ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 393 คุณเหมือนกับน้าสะใภ้ของหนูมาก + ตอนที่ 394 หญิงสาวในความฝัน
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- ตอนที่ 393 คุณเหมือนกับน้าสะใภ้ของหนูมาก + ตอนที่ 394 หญิงสาวในความฝัน
ตอนที่ 393 คุณเหมือนกับน้าสะใภ้ของหนูมาก
แม้ว่าจ้าวอิงหนานจะไม่ได้พูดออกมาให้ชัดเจน แต่อู่เหมยก็พอจะดูออกว่าที่บ้านของจ้าวอิงหนานต้องไม่ธรรมดา ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นข้าราชการระดับพลเรือนในเมืองหลวง ไม่แปลกเลยที่เหอปี้อวิ๋นพยายามสรรหาวิธีต่างๆ ยัดเยียดให้อู่เยวี่ยเข้ามาที่นี่!
“ขอบคุณค่ะแม่!”
อู่เหมยขอบคุณและส่งยิ้มให้กับจ้าวอิงหนาน ทำตามเป้าหมายได้สำเร็จเมื่อไหร่เธอจะต้องทดแทนบุญคุณของจ้าวอิงหนานทั้งสองสามีภรรยาให้ได้
จ้าวอิงหนานลูบหัวของอู่เหมยไปมา ในสายตาเต็มไปด้วยความรักใคร่เอ็นดู ทางฝั่งพ่อสยงได้ยกกับข้าวออกมา ซึ่งกับข้าวมีความหลากหลายและหรูหรา จ้าวอิงหนานคีบกุ้งให้อู่เหมยตัวหนึ่ง “กุ้งดีต่อเด็กๆ เหมยเหมยกินเยอะๆ หน่อย อีกหน่อยยังต้องเพิ่มความสูง”
สยงมู่มู่กระซิบกระซาบที่ข้างหูของอู่เหมย “ครั้งนี้อู่เยวี่ยสอบได้ลำดับที่สามสิบห้า กลับไปถึงบ้านเธอได้ร้องไห้ไหม?”
อู่เหมยเองก็กระซิบตอบ “ทรมานเสียยิ่งกว่าการร้องไห้ พ่อกับแม่ฉันก็ทะเลาะกัน ตอนนี้พ่อไม่ได้สนใจต่อคะแนนของอู่เยวี่ยแล้ว แต่อาจจะเป็นห่วงเรื่องสภาพจิตใจของอู่เยวี่ย เพราะช่วงนี้ฉันเห็นพ่อยืมหนังสือพวกจิตวิทยากลับมาเยอะมาก”
สยงมู่มู่เองก็ทราบเรื่องนี้ดี เขารู้ว่าที่อู่เยวี่ยท้องเสียนั้นเกิดจากการกระทำของอู่เหมย แต่เขากลับไม่รู้ว่าที่อู่เยวี่ยมีกลิ่นตัวเหม็นนั้นเป็นพราะอู่เหมย จึงได้พูดขึ้น “ยาระบายพวกนั้นต่อไปนี้เธออย่าทำอีก หากว่าพ่อเธอรู้เข้า จะเหลืออะไรดีๆ ให้เธออีก”
อู่เหมยสบถออกมาครั้งนึงพรางพูด “ฉันทำไปในครั้งนั้นแค่ครั้งเดียว หลังจากนั้นฉันก็ไม่ได้ทำอะไรอีก อู่เยวี่ยมีปัญหาทางจิต แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ!”
สยงมู่มู่ไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่ เขาจึงจ้องอู่เหมยอย่างสงสัย ยายแสบนี่มีสีหน้าใสซื่อจริงใจ ดูแล้วก็ไม่เหมือนกับโกหก การที่อู่เยวี่ยยังมีกลิ่นตัวเหม็นกระชากวิญญาณนั่นเป็นสิ่งที่อู่เหมยไม่มีทางทำได้
ดูเหมือนว่าอู่เยวี่ยน่าจะมีปัญหาทางจิตจริงๆ เพราะครั้งแรกที่เธอสอบก็ท้องเสีย เพราะอย่างนั้นช่วงหลังจากที่สอบไปเธอเองก็มีสภาพจิตที่แตกต่างออกไปจากเดิม ต่อให้อู่เหมยไม่ได้สร้างเรื่องบ้าๆ อะไร อู่เยวี่ยก็จะท้องเสียอยู่ดี และอาการยังคงรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
สยงมู่มู่ไม่ถูกชะตากับอู่เยวี่ยแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว เมื่อมั่นใจว่าอู่เหมยไม่ได้ใช้ยาระบาย เขาจึงไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก อู่เหมยจึงรู้สึกโล่งใจไป พูดโกหกต่อหน้าเพื่อนนี่เป็นอะไรที่อึดอัดเอามากๆ
“พวกนายจะไปเลี้ยงฉลองตรุษจีนที่เมืองหลวงเหรอ?” อู่เหมยตั้งใจเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“อืม ปีนี้ครอบครัวของอาฉันจะกลับมา ยากที่คุณตาของฉันจะได้มีโอกาสนัดรวมตัวกัน เพราะงั้นต้องกลับไปอยู่แล้ว!” สยงมู่มู่หวังให้ถึงช่วงวันหยุดฤดูหนาวเร็วๆ เพราะเขาไม่ได้เจอกับน้าสาวมานานหลายปีแล้ว
และเขาจะบอกกับน้าสาวด้วยว่า อู่เหมยมีหน้าตาที่คล้ายกับเธอมาก
“น้าสาวของนายไม่อยู่ที่เมืองหลวงเหรอ?” อู่เหมยถามออกไปเรื่อยเปื่อย
“อืม คุณอาของฉันทำงานอยู่ทางภาคใต้ แต่เพราะน้าสาวของฉันร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง อากาศทางภาคใต้ไม่ดีต่อสุขภาพ ” สยงมู่มู่อธิบาย
“คุณอากับคุณน้าของนายต้องรักกันมากแน่ๆ เลย”
แม้ว่าอู่เหมยจะไม่เคยเจอสามีภรรยาคู่นี้ แต่พอได้ฟังแบบนี้เธอก็รู้ได้เลยว่าสามีภรรยาคูนี้ต้องรักใคร่กลมเกลียวกันมาก เหมือนกับคู่สามีภรรยาของจ้าวอิงหนาน
“แน่นอนสิ ไม่ต้องพูดหรอกว่าคุณอาและคุณน้ารักกันมากแค่ไหน ขนาดแม่ของฉันเห็นยังรู้สึกหึงหวงเลย และมักจะบอกให้พ่อฉันเรียนรู้วิธีจากคุณอาบ้าง” สยงมู่มู่หัวเราะและพูดขึ้น
อู่เหมยเองที่ได้ฟังก็หัวเราะตาม ดวงตาและหางคิ้วต่างโค้งยิ้มไปด้วย ไฝสีแดงที่ถูกแสงไฟสาดส่องยิ่งทำให้สีดูสดขึ้น ในตอนนี้ใจของสยงมู่มู่เริ่มสั่นเครือ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น “แต่พูดตรงๆ เลยนะ เธอคล้ายกับน้าสาวของฉันมาก ใบหน้ารูปไข่ ดวงตากลมโต และยังมีไฝเม็ดนี้ด้วย น้าของฉันก็มีเหมือนกัน แต่ของน้าจะเอียงๆ หน่อย”
สยงมู่มู่มองไปยังหว่างคิ้วของอู่เหมย แล้วเทียบดูคร่าวๆ แถมยังถือโอกาสหยิกแก้มเธอ มันช่างนุ่มนิ่มเกลี้ยงเกลาเสียจริง มิน่าล่ะที่แม่ของเขามักจะชอบหยิกแก้มเธอเสมอ ให้ความรู้สึกดีต่อสัมผัสมือมาก
อู่เหมยจ้องมองเขาด้วยสายตาดุดัน แล้วลูบวนที่หน้าผากตัวเอง ในใจเธอเกิดความรู้สึกแปลกๆ ขึ้น
ทำไมถึงมีคนที่หน้าตาเหมือนเธอ?
หรือว่าชาตินี้มีคนที่หน้าตาเหมือนเธออยู่หลายคนงั้นเหรอ?
…………………………………………………………………………………………..
ตอนที่ 394 หญิงสาวในความฝัน
ตกกลางดึกอู่เหมยได้ฝันถึงบางสิ่งอย่าง ในฝันมีหมอกขาวโพลนปกคลุมหนาแน่น ราวกับเป็นดินแดนแห่งสรวงสวรรค์ เธอเดินวนไปทั่วทุกทิศอยู่ในกลุ่มหมอกเมฆขาวเพื่อพยายามหาทางออก แต่ทำอย่างไรก็หาไม่เจอ
“ลูก ลูกแม่ มาหาแม่ทางนี้สิจ๊ะ!”
มีเสียงอบอุ่นเอื้ออาทรเปล่งออกมาจากที่ไกลๆ อู่เหมยจึงเอาแต่ตามหาเสียงนั้น ทันใดนั้นกลับมองเห็นหญิงสาวที่แสนงดงามปรากฏอยู่ตรงหน้า บนหางคิ้วฝั่งซ้ายมีไฝสีแดงสดหนึ่งเม็ด หญิงสาวผู้นั้นกางแขนออกกว้างพร้อมกับกวักมือเรียกหาเธอไม่หยุด
“รีบเข้ามาเร็ว ลูกแม่”
อู่เหมยรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นและความรู้สึกสนิทสนมจากตัวของหญิงสาวผู้นี้ เธอวิ่งเข้าไปโดยไม่คิดแม้แต่น้อย และเธอยังเรียกหญิงสาวว่า ‘แม่’ ด้วยใจที่รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
ในที่สุดเธอก็ได้พบกับแม่แท้ๆ ของตัวเอง ทั้งสวยทั้งอ่อนโยน ไม่เป็นดั่งหญิงชั่วอย่างเหอปี้อวิ๋นเลยสักนิด
แต่เธอกลับวิ่งไปได้เพียงแค่ไม่กี่ก้าว ตัวของเธอกลับถูกใครบางคนดึงรั้งเอาไว้ เหอปี้อวิ๋นถือไม้ขนไก่โผล่ออกมาและตะโกนด่าเธอเสียงดัง “ฉันคลอดแกออกมา เลี้ยงแกเองกับมืออย่างลำบาก ทำไมยายชั่วนั่นถึงเป็นแม่ของแกไปได้? กลับมาช่วยฉันทำงานเดี๋ยวนี้!”
อู่เจิ้งซือก็ปรากฏตัวขึ้นและช่วยดึงเธอไว้อีกข้าง “เหมยเหมย ขนาดอีกายังรู้ที่จะกลับรังดูแลพ่อแม่มัน ทำไมลูกถึงได้ทำตัวต่ำเสียยิ่งกว่าสัตว์แบบนี้ กลับมาทดแทนบุญคุณที่พวกเราอบรมเลี้ยงดูเดี๋ยวนี้!”
ทั้งสองคนดึงรั้งอู่เหมยไว้อย่างเหนี่ยวแน่น ไม่ว่าอู่เหมยจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถหลุดพ้นได้ เธอทำได้แค่ตะโกนเรียกหาหญิงสาวชุดขาว “แม่คะ ช่วยหนูด้วย!”
อู่เหมยตื่นขึ้นมาจากฝันอย่างฉับพลันด้วยความตื่นตกใจ เธอมีเหงื่อไหลไคลย้อยพรั่งเต็มตัวจนเกิดความหนาวเหน็บ ทำให้รู้สึกราวกับจะเป็นไข้ เธอจึงเลือกที่จะมุดตัวเข้าไปในผ้าห่มและกอดตัวเองเอาไว้ให้แน่น นั่นถึงทำให้รู้สึกอุ่นขึ้นมา
สิ่งที่เกิดขึ้นในฝันเมื่อครู่เป็นเหมือนกับเรื่องจริงมาก จนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถลืมมันไปได้ ในฝันนั้นชัดเจนมาก ไม่เหมือนกับความฝันในครั้งก่อนๆ ที่เธอมักลืมมันไปจนหมด
หากว่าหญิงสาวชุดขาวผู้นั้นเป็นแม่ของเธอจริงๆ คงจะดีเอามาก ดูจากลักษณะของเธอช่างอบอุ่นใจ เธอคงเป็นดั่งแม่ที่พร้อมให้แต่ความรักใคร่เอ็นดู
ใจของอู่เหมยเต้นระรัว เธอจึงหยิบเสื้อคลุมมาห่มไว้แล้วเลือกที่จะเดินลงจากเตียงไป จากนั้นได้หยิบเอากระดาษและปากกาออกมาวาดรูป ไม่นานหญิงสาวในความฝันก็ปรากฏขึ้นบนกระดาษแผ่นนั้น ใบหน้าเรียวเล็กดูน่าทะนุถนอม มีดวงตากลมโตที่เต็มไปด้วยความสุข ส่วนหางคิ้วมีไฝสีแดงสดอยู่ อีกทั้งส่วนคิ้วที่มีสีดกดำสนิทดั่งความเศร้าโศก ก็ได้ถูกเธอวาดออกมา ภาพวาดตรงหน้าคล้ายคลึงกับหญิงสาวในความฝันทุกประการ
เธอวางปากกาวาดรูปลงด้วยความพึงพอใจ และนำเอาภาพเหมือนที่วาดเสร็จเก็บลงไปในลิ้นชัก จากนั้นจึงมุดตัวกลับเข้าไปในผ้าห่มจนพลอยหลับไปอีกครั้ง พรุ่งนี้นัดกับเหยียนหมิงซุ่นไปดูของมีค่า จะต้องทำตัวให้มีชีวิตชีวาเข้าไว้
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ในเขตรัฐบาลแห่งเมืองๆ หนึ่งทางตอนใต้ มีหญิงสาวผู้แสนงดงามกำลังตื่นขึ้นมาจากฝัน บนหน้าผากโชนไปด้วยเม็ดเหงื่อที่ผุดไหล ใบหน้าของเธอมีความตกใจเล็กน้อย ปะปนความเจ็บปวด
“ซินหย่า ฝันร้ายอีกแล้วเหรอ?”
ชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างกายของเธอตื่นขึ้นทันที เขากอดภรรยาเอาไว้ในอ้อมกอดและคอยลูบตบเบาๆ ที่แผ่นหลังของเธอ ในดวงตาของเขาปรากฏความวิตกกังวลอยู่
หลายปีมานี้สุขภาพร่างกายของภรรยาเขาไม่ได้ดีขึ้นเลย มีแต่จะแย่ลงเรื่อยๆ แพทย์บอกว่าเธอเจ็บปวดภายในจิตใจ แต่จะต้องใช้ยารักษาใจเท่านั้น ต่อให้เปี่ยนเซวี่ยหรือฮว่าถัว[1]ยังอยู่บนโลกนี้ ก็ไม่มีทางรักษาภรรยาของเขาให้หายได้
แต่ยารักษาใจของภรรยาเขาไม่อยู่แล้วนี่นา!
ลูกสาวของเขาช่างน่าสงสารนัก ลืมตาดูโลกได้ไม่นานก็ถูกสวรรค์เรียกกลับไปเสียแล้ว เพราะเหตุนี้ภรรยาของเขาจึงรู้สึกผิด เธอเอาแต่โทษตัวเองมาเป็นเวลานานกว่าสิบสองปี เธอมักจะคิดเสมอว่าเป็นเพราะความไม่ระวังของเธอจึงทำให้ลูกสาวของเธอต้องตาย
จากเดิมที่ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงอยู่แล้ว ยิ่งในใจคิดไม่ตกอยู่แบบนี้ จึงทำให้สุขภาพของภรรยาเขาแย่ลงไปในทุกวัน หากยังเป็นแบบนี้ต่อไป เกรงว่า…
จ้าวอิงหัวเจ็บปวดทรมานเป็นอย่างมาก เขาโอบกอดภรรยาไว้แน่น ราวกับกลัวว่าเธอจะบินหนีไป
“อิงหัว ฉันฝันเห็นเสี่ยวเหมยเหมยของเราอีกแล้ว เธอโตขึ้นแล้ว แล้วก็สูงประมาณนี้ด้วย เธอหน้าตาน่ารักมาก งดงามราวกับเทพธิดาตัวน้อย”
เหยียนซินหย่าพูดด้วยความดีใจ แค่ครู่เดียวเธอกลับต้องเศร้าลงและทำได้เพียงทอดถอนหายใจออกมาเบาๆ ความฝันอย่างไรก็ต้องคืนสู่ความฝัน ทุกอย่างมันเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา เสี่ยวเหมยเหมยจะเติบโตได้อย่างไร?
…………………………………………………………………………………………..
[1] แพทย์ที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์จีน