ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 369 สอบได้แย่อีกแล้ว + ตอนที่ 370 จุดธูปไหว้ผู้อาวุโสทุกวัน
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- ตอนที่ 369 สอบได้แย่อีกแล้ว + ตอนที่ 370 จุดธูปไหว้ผู้อาวุโสทุกวัน
ตอนที่ 369 สอบได้แย่อีกแล้ว
อู่เยวี่ยได้แต่นิ่งเงียบ เธอรู้ดีว่าครั้งนี้สอบได้แย่อีกแล้ว ทั้งที่บนตัวเธอไม่ได้มีกลิ่นเหม็นมานานแล้ว แต่ทำไมวันนี้กลิ่นประหลาดนั้นถึงได้กลับมาอีก เหมือนกับครั้งก่อนมาก และเธอก็รู้สึกปวดท้องขึ้นมา ในหนึ่งวันต้องวิ่งเข้าออกห้องน้ำอยู่หลายหน ขับถ่ายจนทำให้เธอรู้สึกอ่อนเพลีย ร่างทั้งร่างแทบทรงตัวไม่อยู่
เธอไม่รู้เลยว่าตัวเองทำข้อสอบเสร็จได้ด้วยวิธีไหน ข้อสอบหลายๆ ข้ออยู่ในเนื้อหาที่เธอเคยทบทวนมาแล้วทั้งหมด แต่พอถึงเวลาสอบ ในหัวเธอกลับขาวโพลน อีกทั้งยังนึกไม่ออกว่าคำถามพวกนี้ควรจะตอบอย่างไร!
กระทั่งแค่เรียงความเธอเองก็ไม่รู้ว่าเขียนเสร็จไปได้อย่างไร ตรงเนื้อหาส่วนหลังที่เธอเขียนออกมา ยังไม่รู้เลยว่าคืออะไร รู้สึกเพียงว่าไม่ตรงกับหัวข้อ!
และยังมีวิชาคณิตศาสตร์ ที่คำถามข้อสุดท้ายก็ยังทำไม่เสร็จ เพราะเวลาไม่พอ เวลาสอบไม่เพียงพอต่อการสอบครั้งหนึ่งของเธอ อู่เยวี่ยอยากจะหาซื้อเต้าหู้มาเพื่อเอาหัวไปโขกให้ตายไปเสีย
เธอพยายามเรียกสติตัวเองกลับมา เธอจะยอมแพ้ง่ายๆ ไม่ได้ พรุ่งนี้ยังเหลืออีกสี่วิชา เธอเองยังมีโอกาสที่จะพลิกผันได้ จะต้องตั้งสติและใจเย็น ต่อให้ไม่สามารถรักษาที่หนึ่งถึงสามไว้ได้ แต่อย่างน้อยต้องรักษาที่หนึ่งถึงสิบไว้ให้ได้
ในใจของอู่เยวี่ยได้เปลี่ยนไปมาก เธอไม่ได้สนใจต่อที่หนึ่งอีกแล้ว ตอนนี้เธอหวังเพียงไม่แพ้จนน่าอับอาย อย่างน้อยแค่ให้อยู่ในลำดับหนึ่งในสิบก็พอแล้ว
“ก็พอได้จ้ะ ขอบใจเหมยเหมยนะที่เป็นห่วง” อู่เยวี่ยยิ้มบางส่งให้ พูดในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับจิตใจ
อู่เหมยมองเธอราวกับการยิ้มแต่กลับเป็นการเยาะเย้ย ยังทำเป็นใจดีสู้เสืออีกเหรอ อีกไม่กี่วันได้รู้กัน
“ยินดีกับพี่ด้วยนะคะ ครั้งนี้ต้องได้ที่หนึ่งแน่ๆ” อู่เหมยยิ้มจนตาหยีและพูดขึ้นอย่างจริงใจ
เหอปี้อวิ๋นยกหมูน้ำแดงเดินเข้ามา มองอู่เหมยแค่หางตา แล้วหันไปส่งยิ้มให้ “ลำบากเยวี่ยเยวี่ยแล้ว รีบกินข้าวเถอะ กินเสร็จจะได้รีบเข้าไปพักผ่อน พรุ่งนี้ยังมีสอบอีก!”
อู่เยวี่ยลุกขึ้นยืนและมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป มือเธอกุมอยู่ที่ช่วงท้องและวิ่งเข้าห้องน้ำไป ทำให้เหอปี้อวิ๋นยืนนิ่งเงียบไป พลันได้สติ “เยวี่ยเยวี่ยเป็นอะไรไปลูก? ปวดท้องอีกแล้วเหรอ?”
เหอปี้อวิ๋นเองก็รู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์บางอย่าง ช่วงที่อู่เยวี่ยกลับบ้านมา บนตัวมีกลิ่นเหม็น แต่เธอทำเหมือนว่าไม่ได้กลิ่นใดๆ เพราะเกรงว่าจะทำร้ายความรู้สึกของอู่เยวี่ย แต่ตอนนี้อู่เยวี่ยกลับไม่สบายท้องอีกแล้ว นั่นจึงทำให้เธอนึกถึงการสอบรายเดือนเมื่อเดือนก่อน
การสอบรายเดือนในครั้งก่อน อู่เยวี่ยมีลักษณะเดียวกันกับตอนนี้ทุกอย่าง บนตัวมีกลิ่นเหม็น และยังท้องเสียอีก จนสุดท้ายเยวี่ยเยวี่ยก็สอบได้แย่มาก หรือว่า…
เหอปี้อวิ๋นเริ่มมั่นใจในการคาดการณ์ของตัวเอง และยังถอนหายใจออกมา เยวี่ยเยวี่ยต้องสอบได้ที่หนึ่งอยู่แล้ว จะสอบออกมาแย่แบบนี้ได้อย่างไร?
ผ่านไปสี่ถึงห้านาที อู่เยวี่ยก็เดินออกมาจากห้องน้ำ อู่เยวี่ยเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยท่าทีโซซัดโซเซ ใบหน้าซีดขาวกว่าเดิม และนัยน์ตาเริ่มเลือนราง ดูรวมๆ แล้วไม่ดีเอาเสียเลย
เหอปี้อวิ๋นรีบเข้าไปถาม “เยวี่ยเยวี่ย ไม่สบายท้องใช่ไหม? รีบไปกินยาล้างพิษก่อน ยานั่นช่วยบรรเทาอาการท้องเสีย”
“ไม่มีผลหรอก ยาล้างพิษไม่มีผลเลยสักนิด ต้องเป็นเพราะซาลาเปาไส้หมูตอนเช้าที่แม่ทำแน่ๆ แม่ต้องใช้เนื้อที่หมดอายุมาทำอีกแน่เลย!” อู่เยวี่ยระเบิดอารมณ์ออกมากะทันหัน เธอจะต้องหาแพะมารับบาป และเหอปี้อวิ๋นก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
เป็นเพราะตอนเช้ามีซาลาเปาไส้หมู ครั้งก่อนที่เธอท้องเสีย สาเหตุก็เกิดจากการที่เธอกินเนื้อหมูที่หมดอายุ และในครั้งนี้ก็จะต้องเป็นเหตุผลเดียวกัน มิเช่นนั้นเธอจะท้องเสียขึ้นมาโดยไม่สามารถจับต้นชนปลายได้หรือ?
เหอปี้อวิ๋นที่ถูกอู่เยวี่ยด่าทอ จึงเริ่มรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ และพูดเสียงเบาเพื่อแก้ตัว “เยวี่ยเยวี่ย ตอนนี้แม่ไม่ได้ทำเนื้อเค็มเองแล้ว ซาลาเปาไส้หมูตอนเช้า ก็ทำมาจากเนื้อสดที่ซื้อมาจากเมื่อวาน ตอนนี้อากาศหนาวขนาดนี้ เนื้อคงไม่เสียได้ในหนึ่งคืนหรอกนะ”
“มันต้องเสียแน่ๆ ไม่อย่างงั้นหนูจะท้องเสียได้ยังไง? มันต้องเสีย!”
อู่เยวี่ยร้องไห้จนไม่มีเสียง เธอเองก็รู้ดีว่าเนื้อหมูในซาลาเปาที่เธอกินตอนเช้าไม่ได้มีปัญหา แต่เธอก็จำเป็นต้องหาเหตุผลให้ตัวเอง ไม่อย่างนั้นเธอจะยิ่งรู้สึกแย่ไปมากกว่านี้
…………………………………………………………………………………………..
ตอนที่ 370 จุดธูปไหว้ผู้อาวุโสทุกวัน
แม้ว่าเหอปี้อวิ๋นจะรู้สึกน้อยใจ แต่พอเธอได้เห็นลูกสาวอันเป็นที่รักร้องไห้จนแทบขาดใจ เธอกลับเจ็บปวดใจยิ่งกว่า จึงทำได้เพียงประนีประนอมไป “เป็นความผิดของแม่เอง ต่อไปนี้แม่จะไปซื้อเนื้อในช่วงเช้ามาทำ จะต้องไม่มีเนื้อที่เสียอีกแน่!”
อู่เหมยแอบลอบยิ้มกับตัวเอง แสร้งทำเป็นพูดขึ้นด้วยความตกใจ “พี่คิดไปเองหรือเปล่าคะ ซาลาเปาไส้เนื้อที่กินตอนเช้ารสชาติดีมาก หนูกินไปแล้วห้าลูกยังไม่เห็นจะท้องเสียเลย ต้องเป็นเพราะพี่ไปกินอะไรมั่วๆ ข้างนอกอีกหรือเปล่า?”
อู่เยวี่ยออกแรงส่ายหน้าไปมา “นอกจากข้าวเช้าที่กินในบ้าน ในตอนเที่ยงฉันยังไม่ได้กินอะไรเลย จะกินของเสียที่อื่นได้ยังไง?”
เหอปี้อวิ๋นเปิดฝากระบอกน้ำร้อนของอู่เยวี่ยออก ตอนเช้าที่เธอยกข้าวมาวางไว้ก็ไม่ได้กินเลย พลางรีบถามขึ้น “เยวี่ยเยวี่ยทำไมลูกไม่ทานมื้อเที่ยง? แบบนี้ไงเลยทำให้ไม่สบายท้อง”
“หนูจะกินลงได้ยังไง? วันนี้หนูวิ่งเข้าห้องน้ำเป็นสิบรอบ แม้แต่น้ำหนูยังไม่อยากดื่ม ข้าวก็ยิ่งไม่อยากกิน” เยวี่ยเยวี่ยพูดขึ้นเสียงดัง เธอกลั้นใจอดทนมาได้ทั้งวัน แต่คำพูดของเหอปี้อวิ๋นทำให้เธอหมดความอดทน
อู่เจิ้งซือที่หัวคิ้วผูกกันเป็นปม แค่มองสถานการณ์ตรงหน้า เขาก็รับรู้ได้ว่าลูกสาวคนโตต้องสอบได้คะแนนแย่อีกแล้ว!
การสอบในครั้งนี้ของเธอ เขาได้เตรียมใจมามากพอสมควร เขาไม่ได้มีหวังอะไรมากสำหรับการสอบรายเดือนของอู่เยวี่ย หากหวังไว้มาก ความผิดหวังก็ยิ่งมาก ในทางกลับกัน หากไม่หวังอะไรมาก แน่นอนว่าความผิดหวังก็จะไม่มากตาม
“เยวี่ยเยวี่ย ระวังคำพูดหน่อย มารยาทของลูกไปไหนแล้วล่ะ?”
อู่เจิ้งซือมองอู่เยวี่ยด้วยความดุดัน แม้ในตอนนี้เขาจะไม่ชอบเหอปี้อวิ๋น แต่อย่างไรเหอปี้อวิ๋นก็ถือว่าเป็นผู้ใหญ่ อู่เยวี่ยพูดจาด้วยน้ำเสียงแบบนี้ไม่สมควรอย่างยิ่ง ฟังแล้วขัดหูมาก
อู่เหมยเองก็ตามน้ำไปด้วย “พี่คะ พี่สอบได้ไม่ดีทำไมต้องโทษแม่ด้วยล่ะคะ? แม่ดีกับพี่ขนาดนี้ คาบไว้ในปากก็กลัวว่าจะละลาย พอประคองด้วยมือก็กลัวจะตกหล่น ประคบประหงมพี่ดีขนาดนี้ พี่นี่ใจร้ายชะมัดเลย”
เธอยังพูดต่ออีกว่า “หากแม่ดีกับหนูได้สักครึ่งหนึ่งของพี่ หนูคงได้บูชาแม่เหมือนกับพระโพธิสัตว์ จุดธูปไหว้ผู้อาวุโสอยู่ทุกวันเลย”
ครึ่งประโยคฟังแล้วรู้สึกดีมาก และทำให้เหอปี้อวิ๋นพึงพอใจ อีกทั้งยังรู้สึกได้ว่าช่วงนี้ลูกสาวคนเล็กมีพัฒนาการด้านคำพูดคำจา ฟังแล้วลื่นหูขึ้น แต่ประโยคหลังที่พูดกลับทำให้ไม่อยากฟังต่อ จุดธูปไหว้บ้าอะไร?
สาปแช่งว่าเธอเป็นคนตายเหรอ?
เหอปี้อวิ๋นจ้องหน้าอู่เหมยอย่างโกรธแค้น “วันๆ แกจะเปรียบเทียบอะไรกับพี่แกเหรอ? อย่างแกนี่สู้พี่แกคง…”
อู่เหมยตอกกลับคำพูดของเธอ โดยไม่มีความโกรธเคืองอะไร หัวเราะและพูดออกไป “แม่เองก็อย่าเอาแต่บอกว่าหนูเทียบกับพี่ไม่ได้สิคะ พี่ก็แค่คะแนนสูงกว่าหนูนิดหน่อย แต่อย่างอื่นไม่เห็นว่าจะเทียบอะไรหนูได้?”
เหอปี้อวิ๋นกำลังจะด่าขึ้น แต่กลับถูกอู่เหมยตอกกลับอย่างรวดเร็ว “เรามาพูดถึงความจริงกันเถอะค่ะ คนอื่นๆ ต่างบอกว่าหนูสวยกว่าพี่ แค่รูปร่างหน้าตาพี่ก็แพ้หนูแล้วและหนูก็ไม่มีกลิ่นเต่า แต่พี่มีกลิ่นเต่า หนูทำอาหารและงานบ้านได้ แม้แต่ถุงเท้าพี่ยังซักไม่เป็นเลย และหนูยังวาดรูป เต้นรำได้ อีกทั้งยังได้รับรางวัลวาดรูปด้วย!”
ทุกคำพูดของอู่เหมย ทำให้สีหน้าของอู่เยวี่ยซีดเผือดไปกว่าเดิมมาก ความรู้สึกของอู่เจิ้งซือก็เริ่มหนักแน่นขึ้นมา สิ่งที่ลูกสาวคนเล็กพูดเป็นความจริงทุกอย่าง แบบนี้แล้ว ดูเหมือนว่าอู่เหมยจะแข็งแกร่งกว่าอู่เยวี่ยมาก
แปลกมาก ทำไมเมื่อก่อนเขาไม่เคยคิดถึงจุดนี้เลย?
ในใจคิดเพียงแค่ว่าลูกสาวคนเล็กไม่มีการพัฒนาใดๆ!
สีหน้าของเหอปี้อวิ๋นได้เปลี่ยนไปจากเดิม เธอไม่อยากยอมรับสิ่งเหล่านี้ แต่ความเป็นจริงมันเป็นเช่นนี้ หากเธอจะไม่ยอมรับก็คงเป็นไปไม่ได้
ลูกสาวสุดที่รักที่เป็นเหมือนแก้วตาดวงใจของเธอ นึกไม่ถึงว่าจะถูกยายเด้กบ้านี่บีบจนจมไปได้ ด้านหน้าเธอที่มีอู่เหมยและอู่เยวี่ยอยู่ ราวกับได้ฉายภาพเธอกับยายชั่วนั่นขึ้นอีกครั้ง
ยายชั่วนั่นแกร่งกว่าเธอทุกอย่าง มีเพียงแค่เรื่องการเรียนที่ไม่เอาไหน แม้ว่าคะแนนของเธอจะไม่ได้ดีมากนัก แต่ก็ยังเป็นสิ่งที่เธอสามารถเอาชนะยายชั่วนั้นได้ และอีกสิ่งหนึ่งคือลำดับในตระกูล
แต่ยายชั่วนั่นกลับบอกว่า ‘เธอมีแต่คะแนนที่ดี แต่อย่างอื่นมีอะไรที่เหนือกว่าเธอเหรอ?’
ในตอนนี้อู่เหมยเองก็พูดออกมาแบบนี้ สองคนนี้พูดออกมาได้เหมือนกันทุกอย่าง เหอปี้อวิ๋นกลับใจลอยขึ้นมา เธอเริ่มไม่สามารถแยกแยะได้ระหว่างเหตุการณ์ในตอนนี้และเหตุการณ์ในครั้งนั้น ราวกับกาลเวลาได้หวนย้อนกลับมาอีกครั้ง!
…………………………………………………………………………………………..