ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 385 ไร้ศักดิ์ศรีไปโดยสิ้นเชิง + ตอนที่ 386 หนูไม่ได้เป็นคนพูด
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- ตอนที่ 385 ไร้ศักดิ์ศรีไปโดยสิ้นเชิง + ตอนที่ 386 หนูไม่ได้เป็นคนพูด
ตอนที่ 385 ไร้ศักดิ์ศรีไปโดยสิ้นเชิง
อู่เยวี่ยโกรธเคืองต่อคำพูดของอู่เหมยจนแทบจะอาเจียนออกมาเป็นเลือด อะไรคือแล้วแต่ความสุขของเธอ?
ระหว่างพูดแบบนี้กับการบอกต่อหน้าคนอื่นว่าเธอขโมยของมันต่างกันตรงไหน?
อู่เยวี่ยสัมผัสได้ถึงสายตาของคนรอบข้างที่เปลี่ยนไปจากเดิม และยังมีสายตารังเกียจเหยียดหยามของกลุ่มนักเรียนหญิงที่แสดงออกอย่างชัดเจน ดวงตาของเธอแดงก่ำขึ้นอย่างฉับพลัน
“เยวี่ยเยวี่ย ใครรังแกน้อง? รีบถอยไปสิ!”
เสียงตะโกนของเหยียนหมิงต๋าดังมาแต่ไกล เสียงมาก่อนตัว ฟังแล้วทำให้รู้ได้ว่าร้อนใจมากเพียงไหน เพียงครู่เดียวเหยียนหมิงต๋าก็สามารถเบียดเสียดแออัดเข้ามาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง พุ่งเข้าไปหาอู่เยวี่ยและสำรวจดูตัวของเธอ
“เยวี่ยเยวี่ยไม่เป็นไรใช่ไหม? ทำไมสีหน้าน้องดูไม่ดีเลยล่ะ น้องไม่สบายหรือเปล่า?” เหยียนหมิงต๋าถามไถ่สารทุกข์สุขดิบเธอด้วยความเป็นห่วง
ในใจอู่เยวี่ยที่เต็มไปด้วยความอึดอัดน้อยใจจนยากเกินเยียวยา แต่ในเวลานี้กลับได้รับความเป็นห่วงจากการปรากฏตัวของเหยียนหมิงต๋า เปรียบเสมือนเปลวไฟที่ลุกโชนในช่วงฤดูหนาว ทำให้ดวงใจเธออบอุ่น
“หนูไม่…”
อู่เยวี่ยพูดได้แค่ครึ่งประโยค น้ำตาก็เอ่อคลอขึ้นมาเต็มเบ้า และไหลพรั่งพรูออกมาเป็นสาย นั่นกลับทำให้เหยียนหมิงต๋าเจ็บปวดเหลือเกิน เขาหันไปถามอู่เหมย “ใครรังแกเยวี่ยเยวี่ยเหรอ?”
อู่เหมยมองไอ้เด็กโง่ตรงหน้า จมูกใช้การไม่ได้ไม่พอ สมองยังใช้การไม่ได้อีก สมควรแล้วที่ในชาติก่อนเขาต้องเลี้ยงฝูงม้าอยู่แต่ในทุ่งหญ้า!
“ไม่มีใครรังแกพี่เยวี่ยเยวี่ย พี่หมิงต๋าเข้าใจผิดแล้ว!” อู่เหมยพูดขึ้นเสียงเบา
“ถ้าไม่มีใครรังแกแล้วทำไมเยวี่ยเยวี่ยถึงได้ร้องไห้? ต้องมีคนรังแกแน่ๆ เยวี่ยเยวี่ย บอกพี่มาว่าใครที่กล้าทำขนาดนี้ พี่จะฆ่ามันให้ตาย!” เหยียนหมิงต๋าตะโกนร้องเสียงดังด้วยดวงตาแดงก่ำ
นักเรียนหญิงที่พึ่งไปอาเจียนในห้องน้ำเมื่อครู่ได้วิ่งกลับมา ใบหน้าซีดเซียวเล็กน้อย ได้ยินเสียงเรียกตะโกนของเหยียนหมิงต๋า จึงเปล่งเสียงพูดอย่างเหยียดหยาม “เหยียนหมิงต๋านายป่วยเหหรอ? อู่เยวี่ยนางบ้าขึ้นมาเอง แถมยังมีความคิดและแผนการที่ไม่ใสสะอาดอีก ใครจะกล้ารังแกหล่อนล่ะ?”
“หนูไม่ได้ขโมยของ พี่หมิงต๋าต้องเชื่อหนูนะ หนูจะขโมยของได้ยังไง!”
ท่าทางอ่อนแอของอู่เยวี่ยทำให้เหยียนหมิงต๋ารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก เขาได้ลืมคำพูดของเหยียนหมิงซุ่นไปเสียหมด ในสายตาเขาและในใจเขาตอนนี้มีแค่อู่เยวี่ยเพียงคนเดียว
“พี่เชื่อน้อง เยวี่ยเยวี่ยไม่มีทางขโมยเครื่องเงินของอู่เหมยเป็นแน่ น้องอยากได้อะไรแม่ก็มักจะหาซื้อมาให้ ไม่จำเป็นที่น้องต้องไปขโมย พอดีเลยที่อู่เหมยก็อยู่ตรงนี้ ให้อู่เหมยช่วยอธิบายหน่อยสิ เหมยเหมยเร็วเข้าสิ!”
เหยียนหมิงต๋าพูดเองตอบเองอยู่คนเดียว แน่นอนว่าเขาต้องการให้อู่เหมยช่วยลบล้างความผิดให้อู่เยวี่ย สยงมู่มู่ถอนหายใจออกมาอย่างเย็นชา และด่าออกไป “เหยียนหมิงต๋านายนี่มันโง่จริงๆ แค่เธอบอกว่าไม่ได้ขโมยก็คือไม่ได้ขโมยเหรอ เรื่องนี้รู้ไปทั่วทั้งตึกแถวบ้านฉันแล้ว นายคนเดียวพูดแบบนี้จะมีประโยชน์อะไร!”
“นายด่าว่าใครโง่? สยงมู่มู่ถ้านายกล้ามากก็พูดอีกทีสิ!”
เหยียนหมิงต๋าโมโหขึ้นมาในทันที เขาจ้องสยงมู่มู่ไม่วางตา ท่าทางพร้อมจะทะเลาะวิวาทมาก แน่นอนว่าสยงมู่มู่เองก็ไม่ได้ยอมอ่อนข้อให้ แข็งคอนิ่งและจ้องมองไปยังเหยียนหมิงต๋า สายตาทั้งคู่ราวกับอาฆาตพยาบาทต่อกันจนสามารถทะเลาะกันขึ้นมาได้ทุกเมื่อ
“ครูมาแล้ว!”
ไม่รู้ว่าใครพูดประโยคนี้ออกมา คนที่มุงดูอยู่รอบๆ ต่างพากันแยกย้ายแตกตื่นออกไป แค่ครู่เดียวก็หายไปไม่เหลือแม้แต่เงา เหลือเพียงแค่อู่เหมยและอู่เยวี่ยที่ยังคงยืนอยู่ ครูประจำชั้นของอู่เยวี่ยเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
อู่เจิ้งซือที่ได้รับสายจากครูประจำชั้นของอู่เยวี่ย ในหัวมีแต่อารมณ์โมโห ลูกสาวคนโตที่เป็นคนว่านอนสอนง่าย ในขณะที่คะแนนเธอลดน้อยลง ยังกล้ามีเรื่องทะเลาะวิวาทกับเพื่อนในห้องอีกหรือ?
อีกทั้งเธอยังเป็นคนลงมือก่อนด้วย? ในสายตาของทุกคนที่จับจ้อง หลายๆ คนต่างก็สังเกตเห็น!
อู่เจิ้งซือกลับไม่รู้ พอเขารีบตรงดิ่งไปถึงโรงเรียนทดลอง ครูประจำชั้นได้พูดเรื่องที่ทำให้เขาเป็นทุกข์มาก
ในใจของเขาที่ปกปิดเรื่องอู่เยวี่ยขโมยของ นึกไม่ถึงว่าจะถูกเปิดเผยออกมา ในเวลานี้แค่โรงเรียนทดลองยังรู้ไปทั่ว!
อู่เยวี่ยขายหน้า ส่วนเขายิ่งเสียศักดิ์ศรี!
…………………………………………………………………………………………..
ตอนที่ 386 หนูไม่ได้เป็นคนพูด
อู่เจิ้งซือไม่รู้เลยว่าตัวเขาเองพาอู่เยวี่ยกลับจากโรงเรียนมาถึงบ้านได้อย่างไร ระหว่างทางเขาไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้น เพราะเขารู้สึกว่าคนรอบข้างต่างพากันติฉินนินทาเขา บอกว่าเขาเลี้ยงดูลูกสาวที่ชอบลักขโมย
คะแนนสอบที่อู่เยวี่ยทำได้ อู่เจิ้งซือไม่ได้กังวลอะไรแล้ว เขาเพียงแค่อยากรู้ว่าใครเป็นคนพูดเรื่องนี้ออกไป?
ความคิดของเขาไม่ต่างกับอู่เยวี่ย ที่คิดว่าอู่เหมยเป็นคนทำ
เรื่องนี้มีแค่คนภายในบ้านเท่านั้นที่รู้ เขาและเหอปี้อวิ๋นไม่มีทางพูด ยิ่งอู่เยวี่ยก็ไม่มีทางพูดแน่ เหลือเพียงแค่อู่เหมย ถ้าไม่ใช่เธอแล้วจะเป็นใคร?
อู่เหมยที่เพิ่งกลับมาถึงบ้าน ก็รับรู้ได้ว่าบรรยากาศภายในบ้านไม่ปกติ สีหน้าท่าทางของอู่เจิ้งซือและเหอปี้อวิ๋นต่างก็มืดมน แต่อู่เยวี่ยกลับตาแดงก่ำอย่างชัดเจน บ่งบอกได้ว่าเพิ่งผ่านการร้องไห้มา
จากตอนเที่ยงที่ครูประจำชั้นของอู่เยวี่ยเข้ามา เธอและอู่เชาก็ได้เดินออกไป แต่หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นเธอไม่ได้รับรู้เลย เธอยังคงคิดว่าที่อู่เยวี่ยร้องไห้นั่นเป็นเพราะเรื่องเมื่อตอนเที่ยง
“พ่อคะ หนูกลับมาแล้ว” อู่เหมยตะโกนส่งเสียงเรียกพร้อมกับรอยยิ้ม
“เข้ามาแล้วก็ปิดประตูด้วย พ่อมีเรื่องจะพูดกับลูก!” ท่าทีของอู่เจิ้งซือดูเคร่งขรึมมาก
ใจของอู่เหมยเต้นตุบๆ และเงียบเสียงลง ดูท่าแล้วคงจะเป็นเพราะอู่เยวี่ยเล่าเรื่องอะไรให้อู่เจิ้งซือฟังแน่นอน ไม่เช่นนั้นอู่เจิ้งซือจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือได้อย่างไร?
ทั้งที่ช่วงนี้เขาดูจะอ่อนโยนและเมตตาเอามาก อู่เหมยค่อยๆ ดึงประตูปิดลง และพูดขึ้นอย่างไร้เดียงสา “พ่อจะถามเรื่องที่พี่มีเรื่องทะเลาะวิวาทในโรงเรียนเหรอคะ? เรื่องนี้หนูเองก็ไม่ค่อยแน่ใจนัก ช่วงที่หนูกับอู่เชาไปถึง พี่ก็มีเรื่องกับนักเรียนคนอื่นแล้ว จะจับแยกยังทำไม่ได้เลย”
อู่เยวี่ยมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป เธอพูดขึ้นอย่างทนไม่ได้ “พวกมันใส่ร้ายฉัน เพราะงั้นฉันถึงได้ทะเลาะกับพวกนั้น”
“พวกเขาใส่ร้ายอะไรพี่เหรอคะ?” อู่เหมยถามขึ้นอย่างมีเจตนา
อู่เยวี่ยถูกบีบจนไร้หนทางในทันที ความจริงแล้วเธอไม่อยากพูดออกมาว่า ‘ขโมยของ’ สามพยางค์นี้เลย หากเป็นที่โรงเรียนเธอสามารถพูดออกไปได้ว่าอย่างเต็มปากว่าถูกใส่ร้าย เพราคนนอกไม่มีใครรู้ว่าความจริงคืออะไร แต่พออยู่ในบ้านเธอกลับขาดความมั่นใจ
เรื่องราวความเป็นจริงทุกอย่างเป็นอย่างไร ตัวเธอนั้นรู้ดีเสียยิ่งกว่าใคร วันนั้นเธอได้เอาเครื่องเงินของอู่เหมยไปจริงๆ และเธอยังได้ทำลายภาพวาดของอู่เหมยด้วย แต่เธอก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองขโมยของ เธอเพียงแค่หยิบของของคนในบ้านออกไปก็เท่านั้น เธอไม่ได้ไปขโมยของของคนอื่น
ทำไมถึงได้บอกว่าเธอขโมยของด้วยล่ะ?
เหอปี้อวิ๋นออกหน้าช่วย โดยพูดตำหนิขึ้น “เป็นเพราะแกเอาแต่ไปพูดไร้สาระแล้วบอกว่าพี่ของแกขโมยของสินะ? ฉันจะตีแกให้ตายยายเด้กบ้านี่ ใจของแกมันดำไปถึงไหนแล้ว แกนี่ทนเห็นพี่แกได้ดีไม่ได้เลย!”
มีหรือที่อู่เหมยจะยอมทนให้เหอปี้อวิ๋นด่าทอและทำร้ายร่างกาย เธอหลีกตัวไปยืนตรงปากประตู ยิ้มเยาะแล้วพูดขึ้น “พี่ทำตัวไม่ไว้หน้า แล้วหนูต้องทำตัวไม่ไว้หน้าด้วยเหรอ เอาเรื่องของพี่ออกไปพูดแล้วมีผลดีอะไรกับหนูเหรอ? จะว่ายังไงหนูก็แซ่อู่เหมือนกัน หากคนอื่นๆ ต่างบอกว่าพี่เป็นเหมือนหนูขี้ขโมย แล้วหนูยังจะไปสู้หน้าใครได้อีกเหรอ?”
ความสงสัยในสายตาของอู่เจิ้งซือหายไปเล็กน้อย ดูจากลักษณะแล้วคงจะไม่ใช่อู่เหมยที่เป็นคนเอาไปพูด หากเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ มันก็ไม่มีผลดีอะไรกับชื่อเสียงของอู่เหมยเลย เธอคงไม่มีทางทำอะไรที่ทำลายภาพพจน์ของตัวเอง
แต่ถ้าหากว่าไม่ใช่อู่เหมยแล้วจะเป็นใครกัน?
“ไม่ใช่แกแล้วเป็นใคร? หากว่าไม่ใช่เพราะแกชอบพูดจาไร้สาระ เพื่อนในโรงเรียนของพี่แกจะรู้เรื่องนี้ได้ยังไง? แกยังคิดจะแก้ตัวอีกเหรอ?”
เหอปี้อวิ๋นไม่เชื่อเลยสักนิด เธอจับไม้ขนไก่ได้ก็เตรียมจะฟาดอู่เหมย ยากมากที่อู่เจิ้งซือจะรู้สึกผิดใจกับอู่เหมยเหมือนอย่างวันนี้ เธอจะต้องรีบคว้าโอกาสนี้ไว้ รีบจัดการยายเด็กบ้านี่ถึงจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
“หนูจะรู้ได้ยังไงว่าใครเป็นคนพูด? คืนวันนั้นพวกเราส่งเสียงดังกันขนาดนั้น คนทั้งตึกได้ยินหมดแล้ว ยังจำเป็นที่หนูจะต้องออกไปพูดให้ใครฟังอีกเหรอ?”
อู่เหมยจับลูกบิดประตูของเธอไว้แน่น เพียงแค่เหอปี้อวิ๋นลงมือเธอก็จะหนีออกไป ถึงอย่างไรเธอก็จะไม่ยอมเสียเปรียบ
…………………………………………………………………………………………..