ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 345 พ่อกินไก่ขอทาน + ตอนที่ 346 จะต้องทำลายความภาคภูมิใจของอู่เยวี่ย
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- ตอนที่ 345 พ่อกินไก่ขอทาน + ตอนที่ 346 จะต้องทำลายความภาคภูมิใจของอู่เยวี่ย
ตอนที่ 345 พ่อกินไก่ขอทาน
อู่เจิ้งซือกินเนื้อปลาไปแค่คำเดียวก็ไม่กินอีกเลย ในใจของเหอปี้อวิ๋นมีแต่ความขมขื่น เธอยืนนิ่งไม่พูดอะไรออกมาสักคำ อู่เจิ้งซือก็ยังคงเฉยชา ในหลายต่อหลายครั้งที่เธออยากจะระเบิดอารมณ์ออกมา แต่พอนึกถึงคำพูดของแม่ เธอจำต้องกัดฟันอดทนต่อไป
เมื่ออำนาจในการดูแลบ้านไม่ได้อยู่ในมือ เธอจึงทำได้เพียงแค่อดทนรอให้เงินอยู่ในมือเธอแล้วค่อยว่ากัน เหอปี้อวิ๋นยิ้มพลางเธอคีบหมูน้ำแดงขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้ววางไว้ในจานของอู่เจิ้งซือ “นี่คือหมูสามชั้นสดมากๆ ที่ฉันไปซื้อมาจากตลาดในตอนเช้า คุณอู่ลองทานดูสิ”
อู่เจิ้งซือมองเหอปี้อวิ๋นแค่แวบเดียว และหัวเราะเยาะกับตัวเอง ในใจของเหอปี้อวิ๋นคิดอะไรอยู่เขารู้ดีหมดทุกอย่าง ทำไปเพราะหวังอยากจะได้เงินเดือนของเขาคืนไม่ใช่หรือ?
เหอะ! ฝันไปเถอะ!
ชีวิตนี้เขาจะไม่มีทางยกเงินเดือนให้กับผู้หญิงคนนี้อีกแล้ว แน่นอนว่าเขาคงไม่หย่า แต่เงินเขาก็ไม่ให้เช่นกัน สำหรับผู้หญิงที่หักหลังเขา และยังเป็นผู้หญิงที่คิดร้ายต่อเขา ความอ่อนโยนที่อู่เจิ้งซือเคยมีให้ได้จางหายไปหมดแล้ว หลงเหลืออยู่เพียงแต่ความแค้นเคือง
อู่เยวี่ยมองเห็นความหงุดหงิดของอู่เจิ้งซือ เธอรู้สึกว่าหลังจากที่อู่เจิ้งซือบาดเจ็บตอนนั้น เขาปฏิบัติต่อเหอปี้อวิ๋นต่างไปจากเดิมมาก และนั่นก็ทำให้เธอกระวนกระวายใจ และความว้าวุ่นใจนี้ทำให้อู่เยวี่ยเกิดความสับสน
“พ่อคะ หมูน้ำแดงที่แม่ทำวันนี้อร่อยมากเลย พ่อลองชิมดูสิคะ!”
อู่เยวี่ยยิ้มกว้างออกมา ยัดเนื้อคำโตๆ ที่ติดมันเข้าปากและกลืนลงไปและกินอย่างเอร็ดอร่อย แต่แท้จริงแล้วเธอรู้สึกสะอิดสะเอียนจนแทบทนไม่ไหว น้ำมันที่อยู่ในมันหมูพออยู่ในปากกลับทะลักออกมาไม่หยุด จนให้ความรู้สึกเหมือนเสียดกับลำคอของเธอ เธอไม่รู้สึกถึงรสชาติของความอร่อยของหมูน้ำแดงเลยแม้แต่น้อย แต่กลับต้องแสดงออกมาว่าอร่อย นั่นทำให้อู่เยวี่ยรู้สึกกล้ำกลืนฝืนทน
แม้ว่าอู่เจิ้งซือเองจะรู้สึกผิดหวังต่อตัวอู่เยวี่ยไปบ้าง แต่ถึงอย่างไรเธอก็เป็นลูกสาวแท้ๆ ของเขา เป็นธรรมดาที่จะให้อภัยต่ออู่เยวี่ยได้ เพื่อเป็นการไว้หน้าต่อเหอปี้อวิ๋น เขาจึงกินหมูน้ำแดงชิ้นนั้นเข้าไป และนั่นทำให้เหอปี้อวิ๋นโล่งใจขึ้นมา ถึงได้หันไปสบตากับอู่เยวี่ย
“คุณอู่ลองทานกระดูกหมูนี่ด้วยนะ แล้วดูสิ คุณผอมลงไปมาก ต้องกินของดีๆ เพื่อบำรุงบ้างนะคะ”
เหอปี้อวิ๋นเองอยากจะเอาใจเขาเพื่อให้คืนดีกัน เธอจึงไม่ได้ใส่ใจที่จะกินมากนัก เอาแต่ประจบอู่เจิ้งซือ อู่เยวี่ยเองก็คอยช่วยพูดจาหยอกล้อ ทำให้ใบหน้าของอู่เจิ้งซือปรากฏรอยยิ้ม บรรยากาศก็เริ่มดีขึ้นมาก
“พ่อคะ หนูกลับมาแล้ว”
อู่เหมยวิ่งเข้ามาในบ้านอย่างตื่นเต้น ในมือได้ถือถุงที่ห่อกระดาษน้ำมันไว้ กลิ่นหอมที่ลอยออกมาจากกระดาษช่างน่าดึงดูด อย่าว่าแต่อู่เจิ้งซือเลย ขนาดเหอปี้อวิ๋นและอู่เยวี่ยเองก็ยังถูกกลิ่นหอมยั่วยวนจนน้ำลายแทบหก
“พ่อคะ หนูซื้อไก่ขอทานมาให้พ่อตัวหนึ่งค่ะ จากภัตตาคารจุ้ยเซียนเลยนะ!”
ถุงที่ห่อกระดาษน้ำมันวางไว้บนโต๊ะและแกะห่อกระดาษออก กลิ่นหอมโชยมาแตะจมูก อู่เจิ้งซือดวงตาลุกวาว ไก่ขอทานของภัตตาคารจุ้ยเซียนถือเป็นอาหารขึ้นชื่อของประเทศ แน่นอนว่าราคาก็ไม่ธรรมดา
“เหมยเหมย เธอเอาเงินไหนมาซื้อไก่ขอทาน?” อู่เยวี่ยถามออกมาในสิ่งที่อู่เจิ้งซืออยากถาม
อู่เหมยไม่แม้แต่จะมองเธอ เธอหันไปยิ้มให้กับอู่เจิ้งซือและพูด “พ่อคะ วันนี้แม่ของสยงมู่มู่เป็นคนเลี้ยง พวกหนูไปทานข้าวกันที่ภัตตาคารจุ้ยเซียน แม่เขาเป็นคนสั่งให้หนูห่อกลับมาให้พ่อเพื่อแสดงความกตัญญูค่ะ พ่อรีบกินตอนร้อนๆ สิคะ”
แท้จริงแล้วอู่เหมยเป็นคนซื้อไก่ขอทานด้วยเงินของเธอเอง เพราะการแข่งขันเสร็จสิ้นเร็ว พวกเขาทานข้าวเสร็จยังไม่ถึงสิบเอ็ดโมงด้วยซ้ำ จ้าวอิงหนานและพ่อสยงเองได้ขอตัวกลับบ้านไปก่อน อู่เหมยอยู่เล่นข้างนอกกับสยงมู่มู่ต่อสักพักถึงได้กลับมา แน่นอนว่าเธอได้ห่อไก่หลนใบบัวกลับมาสองตัว ตัวหนึ่งเอาไว้ให้ฉิวฉิว อีกห่อหนึ่งเอาไว้ติดสินบนต่ออู่เจิ้งซือ
อู่เจิ้งซือที่ได้รู้ว่าเป็นจ้าวอิงหนานให้มา ก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าเขาไม่ได้ดีใจเพราะเขาได้กินไก่ขอทาน แต่ที่ดีใจที่ตำแหน่งในใจของจ้าวอิงหนานยังมีอู่เหมยอยู่ จ้าวอิงหนานออกไปข้างนอกยังไม่ลืมที่จะพาอู่เหมยออกไปด้วย อีกทั้งยังไม่ลืมครอบครัวของเขา แต่ทำให้เห็นถึงสิ่งที่จ้าวอิงหนานปฏิบัติกับอู่เหมยเหมือนเป็นลูกสาวคนสำคัญ
นั่นแหละถึงเป็นเหตุผลที่ทำให้อู่เจิ้งซือดีใจ!
…………………………………………………………………………………………..
ตอนที่ 346 จะต้องทำลายความภาคภูมิใจของอู่เยวี่ย
ไก่ขอทานของภัตตาคารจุ้ยเซียนมีรสชาติที่ดี โดยเฉพาะไก่ในยุคสมัยนี้เป็นไก่บ้านแท้ๆ คุณภาพเนื้อทั้งสดและนุ่ม กัดเข้าไปหอมนุ่มเต็มคำ อร่อยจนสามารถทำให้ลิ้นของคนเราเพี้ยนได้ เมื่อมีไก่หลนที่รสชาติดีจนเทียบไม่ติด อู่เจิ้งซือก็ไม่สนใจต่ออาหารทั้งโต๊ะที่เหอปี้อวิ๋นทำอีกเลย เขาเอาแต่กินไก่หลน
เหอปี้อวิ๋นรู้สึกใจเต้นอย่างเจ็บแปลบขึ้นมา จากตอนแรกที่ทุกอย่างกำลังไปได้ดี แต่ทั้งหมดกลับถูกยัยบ้าอู่เหมยทำลายลง เพราะในสายตาของอู่เจิ้งซือในตอนนี้มีเพียงแค่ไก่ขอทานตัวนั้น อาหารที่เธอทำเขาไม่แม้แต่จะชายตามองเลย
“คุณอู่อย่าเอาแต่กินไก่สิคะ กินน้ำซุปด้วยนะ!”
เหอปี้อวิ๋นตักน้ำซุปถ้วยหนึ่ง ยื่นไปให้อู่เจิ้งซือ ใบหน้าของเธอยิ้มแย้มอย่างฝืนทน ตัวเธอเองไม่ได้เป็นผู้หญิงที่อ่อนโยนเพียบพร้อม เพราะไม่เช่นนั้นเธอคงไม่คิดจะเอาที่ทับกระดาษมาตีหัวอู่เจิ้งซือ หลายต่อหลายครั้งแล้วที่อู่เจิ้งซือไม่ไว้หน้าเธอ นั่นจึงทำให้เธอระเบิดอารมณ์ออกมาจากความอดทนในเส้นแบ่งเขตที่มีอยู่
อู่เหมยเหลือบมองแวบเดียวและหัวเราะออกมา “พ่อคะ น้ำซุปเย็นหมดแล้ว หนูเอาไปอุ่นให้นะคะ!”
เธอพูดจบก็ยกถ้วยน้ำซุปเดินออกไปนอกระเบียง และเทน้ำซุปถ้วยนั้นกลับไปในหม้อ ซึ่งน้ำซุปเป็นถ้วยเดียวกับที่เหอปี้อวิ๋นตักเอง อู่เจิ้งซือไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติใดๆ แต่เหอปี้อวิ๋นกลับรู้สึกโมโหมาก เธอรู้ดีว่ายัยเด็กนี่มีเจตนาอะไรและตั้งใจจะทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับอู่เจิ้งซือ
อู่เยวี่ยมองออกว่าเหอปี้อวิ๋นเริ่มจะทนไม่ไหว เธอจึงหันไปส่ายหน้าไปมาส่งให้กับเหอปี้อวิ๋น เพื่อเตือนไม่ให้เธอทำอะไรวู่วาม เหอปี้อวิ๋นเองก็นึกถึงคำพูดของแม่ตัวเองขึ้นมาได้ เธอพยายามสูดหายใจเข้าลึกๆ และค่อยๆ กลืนความโมโหลงไป
อู่เจิ้งซือปฏิบัติต่อเธอราวกับคลื่นใต้น้ำที่ไร้ความรู้สึก เขาฉีกเนื้อไก่ตรงส่วนน่องแล้วยกให้อู่เยวี่ย “เยวี่ยเยวี่ยกินน่องไก่สิ รสชาติดีมากๆ เลยนะ”
“ขอบคุณค่ะพ่อ”
อู่เยวี่ยไม่ได้อยากกินไก่ เพราะไก่ขอทานนี้เป็นของที่อู่เหมยห่อกลับมา อีกทั้งเป็นไก่ที่จ้าวอิงหนานซื้อให้กับอู่เหมย และต่อให้เป็นของที่หาได้ยากขนาดไหนเธอก็กินไม่ลง
เพียงแต่ชั้นเชิงการเอาตัวรอดของเธอสูงกว่าเหอปี้อวิ๋น ต่อให้เบื่อหน่ายก็ต้องกินอย่างเอร็ดอร่อย เธอพูดชมออกมาและยังตะโกนพูดขอบคุณอู่เหมยที่อยู่ตรงระเบียง “เหมยเหมย พี่ฝากขอบคุณครูจ้าวด้วยนะ!”
อู่เหมยคิ้วผูกกันแน่นเป็นปม เธอรู้สึกว่าอู่เยวี่ยเปลี่ยนไป เปลี่ยนไปมากจนทำให้มองไม่ออกว่าเธอเป็นคนแบบไหน ต่อให้เธอพูดอะไร อู่เยวี่ยไม่เคยแสดงออกถึงความรู้สึกใดๆ ทางสีหน้าเลย มีเพียงแค่รอยยิ้มแสนอ่อนโยนที่ทำให้คนคิดไม่ตก
ลักษณะของอู่เยวี่ยเหมือนกับเธอตอนที่โตแล้วไม่มีผิด เพียงแต่อู่เยวี่ยในตอนนั้นได้โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่ตอนนี้เธอมีอายุเพียงสิบสี่ปี คงไม่ได้เป็นเพราะผลกระทบที่เกิดขึ้นติดต่อกันไม่กี่ครั้ง ได้ทำให้อู่เยวี่ยโตเร็วขึ้นกว่าเดิมหรอกใช่ไหม?
อู่เหมยคิดว่าเป็นเช่นนั้น เธอจึงเอาแต่เงียบไป อายุแค่สิบสี่ปีจะมีชั้นเชิงขนาดนั้นเลยหรือ ยิ่งต่อไปถ้าเธอโตขึ้นไม่รู้ว่าจะต้องรับมือกับเธอยากขนาดไหน!
ดังนั้นเธอจะต้องถือจังหวะและโอกาสนี้ทำลายความภาคภูมิใจทั้งหมดของอู่เยวี่ยที่มีอยู่ คนคนหนึ่งต่อให้ฉลาดแค่ไหน หากขาดความเชื่อมั่นและภาคภูมิใจในตัวเองไปแล้ว ก็ไม่สามารถดิ้นรนอะไรออกมาได้
อู่เหมยนำซุปกระดูกหมูที่อุ่นเสร็จเทใส่ถ้วยไว้ และเดินไปยังฝั่งอู่เจิ้งซืออย่างยิ้มแย้ม พร้อมกับพูดขึ้น “พ่อรีบกินเถอะค่ะ หนูอุ่นซุปมาให้แล้ว แม่ใส่กระดูกน้อยไป แต่ใส่หัวไชเท้าเยอะเกิน ทำให้น้ำซุปเสียรสชาติ พ่อก็กินๆ ไปก่อนเถอะนะคะ”
เหอปี้อวิ๋นรู้ตัวว่าเริ่มทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ไม่อย่างนั้นยัยเด็กบ้านี่จะพูดอะไรออกมาอีกก็ไม่รู้!
“หน้าหนาวต้องกินหัวไชเท้า หน้าร้อนต้องกินขิงสด ตอนนี้ในฤดูแบบนี้กินหัวไชเท้าย่อมดีต่อร่างกาย อู่เหมยแกไม่เข้าใจอะไรก็อย่าพูดมั่วๆ หน่อยเลย!” เหอปี้อวิ๋นใช้เสียงต่ำพูดตำหนิ
แน่นอนว่าเธอไม่อาจจะยอมรับออกมาได้ว่าไม่กล้าซื้อกระดูกหมู ในเดือนๆ หนึ่งเงินเดือนก็มีอยู่แค่นั้น จะให้กินเนื้อกินปลาทุกวันหรือ จะทำแบบนั้นได้อย่างไร?
อู่เจิ้งซือเหลือบมองในถ้วยน้ำซุป ซึ่งมีกระดูกหมูอยู่แค่ไม่กี่ชิ้น แต่ทั้งถ้วยเต็มไปด้วยหัวไชเท้า บนผิวน้ำซุปไม่มีแม้แต่คราบของหยดน้ำมันที่ลอยขึ้น ในเวลานี้จึงทำให้เขาไม่มีความอยากอาหาร อีกอย่างคือเขาได้กินไก่ขอทานอิ่มแล้วด้วย
“หัวไชเท้านี่เธอเก็บไว้ค่อยๆ กินเองเถอะ!”
อู่เจิ้งซือลุกขึ้นและเดินกลับเข้าห้องไป ไก่ขอทานก็ถูกเขากินไปแล้วครึ่งตัว และยังเหลือน่องไก่อีกครึ่งหนึ่งไว้ให้อู่เหมย อู่เหมยถือจังหวะที่เหอปี้อวิ๋นวางตะเกียบลง เพื่อที่จะได้กินน่องไก่อย่างรวดเร็ว เธอกัดกินคำโตๆ ทีละคำ
…………………………………………………………………………………………..