ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 395 ลูกสาวในความฝันได้เติบโตแล้ว + ตอนที่ 396 yy เหยียนหมิงซุ่น
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- ตอนที่ 395 ลูกสาวในความฝันได้เติบโตแล้ว + ตอนที่ 396 yy เหยียนหมิงซุ่น
ตอนที่ 395 ลูกสาวในความฝันได้เติบโตแล้ว
ในใจของจ้าวอิงหัวเองก็ไม่ได้รู้สึกดี หากตอนนั้นไม่เป็นเพราะเขา ซินหย่าคงไม่ต้องแบกท้องโตๆ กลับไปคลอดด้วยตัวคนเดียวหรอก?
เธอต้องตกระกำลำบากตลอดทาง และยังมีแต่ความวิตกกังวล กินนอนก็ไม่สะดวก รอบตัวยังมีแต่ครอบครัวที่ใจดำอำมหิต เขาคิดไม่ตกเลยว่าภรรยาผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาได้อย่างไร?
ทั้งหมดคือความผิดของเขา ภรรยาแค่คนเดียวยังปกป้องไม่ได้ เขานี่ช่างไม่เป็นสุภาพบุรุษเอาเสียเลย!
“อิงหัว พรุ่งนี้ฉันจะไปที่ศาลเจ้าใหญ่เพื่อจุดธูปขอพรให้กับเหมยเหมย ในฝันฉันได้ยินเสียงเหมยเหมยเอาแต่เรียกให้ช่วย คุณว่าทางฝั่งนั้นจะมีคนรังแกเหมยเหมยหรือเปล่า?”
ใบหน้าของเหยียนซินหย่าแสดงออกถึงความกังวล ก่อนหน้านี้เธอเองก็มักจะฝันถึงลูกสาวเสมอ แต่นั่นก็เพียงเด็กแบเบาะนุ่งผ้าอ้อม และเป็นเหมือนหยกแกะสลัก เธอจึงทำได้เพียงแค่ส่งยิ้มให้เสมอมา แต่ความฝันในครั้งนี้กลับต่างออกไป ลูกสาวของเธอโตขึ้นแล้ว อีกทั้งยังร้องเรียกให้เธอช่วย ลูกสาวเธอต้องถูกคนอื่นรังแกเป็นแน่ บนโลกนี้มีคนใจดำอำมหิตราวกับอีกาอยู่ไม่น้อย ไม่แน่ว่าเบื้องบนก็อาจจะมีเช่นเดียวกัน เป็นสถานที่ที่คนจ้องจะกินเลือดกินเนื้อ
เหมยเหมยผู้น่าสงสารของเธอ ทั้งตัวเล็กและบอบบาง จะสู้กับพวกเทพใจร้ายได้อย่างไร?
จ้าวอิงหัวเป็นคนที่แน่วแน่และเชื่อในความเป็นจริงที่สุด เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่เชื่อเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับผีสางนางไม้ แต่เขาเองก็ไม่ได้คัดค้านที่ภรรยาจะไหว้พระขอพร แม้จะเป็นเพียงแค่ความงมงายบางอย่าง แต่ถ้าเป็นความสุขของภรรยาแล้ว ให้ทำอะไรเขาก็ยอม
“ได้สิ ผมจะให้เสี่ยวหวังไปส่งคุณเอง คุณก็ช่วยบริจาคเงินค่าธูปและน้ำมันให้กับเหมยเหมยเยอะๆ หน่อยนะ แล้วก็ให้หลวงพ่อช่วยให้ธรรมะแก่เหมยเหมยในชาติหน้าด้วย ต่อไปให้เธอได้ไปเกิดอยู่ในตระกูลที่ร่ำรวยมั่งคั่งและมีแต่ชีวิตที่ดี” จ้าวอิงหัวพูดขึ้นด้วยความรู้สึกจากใจ
เหยียนซินหย่าตอบกลับเขาไป แต่ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกเศร้าหมอง หากเป็นไปได้ เธอหวังว่าลูกสาวของเธอจะมีโอกาสกลับมา แม้ว่าเธอจะไม่ใช่แม่ที่ดี แต่ต่อไปนี้เธอจะดูและปฏิบัติต่อลูกของเธอให้ดีขึ้นหลายเท่า
แต่ร่างกายของเธอไม่สามารถมีลูกได้อีกแล้ว ต่อให้สามารถมีได้ แต่ด้วยกฎหมายครอบครัวในตอนนี้ก็ไม่สามารถให้กำเนิดได้ เหมยเหมยของเธอไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว!
เพื่อไม่ให้สามีเป็นกังวล เหยียนซินหย่าจึงแสร้งทำเหมือนง่วงจึงได้หลับตาลง แต่สมองกลับตื่นอย่างเป็นปกติ เธอเอาแต่นึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในความฝันเมื่อครู่ จู่ๆ เหยียนซินหย่าลืมตาขึ้นมาด้วยความตกใจ
ไม่สิ ทำไมเหมยเหมยตอนอยู่ในฝันถึงได้มีไฝสีแดง?
ทั้งที่ตอนเล็กๆ เหมยเหมยไม่มีไฝ!
เหยียนซินหย่าจำได้อย่างชัดเจน แม้ว่าในตอนนั้นเธอจะเจ็บปวดแค่ไหน แต่เธอก็ทันได้เห็นหน้าลูกจนถึงวินาทีสุดท้าย ใบหน้ากลมเล็กแบบนั้น อันที่จริงควรจะได้เปลี่ยนจากผิวสีชมพูอ่อนนุ่มจนกลายเป็นสีม่วงอ่อน ดวงตาที่แสนงดงามยังไม่ทันได้ลืมตาขึ้นมา ก็ต้องหลับไปตลอดกาล
ลูกสาวของเธอหน้าตาสะสวยมาก หากโตขึ้นคงจะเป็นหญิงสาวที่งดงาม เหยียนซินหย่าเจ็บแปลบเข้าที่ใจ เธอฝืนใจที่จะนึกไปถึงความทรงจำครั้งก่อน ใช่แล้ว! ลูกสาวของเธอไม่มีไฝ เธอมีใบหน้าใสสะอาด ไม่มีไฝแต่อย่างใด
แต่ทำไมฝันเมื่อครู่เหมยเหมยถึงมีไฝ?
สิ่งที่คิดในตอนกลางวัน ยังไม่ทันข้ามคืนก็ได้เข้ามาอยู่ในความฝันของเธอ แต่เธอไม่ได้คิดอะไรเลย แล้วทำไมถึงได้ฝันถึงล่ะ?
เหยียนซินหย่าเอาแต่คิดไม่ตก เธอคิดไปได้สักพักก็คิดไม่ออก จึงได้ผล็อยหลับไป
เช้าอีกวันอู่เหมยตื่นสายกว่าปกติเล็กน้อย อู่เจิ้งซือและคนอื่นๆ ต่างตื่นกันหมดแล้ว เหอปี้อวิ๋นทำกับข้าวอยู่ตรงระเบียง แต่ดูเหมือนคนไม่มีชีวิตชีวา ต่างจากเมื่อก่อนที่เอาแต่ต้มโจ๊ก แต่ในตอนนี้เธอทำผัดผักและทอดเค้กข้าว[1] ซึ่งประหยัดเวลามาก
“พ่อคะ ทานข้าวเสร็จแล้วหนูจะไปห้องสมุด ตอนเที่ยงไม่กลับมาทานข้าวนะคะ” อู่เหมยออกแรงกัดเค้กข้าว และเอาแต่ก่นด่าแม่ตัวเองในใจ เธอใช้ฟันซ้ายขวากัดสลับกันไปมาเพราะถูกแป้งเกาะหนึบติดฟัน เธอจึงทำได้เพียงใช้ฟันหน้าเคี้ยว แต่กินอย่างไรก็ไม่ได้อรรถรส
อู่เจิ้งซือพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “นี่เงินสองหยวน ตอนเที่ยงก็หาอะไรดีๆ กินหน่อยนะ อย่าเอาแต่หิวล่ะ”
“ขอบคุณค่ะพ่อ”
อู่เหมยรับเงินมาด้วยความดีใจ ที่แท้ให้อู่เจิ้งซือดูแลจัดการเงินเองก็มีข้อดีแบบนี้นี่เอง ถึงได้ใจกว้างมากขนาดนี้
เหอปี้อวิ๋นกัดเค้กข้าวอย่างโมโห เจ็บปวดรวดร้าวไปทั้งใจ ทั้งที่เงินพวกนี้ต้องเป็นของเธอแท้ๆ อู่เจิ้งซือนี่เป็นคนมือเบาเสียจริง เงินเดือนทั้งเดือนต้องถูกใช้ไปจนหมดแน่ ไม่มีเหลือไว้ให้เธอเก็บเลย
…………………………………………………………………………………………..
ตอนที่ 396 yy เหยียนหมิงซุ่น
อู่เยวี่ยกัดกินเค้กข้าวช้าๆ สีหน้าของเธอดูแย่เสียยิ่งกว่าสีหน้าของเหอปี้อวิ๋นมาก ผิวหนังใต้ตามีแต่รอยดำคล้ำ ดูจากลักษณะแล้วเมื่อคืนเธอคงจะนอนไม่เต็มอิ่ม แต่ท่าทีของเธอดีขึ้นกว่าเมื่อวานมาก
“เยวี่ยเยวี่ย เดี๋ยวออกไปพบคุณลุงกับพ่อนะ” อู่เจิ้งซือพูดขึ้นอย่างมีความสุข
“ค่ะ”
ความเชื่อฟังของอู่เยวี่ยทำให้อู่เจิ้งซือเกิดความพึงพอใจมาก สีหน้าหมองหม่นได้เปลี่ยนเป็นสดใสขึ้น
อู่เหมยเกิดความสงสัยขึ้นภายในใจ อู่เจิ้งซือจะพาอู่เยวี่ยไปพบคุณลุงคนไหน?
ดูจากท่าทีของอู่เจิ้งซือแล้ว ไม่ได้ต้องการจะพาเธอออกไปด้วย คุณลุงในความรู้สึกของอู่เหมย ต้องไม่ใช่ลุงธรรมดาเป็นแน่ แต่ถึงอย่างไรเธอก็ไม่มีเวลามากพอจะขบคิดได้ เธอจึงทำได้เพียงกินข้าวอย่างรีบร้อนแล้วออกจากบ้านไป
อู่เยวี่ยแหงนหน้ามองอู่เหมยแค่แวบเดียว ก็ได้ก้มหน้าลงตามเดิมและทานมื้อเช้าต่อ แม้ว่าเธอจะไม่มีความอยากอาหาร แต่ก็จำเป็นต้องกิน หากไม่กินให้อิ่มจะเอาแรงที่ไหนมาสู้กับอู่เหมย?
เธอจะยอมแพ้แบบนี้ไม่ได้ เธอจะต้องลุกขึ้นมาให้ได้ เธอคืออู่เยวี่ยผู้หญิงที่ทำได้ทุกอย่าง เธอเป็นถึงความภาคภูมิใจของตระกูลอู่ เธอจะล้มลงง่ายๆ แบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด!
หากเป็นเรื่องสภาพอาการทางจิตนั้น จิตใต้สำนึกของเธอได้สั่งไม่ให้นึกถึงอีก ช่วงหลายวันมานี้เธอได้อ่านหนังสือจำพวกนี้อยู่บ้าง ในหนังสือบอกว่าทุกๆ คนต่างมีอาการป่วยทางจิต เพียงแค่แตกต่างกันที่ระดับความรุนแรงและอาการของเธออาจจะอยู่ในระดับที่รุนแรงไปบ้าง แต่ก็ใช่ว่าจะเลี่ยงไม่ได้
เพียงแค่ไม่มองมันว่าเป็นสิ่งที่ทำให้ต้องกังวลก็เพียงพอแล้ว!
ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจที่จะไม่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก ในจิตใต้สำนึกของอู่เยวี่ยบอกว่า เพียงแค่เธอไม่ไปคิดถึงมัน อาการของเธอก็จะสามารถหายได้เองโดยไม่ต้องพึ่งยารักษา
อันที่จริงความคิดของอู่เยวี่ยเป็นสิ่งที่ดีมาก แต่เธอกลับประมาทอู่เหมยเกินไป อู่เหมยจะยอมปล่อยเธอไปง่ายๆ ได้อย่างไร!
อู่เหมยวิ่งไปถึงหน้าประตูใหญ่อย่างเหนื่อยหอบ เหยียนหมิงซุ่นก็มาถึงได้สักพัก เข้าไม่ได้สวมชุดนักเรียน แต่เป็นชุดสีเทาเข้มตัวใหญ่ ปกคอเสื้อพับขึ้นสูง บดบังช่วงลำคอที่ยาว และยังมีเน็คไทที่ผูกติดอยู่ทำให้ดูดีมีเสน่ห์มาก
“พี่หมิงซุ่นคะ!”
อู่เหมยเรียกเขาออกไป ชั่วครู่เธอได้เงยหน้าขึ้นและมองไปยังช่วงลำคอของใครบางคน แต่กลับถูกบดบังอย่างมิดชิด ขนาดช่วงคางก็ยังถูกบดบังไปด้วย เธอจึงทำได้เพียงถอนหายใจอย่างผิดหวัง
เหยียนหมิงซุ่นก้มหน้ามองสำรวจตัวเอง มีบางครั้งที่ยายตัวแสบมักจะมองเขาแบบแปลกๆ ทำให้เขากังวลเสมอว่าตัวเขาเองมีส่วนไหนที่แต่งตัวไม่เรียบร้อย หรือว่ามีส่วนไหนที่โผล่ออกมาแบบที่ไม่ควรโผล่ เพราะอย่างนั้นทุกครั้งที่เขานัดเจออู่เหมย เขามักจะวนๆ ส่องกระจกอยู่หลายครั้ง เพราะกลัวว่าถึงเวลาจะทำเรื่องขายหน้าต่อหน้ายายตัวแสบ
“มีอะไรหรือเปล่า?”
น้ำเสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นมาจากคนตรงหน้า เธอจึงส่ายหน้าและยิ้มให้อย่างฝืนใจ
เมื่อครู่สายตาของเธอมองไปยังช่วงลำคอของเหยียนหมิงซุ่น ช่างเป็นส่วนที่เซ็กซี่มาก จังหวะที่เขากลืนน้ำลายลงไป ช่างเป็นภาพอาหารตา!
“ไปกันเถอะ ที่นั่นไกลพอสมควร เราไปเร็ว จะได้กลับเร็วด้วย”
เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้ถามอะไรต่อ ตัวเขาไม่เคยคิดไปในทางอื่นใด เพราะเป็นเพียงแค่เด็กเท่านั้น
แต่เขากลับไม่รู้ว่าเด็กตัวน้อยของเขากำลังแอบสนใจเขาอยู่!
อู่เหมยว่างเป็นอย่างมาก จึงเอาแต่ถามเหยียนหมิงซุ่นตลอดทางเกี่ยวกับสถานที่ที่พวกเขาจะไป เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้พูดอะไรออกไปมาก เพียงแค่ตอบคำถามเธอไปคร่าวๆ โชคดีที่อู่เหมยไม่ใช่เด็ก จึงทำให้เข้าใจได้ทั้งหมด
ที่นั่นคงจะเป็นเหมือนกับตลาดมืดที่เขียนอยู่ในหนังสือ แต่พื้นที่ไม่ได้ใหญ่นัก อีกทั้งผู้คนก็ไม่ค่อยรู้จักที่นี่ มีเพียงแค่กลุ่มเพื่อนในวงการเดียวกันถึงจะรู้ได้ หรือต่อให้คนภายนอกจะรู้ แต่หากไม่มีคนที่ชำนาญทางพามาก็คงไม่มีโอกาสเข้ามาถึงที่นี่ได้
“ถึงแล้ว เข้าไปข้างในก็อย่าเพิ่งถามราคาซี้ซั้ว แล้วก็ไม่ควรจับสิ่งของอะไร เข้าใจไหม?”
เหยียนหมิงซุ่นคอยกำชับอู่เหมยตลอด สถานที่ที่พวกเขาไปเป็นโรงงานของเก่าที่อยู่ในแถบชานเมืองของเมืองจิน เมื่อมองภายนอกช่างดูวังเวง แต่ใครจะรู้ได้ว่าด้านในนั้นต่างกันราวฟ้ากับดิน
…………………………………………………………………………………………..
[1] อาหารที่ทำจากแป้งข้าวเหนียว ภาษาจีนเรียกว่า ”เหนียนเกา”