ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 353 พี่คะ พี่พยายามรักษาที่หนึ่งถึงที่สามไว้ให้ได้ล่ะ + ตอนที่ 354 ท่าทีของอู่เจิ้งซือที่เปลี่ยนไปมาก
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- ตอนที่ 353 พี่คะ พี่พยายามรักษาที่หนึ่งถึงที่สามไว้ให้ได้ล่ะ + ตอนที่ 354 ท่าทีของอู่เจิ้งซือที่เปลี่ยนไปมาก
ตอนที่ 353 พี่คะ พี่พยายามรักษาที่หนึ่งถึงที่สามไว้ให้ได้ล่ะ
อู่เจิ้งซือมองลูกสาวคนเล็กอย่างชื่นชม ขาดแคลนขนาดนั้น แต่ยังซื้อซาลาเปาไข่ปูกลับมาให้เขาด้วยความกตัญญูอีก นับว่าดีกว่าลูกสาวคนโตมาก อู่เยวี่ยไม่เคยซื้อซาลาเปาไข่ปูกลับมาให้เขาแม้แต่ครั้งเดียว แม้แต่ซาลาเปาไส้หมูเองก็ไม่เคยเห็นสักครั้ง
“ต่อไปนี้ค่าเรียนกับค่ากระดาษให้มาขอจากพ่อนะ ส่วนเงินค่าขนมลูกก็เก็บเอาไว้ใช้เถอะ”
อู่เหมยแหงนหน้าขึ้นมองอย่างตื่นเต้นดีใจ “พ่อคะ พ่อไม่คัดค้านที่หนูเรียนวาดรูปแล้วเหรอ?”
อู่เจิ้งซือยิ้มและพยักตอบ “เมื่อก่อนพ่อผิดเอง โชคดีที่ลูกไม่ยอมแพ้ต่อการเรียนวาดรูป ถึงทำให้มีวันนี้ได้ ต่อไปนี้พ่อจะคอยสนับสนุนลูกเอง ลูกวางใจได้ และขอให้ตั้งใจเรียนต่อไปนะ!”
“ขอบคุณค่ะพ่อ!”
อู่เหมยดีใจเป็นอย่างมาก เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าทุกอย่างจะราบรื่นแบบนี้ ตอนแรกนึกว่าจะต้องได้เปลืองน้ำลายมากกว่านี้!
อู่เจิ้งซือเองก็ติดเชื้อความดีใจจากอู่เหมย จึงยิ้มและพูดขึ้น “ต่อให้จะเป็นตัวของลูกเองหรือจะเป็นการเรียน พ่อหวังว่าลูกจะไม่เอาดีแต่วาดรูปแล้วทิ้งการเรียนนะ”
“จะไม่เป็นแบบนั้นค่ะ พ่อสบายใจได้เลย!” อู่เหมยตกปากรับคำเสียงดัง
แน่นอนว่าเธอจะไม่มีทางทำลายด้านการเรียน เธอเองยังหวังที่จะพัฒนาขึ้นไปอีกหนึ่งขั้น!
เหอปี้อวิ๋นรู้สึกใจคอไม่ดีที่ได้เห็นอาการดีใจของทั้งสองพ่อลูก การที่อู่เหมยได้รับรางวัลไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกดีใจเลยแม้แต่น้อย เธอเองก็ไม่เข้าใจทัศนคติของตัวเองว่า เหตุใดถึงต้องทำกับอู่เหมยราวกับโกรธเกลียดเคียดแค้นกันนัก?
ทั้งๆ ที่เป็นก้อนเนื้อก้อนหนึ่งที่ได้เกิดมาจากท้องของเธอเอง!
หลายต่อหลายครั้งที่เธอพยายามจะฝืนเพื่อให้ตัวเธอเองชอบอู่เหมย แต่ทุกครั้งที่เห็นหน้าของอู่เหมย เธอกลับรังเกียจลูกสาวคนนี้มาจากก้นบึ้งของหัวใจ โกรธแค้นกันราวกับเธอเป็นดั่งลูกนอกไส้ ทำอย่างไรก็ไม่มีทางชอบเธอได้
หากว่าเป็นเมื่อก่อน เหอปี้อวิ๋นคงจะทำตัวดูถูกเหยียดหยามและประชดประชัน แต่ในตอนนี้เธอทำได้แค่ตามน้ำไปก่อน เพราะไม่ควรทำให้อู่เจิ้งซืออารมณ์เสีย เหอปี้อวิ๋นจึงจำใจฝืนทนและเดินกลับออกไปยังระเบียงและเริ่มลงมือทำมื้อเย็นต่อไป
อู่เยวี่ยเองก็กลับมาแล้ว เธอเองก็รู้สึกอารมณ์เสียไม่น้อย แต่ใบหน้ากลับไม่แสดงอารมณ์แต่อย่างใด ยิ้มอ่อนๆ และพูดขึ้น “ยินดีกับเหมยเหมยด้วยนะ เพื่อนๆ ในห้องต่างพากันอิจฉาพี่ บอกว่าพี่มีน้องสาวที่เก่งมากเลย!”
อู่เหมยรู้สึกไม่คุ้นชินกับอู่เยวี่ยในลักษณะนี้ คาดเดาและเข้าถึงได้อยาก ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ว่าในใจของเธอคิดอะไรอยู่ และก็ไม่อาจรู้ได้เลยว่าคำพูดไหนของเธอที่เป็นจริงเป็นเท็จ
“ขอบคุณค่ะ พรุ่งนี้พี่ก็สู้ๆ นะคะ รักษาที่หนึ่งถึงที่สามไว้ให้ได้ล่ะ!” อู่เหมยยิ้มตอบกลับไป แค่ละครเธอเองก็เล่นได้
เหอปี้อวิ๋นที่ได้ฟังคำพูดเหล่านี้กลับโมโหขึ้นมา และตะโกนเข้ามาในบ้าน “แกพูดบ้าอะไรอยู่? พี่สาวแกต้องได้ที่หนึ่งสิ!”
ตั้งแต่ที่เธอฟาดหัวอู่เจิ้งซือไปเมื่อคราวก่อน เหอปี้อวิ๋นเริ่มเผยธาตุแท้ออกมามากขึ้น ไม่เหมือนกับเมื่อก่อนที่ต้องคอยรักษากริยาวาจา น้ำเสียงที่ใช้สนทนาก็เปลี่ยนเป็นกระด้างขึ้นมาก และไม่ค่อยให้ความสนใจต่อกาลเทศะเท่าที่ควร
แต่ถึงอย่างไรเธอเองก็คิดว่าเมื่อถึงคราวที่ความรู้สึกมันได้แตกร้าวไปแล้ว ก็ปล่อยไปตามธรรมชาติจะได้เป็นตัวของตัวเองดีกว่า!
อู่เหมยเองก็ตะโกนออกไปยังด้านนอกประตู “หากหวังอะไรไว้มากๆ ความผิดหวังก็จะยิ่งมากตาม แม่อย่าสร้างความกดดันให้พี่มากเกินไปสิคะ ถ้าหากว่าพี่สอบได้ไม่ดี แล้วต้องนอนฝันร้ายจะทำยังไง?”
อู่เยวี่ยรู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างมาก เธออดทนเก็บความรู้สึกนี้ไว้ตั้งแต่ช่วงบ่าย แต่เธอจะต้องทนต่อไป เธอจะไม่ยอมตกเป็นหมากในเกมของอู่เหมยแน่ เธอจะต้องใจเย็น
“อู่เหมยน้องคงไม่ได้หวังให้พี่สอบไม่ผ่านหรอกใช่ไหม?” อู่เยวี่ยยิ้มบางๆ และถามกลับ
“จะเป็นไปได้ยังไง? พี่เป็นพี่ของหนูนะ หากว่าพี่สอบได้คะแนนไม่ดี หนูก็ต้องขายหน้าสิคะ แต่เมื่อเทียบกับหน้าตาแล้ว หนูหวังว่าพี่จะมีสุขภาพจิตดีนะคะ!” สภาพจิตใจของอู่เหมยดีกว่าปกติมาก
“สุขภาพจิตของพี่ดีมาก อู่เหมย น้องไม่ต้องคิดมากนะ” อู่เยวี่ยเองเป็นเด็กผู้หญิงที่มีอายุแค่สิบสี่ปี ในเมื่อเธอได้รับการกระตุ้นจากอู่เหมยหลายต่อหลายครั้ง คงแปลกถ้าจะยังทนต่อได้ แค่แวบเดียวสีหน้าท่าทางของเธอก็เปลี่ยนไป
…………………………………………………………………………………………..
ตอนที่ 354 ท่าทีของอู่เจิ้งซือที่เปลี่ยนไปมาก
อู่เหมยยักไหล่และพูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ “ถ้าพี่บอกเองว่าไม่มีปัญหาก็ไม่คงจะไม่มีปัญหา”
เหอปี้อวิ๋นเดินเข้ามาและต่อว่าเธอ “เหมยเหมยแกอย่าเอาแต่ดึงเรื่องที่พี่ของแกฝันร้ายมาเอี่ยวด้วยสิ สภาพจิตใจของพี่แกจะมีปัญหาอะไรได้? ไม่ใช่แค่ฝันร้ายเองหรอกเหรอ? ทุกวันนี้แกจะเอาแต่พูดไร้สาระไปเพื่ออะไร?”
อู่เหมยดึงคอเสื้อของตัวเองลงและชี้ตรงคอที่ไม่มีร่องรอยใดๆ แล้วพูดขึ้น “ร่องรอยที่เกิดจากการฝันร้ายของพี่มันไม่น้อยเลยนะคะ หากไม่ระวังคงได้พรากชีวิตคนได้ แม่ไม่เข้าใจสถานการณ์ดีพอ อีกหน่อยถ้าพี่ได้เด็ดคอแม่ออกมา แม่คงจะไม่ได้พูดจาแบบนี้หรอก!”
“ยัยเด็กบ้านี่ ไม่โดนตีสั่งสอนริอาจเหิมเกริมเหรอ คุณอู่ คุณจัดการยัยเด็กนี่ให้ดีล่ะ ดูเอาเองว่าเธอพูดอะไรออกมา แม้แต่ความเคารพต่อผู้หลักผู้ใหญ่ยังไม่มีเลย”
เหอปี้อวิ๋นโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เธอนึกอยากกจะตีอู่เหมยแรงๆ ด้วยไม้ขนไก่ แต่ก็ไม่กล้าทำ จึงทำได้เพียงบ่นโทษต่ออู่เจิ้งซือ เพื่อหวังให้อู่เจิ้งซืออบรมสั่งสอนอู่เมหย
แต่เธอกลับไม่ลองคิดดูบ้างว่าอู่เจิ้งซือในตอนนี้รักใคร่เอ็นดูอู่เหมยแค่ไหน เขาเองก็เป็นคนที่อยู่กับความเป็นจริงเสมอ เมื่อก่อนอู่เยวี่ยทำได้ดี ทุกๆ ครั้งจะสอบได้ที่หนึ่งเสมอ นั่นถือเป็นเกียรติให้กับเขา ดังนั้นเมื่ออู่เยวี่ยทำผิด เขาทำเป็นหลับหูหลับตาและไม่ได้ต่อว่าใดๆ
แต่ในตอนนี้กลับกันที่เป็นฝั่งอู่เหมยเท่านั้น เธอแค่พูดกระทบกระทั่งเหอปี้อวิ๋นไปบ้าง แค่เรื่องเล็กๆ ก็ไม่ถือเป็นปัญหาอะไรมากนัก
เหอปี้อวิ๋นเองก็มีส่วนผิด เขาก็ต้องมองดูท่าทีที่เธอมีต่ออู่เหมยด้วย ขนาดตัวเขาเองที่เห็นยังรู้สึกไม่สบายใจ
“ที่เหมยเหมยพูดก็มีเหตุผล เธอไม่ควรจะสร้างความกดดันให้อู่เยวี่ยมากเกินไป ทุกวันนี้เธอเอาแต่ตะโกนว่าต้องได้ที่หนึ่งจะมีประโยชน์อะไร? หรือเธอคิดว่าเธอพูดเสียงดัง แล้วจะทำให้อู่เยวี่ยสามารถสอบได้ที่หนึ่งเหรอ?”
อู่เจิ้งซือสั่งสอนเหอปี้อวิ๋นเสร็จ ก็ได้มองไปยังอู่เยวี่ยอีกครั้งและใช้น้ำเสียงที่ดีขึ้น “เยวี่ยเยวี่ยลูกแค่พพยายามทำให้เต็มที่ก็พอ อย่าไปฟังแม่เขามาก แค่รักษาตำแหน่งให้อยู่ในหนึ่งถึงสามก็พอ”
ช่วงก่อนหน้านี้ที่เขาไปรักษาตัวที่บ้านของพ่อกับแม่ ทำให้เขาคิดอะไรหลายๆ อย่างได้ ท่าทีของอู่เยวี่ยในตอนนี้ถือว่าปกติดีมาก เด็กผู้หญิงหลายๆ คนในวัยประถมจะได้คะแนนดี แต่พอถึงช่วงมัธยมต้นหรือปลายก็มักจะคะแนนตกไปอย่างเห็นได้ชัด ต่อให้พยายามมากแค่ไหนก็เปล่าประโยชน์
อู่เยวี่ยคงจะจัดอยู่ในเกณฑ์นี้ด้วย ตัวเขาเองไม่ควรจะสร้างความกดดันให้อู่เยวี่ยมากเกินไป เพียงแค่อู่เยวี่ยสามารถรักษาตำแหน่งให้อยู่ในหนึ่งถึงสิบของโรงเรียนก็พอแล้ว ในอนาคต หนทางที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงก็ไม่ใช่ปัญหาแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้นคือครั้งก่อนที่อู่เยวี่ยฝันร้ายช่วงดึกดื่นเกือบทุกคืนแล้วได้บีบคออู่เหมย เรื่องนั้นยังทำให้อู่เจิ้งซือตกใจไม่น้อย และยิ่งตอนที่เหอปี้อวิ๋นมีอาการโรคประสาทกำเริบแล้วตีหัวเขา ทำให้อู่เจิ้งซือคิดว่าอาการของอู่เยวี่ยได้รับการถ่ายทอดมาจากเหอปี้อวิ๋น เลยทำให้เธอไม่ปกติ เบื้องต้นคือไม่ควรทำให้เธอรู้สึกสะเทือนใจเกินไป
เขายอมมีลูกสาวที่สอบได้ที่โหล่อย่างเป็นเรื่องธรรมดา ดีกว่าต้องมีลูกสาวที่เป็นโรคประสาท!
เพราะฉะนั้นเขาเองก็ไม่ได้คาดหวังอะไรกับอู่เยวี่ยแล้ว!
ดีที่ว่าอู่เหมยทำเรื่องให้เขาได้ดีจนน่าแปลกใจ นั่นทำให้อู่เจิ้งซือได้เชิดหน้าชูตาได้อีกครั้ง และเขาคงต้องได้ฝากฝังความหวังเอาไว้ที่ลูกสาวคนเล็ก แม้ว่าเลือดในกายของอู่เหมยจะไม่ใช่สายเลือดของบ้านตระกูลอู่ก็ตาม แต่เรื่องนี้แม้แต่พ่อแม่ของเขาก็ไม่เคยรับรู้ หากว่าเขาไม่พูด อู่เหมยก็จะยังเป็นลูกสาวของบ้านตระกูลอู่ได้ตลอดไป
อู่เยวี่ยนึกไม่ถึงว่าอู่เจิ้งซือจะมีท่าทีแบบนี้ แตกต่างไปจากเมื่อก่อนมาก ราวกับไม่สนใจอีกแล้วว่าเธอจะสอบได้ที่เท่าไหร่ ทั้งๆ ที่พ่อของเธอให้ความสนใจกับลำดับคะแนนของเธอมาก
“พ่อคะ ไม่ต้องห่วงนะคะ หนูมั่นใจกับการสอบในวันพรุ่งนี้มากเลยค่ะ” อู่เยวี่ยพูดเสียงดัง
อู่เจิ้งซื้อยิ้มบางๆส่งให้และลูบหัวเธอเบาๆ “มีความมั่นใจเป็นสิ่งที่ดี แต่เยวี่ยเยวี่ยสิ่งที่ลูกควรเรียนรู้เอาไว้ ก็คือผ่อนคลายลงบ้าง อย่าไปสนใจกับเรื่องลำดับที่ให้มาก แค่ทำให้เต็มที่ก็เพียงพอแล้วนะ!”
อู่เยวี่ยมองอู่เจิ้งซืออย่างเหลือเชื่อ คนที่ให้ความสนใจต่อลำดับที่มากๆ อย่างเขา กลับบอกเธอว่าไม่ต้องสนใจลำดับที่งั้นหรือ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
…………………………………………………………………………………………..
Comments for chapter "ตอนที่ 353 พี่คะ พี่พยายามรักษาที่หนึ่งถึงที่สามไว้ให้ได้ล่ะ + ตอนที่ 354 ท่าทีของอู่เจิ้งซือที่เปลี่ยนไปมาก"
MANGA DISCUSSION
Leave a Reply Cancel reply
This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.
PennyC
อ้าวแสดงว่าชาติที่แล้วคือแม้ตอนตายก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองไม่ใช่ลูกบ้านนี้เหรอ สงสารน้องอะ
เจ้าแมวเหมียวๆ
อห. พ่อนี่เองตัวการ
Lafindor
ถถถสรุปอีพ่อไปเอาลูกเค้ามา