ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 381 ทำลงไปแล้ว + ตอนที่ 382 มีสิ่งใดที่แตกสลายอีก
ตอนที่ 381 ทำลงไปแล้ว
อู่เยวี่ยพยายามฝืนทนเพื่อลุกขึ้นยืน เป็นเพราะความโกรธที่มีอยู่มากจึงทำให้ได้สติขึ้นมา เธอผลักประตูออกในครั้งเดียว และมองกลุ่มนักเรียนหญิงที่ยืนอยู่แถวขั้นบันไดด้วยสาตายแข็งกระด้างและเย็นชาราวกับอุโมงค์น้ำแข็ง
จากตอนแรกที่นักเรียนหญิงกลุ่มนั้นเตรียมตัวจะกลับเข้าห้องเรียน แต่กลับต้องตกใจอู่เยวี่ยเป็นอย่างมาก พวกเธอต่างคาดไม่ถึงว่าอู่เยวี่ยจะแอบซ่อนตัวอยู่ในห้องน้ำ ถ้าอย่างนั้นคำพูดที่พวกเธอเพิ่งพูดออกไป เธอก็คงจะได้ยินมันหมดแล้ว!
นักเรียนหญิงกลุ่มนี้จากหน้าขึ้นสีกลายเป็นซีดเผือดไปตามๆ กัน พวกเธอต่างรู้สึกไม่สบายใจ ถึงอย่างไรก็ถือว่าพวกเธอได้พูดนินทาให้ร้ายคนอื่นลับหลัง และยังโดนคนที่ถูกพูดถึงจับได้คาหนังคาเขา ช่างน่าอายเสียจริง
“อู่เยวี่ย เธอหลบอยู่ในห้องน้ำทำไมไม่ส่งเสียงพูดอะไรเลยล่ะ? พวกเราตกใจหมดเลย!” นักเรียนหญิงคนหนึ่งพูดขึ้นและส่งยิ้มตาหยีให้ ราวกับไม่ได้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เธอเป็นคนเดียวกันกับคนที่พูดว่าอู่เยวี่ยมีแผนการและความคิดที่ไม่ใสสะอาด
อู่เยวี่ยมองเธอที่ยังกล้าพูดออกมาว่าเธอทำตัวหลบๆ ซ่อนๆ จึงทำให้อารมณ์โกรธปะทุขึ้น เธอจึงกัดฟันพูดอย่างเยือกเย็น “ถ้าฉันส่งเสียงพูด จะได้ยินเพื่อนร่วมห้องที่ดีของฉัน เอาฉันมานินทาและพูดให้ร้ายลับหลังแบบนี้เหรอ?”
เมื่อพูดจบเธอยังคงไม่หายโมโห จึงพูดเยาะเย้ยต่อ “ต่อหน้าพูดอย่างหนึ่ง ลับหลังกลับพูดอีกอย่างหนึ่ง มาถึงวันนี้ฉันก็เพิ่งรู้ว่าพวกเธอมันเป็นพวกต่อหน้ามะพลับ ลับหลังตะโก หรือเรียกอีกอย่างคือพวกตีสองหน้า แต่ฉันก็ไม่เคยทำอะไรไม่ดีกับพวกเธอนี่? ทำไมพวกเธอจะต้องทำร้ายฉันด้วย?”
คนอื่นๆ ถูกอู่เยวี่ยต่อว่าจนรู้สึกละอายใจ ทำได้เพียงแค่ก้มหน้างุด และไม่กล้าสบตากับอู่เยวี่ย เพราะอย่างไรพวกเธอก็เป็นฝ่ายผิด
ใครให้พวกเธอเลือกที่จะนินทาคนอื่นลับหลังล่ะ!
นักเรียนหญิงที่เคยขึ้นพูดก่อนหน้านี้หัวเราะเยาะอย่างจองหอง และพูดขึ้นเสียงดัง “พวกเราก็แค่พูดตามความจริงเท่านั้นเอง ถ้าเธอไม่เคยทำจริงๆ ทำไมจะต้องตื่นเต้นขนาดนี้ล่ะ? ดูท่าเธอก็กินปูนร้อนท้องอยู่นะ!”
“ฉันกินปูนร้อนท้องตรงไหน? แกอย่ามาพูดไร้สาระนะ!”
“ถ้าไม่ได้กินปูนร้อนท้อง แล้วทำไมตอนที่พวกฉันพูดถึงเธออยู่ เธอไม่ยอมออกมาล่ะ? เอาแต่ทำตัวลับๆ ล่อๆ และแอบอยู่ในนั้นโดยไม่ส่งเสียง เหอะ! ฉันว่านิสัยแอบฟังคนอื่นของเธอนี่คงจะทำอยู่บ่อยๆ สินะ คนที่มีจิตใจชั่วช้าก็มักจะเป็นแบบนี้”
“แกมันใส่ร้ายป้ายสี แกนั่นแหละที่มีจิตใจชั่วช้า พวกแกก็ด้วย!”
คำว่า ‘จิตใจชั่วช้า’ สี่พยางค์นี้มันได้แทงใจอู่เยวี่ยจนทำให้กระทบไปถึงเส้นประสาท สีหน้าของเธอบูดบึ้งและเปลี่ยนไปเป็นดุร้าย เธอโกรธจนเลือดขึ้นตา เอาแต่จ้องมองเพื่อนร่วมห้องของเธออย่างเย็นชา
บรรดานักเรียนหญิงที่อยู่ตรงนั้นต่างตกใจกับท่าทีของอู่เยวี่ย รู้สึกชาไปทั้งตัว แม้แต่นักเรียนหญิงใจกล้าคนนั้นก็ไม่กล้าแม้แต่จะปริปากพูด มีบางคนเริ่มเดินถอยหลังไปยังประตูเพื่อเตรียมวิ่งออกไป ลักษณะของอู่เยวี่ยในตอนนี้ราวกับสามารถเขมือบคนเข้าไปได้
อู่เยวี่ยในเวลานี้โมโหจนขาดสติ เพราะสิ่งที่กระทบกระทั่งเธออย่างต่อเนื่องทำให้เธอไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะ เธอรู้สึกโกรธแค้นอย่างมาก เธอจะสู้เพื่อชื่อเสียงของตัวเธอเอง!
ในเวลานี้ถือเป็นช่วงเวลาพักเที่ยง นักเรียนทุกคนต่างทยอยออกไปทานข้าวกันหมด มีนักเรียนบางกลุ่มที่นั่งรับแดดอยู่บริเวณสนาม บางกลุ่มก็กลับไปที่ห้องเรียนเพื่ออ่านหนังสือและพักผ่อน บรรยากาศในโรงเรียนเงียบสงบมาก
อู่เหมย อู่เชา และสยงมู่มู่พากันออกไปด้านนอกเพื่อทานมื้อเที่ยง ช่วงนี้อู่เหมยมักจะออกไปทานข้าวพร้อมกับอู่เชาเสียส่วนใหญ่ เธอเพิ่งค้นพบร้านอาหารเสฉวนที่มีรสชาติดี ฝีมือการทำอาหารของพ่อครัวดีมาก
เธอและอู่เชาเลือกสั่งเมนูเนื้อหนึ่งผักหนึ่ง อย่างมากราคาแค่หนึ่งหยวนกว่าๆ ทั้งข้าวและซุปให้ฟรี รสชาติอร่อยแถมยังกินได้อย่างอิ่มหนำสำราญ ช่วงนี้พวกเขาทั้งสองมักจะมากินที่ร้านนี้เป็นประจำ หลังจากที่สยงมู่มู่ได้รู้ เขาจึงได้ตามไปด้วยอย่างหน้าตาเฉย เพราะเหตุนี้จึงทำให้สั่งเพิ่มได้อีกหนึ่งเมนู และทำให้เป็นมื้ออาหารที่กินได้อย่างเอร็ดอร่อย
ทั้งสามพากันกินอิ่มจนส่งเสียงเรอออกมา และแบกพยุงท้องที่อิ่มแปล้กลับโรงเรียน แต่พอเดินมาถึงแค่สนาม ก็เจอเข้ากับจี้เหวินฮุ่ยที่วิ่งเข้ามาอย่างหน้าตาตื่น “แย่แล้วๆ อู่เยวี่ยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับนักเรียนคนอื่น!”
…………………………………………………………………………………………..
ตอนที่ 382 มีสิ่งใดที่แตกสลายอีก
อู่เหมยกะพริบตาปริบๆ และเอาแต่แคะหูตัวเอง นี่เธอฟังผิดไปหรือเปล่า?
คาดไม่ถึงว่าอู่เยวี่ยจะทะเลาะวิวาทกับนักเรียนคนอื่นได้?
ไม่ใช่ว่ายายชั่วนั่นชอบยืมมือคนอื่นมาฆ่าคนหรอกเหรอ?
ทำไมวันนี้ถึงได้ลงมือเองล่ะ?
อู่เชาจับตัวจี้เหวินฮุ่ยไว้เพื่อให้เธอพูดให้ชัดเจน จี้เหวินฮุ่ยพูดอย่างตื่นตระหนก “ฉันจะรู้ได้ไงว่าเกิดอะไรขึ้น? ฉันก็ฟังคนอื่นพูดมาเหมือนกัน ไม่เห็นเหรอว่าฉันกำลังจะเข้าไปดูสถานการณ์น่าตื่นเต้นสุดๆ นั้น อู่เชานายอย่ามาจับฉันนะ”
จี้เหวินฮุ่ยหลุดจากการครอบคลุมของอู่เชา และวิ่งไปยังตึกเรียนของนักเรียนมัธยม จากที่อืดอาดยืดยาดกลับกลายวิ่งเร็วขึ้นเสียยิ่งกว่ากระต่าย
อู่เชาเกิดความกังวลใจเล็กน้อย และพูดขึ้น “พวกเราก็ไปดูกันเถอะว่าเกิดเรื่องขึ้นจริงหรือเปล่า”
อู่เหมยพยักหน้ารับ เธอไม่ได้กังวลว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับอู่เยวี่ย แต่เธอเองก็ไม่ได้ต่างจากจี้เหวินฮุ่ยที่ไปดูก็เพื่อความครึกครื้นสนุกสนาน แต่ถึงอย่างไรเรื่องหน้าตาภาพพจน์ก็ต้องรักษาไว้ เพราะเธอก็อยากจะให้คนภายนอกชื่นชมเธอ!
เหมือนกับอู่เยวี่ยในช่วงก่อน ทุกคนต่างชื่นชมเธอว่าเป็นพี่สาวที่รักใคร่เอ็นดูน้องสาว!
ตรงจุดนี้เธอจะต้องหัดเรียนรู้จากอู่เยวี่ย เพื่อให้ทุกคนชื่นชมว่าเธอเป็นน้องสาวที่รักใคร่เอ็นดูและเป็นห่วงพี่สาว!
ห้องเรียนของอู่เยวี่ยอยู่บนชั้นสองของตึกเรียน สุดทางตรงระเบียงเป็นห้องน้ำ แต่ในเวลานี้เต็มไปด้วยผู้คน และมีความแน่นขนัด ทุกคนต่างยืดคอให้สูงขึ้นเพื่อดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างออกรสออกชาติ
“อู่เยวี่ยแกบ้าไปแล้วหรือไง? อย่าคิดว่าพวกฉันจะกลัวแก พวกเราแค่ไม่อยากทะเลาะกับแกก็เท่านั้น แกหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” น้ำเสียงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟของนักเรียนหญิงคนหนึ่งตะโกนออกมา และยังมีเสียงเกลี้ยกล่อมจากนักเรียนหญิงคนอื่นๆ
“พวกแกนี่เป็นพวกจิตใจชั่วช้าเหรอ? ถึงได้คอยแต่จะเอาฉันไปพูดสร้างเรื่องนินทาไปทั่ว คนจิตใจชั่วช้าใจดำอำมหิตอย่างพวกแก ออกจากประตูนี้ไประวังจะถูกรถชนตายนะ!” อู่เยวี่ยพูดขึ้นอย่างเย็นชา สีหน้าท่าทางดูน่ากลัว
สงครามที่เกิดขึ้นในห้องน้ำได้ลุกลามเคลื่อนย้ายออกมาด้านนอก ทุกคนต่างมองเห็นได้ชัดเจนขึ้น พวกเขามองเห็นท่าทีของอู่เยวี่ยแล้วเกิดรู้สึกตกใจไม่น้อย รวมถึงคำพูดของอู่เยวี่ยได้ทำให้คนฟังมีทัศนคติที่เปลี่ยนไป เพราะเธอเคยเป็นดั่งนางฟ้าคนเก่าของทุกคน
หญิงสาวที่มีจิตใจโอบอ้อมอารีจริงๆ จะพูดคำสาปแช่งอย่าง ‘ออกประตูนี้ไปขอให้ถูกรถชนตาย’ ออกมาได้ย่างไร?
นักเรียนหญิงที่ถูกอู่เยวี่ยจิกหัวไว้ เกิดรู้สึกโกรธจนควันออกหู เมื่อเธอมองเห็นรอบๆ เต็มไปด้วยคนจำนวนมาก จึงอดไม่ได้ที่จะจำฝังใจ และพูดขึ้นเสียงดัง “อู่เยวี่ย ถ้าแกบริสุทธิ์ใจ แกก็สาบานต่อหน้าของทุกคนสิ หากแกขโมยของไป ขอให้แกมีกลิ่นตัวเหม็นๆ ไปตลอดชีวิต และไม่มีวันที่จะมีกลิ่นตัวหอมไปตลอดชีวิต!”
“ฮ่าๆๆ!”
มีนักเรียนบางคนช่วยหัวเราะเสริม และยังมีนักเรียนบางคนที่ใช้มือบีบจมูกตัวเองไว้ เพื่อช่วยสมทบต่อคำพูดของนักเรียนหญิงคนนั้น
สติสัมปชัญญะของอู่เยวี่ยเหลืออยู่น้อยลงเต็มที เธอถูกนักเรียนหญิงคนนี้จูงจมูกไปได้ และตะโกนออกมาอย่างโกรธแค้น “ฉันไม่ได้ขโมยของ แกใส่ร้ายฉัน ฉันจะตีแกให้ตาย!”
“ถ้าไม่ได้ขโมยของก็สาบานมาสิ ขนาดแค่คำสาบานเธอยังไม่กล้าพูด แล้วใครจะเชื่อ!”
นักเรียนหญิงคนนั้นค่อยๆ บีบและเปิดเผยตัวตนของอู่เยวี่ย เธอเองก็เป็นคนหนึ่งที่มีแผนการสูง ตอนอยู่ในห้องน้ำเธอยอมให้อู่เยวี่ยบีบ แต่พอออกมาด้านนอกที่คนเริ่มเยอะขึ้นถึงได้เริ่มต่อต้านอู่เยวี่ย
“ทำไมฉันจะต้องสาบานด้วย ฉันบอกว่าไม่ได้ขโมยก็คือไม่ได้ขโมย พวกแกกำลังใส่ร้ายฉัน ฉันจะไปพูดกับครู” อู่เยวี่ยตาแดงก่ำพร้อมทั้งตะโกนออกไปสุดเสียงจนอ่อนแรง
“แกก็ไปหาครูสิ ฉันละไม่เคยพบไม่เคยเห็นคนหน้าด้านไร้ยางอายแบบนี้มาก่อนจริงๆ แกคิดว่ามีฉันคนเดียวเหรอที่รู้ว่าแกขโมยของ? ข่าวแพร่กระจายไปทั่วอี้จงแล้ว ขนาดเด็กสามขวบที่อยู่แถวอี้จงยังรู้เลยว่าแกเป็นคนประเภทไหน เหอะ! ยังคิดจะเสแสร้งทำตัวใส่ซื่อในโรงเรียนอีกเหรอ น่ารังเกียจ!”
นักเรียนหญิงคนนั้นไม่ได้ปกปิดความรังเกียจหรือเหยียดหยามใดๆ คนอื่นๆ ต่างตกใจนิ่งเงียบ จากนั้นได้ขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น
ปฏิกิริยาของทุกคนไม่แตกต่างกันเลย มองท่าทีที่เต็มไปด้วยความมั่นใจของนักเรียนหญิงคนนี้ กลัวว่าจะเป็นเรื่องจริง นึกไม่ถึงเลยว่าอู่เยวี่ยจะเป็นคนที่มีความคิดและแผนการที่สกปรกเช่นนี้
‘เพียะ!’
มีบางอย่างที่แตกร้าว นักเรียนทุกคนต่างจ้องมองท่าทีของอู่เยวี่ยอย่างสับสน
มีทั้งความรังเกียจ ความเห็นใจ ความนึกเสียดาย และความรู้สึกที่หัวใจหล่นวูบฉับพลัน…
เพียงแต่ไม่มีความอิจฉาและริษยาเหมือนก่อน!
…………………………………………………………………………………………..