ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 391 ความพยายามมักเกิดขึ้นเสมอ + ตอนที่ 392 มีแม่คอยปกป้อง มักจะไม่มีใครกล้ารังแก
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- ตอนที่ 391 ความพยายามมักเกิดขึ้นเสมอ + ตอนที่ 392 มีแม่คอยปกป้อง มักจะไม่มีใครกล้ารังแก
ตอนที่ 391 ความพยายามมักเกิดขึ้นเสมอ
อู่เหมยไม่ได้เป็นเหมือนเมื่อก่อนที่คอยเอามีดแทงซ้ำ แต่เธอทำตัวเป็นแค่หญิงสาวสวยสง่า ความพยายามของเธอมันเกิดผลแล้ว ความสัมพันธ์คู่สามีภรรยาของเหอปี้อวิ๋นและอู่เจิ้งซือในตอนนี้เปราะบางยิ่งกว่าแผ่นกระดาษ
อีกทั้งอู่เจิ้งซือยังจงใจซื้อเตียงเหล็กเส้นเข้ามาไว้ในห้องของเขาเองด้วย เหอะๆ!
สำหรับอู่เยวี่ยแล้ว คะแนนตกต่ำไปไกลมาก อีกทั้งนิสัยใจคอของเธอก็ได้เปลี่ยนไปอย่างแปลกประหลาด ดีร้ายไม่แน่นอน ไม่สามารถเปรียบเทียบกับอู่เยวี่ยสมัยก่อนได้เลย พูดง่ายๆ ก็คือเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคนกัน
แต่อย่างไรอู่เหมยก็ไม่ได้ตั้งใจจะปล่อยอู่เยวี่ยไปง่ายๆ ยัยผู้หญิงคนนี้ร้ายเสียยิ่งกว่างูพิษร้อยเท่า ต้องรีบจัดการตอนที่เธอยังไม่โตเต็มที่ แล้วถอนเขี้ยวอาบพิษออกมาอย่างไร้ความสงสารเห็นใจ เพื่อไม่ให้เธอได้มีโอกาสกลับตัวอีกต่อไป
“เอ๊ะ! พี่คะ บนตัวพี่มีกลิ่นอีกแล้ว พี่รีบไปอาบน้ำเถอะค่ะ ตอนนี้ในบ้านเต็มไปด้วยกลิ่นของพี่!”
อู่เหมยปิดจมูกและถอยหลังออกห่างจากเธอเล็กน้อย หัวคิ้วของอู่เจิ้งซือเริ่มผูกกันแน่น จากตอนแรกเขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไร แต่พออู่เหมยทักท้วงขึ้น กลิ่นเหม็นแปลกๆ ก็ได้ลอยเข้าแตะจมูก พอสูดเข้าไปแทบทำให้เวียนหัว
อู่เยวี่ยมีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอก้มหัวลงและดมสำรวจตัว แต่ก็ไม่ได้กลิ่นอะไรเลย แต่หัวคิ้วที่ผูกกันแน่นของอู่เจิ้งซือได้เป็นเครื่องพิสูจน์ทุกอย่างที่ชัดเจน นั่นจึงทำให้อู่เยวี่ยนึกถึงคำพูดของเพื่อนในห้องเมื่อตอนบ่ายที่ทุกคนต่างเย็นชาต่อเธอ จนเธอต้องจมเงียบไปจนถึงก้นบึ้งของใจ
“พ่อคะ ทั้งที่วันนี้หนูไม่มีสอบแต่ทำไมถึงยังมีกลิ่นเหม็นๆ นี่ล่ะ? ทำไมถึงเป็นแบบนี้?”
อู่เยวี่ยพูดขึ้นกับตัวเองอย่างเจ็บปวด ไม่ใช่ว่าช่วงก่อนสอบถึงจะมีอาการเครียดก่อนเหรอ?
แต่เธอไม่มีสอบแล้ว ทำไมถึงยังมีกลิ่นเหม็นอยู่?
อู่เหมยนึกดีใจอย่างมาก เหม็นหรือไม่เหม็นไม่ได้เกิดจากการสอบ แต่เกิดจากเธอต่างหาก
ไม่เชื่อว่าตัวเองมีอาการทางจิตไม่ใช่เหรอ ถ้าอย่างนั้นอีกสองวันค่อยให้คุณชายฉิวฉีดพรมน้ำหอมให้ แล้วมาดูกันว่าจะทนได้ไหม?
“พ่อคะ หรือว่าอาการของพี่จะกำเริบหนักขึ้น? ดังนั้นช่วงเวลาปกติถึงได้มีกลิ่นตัว โถ่! ถ้างั้นก็ต้องมีกลิ่นตัวแบบนี้อยู่ทุกวัน หนูยังจะกินข้าวได้อีกไหมเนี่ย!”
อู่เหมยบีบจมูตัวเองและเอาแต่บ่น เมื่อเห็นสีหน้าที่ไม่น่ามองของอู่เจิ้งซือ เธอจึงพอใจและกลับห้องตัวเองไป พร้อมกับอุ้มคุณชายฉิวที่อยู่ในลิ้นชักออกมาหอมแรงๆ ฟอดใหญ่
“ฉิวฉิว คืนนี้แกไปฉีดเพิ่มหน่อยนะ ทำให้ยัยชั่วนั่นตัวหอมฟุ้งไปทุกวัน”
คุณชายฉิวสะบัดหางไปมาอย่างไม่ชอบใจ และร้องขึ้นอย่างไม่พอใจ และใช้นิ้วของมันชี้ไปตรงปาก
อู่เหมยจึงรีบพูดเพื่อสงบศึก “ฉิวฉิวอย่าเพิ่งใจร้อน พี่หมิงซุ่นรับปากพี่แล้วว่า พรุ่งนี้จะพาไปหาของในที่ดีๆ ที่เขาเคยพูดเอาไว้ ที่นั่นมีของดีมากกว่าที่ตลาดหนานสุ่ย พวกเราต้องหาของดีๆ เจอแน่”
“ต๊อก ต๊อก”
พูดแบบนั้นออกไปถึงทำให้ฉิวฉิวพอใจ มันจึงแกะลูกกวาดหนึ่งเม็ดออกมากิน มีเพียงแค่ของล้ำค่าอีกไม่กี่ชิ้น ความสามารถของมันก็จะกลับคืนมาได้ไวขึ้น และมันเองก็จะสามารถช่วยเจ้านายของมันจัดการกับยายผู้หญิงชั่วนั่น
อู่เจิ้งซือรับรู้ได้ถึงความรุนแรงของอาการของอู่เยวี่ยแล้ว เขาตัดสินใจแล้วว่าสัปดาห์นี้จะต้องพาอู่เยวี่ยไปเข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาล เมื่อสองวันก่อนเขาได้ติดต่อกับเพื่อนเก่าสมัยเรียนไว้แล้ว เพื่อนคนนี้ได้แนะนำจิตแพทย์สำหรับเด็กและเยาวชนให้กับเขา ซึ่งเป็นคนที่มีความสามารถมากที่สุดในเมือง
พอใกล้ถึงเวลาทานมื้อเย็น สยงมู่มู่จึงลงมาเรียกอู่เหมย บอกว่าพ่อของเขาทำอาหาอร่อยๆ ไว้ แล้วเรียกให้เธอขึ้นไปกินด้วยกัน แน่นอนว่าอู่เจิ้งซือไม่มีทางปฏิเสธ และรับปากด้วยความยินดี
เฮ่อเหวินจิ้งก็อยู่ที่บ้านตระกูลสยง เมื่อจ้าวอิงหนานเห็นอู่เหมยจึงลากตัวเธอมา แล้วหยิกไปที่แก้มไม่กี่ครั้งอย่างหมั่นเขี้ยว เอาแต่เรียกร้องเพื่อให้อู่เหมยเต้นรำให้เธอดู
“เหวินจิ้งบอกว่าลูกเต้นได้งดงามราวกับเทพธิดา เหมยเหมยไหนลองเต้นให้แม่ดูหน่อย” จ้าวอิงหนานรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
อู่เหมยจึงทำได้เพียงยอมเต้นภายในห้องรับแขกของบ้านตระกูลสยง เป็นเพราะร่างกายของเธออ่อนมาก อีกทั้งเธอยังมีความสามารถสูง ท่าทางยากๆ เธอก็สามารถทำมันออกมาได้ดี ก่อนที่เฮ่อเหวินจิ้งจะปรับแก้ท่วงท่าของเพลง เธอได้เลือกตกแต่งการร่ายรำด้วยแขนเสื้อแบบยาว ซึ่งคนที่ไม่มีพื้นฐานการเต้นรำมาก่อนไม่มีทางที่จะเต้นออกมาได้
แต่อู่เหมยกลับเรียนรู้ได้อย่างสบายๆ หากไม่เป็นเพราะรูปร่างที่เล็กของเธอ เฮ่อเหวินจิ้งก็อยากจะคิดท่วงท่าที่ยากกว่านี้ขึ้นอีก!
…………………………………………………………………………………………..
ตอนที่ 392 มีแม่คอยปกป้อง มักจะไม่มีใครกล้ารังแก
ห้องรับแขกของบ้านตระกูลสยงไม่ได้กว้างมาก อู่เหมยจึงไม่ได้แสดงออกอย่างเต็มที่นัก เธอทำได้แค่เต้นอยู่กับที่ได้เพียงแค่ไม่กี่ท่า หมุนรอบตัวได้ไม่กี่ครั้ง ถึงแม้จะไม่มีชุดสำหรับการเต้น แต่ลักษณะท่าทางที่มีเสน่ห์ของเธอก็ทำให้ทุกคนต้องตกตะลึง
อีกอย่างหนึ่งที่พวกเขาคิดเหมือนกันคือ เกรงว่าอู่เหมยหมุนตัวไปเรื่อยๆ จนหมุนขึ้นไปยังสวรรค์แล้วกลายเป็นนางฟ้า
“งดงามมาก อู่เหมย หนูเสียเวลาเรียนวาดรูปแล้วล่ะ หรือไม่งั้นต่อไปนี้เปลี่ยนมาเรียนเต้นดีไหม? เดี๋ยวแม่จะหาครูที่เป็นนักเต้นแนวหน้าระดับประเทศมาสอนเอง ดีไหม?”
จ้าวอิงหนานกอดอู่เหมยด้วยความรักใคร่ และเธอเองก็ไม่ได้ล้อเล่นด้วย เธออยากให้อู่เหมยเรียนเต้นจริงๆ เด็กผู้หญิงเรียนเต้นดีจะตาย อีกทั้งยังสามารถรักษาหุ่นไว้ได้ด้วย นั่นทำให้มีอุปนิสัยที่ดีได้
เหมือนกับเธอในตอนนี้ที่ไม่ได้ฝึกเต้น กระดูกร่างกายแข็งไปหมดจนไม่เหลือความยืดหยุ่นใดๆ รอบเอวก็หนาขึ้นมาหลายนิ้ว เป็นสิ่งที่น่าเสียดายมากสำหรับเธอ
“ยัยหมูขี้เกียจ!”
สยงมู่มู่ด่าเธอไปประโยคหนึ่งด้วยความสลดใจ ฟ้าดินต่างเป็นพยานว่าเขานั่งมองอู่เหมยข้ามผ่านท่าเต้นยากๆ นั้นได้อย่างง่ายๆ สบายๆ ในใจของเขาเศร้าสลดดั่งกรดในน้ำส้มสายชู
พระเจ้าประทานหมูน้ำแดงมาให้หนึ่งจาน แต่เธอกลับไม่อยากกิน แล้วจะให้คนที่ไม่มีหมูน้ำแดงกินอย่างเขารู้สึกอย่างไร?
อู่เหมยทำหน้ายักษ์ส่งไปให้เขา เมื่ออยู่ในบ้านตระกูลอู่เธอมักจะรู้สึกผ่อนคลายที่สุด ไม่มีความขวยเขินแม้แต่น้อย จ้าวอิงหนานและสามีก็ชอบเธอในแบบที่ไม่ต้องเสแสร้งแกล้งทำ แต่พอเห็นว่าเธอไม่ได้อยากเรียนเต้น จึงไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาอีก
คนเราจะโลภมากหลายใจเกินไปก็ไม่ดี ใจจดใจจ่อต่อการเรียนวาดรูปเพียงอย่างเดียวก็ดีเหมือนกัน
“ถ้าอย่างนั้นไว้แม่จะหาครูดีๆ สักคนมาให้ ความสามารถของครูเฮ่อไม่ค่อยสูงนัก อย่าเสียเวลาเลย” จ้าวอิงหนานมองเฮ่อเหวินจิ้งอย่างไม่ชอบใจ
เฮ่อเหหวินจิ้งไม่ได้โกรธเคือง แต่กลับพูดด้วยรอยยิ้ม “เรื่องนี้คงไม่ต้องให้พี่หนานเป็นห่วงหรอกค่ะ ฉันหาครูดีๆ มาให้อู่เหมยแล้ว หลังจากช่วงตรุษจีนอู่เหมยก็ต้องไปเรียนกับเขาที่นั่น”
“ใครเหรอ?” จ้าวอิงหนานถาม
“พี่หนานเองก็รู้จักค่ะ เขาคือคุณสวี การประกวดครั้งก่อนเขาก็เข้ามาเป็นกรรมการ ตอนนั้นเขาเองก็ชื่นชอบเหมยเหมยมาก ยังบอกอีกว่าเด็กคนนี้มีไหวพริบ ตอนที่ฉันเข้าไปคุยเรื่องนี้กับเขา เขาตอบตกลงโดยไม่พูดอะไรเลยล่ะ ฉันจึงตัดสินใจจะให้เหมยเหมยไปเรียนกับเขาที่นั่น”
จ้าวอิงหนานไม่ค่อยพอใจต่อคุณสวีสักเท่าไหร่ เธอคิดบางอย่างแล้วพูดออกมา “คุณสวีหากพูดอย่างฝืนๆ ก็ถือว่าผ่านเกณฑ์ แต่เสียอยู่อย่างหนึ่ง เหมยเหมยลูกลองไปเรียนกับคุณสวีที่นั่นก่อน หลังตรุษจีนที่ครูเฮ่อกลับเมืองหลวงจะลองถามให้ แล้วก็หาครูที่ดีกว่านี้มาให้หนู”
อู่เหมยใจเต้นตุบๆ อย่างไม่เป็นจังหวะ เธอเคยได้ยินเฮ่อเหวินจิ้งพูดมาก่อนว่า คุณสวีเป็นรองประธานแห่งสมาคมวาดภาพของเมืองจิน และก็เป็นอาจารย์นักวาดภาพที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ
เมื่อก่อนเธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะสามารถเข้าเป็นศิษย์ของอาจารย์ที่มีชื่อเสียงแบบนี้ เพราะสำหรับเธอแล้วดูจะเป็นเรื่องที่ไกลตัวมาก
แต่ในตอนนี้จ้าวอิงหนานกลับบอกว่าหากพูดอย่างฝืนๆ คุณสวีก็ถือว่าผ่านเกณฑ์เท่านั้นเองหรือ?
และก่อนหน้านี้ยังบอกอีกว่าจะหาครูที่เป็นนักเต้นแนวหน้าระดับประเทศมาให้อีก คำพูดของแม่ก็ไม่เบาเลยนะเนี่ย!
ราวกับเฮ่อเหวินจิ้งไม่ได้แปลกใจต่อคำพูดของจ้าวอิงหนานเลย เธอยิ้มและพูดขึ้น “ตอนแรกแค่อยากให้อู่เหมยเรียนพื้นฐานจากคุณสวี ฉันเลยบอกคุณสวีว่าแม่บุญธรรมของอู่เหมยคือพี่หนาน คุณสวีรู้เข้าจึงบอกว่าตัวเขาเองไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นครูของอู่เหมยได้ แต่หากได้สักครึ่งหนึ่งก็คงจะเป็นได้”
จ้าวอิงหนานได้ฟังดังนั้น ใบหน้าก็ปรากฏให้เห็นรอยยิ้มแสดงความพึงพอใจ
แต่ใจของอู่เหมยนั้นกลับเหมือนถูกซัดสาดอย่างหนักหน่วง ฟังดูแล้วฐานะของจ้าวอิงหนานต้องไม่ธรรมดาแน่!
“แม่คะ ตระกูลของแม่นี่เก่งมากเลยใช่ไหมคะ?” อู่เหมยคิดยังไงก็คิดไม่ออก จึงได้ถามออกไปตรงๆ
จ้าวอิงหนานหัวเราะฮ่าๆ และหยิกแก้มของอู่เหมยไปอีกหลายครั้ง “ก็ธรรมดาแหละ แต่ต่อไปนี้มีแม่คอยปกป้อง จะไม่มีใครกล้ารังแกหนูอีก!”
…………………………………………………………………………………………..