ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 401 ใจที่เต้นระรัววุ่นวาย + ตอนที่ 402 ฉันกินฟันกรามตัวเองไปซะแล้ว
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- ตอนที่ 401 ใจที่เต้นระรัววุ่นวาย + ตอนที่ 402 ฉันกินฟันกรามตัวเองไปซะแล้ว
ตอนที่ 401 ใจที่เต้นระรัววุ่นวาย
อู่เหมยรีบกลืนเนื้อในปากลงไป พลันส่ายหัวพูดว่า “ไม่มี ตอนนี้ฉันไม่กลัวเขาแล้ว ถ้าเขาคิดอยากจะตีฉัน ฉันก็วิ่งออกไปข้างนอก แม่ฉันก็ไม่กล้าลงมือใส่ฉันแล้วล่ะ”
เธอพูดอย่างชอบใจว่าระยะนี้ใช้สติปัญญาและความกล้าสู้รบตบมือกับเหอปี้อวิ๋นได้เป็นอย่างดี บนใบหน้าเล็กเรียวเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจในตัวเอง เหยียนหมิงซุ่นกลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่ แต่ในใจกลับสงสารจับใจ
ถูกแม่แท้ๆ ปฏิบัติด้วยความลำเอียง ในใจของเด็กน้อยคนนี้ต้องรู้สึกไม่ดีแน่ๆ ท่าทางยิ้มแย้มในตอนนี้คงเป็นเพราะเสแสร้งออกมาเท่านั้นแหละ!
เพียงแต่เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมเหอปี้อวิ๋นถึงไม่แยแสอู่เหมยเลยสักนิด?
ว่ากันโดยทั่วไปแล้ว ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่จะใจร้ายใจดำกับลูกสาวแท้ๆ ได้ลงคอ นอกเสียว่าจะไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของตนเอง
เหยียนหมิงซุ่นมองไฝสีแดงชาดที่อยู่ฝั่งตรงข้าม พลันฉุกคิดขึ้นได้ จึงเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ว่า “เหมยเหมย ในบรรดาญาติของตระกูลเธอมีใครหน้าตาเหมือนเธอบ้างไหม?”
อู่เหมยดวงตาลุกวาวขึ้นมาทันที เงยหน้าสอดส่องทุกรอบด้าน แล้วกระซิบด้วยท่าทางลับๆ ล่อๆ ว่า “พี่หมิงซุ่น ฉันจะบอกพี่นะ พ่อแม่ของฉัน พวกเขาต่างมีคนที่อยู่ในใจ…”
เรื่องพวกนี้เธอเก็บเอาไว้ในใจมานานแล้ว อยากจะหาใครสักคนมาร่วมแบ่งปัน แต่สยงมู่มู่เด็กน้อยนั้นเธอไม่อยากให้เขาได้ฟังเลยเลยสักนิด มีแค่เหยียนหมิงซุ่นนี่แหละที่สามารถพูดด้วยได้ อีกทั้งเหยียนหมิงซุ่นไม่ใช่คนปากสว่าง เธอก็ไม่ต้องกังวลว่าข้อมูลจะถูกแพร่งพรายออกไป
อู่เหมยเล่าซุบซิบเรื่องรักสี่เศร้าความสัมพันธ์ยุ่งเหยิงที่ตัดเยื่อใยกันไม่ขาดของอู่เจิ้งซือและเหอปี้อวิ๋น พูดแฉออกมาอย่างหมดเปลือกไม่เหลือเก็บไว้สักนิดเดียว
มุมปากของเหยียนหมิงซุ่นกระตุกขึ้น สบถคำด่าอยู่ในใจ เขามองไปยังแววตาที่ส่องประกายแวววาวของอู่เหมย ทั้งน่าขันและน่าโมโหไปพร้อมกัน ถ้าอาจารย์อู่รู้ว่าเรื่องความลับส่วนตัวของเขา โดนอู่เหมยแฉจนเกลี้ยงแล้ว อารมณ์น่าจะดีไม่น้อยทีเดียว!
“เรื่องพวกนี้วันหลังไม่ต้องเล่าให้คนนอกฟังแล้วนะ” เหยียนหมิงซุ่นพูด
อู่เหมยเบะปาก “รู้แล้ว ฉันเล่าให้แค่พี่เท่านั้นแหละ ขนาดสยงมู่มู่ยังไม่เคยเล่าให้ฟังเลย”
เหยียนหมิงซุ่นส่งยิ้มออกมาด้วยความปีติ คีบเนื้อป้อนเข้าไปในปากของอู่เหมย เด็กน้อยเชื่อฟังเป็นอย่างดี คู่ควรที่จะได้รับรางวัล
ใบหน้าของอู่เหมยเหมือนย้อมด้วยสีแดงก็ไม่ปาน รีบก้มหน้ากินเนื้อเข้าไป เพื่อปิดบังอาการหัวใจเต้นแรงของเธอในตอนนี้
“ตอนนี้เธอเป็นแค่เพียงเด็กน้อยยังไม่โตเลย ฉันแค่คีบเนื้อให้เธอเท่านั้นเอง เธอคิดไปไกลถึงไหนกันเนี่ย!”
อู่เหมยบังคับหัวใจตัวเองไว้ พยายามทำให้หัวใจที่เต้นระรัวสงบลง มันไม่ง่ายเลยกว่าเธอจะหยุดมันได้ ใบหน้ายังคงร้อนฉ่าเหมือนเดิม
เธอเคี้ยวอยู่ไม่กี่คำก็กลืนเนื้อลงไป ตอบคำถามที่เหยียนหมิงซุ่นถามก่อนหน้านี้ขึ้นว่า “พี่หมิงซุ่น ฉันรู้แล้วว่าทำไมแม่ถึงเกลียดฉัน เพราะว่าฉันหน้าเหมือนคนที่แม่ฉันเกลียดมากที่สุด…”
ได้ฟังอู่เหมยพูดเรื่องเหยียนซินหย่า เหยียนหมิงซุ่นก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ ยิ่งรู้สึกหยามเหยียดเหอปี้อวิ๋น เพียงแค่เหตุผลขี้หมูขี้หมาแค่นี้ก็ปฏิบัติต่อลูกตัวเองอย่างโหดร้ายทารุณ บ้าไปแล้วจริงๆ
เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกผิดหวังอีกครั้ง ถ้ามองแบบนี้ หน้าตาของอู่เหมยเหมือนคุณป้า เรื่องนี้หากว่ากันตามกรรมพันธุ์แล้ว ล้วนมีความเป็นไปได้ทั้งนั้น
“พี่หมิงซุ่น พี่ว่าแปลกไหม สยงมู่มู่ยังบอกเลยว่าฉันหน้าตาเหมือนคุณป้าเล็กของเขา โครงหน้าเหมือนกัน แถมไฝเม็ดนี้ของฉัน คุณป้าเล็กของเขาก็มีเช่นกัน แต่ว่ามีอยู่ตรงนี้คนละที่กับฉัน”
อู่เหมยยื่นมือขึ้นชี้เปรียบเทียบกันตรงคิ้วฝั่งซ้าย เหยียนหมิงซุ่นมองตามมือของเธอ กลับเห็นว่ามีข้าวติดอยู่มุมปาก จึงยื่นมือไปหยิบข้าวเม็ดนั้นออกโดยไม่คิดอะไร
ใจอู่เหมยเริ่มเต้นรัวขึ้นมาอีกครั้งอย่างไม่สามารถหยุดยั้งได้ เต้นดังตุบๆ เหมือนเสียงกบกระโดด เต้นจนใจปั่นป่วนสมองฟุ้งซ่าน อดไม่ได้ที่จะคิดถึงละครรักโรแมนติกเกาหลีที่เคยดูเมื่อชาติที่แล้ว
…………………………………………..
ตอนที่ 402 ฉันกินฟันกรามตัวเองไปซะแล้ว
ในละครวัยรุ่นกุ๊กกิ๊กน่ารักโดยทั่วไปก็ทำแบบนี้ พระเอกรูปหล่อสง่างามและเต็มไปด้วยความรัก หยิบเม็ดข้าวที่ติดอยู่บนปากของนางเอกที่หน้าตาสวยน่ารักออกมา หลังจากนั้น ก็เอาเข้าปากของตัวเองแล้วกลืนลงไป…
อู่เหมยยิ่งคิดก็ยิ่งหวั่นไหว และยิ่งดูถูกตัวเอง ทำไมถึงมาเพ้อฝันกับผู้นำระดับสูงในอนาคตแบบนี้ได้นะ?
เขาก็แค่เห็นอกเห็นใจถึงช่วยเหลือ อีกทั้งร่างเล็กๆ นี้อายุเพิ่งสิบสองปีเท่านั้น ประจำเดือนยังไม่มาเลย เธอคิดไปถึงไหนกันแล้ว!
อู่เหมยด่าตัวเองไปหลายประโยค พอสมองนึกถึงอู่เยวี่ยและเหอปี้อวิ๋น จิตใจจึงสงบลงทันที นั่งหลังตรงเป็นระเบียบเรียบร้อยขึ้นมา
เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกว่าวันนี้อู่เหมยมีท่าทีแปลกๆ อยู่บ้าง เหมือนก้นมีเข็มทิ่มอยู่ก็ไม่ปาน บิดไปบิดมาไม่หยุด แต่ว่าเขาก็ไม่คิดอะไรมาก เด็กน้อยอยู่ไม่สุขถือเป็นเรื่องปกติ
“คุณป้าเล็กของสยงมู่มู่ก็หน้าตาเหมือนกับเธองั้นเหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นถามอย่างประหลาดใจ
อู่เหมยพยักหน้า “ใช่แล้ว สยงมู่มู่บอกว่าเหมือนมาก เขายังพูดอีกว่าเป็นเพราะฉันหน้าตาเหมือนคุณป้าเล็กของเขามาก เขาถึงมาเป็นเพื่อนกับฉัน”
เหยียนหมิงซุ่นขมวดคิ้ว การที่อู่เหมยหน้าตาคล้ายเหยียนซินหย่าถือว่าปกติ เพราะถึงอย่างไรก็เกี่ยวข้องกันทางสายเลือดอยู่แล้ว แต่หากเหมือนคุณป้าเล็กของสยงมู่มู่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ?
ประเด็นนี้ชักน่าสนใจขึ้นมาเสียแล้วสิ!
“พี่หมิงซุ่น อันที่จริงฉันเฝ้าหวังมากว่าตัวเองจะเป็นคนที่พ่อเก็บมาจากที่อื่น แบบนั้นแล้วฉันก็สามารถออกจากบ้านมาได้อย่างเปิดเผย ทำอะไรก็ไม่ต้องเห็นแก่หน้าแม่อีก” อู่เหมยทำท่าจมูกฟุดฟิด แล้วพูดความในใจของเธอออกมา
“คำพูดเด็กน้อย วันหลังอย่าพูดอีกนะ”
เหยียนหมิงซุ่นคีบเนื้อป้อนอู่เหมยอีก อู่เหมยกินไปยิ้มไป แต่ครั้งนี้หัวใจกลับไม่เต้นตุบๆ อีกแล้วเพราะถูกเธอสะกดเอาไว้
ความแค้นยิ่งใหญ่ยังไม่ชำระ ห้ามมีความรักเป็นอันขาด!
จากมุมที่ไม่ไกลนัก เหมยซูหานมองไปทางพวกเขาอย่างตกตะลึง หัวใจหล่นไปที่ตาตุ่ม
ตั้งแต่เมื่อไรกันที่เหยียนหมิงซุ่นกับเหมยเหมยใกล้ชิดกันขนาดนี้?
แต่ไหนแต่ไรมาเหมยเหมยไม่เคยยิ้มอย่างมีความสุขขนาดนี้ต่อหน้าเขามาก่อน แต่กลับยิ้มต่อหน้าเหยียนหมิงซุ่นอย่างเปิดเผยออกมา ไม่เก็บอาการปกปิดไว้เลยสักนิด
แรงไฟริษยาในใจของเหมยซูหานลุกโชติช่วง กัดฟันกรอด เขารู้แล้วว่าตัวเองทำผิด ทำผิดพลาดอย่างมหัน
เขานึกมาเสมอว่าอู่เหมยยังเด็ก คงไม่มีใครมาแย่งเหมยเหมยไปจากเขา เขาแค่ต้องอดทนรอเหมยเหมยโตขึ้น แล้วค่อยเปลี่ยนแปลงตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้น ในอนาคตถึงจะสามารถให้ชีวิตที่ดีกว่านี้กับเหมยเหมยได้
แต่เขาประมาทความงามของอู่เหมยไป ต่อให้อายุแค่เพียงสิบสองขวบ ก็สามารถดึงดูดบางคนที่มีเจตนาร้ายแอบแฝงเข้ามาได้
ยกตัวอย่างเช่นเหยียนหมิงซุ่น เขาดูถูกมากเกินไป โชคดีที่วันนี้เขาพาแม่มาซื้อของที่นี่ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่รู้ว่าจะโดนปิดบังอีกนานแค่ไหน!
เหมยเหมยเป็นของเขา เธอเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น เหยียนหมิงซุ่นห้ามคิดเกินเลยเด็ดขาด!
“ซูหาน พวกเราจะกินอยู่ไหม?” แม่เหมยเอ่ยถามขึ้น
“กินสิ แม่ ผมเจอเพื่อนร่วมห้อง พวกเราไปกินตรงนั้นกันเถอะ”
เหมยซูหานประคองแม่เหมยเดินไปทางโต๊ะของพวกอู่เหมย อู่เหมยกำลังเคี้ยวเนื้อที่เหยียนหมิงซุ่นเพิ่งป้อนเธออย่างเอร็ดอร่อย ติดมันไม่มากไปกำลังพอดี แต่ฟันของเธอไม่ค่อยแข็งแรงเคี้ยวไม่กี่ชิ้นก็ปวดเสียแล้ว ทำได้แค่เพียงใช้ฟันกรามใหญ่ซี่อื่นค่อยๆ เคี้ยวไป
“หมิงซุ่น เหมยเหมย พวกเธอก็มากินข้าวที่นี้ด้วยเหรอ?”
ข้างหูได้ยินเสียงอันคุ้นเคยดังขึ้น เพียงแวบเดียวอู่เหมยก็รู้ว่าเป็นใคร ใจสั่นด้วยความกลัว เหมยซูหานมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ?
ช่วงเวลาตึงเครียด อู่เหมยลืมฟันกรามที่ใกล้หลุดของตัวเองไป ใช้งานเคี้ยวแรงไปหน่อย คิดแค่อยากจะกินเนื้อลงไปเร็วๆ
แกรก…
แย่แล้ว!
เนื้อในปากหมดแล้ว แต่ทำไมถึงรู้สึกมีบางอย่างไม่ชอบมาพากลอยู่นะ เอ๊ะ…ฟันกรามของเธอล่ะ?
อู่เหมยเอาลิ้นไปดุนๆ ในปากมีรสคาวหวานของเลือดจางๆ แต่เดิมฟันกรามด้านซ้ายที่โยกใกล้หลุด เวลานี้กลับหายไปอย่างลึกลับ
คิดถึงชิ้นเนื้อที่ฝืนกลืนลงไปเมื่อครู่ ใบหน้าเล็กของอู่เหมยพลันซีดขาว มองเหยียนหมิงซุ่นน้ำตาคลอ
“พี่หมิงซุ่น ฉันกลืนฟันลงไปแล้ว”
…………………………………………..