก็สามารถเป็นตัวแทนของเมืองจินเข้าไปแข่งระดับประเทศที่เมืองหลวงแล้ว”
เหยียนหมิงซุ่นแกะลูกเกาลัดหวานๆ และป้อนให้กับอู่เหมย ช่วงนี้เขาชอบที่จะป้อนให้คนตัวแสบบางคน เพราะรู้สึกว่ามันน่าสนใจเสียยิ่งกว่าการป้อนอาหารให้แมวแก่ๆ ที่บ้าน
อู่เหมยพยักหน้ารับและกินเกาลัดอย่างสบายใจ แถมยังแกะเกาลัดเม็ดหนึ่งยื่นให้กับเยียนหมิงซุ่น “พี่หมิงซุ่นก็กินด้วยสิคะ เกาลัดนี้คุณพ่อสยงเป็นคนซื้อมา อร่อยมากเลย ทั้งหวานทั้งมัน”
เหยียนหมิงซุ่นจึงกินเกาลัดจากมือของอู่เหมย แท้จริงแล้วเขาไม่ค่อยชอบกินพวกขนมหรือของกินเล่นสักเท่าไหร่ แต่เม็ดเกาลัดที่ยัยแสบนี่แกะให้รสชาติถือว่าใช้ได้ หอมอย่างเต็มคำ
อู่เหมยรู้สึกร้อนๆ ที่ปลายนิ้วมือ เหมือนว่าเมื่อครู่ปากของเหยียนหมิงซุ่นจะสัมผัสโดนปลายนิ้ว เธอแหงนหน้ามองอย่างตะลึง เหยียนหมิงเองก็ค่อยๆ เคี้ยวเม็ดเกาลัด ลูกกระเดือกขยับขึ้นลงตามจังหวะของการเคี้ยว ช่างดูมีเสน่ห์ ช่างน่าดึงดูด!
ปากและคอรู้สึกแห้งผาก อู่เหมยจึงพยายามกลืนน้ำลายลงไป ฝืนบังคับตัวเองให้ก้มหน้าลง เธอจะมองต่อไม่ได้ ถ้าดูต่อไปเธอคงได้หน้าแตกเป็นแน่
เมื่อเหยียนหมิงซุ่นเห็นท่าทีซื่อๆ บื้อๆ ของยัยตัวแสบก็อดขำไม่ได้ และไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงเอาแต่ก้มหน้าก้มตาอย่างไม่มีสาเหตุ เขาน่ากลัวขนาดนั้นเชียวหรือ?
โธ่เพื่อน ยัยตัวแสบของนายแค่กังวลว่าตัวเธอเองจะทนไม่ได้ต่อความมีเสน่ห์ แล้วกลายร่างเป็นหมาป่าแล้วกระโจนเข้าหาเขาจนล้มต่างหาก
เหยียนหมิงซุ่นมองไปทางจ้าวอิงหนานและคนอื่นๆ เขาจึงเคาะเบาๆ ที่หัวของอู่เหมยและพูดขึ้น “รีบไปเถอะ พวกแม่เขารอเธอนานแล้ว”
อู่เหมยได้แต่พยักหน้ารับ และแกะเม็ดเกาลัดอีกหนึ่งลูกยื่นให้เหยียนหมิงซุ่น “พี่หมิงซุ่นคะ ฉันไปก่อนนะ พี่อย่าลืมพาฉันไปหาของในที่ดีๆ ล่ะ!”
เมื่อเห็นเหยียนหมิงซุ่นพยักหน้า อู่เหมยถึงได้วางใจและวิ่งไปทางฝั่งจ้าวอิงหนาน ไม่นานพวกเขาก็ออกไปจากที่นั่น
เหยียนหมิงซุ่นยกยิ้มมุมปาก ยัดลูกเกาลัดที่อยู่ในมือเข้าปาก แต่กลับรู้สึกว่าเกาลัดเม็ดนี้รสชาติไม่ได้อร่อยเท่าก่อนหน้า เขาเคี้ยวไปไม่กี่ครั้งก็กลืนมันลงไป และเดินออกไปจากห้องเรียนเยาวชน
ครั้งนี้ที่อู่เหมยออกมาร่วมการแข่งขันได้ ทั้งหมดเป็นเพราะจ้าวอิงหนานช่วยเธอโกหก บอกว่าที่บ้านของเธอจะพาอู่เหมยออกไปเที่ยวด้วย เป็นธรรมดาที่อู่เจิ้งซือจะไม่ออกความเห็นใดๆ อู่เหมยและพวกเขาต่างพากันกินข้าวที่ภัตตาคารจุ้ยเซียนอย่างอิ่มหนำสำราญ แต่เหอปี้อวิ๋นกลับยุ่งวุ่นวายอยู่ตรงระเบียง เพราะอู่เจิ้งซือไม่ค่อยจะสนใจเธอสักเท่าไหร่ เหอปี้อวิ๋นเองอยากจะทำอาหารสักสองสามอย่างเพื่อเอาใจสามี แต่พอไม่มีอู่เหมยคอยเป็นลูกมือแบบนี้ ทำให้เหอปี้อวิ๋นจึงยุ่งจนหัวหมุน
ไม่ง่ายเลยกว่าจะทำอาหารมื้อใหญ่เสร็จ ในใจของเหอปี้อวิ๋นเต็มไปด้วยความหวังที่อยากจะให้อู่เจิ้งซือชื่นชมเธอ แต่ถึงอย่างไรฝีมือการทำอาหารของเธอก็แย่กว่าอู่เหมยเป็นเท่าตัว หน้าตาของอาหารก็ไม่ค่อยจะดูดี รสชาติก็ไม่ได้แย่มาก แต่กลับไม่สามารถดึงดูดอู่เจิ้งซือได้
“คุณอู่ ลองชิมปลากระพงนึ่งดูสิคะ คุณชอบทานปลามากไม่ใช่เหรอ?”
เหอปี้อวิ๋นคอยเอาอกเอาใจโดยการคีบเนื้อปลาตรงส่วนท้องให้กับอู่เจิ้งซือ โดยปกติแล้วเนื้อพวกนี้จะเป็นของที่อู่เยวี่ยต้องได้รับ เพราะขนาดอู่เจิ้งซือเองยังมีน้อยครั้งที่จะได้กิน อู่เจิ้งซือคีบเนื้อเข้าปาก เคี้ยวไปได้ไม่กี่ครั้ง หัวคิ้วก็ผูกกันเป็นปม ไม่นานมานี้อู่เหมยเพิ่งจะทำปลากระพงนึ่งให้เขากิน แต่รสชาติดีกว่าที่เหอปี้อวิ๋นทำมาก
ทั้งสดทั้งนุ่ม และยังไม่มีกลิ่นคาวของปลาด้วย คงจะเป็นเพราะเหอปี้อวิ๋นไม่ได้ล้างปลาให้สะอาด อีกเธอคงจะใช้เวลานึ่งนานไปหน่อย เพราะทำให้เนื้อแข็งและมีกลิ่นคาวอ่อนๆ หากไม่มีการเปรียบเทียบก็จะไม่มีความเจ็บปวด พอได้ลิ้มรสปลากระพงนึ่งของอู่เหมยมาก่อน อู่เจิ้งซือจึงไม่ได้ให้ความสนใจต่อปลากระพงตรงหน้าเขาแม้แต่น้อย
จริงๆ แล้วอู่เจิ้งซือไม่เคยรังเกียจอาหารของเหอปี้อวิ๋นเลย เป็นเพราะรสชาติในใจของเขาไม่เคยถูกดึงออกมา ยิ่งแต่ก่อนกินรสมือเธอมาเป็นสิบกว่าปี จะให้รสชาติเปลี่ยนไปในชั่วข้ามคืนได้อย่างไร แต่สาเหตุหลักเป็นเพราะเขาเบื่อเหอปี้อวิ๋นนั่นเอง!
…………………………………………………………………………………………..