ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 349 ความภาคภูมิใจของอู่เจิ้งซือ + ตอนที่ 350 ชื่นชมผ่านวิทยุกระจายเสียง
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- ตอนที่ 349 ความภาคภูมิใจของอู่เจิ้งซือ + ตอนที่ 350 ชื่นชมผ่านวิทยุกระจายเสียง
ตอนที่ 349 ความภาคภูมิใจของอู่เจิ้งซือ
“ผู้อำนวยการหยวน มีเรื่องอะไรดีๆ เหรอครับ? ”
อู่เจิ้งซือหัวเราะและถามกลับ เขาคิดว่าคะแนนสอบรายเดือนของอู่เยวี่ยออกมาแล้ว แต่คิดดูดีๆ กลับไม่ใช่ เพราะการสอบรายเดือนคือวันพรุ่งนี้!
ผู้อำนวยการหยวนหัวเราะอย่างร่าเริงและตอบ “สมกับที่ครูอู่เป็นครูดีเด่นจริงๆ เลยนะครับ อบรมสั่งสอนลูกได้ดีมาก ต่อไปผมคงต้องได้เชิญให้ครูอู่มาให้เป็นวิทยาการเพื่ออบรมชี้แนะต่อผู้ปกครองในโรงเรียนของเราแล้วล่ะ จะได้ถ่ายทอดประสบการณ์ต่างๆ ให้กับบรรดาผู้ปกครอง”
แม้ว่าอู่เจิ้งซือจะฟังแล้วเกิดความสับสน แต่ใบหน้าของเขากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม นั่นทำให้บรรดาครูที่อยู่ในห้องพักครูต่างมองอย่างแปลกใจ ตั้งแต่ที่เขาถูกภรรยาตีหัว อู่เจิ้งซือก็เงียบขรึมไปเป็นครึ่งเดือน หรือจะมีเรื่องอะไรดีๆ หรือ?
“ผู้อำนวยการหยวนก็พูดเป็นเล่นไป ผมไม่ได้มีประสบการณ์ดีๆ อะไรในการสอนลูกหรอกครับ ลูกคนโตเองก็เกือบจะสอบไม่ผ่าน ส่วนคนเล็กเองก็เอาแต่ทำตัวให้ผู้ปกครองต้องเป็นกังวลใจ!” อู่เจิ้งซือพูดอย่างถ่อมตัว
แน่นอนว่าไม่ถึงกับถ่อมตัวมาก ช่วงนี้อู่เยวี่ยทำตัวได้แย่มาก นั่นทำให้อู่เจิ้งซือไม่พึงพอใจ แม้ว่าอู่เหมยจะพัฒนาขึ้นมาบ้าง แต่คะแนนของเธอก็ยังถือว่าอยู่ในระดับกลางๆ มากกว่านั้นยังเทียบไม่ได้ ซึ่งแน่นอนว่าไม่สามารถทำให้อู่เจิ้งซือพึงพอใจได้
เพราะฉะนั้นเขาถึงได้รู้สึกกลัดกลุ้มใจ แล้วสายจากผู้อำนวยการหยวนหมายความว่าอย่างไร?
ผู้อำนวยการหยวนเข้าใจว่าอู่เจิ้งซือแค่ถ่อมตัว จึงยิ่งเกิดความศรัทธาในตัวเขา และหัวเราะชอบใจใหญ่ “ครูอู่ก็ถ่อมตัวเกินไป กับอู่เยวี่ยผมจะไม่พูดถึงละกัน แม้ว่าคะแนนสอบรายเดือนของครั้งนี้จะไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ แต่คะแนนในช่วงปีก่อนๆยังอยู่ในเกณฑ์ ยิ่งได้คนเก่งๆ อย่างครูอู่มาช่วยชี้แนะ การพลาดท่าถือเป็นเหตุสุดวิสัย การสอบประจำเดือนนี้อู่เยวี่ยจะไม่ทำให้พวกเราต้องผิดหวังอีกแน่”
อู่เจิ้งซือได้ฟังคำพูดนี้ยังถือว่าเป็นประโยชน์ เพียงแค่ว่ารู้สึกสดชื่นยิ่งกว่าการได้ดื่มน้ำบ๊วยแช่เย็นเปรี้ยวๆ ในช่วงเริ่มต้นฤดูร้อนเสียอีก แต่ปากกลับต้องพูดจาสุภาพออกไป “คุณก็ชมเกินไปครับ หวังเพียงแค่เยวี่ยเยวี่ยไม่ทำให้ท่านผู้อำนวยการหยวนผิดหวังก็พอ!”
ผู้อำนวยการหยวนหัวเราะอย่างอารมณ์ดี และสับเปลี่ยนคำพูดในทันที เขาข้ามไปพูดถึงอู่เหมยแทน เพราะนั่นเป็นเป้าหมายหลักที่ทำให้เขาโทรเข้ามา!
“เรามาพูดถึงอู่เหมยดีกว่า ช่วงนี่เธอพัฒนาได้ไวจนเป็นที่จับตามองของทุกคน สามารถพูดได้ว่ารวดเร็วราวกับจรวด แต่นั่นก็แล้วกันไป ผมนึกไม่ถึงเลยว่าอู่เหมยจะเป็นสาวน้อยที่มากด้วยพรสวรรค์ ครูอู่นี่ไม่ธรรมดาจริงๆ เมื่อก่อนไม่คิดจะแสดงออกหรือเผยอะไรเลย แต่ครั้งนี้ทำให้ผมตกใจอยู่ไม่น้อย!” ผู้อำนวยการหยวนพูดอย่างสนใจ
อู่เจิ้งซือฟังอย่างสับสนและมึนงง อู่เหมยเป็นสาวน้อยที่มากด้วยพรสวรรค์?
หรือว่าตอนเที่ยงผู้อำนวยการหยวนจะกินเยอะไป?
แต่ดีที่เป็นจังหวะเดียวกับที่ผู้อำนวยการหยวนเปิดเผยคำตอบและพูดออกมาเสียงดัง “อู่เหมยได้เข้าร่วมการแข่งขันวาดรูปรุ่นเยาวชนประจำเมืองจินที่จัดขึ้นในครั้งนี้ และได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับสอง ตอนนี้เกียรติบัตรอยู่ในมือผม อีกสักครู่ผมจะประกาศชื่นชมทางวิทยุกระจายเสียง เอ่อใช่ ในช่วงฤดูใบไม้ผลิของปีหน้าอู่เหมยจะต้องเป็นตัวแทนของเมืองจิน เข้าประกวดระดับประเทศที่เมืองหลวง นี่ช่างเป็นเกียรติที่ยิ่งใหญ่เสียจริง ครูอู่ ผมรู้สึกอิจฉาคุณจริงๆ เลี้ยงดูลูกสาวให้มีอนาคตที่ดีได้ขนาดนี้!”
อู่เจิ้งซือแทบไม่รู้สึกเนื้อรู้สึกตัวว่าวางสายไปตอนไหน
เขารู้สึกมึนงงไปทั่วทั้งตัว ราวกับกำลังฝันอยู่
อู่เหมยได้รับรางวัลจากการวาดรูป?
รางวัลชนะเลิศอันดับสองของเมือง?
และยังเป็นตัวแทนของเมืองจินเข้าประกวดระดับประเทศที่เมืองหลวง
อู่เจิ้งซืออดไม่ได้ที่จะส่งนิ้วมือเข้าปากเพื่อออกแรงกัด เจ็บจนแทงไปถึงขั้วหัวใจ แต่กลับดีใจอย่างหยุดไม่ได้
เป็นเรื่องจริง!
อู่เหมยพัฒนาขึ้นแล้วจริงๆ!
“ครูอู่มีเรื่องอะไรดีๆ พูดให้พวกเราได้รับรู้บ้างสิคะ อย่าเอาแต่เก็บไว้แล้วดีใจไปคนเดียวสิ!” ครูคนอื่นๆ พูดล้อเล่น
“อู่เหมยของเราเข้าร่วมแข่งวาดรูปรุ่นเยาวชนประจำเมืองจินแล้วได้รางวัลชนะเลิศอันดับสอง ในช่วงฤดูใบไม้ผลิของปีหน้าอู่เหมยจะต้องเป็นตัวแทนของเมืองจินเข้าประกวดระดับประเทศที่เมืองหลวงน่ะครับ” อู่เจิ้งซือพูดด้วยรอยยิ้ม พร้อมด้วยท่าทางพึงพอใจอย่างมาก แม่เจ้า อึดอัดมานาน ในที่สุดก็สามารถปลดปล่อยอารมณ์ได้เสียที!
เป็นอย่างที่อู่เจิ้งซือคิดไว้ไม่มีผิด ครูคนอื่นๆ ต่างแสดงออกถึงความอิจฉาริษยาและเกลียดชังเขา แม้ปากจะพูดแสดงความยินดี แต่ในใจไม่รู้ว่าจะเป็นทุกข์มากแค่ไหน!
แต่สิ่งที่อู่เจิ้งซือต้องการคือความรู้สึกแบบนี้ เขาชอบที่จะให้คนอื่นพากันมาอิจฉาริษยาเขา น่าพึงพอใจยิ่งนัก!
…………………………………………………………………………………………..
ตอนที่ 350 ชื่นชมผ่านวิทยุกระจายเสียง
ในเวลานี้เป็นคาบเรียนกายบริหารของโรงเรียนทดลอง ครูและนักเรียนทุกคนต้องเข้าร่วม ทุกคนยืนจัดแถวกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่ในสนาม ทำกายบริหารตามเสียงจากวิทยุกระจายเสียง ฝ่ายมัธยมและประถมแบ่งออกเป็นสองส่วน อู่เหมยได้ยืนอยู่กับอู่เซา โดยที่คนหนึ่งยืนอยู่ด้านหน้าอีกคนอยู่ด้านหลัง
แต่วันนี้วิทยุกระจายเสียงไม่ได้เปิดเพลงทำกายบริหารตั้งแต่แรกเริ่ม แต่กลับมีเสียงฮึกเหิมและตื่นเต้นของผู้อำนวยการ “นักเรียนทุกคน วันนี้ครูมีข่าวดีจะมาแจ้งให้ทราบ อู่เหมยนักเรียนชั้นประถมปีที่ห้าห้องสาม เข้าร่วมการแข่งขันวาดรูปรุ่นเยาวชนประจำเมืองจิน ได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับสอง อีกทั้งในช่วงฤดูใบไม้ผลิของปีหน้าอู่เหมยจะต้องเป็นตัวแทนของเมืองจินเข้าประกวดระดับประเทศที่เมืองหลวง ขอแสดงความยินดีกับอู่เหมยด้วย!”
ทั้งครูและนักเรียนต่างพากันนิ่งไปพักใหญ่ และตามมาด้วยเสียงกึกก้องกังวานจากการปรบมือ ราวกับเสียงฟ้าผ่าที่ได้ยินในช่วงฤดูใบไม้ผลิ
อู่เซาหมุนตัวและหันกลับมามองอู่เหมยอย่างรู้สึกทึ่ง กระแอมเบาๆ และถามขึ้น “เหมยเหมยเธอได้รับรางวัลแล้ว!”
อู่เหมยเองก็กระแอมขึ้นและตอบกลับ “ฉันได้ยินแล้ว ฉันไม่ได้หูหนวก!”
แม้ว่าจะเตรียมใจมาก่อนแล้ว แต่พอได้มาฟังข่าวดีว่าตัวเองได้รับรางวัล กลับทำให้อู่เหมยตื่นเต้นมาก เธอสัมผัสและรับรู้ได้ถึงสายตาของคนรอบข้างที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น และยังมีรอยยิ้มที่แสดงออกถึงการชื่นชมของครูหลายๆ คน ถ้าเป็นเมื่อก่อนทั้งหมดนี้มันเป็นของอู่เยวี่ย
แต่ตอนนี้มันเป็นของเธอ!
สายตานับร้อยพันของคนอื่นมันช่างทำให้รู้สึกสบายใจจริงๆ อู่เหมยรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะลอย และเหมือนกับลอยขึ้นสูงด้วย ใจที่เต้นแรงเป็นอย่างมาก รู้สึกถึงใบหน้าที่ร้อนผ่าว ร่างทั้งร่างราวกับไร้ซึ่งเรี่ยวแรง เธอภาวนาให้เสียงเพลงของการทำกายบริหารดังขึ้นเร็วๆ เธออยากจะเต้นกายบริหารเพื่อระบายอารมณ์ความรู้สึกที่ตื่นเต้นนี้ออกไป
ในขณะเดียวกันที่อู่เหมยตื่นเต้นดีใจอีกด้านหนึ่งที่ถูกเปรียบเทียบก็คืออู่เยวี่ย เธออยู่ในกลุ่มของเด็กมัธยม เช่นเดียวกันที่ได้ยินวิทยุกระจายเสียงจากผู้อำนวยการ ราวกับเธอได้ตกลงไปในอุโมงค์กักเก็บน้ำแข็ง อู่เหมยไปเรียนวาดรูปตอนไหน?
อีกทั้งยังได้รับรางวัลดีๆ แบบนี้ด้วย?
แถมยังได้เป็นตัวแทนของเมืองจินเข้าประกวดระดับประเทศที่เมืองหลวงอีก?
นี่ถือเป็นเกียรติอย่างมาก แล้วทำไมถึงได้เป็นของยัยโง่อู่เหมย?
“อู่เยวี่ย น้องสาวของเธอเก่งมาก ถ้าฉันมีน้องสาวที่เก่งขนาดนี้บ้างก็คงจะดีนะ!”
นักเรียนหญิงรอบข้างต่างพากันพูดขึ้นอย่างอิจฉา แม้ว่าในตอนนี้ทุกคนจะมองว่าการเรียนเป็นที่หนึ่ง แต่การร้องเพลง เต้น วาดรูปนั้นก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เพียงแต่ต้องพัฒนาให้ถึงในระดับเมืองระดับประเทศ แต่นี่เธอทำได้ในระดับเมืองและยังได้รับรางวัล อีกทั้งยังได้เป็นตัวแทนเข้าร่วมการแข่งขันระดับประเทศ ถือเป็นความสามารถที่มีความต่างอยู่มาก!
นักเรียนคนอื่นๆ ต่างพากันเห็นด้วยตาม ทุกคนต่างอิจฉาอู่เยวี่ยที่มีน้องสาวเก่งแบบนี้ เดิมทีเป็นเพราะวันดีคืนดีบนตัวอู่เยวี่ยมักจะมีกลิ่นเหม็น ทำให้นักเรียนหลายคนต่างตีตัวออกห่างและเว้นระยะห่างจากเธอ แต่พออู่เหมยได้รับรางวัล เด็กนักเรียนร่วมชั้นถึงได้เริ่มกลับมาสนิทใกล้ชิดเธออีกครั้ง
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่อู่เยวี่ยต้องการ แม้ว่าเธอต้องการจะสนิทกับเพื่อนๆ อีกครั้ง แต่เธอไม่ได้ต้องการด้วยวิธีแบบนี้ เพราะนั่นทำให้เธอรู้สึกถึงความอัปยศอดสู
คนอย่างอู่เยวี่ยจำเป็นต้องพึ่งพาคนโง่ๆ อย่างอู่เหมยตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
แต่ก่อนทุกคนต่างพูดว่า ‘อู่เหมย พี่สาวของเธอเก่งมาก ถ้าฉันมีพี่สาวที่เก่งขนาดนี้บ้างก็คงดี!’
แต่ในตอนนี้เธอกับอู่เหมยต่างกลับกันไปหมด ความต่างที่เห็นได้ชัดนี้ทำให้รอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของอู่เยวี่ยเริ่มจางหายไป แต่เธอพยายามฝืนยิ้ม จะให้ใครรู้ไม่ได้ว่าความรู้สึกในตอนนี้ของเธอมันย่ำแย่มาก อีกทั้งเธอเองต้องคิดไปในทางที่มีผลประโยชน์ อย่างน้อยอู่เหมยก็ได้ช่วยเธอไว้ ได้ทำให้เธอและเพื่อนๆ กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง
อู่เยวี่ยทำได้เพียงแค่ปลอบใจตัวเองอยู่แบบนั้น เธอหวังเพียงแค่ขอให้วันพรุ่งนี้มาถึงเร็วๆ ต่อให้พรุ่งนี้จะท้องเสีย หรือบนตัวจะมีกลิ่นเหม็น เธอจะไม่สนใจต่อผลกระทบนี้อีก แต่จะทำแค่ตั้งใจสอบ
เธอจะต้องเอาที่หนึ่งกลับมา เธอจะเอาความภาคภูมิใจในวันวานกลับคืนมา!
…………………………………………………………………………………………..