ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 409 ใกล้จะแสดงแล้ว + ตอนที่ 410 มือหมู
ตอนที่ 409 ใกล้จะแสดงแล้ว
ตอนบ่ายพวกสยงมู่มู่และอู่เชาอยู่กันที่ห้องเรียนเยาวชน การแสดงวันปีใหม่ของโรงเรียนไม่ได้อยู่ในวันปีใหม่ แต่จัดล่วงหน้าก่อนสองวัน มีเวลาห่างจากการแสดงอย่างเป็นทางการไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์แล้ว
อู่เหมยซ้อมท่าที่เฮ่อเหวินจิ้งจัดซ้อมจนชำนาญเรียบร้อยแล้ว สยงมู่มู่เป็นคนเลือกเพลง เพลงค่อนข้างมีชีวิตชีวา <บัวพ้นน้ำ> เดิมเป็นเพลงกู่เจิง ถูกสยงมู่มู่ปรับเปลี่ยนด้วยตัวเอง เปลี่ยนเป็นทำนองกู่เจิงบรรเลงกับเครื่องดนตรีหลายชนิดแทน
สองคน คนหนึ่งอ้วนคนหนึ่งผอม คนหนึ่งสูงคนหนึ่งเตี้ย อีกคนหน้าตาดีอีกคนขี้เหร่ เป็นคู่ที่เหมาะสมกันดีเลยทีเดียว!
ชุดสำหรับการแสดงก็เป็นสยงมู่มู่จัดการ คุณปู่คุณย่าคุณป้าคุณลุงอะไรก็ไม่รู้ของสยงมู่มู่ ทั้งหมดอยู่ในวงการงานศิลปะการขับร้องแบบพื้นบ้านของจีน สามารถพูดได้ว่าตระกูลสยงนอกจากพ่อสยงคนเดียวที่ไม่ได้อยู่ในวงการนี้ และนั่นก็เป็นเหตุผลที่สยงมู่มู่คิดจะทำชุดเสื้อผ้าสำหรับแสดง สบายกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
แค่โทรศัพท์ไป ผู้เฒ่าสองคนของตระกูลสยงที่เห็นสยงมู่มู่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ ก็ลงมือจัดการทุกอย่างให้หลานชายผู้เป็นแก้วตาดวงใจในทันที
ชุดเต้นของอู่เหมยคือสีเขียวอ่อน สยงมู่มู่และอู่เชาต่างก็ใส่ชุดจีนโบราณยุคฮั่นสีขาว เพียงแต่ว่าทั้งสองคนกลับใส่ออกมาได้ผลลัพธ์ต่างกันอย่างสิ้นเชิง คนหนึ่งชุดขาวปลิวตามลม เหมือนเซียนที่ลงมายังโลกมนุษย์ อีกคนกลับอ้วนกลม ๆ น่ารักไร้เดียงสาที่สุด เพียงแค่ความแตกต่างอย่างชัดเจนนี้ต่างก็สามารถทำให้คนหัวเราะจนเจ็บท้องได้!
วันนี้ตอนบ่ายถือว่าเป็นการซ้อมจริง ทั้งสามคนต่างก็ตื่นเต้น ถึงอย่างไรก็ลำบากลำบนมาตั้งหนึ่งเดือน แน่นอนว่าจะต้องหวังให้มีผลที่ดีให้เห็นตรงหน้า เพลงแรกจบลง อู่เหมยหายใจแรงเล็กน้อย บนหัวมีเหงื่อซึมออกมา การเต้นยังคงเป็นงานที่หนักมากจริง ๆ เธอเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว
“ดูดีเลย แต่ว่ามีบางที่ทียังไม่ค่อยสมบูรณ์ พวกเธอต้องฝึกฝนต่ออีก”
เฮ่อเหวินจิ้งพอใจเป็นอย่างมาก ชี้ในจุดที่พวกเขายังบกพร่อง ทั้งสามคนต่างก็ฟังอย่างตั้งใจ และจำเอาไว้ให้ขึ้นใจ
“อาจารย์เฮ่อ ถึงเวลานั้น โรงเรียนของพวกเราแสดงอาจารย์จะต้องมาดูนะครับ!” อู่เชาพูดอย่างมีความสุข
เดิมทีเขายังมีอคติกับเฮ่อเหวินจิ้งอยู่บ้าง แต่ตอนนี้เฮ้อเหวินจิ้งกับจี้เจี้ยนโปก็ตัดขาดความสัมพันธ์ไม่ได้ไปมาหาสู่กันแล้ว แน่นอนว่าเขาก็ไม่ได้ใจแคบสนใจเรื่องหยุมหยิมอีก อันที่จริงเขาค่อนข้างที่จะเข้าใจจี้เจี้ยนโป ถ้าเปลี่ยนให้เขาเป็นฝ่ายชาย เขาก็ชอบเฮ่อเหวินจิ้ง!
เพียงแต่ว่าอู่เจิ้งหงถึงอย่างไรก็เป็นป้าแท้ ๆ ของเขา ก็ควรที่จะมีจุดยืนหรือตำแหน่ง!
เฮ่อเหวินจิ้งสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย พูดยิ้ม ๆ ว่า “วันนั้นฉันคงไม่ไป แต่ว่าฉันจะไปดูงานแสดงปีใหม่ของโรงเรียนที่สถานที่จัดแสดงนะ ฉันรอพวกเธออยู่ที่ตรงนั้นนะ!”
“จะต้องไปนะครับ ผมดูงานกลางคืนในเทศกาลตรุษจีนแล้วมีความเป็นไปได้ที่การแสดงของพวกเราสวยงามกว่าพวกเต้นรำที่ไม่มีการพลิกแพลงพวกนั้นเยอะเลยล่ะครับ” สยงมู่มู่มีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม ทำให้ได้รับการกรอกตามองบนจากอู่เหมยและอู่เชาไป
ทั้งวันรู้จักเอาแต่ฝันกลางวัน คิดว่างานกลางคืนในเทศกาลตรุษจีนเป็นของบ้านเขาจัดขึ้นมาหรือยังไง?
ทั้งสามคนเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ก็ไปบอกลาเฮ่อเหวินจิ้ง ตอนที่ออกจากห้องเรียนเยาวชน อู่เหมยก็ตีอู่เชาอย่างแรง ด่าว่า “นายเป็นคนโง่เหรอ? ยังจะเชิญอาจารย์เฮ่อไปดูการแสดงที่โรงเรียนของพวกเราอีก จี้เหวินฮุ่ยเป็นบ้าขึ้นมาจะทำยังไง!”
อู่เชาเจ็บจนหน้าตาบิดเบี้ยว จ้องเขม็งไปที่อู่เหมย “ไม่ใช่ว่าจบกันไปแล้วหรอ พวกผู้หญิงเนี่ยชอบคิดมาก!”
อู่เหมยแกว่งกำปั้นเล็ก ๆ ไปทางเขา อู่เชาปิดปากอย่างโมโห ไม่กล้าส่งเสียงอีก
เพราะอีกเดี๋ยวอู่เหมยจะเลี้ยงซาลาเปาไข่ปูให้กับพวกเขา เขาไม่คิดจะล่วงเกินเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ยตัวน้อยหรอกนะ ให้พูดอีกผู้ชายที่เป็นสุภาพบุรุษน่ะไม่ตีกับผู้หญิงหรอก มันคุ้มไหมที่เขาจะต้องโต้เถียงกับยัยเด็กซื่อบื้อนี่!
อู่เหมยห่อซาลาเปาไข่ปูกลับบ้าน เพื่อนำไปให้อู่เจิ้งซือ ด้วยช่วงนี้อู่เจิ้งซือให้ค่าขนมเธออย่างใจกว้าง เธอก็ถือว่าหมูไปไก่มาก็แล้วกัน!
อู่เจิ้งซือพอใจกับความกตัญญูรู้คุณของเธอเป็นอย่างมาก กินซาลาเปาไข่ปูร้อน ๆ ไปสองลูก อารมณ์ดีเป็นที่สุด ถือโอกาสลูบคลำไปบนตัว ก็คลำเจอเงินหนึ่งหยวนยับ ๆ หนึ่งใบ ส่งให้กับอู่เหมย
“วันหลังอย่าเอาแต่ใช้เงินของแม่บุญธรรม จะทำให้คนเขาหัวเราะเยาะเอาได้!”
“เย้ คุณพ่อดีที่สุดเลย!” อู่เหมยรับเงินอย่างว่องไว คำพูดดี ๆ ว่าไม่เอาเงินโดนซัดออกไปไกล อู่เจิ้งซือยิ่งยิ้มแย้มไปทั้งหน้า
…………………………………………..
ตอนที่ 410 มือหมู
มือของอู่เยวี่ยเป็นไปตามที่อู่เหมยคาดคะเนเอาไว้จริง ๆ วันต่อมาก็เริ่มมีปฏิกิริยา บวมแดงแสนสาหัส แถมยังมีบาดแผลปริอยู่หลายที่ อู่เยวี่ยทนคันอย่างอดไม่ไหวไปเกาอยู่บ่อยครั้ง พอเกาก็ผิวแตก เลือดก็ไหลซิบออกมา จากมือหมูก็กลายเป็นสเต็กขาวัวกึ่งดิบกึ่งสุก
“แม่ ทำไมมือหนูถึงได้กลายเป็นแบบนี้?”
อู่เยวี่ยมองมือตัวเองที่กลายเป็นขาวัวอย่างหวาดกลัว มือที่บวมเป่งทำให้จุดด้อยบนนิ้วของเธอยิ่งปรากฏออกมาชัดเจน ทั้งหนาทั้งใหญ่ โดยเฉพาะข้อต่อนิ้วส่วนนั้น มองแล้วเหมือนมือของผู้ชายยังไงอย่างนั้น ไม่เหลือความขาวนวลและสวยงามเลยสักนิด
“เธอไม่อยากได้มือแบบนี้นะ!”
มือก็เหมือนเป็นใบหน้าที่สองของผู้หญิง เธอจะพาใบหน้าที่สองที่น่าเกลียดขนาดนี้ออกจากบ้านได้ยังไงกัน?
เหอปี้อวิ๋นแค่มองก็รู้เลยว่าเป็นบาดแผลที่เกิดจากการล้างจานด้วยน้ำเย็นเมื่อวาน เธอคาดไม่ถึงเลยว่าล้างแค่เพียงครั้งเดียวก็จะทำให้เป็นแบบนี้ ยิ่งคาดไม่ถึงว่าลูกสาวสุดที่รักจะมีมือเป็นขาวัวแบบนี้ มันเป็นผลงานของเธอเอง
“คุณอู่ คุณดูมือของอู่เยวี่ยสิ วันหลังอย่าให้เยวี่ยเยวี่ยล้างจานอีกเลยนะ คุณมองแล้วไม่ปวดใจบ้างเลยเหรอ?” เหอปี้อวิ๋นรู้สึกแค้นใจอู่เจิ้งซือ กดความโมโหลงไปพูดเกลี้ยกล่อมอู่เจิ้งซือ เพื่อให้อู่เยวี่ยไม่ต้องรับผิดชอบงานล้างจาน
อู่เจิ้งซือก็ปวดใจกับลูกสาวคนโตไม่น้อย สีหน้าผ่อนคลายลง เพียงแต่ว่า…
อู่เหมยกินโจ๊กหนึ่งชามเสร็จ พูดอย่างไม่เห็นชอบว่า “แม่ช่างเป็นกระต่ายตื่นตูมซะจริง ๆ บาดแผลแค่เล็กน้อยเองไม่ใช่หรือไง มีอะไรร้ายแรงตรงไหน คุณตาเหยียนพูดว่า ผู้ที่เผชิญกับความยากลำบากทนความยากลำบากได้ สุดท้ายถึงจะเป็นคนเหนือคน พี่สาวเจอความยากลำบากนิดหน่อยแค่นี้ยังทนไม่ได้ หรือว่าวันหลังคิดอยากจะเป็นคนใต้คนกัน?”
อู่เจิ้งซือตกใจ ข้างหูมีเสียงของคุณตากับคำพูดที่มีความหมายลึกซึ้งดังขึ้นมา จิตใจที่ผ่อนคลายก็บีบแน่นอีกครั้ง ถามว่า “คุณตาเหยียนพูดเรื่องพวกนี้กับลูกตอนไหนกัน?”
“คุณตาเหยียนพูดกับพี่หมิงซุ่น พี่หมิงซุ่นก็มาพูดกับหนู บอกให้ตอนนี้หนูควรลำบากให้มากหน่อย วันหลังก็จะเป็นคนเหนือคนได้” อู่เหมยยิ้มแป้นพูด
เหอปี้อวิ๋นอดไม่ไหวด่าออกมา “แกลำบากอะไร? ตอนนี้งานในบ้านก็เป็นพี่สาวแกทำทั้งหมด ส่วนแกนะเหรอ เรียกแล้วยังไม่ขยับตัวเลย”
อู่เหมยพูดอย่างเอื่อย ๆ ว่า “พี่สาวเพียงแค่ล้างจานกับซักเสื้อผ้าของตัวเองก็แค่นั้น เมื่อก่อนหนูเหมางานในบ้านทั้งหมด แม้กระทั่งชุดชั้นในสกปรกของแม่กับพี่สาวเหล่านั้นที่เปื้อน…”
อู่เจิ้งซืออัดอั้นเบื่อหน่าย โบกมือให้อู่เหมยหยุดพูดและยิ่งรู้สึกไม่พอใจเหอปี้อวิ๋นมากขึ้นไปอีก ตอนนี้ทั้งโรงเรียนต่างรู้กันหมดแล้วว่าเธอเอาเสื้อผ้าสกปรกที่เปื้อนประจำเดือนให้เหมยเหมยซัก เยวี่ยเยวี่ยยังเด็กอาจจะยังไม่รู้จักคิด แต่เธอโตขนาดนั้นแล้วกลับโง่เขลาอย่างไม่มีทางรักษาจริง ๆ
“พูดก็พูดเถอะนะว่า ในบ้านนี้คนที่ขี้เกียจที่สุดก็คือคุณ ที่ตอนนี้ผมให้เยวี่ยเยวี่ยเรียนรู้การทำงานบ้านเอาไว้ก็เพราะไม่อยากให้วันหลังโตขึ้นไปเป็นคนแบบคุณยังไงล่ะ ช่างขายขี้หน้าจริง ๆ !”
อู่เจิ้งซือพูดอย่างเย็นชา ระงับเรื่องล้างจานที่จะยกเว้นให้อู่เยวี่ยเอาไว้ โยนซาลาเปาในมือ กินแค่โจ๊ก คำพูดของอู่เหมยทำให้เขาสะอิดสะเอียนได้สำเร็จ
อู่เยวี่ยหน้าแดงขึ้นมา ปีที่แล้วประจำเดือนของเธอก็มาแล้ว เหมือนกับเหอปี้อวิ๋น แน่นอนว่าเธอนำเสื้อผ้าสกปรกพวกนั้นโยนให้อู่เหมยซัก แล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรที่มันไม่ถูกต้องแต่อย่างใด
แต่ครั้งที่แล้วที่อู่เหมยเอาเรื่องนี้พูดออกมาต่อหน้าสาธารณชน ก็เหมือนกับการแก้ผ้าเธอต่อหน้าสาธารณชนอย่างไรอย่างนั้น อายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี
ตอนนี้อู่เหมยก็พูดถึงเรื่องนี้อีกครั้ง อู่เยวี่ยทั้งอายทั้งโมโห จิตใจที่สงบลงแต่เดิม ก็โหมกระหน่ำขึ้นมาในทันที สีหน้าบนหน้าก็ไม่สงบสุขเช่นก่อนหน้านั้นอีก แต่กลับเหมือนก่อนที่จะไปพบคุณหมอโจ่วอย่างไรอย่างนั้น
อู่เหมยรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของอู่เยวี่ยอย่างรวดเร็ว พอใจที่เห็นความกลัดกลุ้มบนใบหน้าของเธอ สิ่งที่เธอต้องการก็คือผลลัพธ์เช่นนี้แหละ
อู่เยวี่ยหากเธอคิดจะหลุดออกจากหลุมลึก คิดว่าจะไขว่คว้าแสงสว่างอีกครั้งละก็ เธอไม่สามารถทำมันได้อยู่แล้ว ฉันไม่สนหรอกว่าจะใช้วิธีอะไร แต่ฉันจะทำให้อู่เยวี่ยอยู่ในหลุมลึกนั้นตลอดไป
เหมือนกับเธอในชาติที่แล้ว!
จนกว่าจะตายไป!
…………………………………………..