ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 413 ดาบล้ำค่ามอบให้กับวีรบุรุษ + ตอนที่ 414 อู่เยวี่ยผู้อิจฉาริษยา
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- ตอนที่ 413 ดาบล้ำค่ามอบให้กับวีรบุรุษ + ตอนที่ 414 อู่เยวี่ยผู้อิจฉาริษยา
ตอนที่ 413 ดาบล้ำค่ามอบให้กับวีรบุรุษ
เหยียนหมิงซุ่นรีบอุ้มอู่เหมยที่จะแข็งตายขึ้นมา ร่างของเด็กน้อยเย็นแข็งไปหมด แล้วก็ไม่รู้ว่าโดนลมเย็นพัดมานานแค่ไหนแล้ว
“ทำไมเธอถึงไม่ไปเรียกพี่?”
เหยียนหมิงซุ่นเอามือที่เย็นเฉียบของอู่เหมยมาวางไว้ในมือของตัวเองเพื่อให้ความอบอุ่น ปวดใจเล็กน้อย ไม่เคยเห็นใครที่ซื่อบื้อเท่ายัยเด็กซื่อบื้อนี่มาก่อนเลย
อู่เหมยคิดจะดึงมือกลับมา แต่เหยียนหมิงซุ่นก็จับเอาไว้แน่น เธอดึงอยู่หลายรอบมือก็ไม่กระตุกเลย ใบหน้าก็ยิ่งแดง เขินอายไปหมด
เธอไม่ใช่เด็กผู้หญิงอายุสิบสองขวบจริงๆ เสียหน่อย!
“อย่าขยับ!” เหยียนหมิงซุ่นพูดเสียงเบา ถูมือของเธอไม่นาน ก็อบอุ่นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
รับรู้ได้ถึงความอบอุ่นกลางฝ่ามือ ใจของเหยียนหมิงซุ่นยิ่งอ่อนจนพูดไม่ถูก ปล่อยมืออู่เหมยอย่างอาวรณ์ ในใจรู้สึกอ้างว้าง
“พี่หมิงซุ่น กริชเล่มนี้ฉันให้พี่”
อู่เหมยหยิบกริชออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ยัดเข้าไปในมือของเหยียนหมิงซุ่น มองเขาอย่างคาดหวัง ในใจยังมีความกังวลอยู่บ้าง แล้วก็ไม่รู้ว่าเหยียนหมิงซุ่นจะชอบของขวัญที่เธอให้หรือไม่
เหยียนหมิงซุ่นมองกริชในมืออย่างตกใจ ถึงแม้ว่าจะมีฝักปิดกั้นเอาไว้ แต่เขาก็ยังรับรู้ได้ถึงความเย็นยะเยือกของกริชล้ำค่านี้ได้โดยไม่จำเป็นต้องดึงออกมา เขาก็รู้ว่าจะต้องกริชล้ำค่าที่หายากมากๆ ในโลกใบนี้
เขาชักออกมาเบาๆ คมมีดที่บางเหมือนกระดาษ ความเย็นก็ช่างคุกคามคนเสียจริงๆ จนอู่เหมยตัวสั่น ถอยหลังไปหลายก้าว กริชเล่มนี้ช่างทำให้คนเหน็บหนาวจริงๆ
“กริชเล่มนี้เอามาจากไหน?”
เหยียนหมิงซุ่นพอเห็นสิ่งที่ชอบก็จิตใจเบิกบาน รู้สึกชอบกริชเล่มนี้เป็นอย่างมากจริงๆ ยิ่งแปลกใจว่าอู่เหมยเอากริชที่ดีมากขนาดนี้มาจากไหน มันไม่ด้อยไปกว่าดาบหยูฉางในตำนานเลยทีเดียว!
อู่เหมยตอบอย่างตรงไปตรงมา “ก็เป็นครั้งก่อนที่พี่หมิงซุ่นพาฉันไปพบคุณปู่หวังฉันซื้อจากที่นั้นแหละ”
เหยียนหมิงซุ่นนึกอยู่ครู่หนึ่ง ก็นึกออกถึงกริชเล่มที่ชำรุดทรุดโทรมมีสนิมเล่มนั้น รูปร่างลักษณะถือว่าคล้ายอยู่ แต่เขาก็ไม่สามารถปะติดปะต่อกริชตรงหน้ากับกริชที่ชำรุดทรุดโทรมขึ้นสนิมเข้าด้วยกันได้
ใจของอู่เหมยรู้สึกประหม่าอยู่บ้าง พูดอย่างติดๆ ขัดๆ ว่า “ฉันเอากริชเล่มนั้นกลับมาทำความสะอาดถึงได้ค้นพบว่าเป็นกริชที่ดีเลยทีเดียว ก็เลยคิดจะให้พี่หมิงซุ่น พี่หมิงซุ่นพี่ไม่ชอบใช่หรือไม่?”
“ไม่ พี่ชอบมากๆ ขอบคุณนะเหมยเหมย!”
เหยียนหมิงซุ่นรีบเก็บความงงงวยในใจเอาไว้ ก่อนตอบกลับอย่างจริงใจ หลายปีมานี้เขาตามหากริชที่เหมาะสมมาโดยตลอดแต่ก็ไม่เจอที่ถูกใจ ของขวัญของอู่เหมยนับเป็นของขวัญที่ถูกตาต้องใจ ส่งความอบอุ่นเข้ามาในหัวใจไม่น้อย
อู่เหมยยิ้มอย่างมีความสุข ชอบก็ดีแล้ว ไม่เสียแรงเปล่าที่ยืนท่ามกลางลมหนาวๆ ตั้งนาน
“พี่หมิงซุ่น พรุ่งนี้ฉันก็จะต้องเข้าร่วมการแสดงปีใหม่แล้วนะ!” อู่เหมยอยากจะแบ่งปันความตื่นเต้นและตึงเครียดของเธอ
“เหมยเหมยเต้นจะต้องน่าดูแน่นอน น่าเสียดายที่พี่ไม่ได้เห็น” เหยียนหมิงซุ่นเสียดายอยู่บ้าง
”งั้นฉันเต้นให้พี่ดูตอนนี้แหละ เพียงแต่เสียดายที่ไม่มีดนตรีประกอบ แต่ก็ไม่เป็นไร พี่หมิงซุ่นพี่ห้ามหัวเราะฉันนะ!”
อยู่ดีๆ อู่เหมยก็อยากเต้นให้เหยียนหมิงซุ่นดูมากๆ เธอก็ไม่เข้าใจจิตใจของตัวเองเหมือนกัน แต่ถึงยังไงก็อยากจะเต้นตอนนี้อยู่ดี อยากมากๆ ให้เหยียนหมิงซุ่นเป็นผู้ชมเพียงแค่คนเดียว
เหยียนหมิงซุ่นยังไม่ทันจะได้สติกลับมา อู่เหมยก็เริ่มเต้นเบาๆ แต่สง่างาม ถอดเสื้อหนาวที่ทั้งหนาทั้งหนักออก ใส่แค่เพียงเสื้อไหมพรมสีแดง หมุนอยู่ในห้องของเขา ผมสีดำขลับราวกับน้ำตกที่ไหลอยู่ตรงหน้าเขาก็ไม่ปาน
เขายื่นมือออกไปโดยไม่รู้ตัว มองเทพธิดาที่เต้นอย่างงดงามในห้องของเขา สวยจนพูดไม่ถูก เป็นครั้งแรกที่เขาวางท่าทีระมัดระวังตัวทิ้งไป ตอนนี้ผ่อนคลายอย่างถึงที่สุด
“พี่หมิงซุ่น ดูเป็นยังไงดูดีไหม?”
อู่เหมยหยุดเต้น หอบหายใจเล็กน้อย มองเหยียนหมิงซุ่นอย่างรอคอย พอเขาได้สติ จึงรีบหยิบเสื้อกันหนาวสวมให้กับอู่เหมย ชมเชยไม่หยุดว่า “ดูดีมาก เหมยเหมยจะต้องติดอันดับแน่นอน ถึงเวลานั้นพี่ก็จะสามารถดูการเต้นของเหมยเหมยบนเวทีในงานการแสดงของเมืองได้”
…………………………………………..
ตอนที่ 414 อู่เยวี่ยผู้อิจฉาริษยา
การซ้อมการแสดงวันปีใหม่ของโรงเรียนจัดเอาไว้ตอนบ่าย อาจารย์และนักเรียนทั้งโรงเรียนจะเข้าร่วม ตอนบ่ายอู่เจิ้งซือมีสอน ไม่ได้ไปเข้าร่วม แรกเริ่มเดิมทีเหอปี้อวิ๋นก็จะเข้าร่วม ต่อให้จะมีสอนก็จะไปเปลี่ยนกับคนอื่น รายการการแสดงของลูกสาวสุดที่รัก ต่อให้มีเรื่องใหญ่ขนาดไหนก็สามารถวางลงไว้ก่อนได้!
แต่ว่าปีนี้เธอไม่เข้าร่วมอย่างแน่นอน บนเวทีไม่มีการแสดงของลูกสาวสุดรักสุดดวงใจ เธอจะเข้าไปดูความรื่นเริงอะไร?
จ้าวอิงหนานและพ่อสยงต่างก็ไปกัน ยังมีคุณปู่คุณย่าของสยงมู่มู่ สองผู้เฒ่าตั้งใจรีบมาเพื่อชมเชยหลานชายสุดที่รักเป็นพิเศษ ยังมีคุณปู่อู่กับคุณย่าอู่ที่ตั้งใจมาชมหลานเหมือนกัน ด้วยตอนนี้ก็ปลดเกษียณแล้ว ในบ้านก็ไม่มีเรื่องอะไร มาดูเด็กๆ เต้นรำก็ยังดีกว่าอยู่ในบ้านเฉยๆ
การแสดงของอู่เหมยอยู่ช่วงกลางๆ ช่วงแรกๆ ต่างก็เป็นการแสดงของชั้นเรียนเต้น เพลงทั้งน่าตื่นเต้นและฮึกเหิม ฉากก็ยิ่งใหญ่อลังการ แต่ก็ใกล้เคียงกันไปหมดมีแค่ส่วนน้อยที่ต่าง มีการแสดงคู่ของนักเรียนชายชั้นมัธยมต้นที่น่าสนใจไม่หน่อย อาจารย์และนักเรียนด้านล่าง ต่างพากันหัวเราะจนท้องแข็ง ยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก ถ้าไม่เกินความคาดหมาย เด็กชายสองคนนี้จะต้องคว้าตำแหน่งมาได้แน่นอน
มีแต่สยงมู่มู่ที่กลับดูถูก พูดว่าหากเป็นเขาขึ้นเวทีไปแสดง จะต้องแสดงได้ดีกว่าสองคนนี้แน่นอน
อู่เหมยพูดด้วยความไม่พอใจไปหนึ่งประโยคว่า “แล้วทำไมไม่ไปแสดงเอง? ทำไมนายไม่ไปโชว์ความสามารถโชว์ฝีมืออกมาล่ะ ใครจะไปรู้ว่านายมีฝีมือมีความสามารถอะไร? ทำเหมือนคนในโลกนี้เป็นพยาธิไส้เดือนในท้องนายอย่างนั้นแหละ?”
อู่เชาเห็นด้วยโดยให้ความร่วมมือในการทำท่าแสดงออกว่ารังเกียจ ทำเอาสยงมู่มู่โมโหเหลือจะทน แต่ว่าคำพูดของอู่เหมย กลับกระแทกใจเขาอย่างจัง
เมื่อก่อนเขาเพียงแค่คิดว่าไม่อยากจะดึงดูดความสนใจของผู้คนมากนัก เพื่อไม่หาเรื่องวุ่นวายใส่ตัว ตอนนี้คิดๆ แล้วก็ไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่ ในเมื่อก็เห็นอยู่ว่าเขาเป็นไข่มุกเม็ดหนึ่ง ทำไมจะต้องเก็บความสว่างไสวทำเหมือนตัวเองเป็นตาปลาที่ปลอมเป็นไข่มุกล่ะ?
หรือว่าถ้าเขาทำตัวเป็นตาปลา เรื่องยุ่งยากก็จะไม่มาถึงตัวเขาหรือยังไง?
อันที่จริงอู่เหมยคิดแล้วก็ไม่เข้าใจว่าจริงๆ แล้วใจของสยงมู่มู่ท้ายที่สุดแล้วกำลังคิดอะไร ถึงแม้ว่าสยงมู่มู่ชาติที่แล้วจะมีพรสวรรค์ตั้งแต่เด็ก แต่ช่วงมัธยมต้นมัธยมปลายก็ทำตัวเรียบง่ายธรรมดา พูดได้ว่าเงียบกริบไม่มีชื่อเสียงอะไรตลอดชีวิต มีคนมากมายที่ลืมไปแล้วว่าเขาเคยเป็นคนที่มีพรสวรรค์มาก่อน
จนกระทั่งเข้ามหาวิทยาลัย สยงมู่มู่ถึงค่อยๆ แสดงฝีมือทางการประพันธ์ดนตรีออกมา เริ่มจัดตั้งวงดนตรี และยังแต่งเพลงด้วยตัวเอง จนเป็นที่สนใจของทุกคนอย่างไม่มีใครเทียบเท่าได้ชั่วขณะ แล้วก็ค่อยๆ กลายเป็นนักดนตรีที่คนรู้จักไปทั้งประเทศ
เพียงแต่……
นึกถึงชีวิตอันแสนสั้นของสยงมู่มู่ ใจของอู่เหมยก็รู้สึกกลัดกลุ้ม จ้องเขม็งมองสยงมู่มู่ที่พูดติดตลกกับอู่เชาอยู่อย่างไม่พอใจ พูดอย่างอดไม่ได้ว่า “ฉันจะพูดอะไรกับนายหน่อยนะ ทั้งร่างกายทั้งผมแล้วก็ผิวหนัง ได้รับมาจากพ่อแม่ นายควรที่จะเห็นค่าแล้วก็ทะนุถนอมให้ดีๆ สิถึงจะถูก!”
สยงมู่มู่ตะลึงงันครู่ใหญ่ จึงพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “สมองเธอมีปัญหาเหรอ หยิบเอาคำพูดพวกนี้มาพูดซ้ำแล้วซ้ำอีกทั้งวัน ใครกันไม่เห็นค่าไม่ทะนุถนอมร่างกาย?”
อู่เหมยเอาคำพูดที่ว่า ‘ก็คนที่หัวสมองมีปัญหาอย่างนาย’ กลืนลงไป พูดอย่างโมโหว่า “ฉันก็แค่กันไว้ดีกว่าแก้น่ะ ใจของนายมันเล็กเหมือนเข็ม ถ้าหากว่าวันหลังมีเรื่องที่คิดไม่ตก นายก็นึกถึงคำพูดของฉันให้มากๆ ก็แล้วกัน อย่าเป็นเหมือนกับน้องหลิน”
“อู่เหมยเธอพูดมาให้ชัดเจน ใครที่มีใจเล็กเหมือนกับปลายเข็ม? วันนี้ถ้าเธอไม่พูดให้ชัดเจน ฉันไม่จบกับเธอแน่!”
สยงมู่มู่กระโดดพุ่งสูงสิบเมตรในฉับพลัน เขาชอบความงามของน้องหลินนั้นไม่ผิด แต่เขาไม่ชอบนิสัยของน้องหลิน คาดไม่ถึงว่ายัยเด็กซื่อบื้อคนนี้จะเอาเขาไปเทียบกับน้องหลิน อยากตายมากใช่ไหม!
อู่เหมยรู้ตัวว่าพลั้งปากไป รีบไปหลบอยู่หลังอู่เชา หันไปยิ้มเอาใจสยงมู่มู่ “เป็นฉันเอง ฉันเหมือนกับน้องหลิน”
“เชอะ”
สยงมู่มู่กรอกตามองบน ขี้เกียจจะสนใจยัยเด็กซื่อบื้อนี่ เรียกอู่เชาไปเข้าห้องน้ำ
อู่เยวี่ยก็อยู่หลังเวที เธอเป็นฝ่ายประสานงาน จำเป็นต้องมาช่วยเพื่อนนักเรียนจัดการกับชุดเต้นและการแสดง การแสดงของห้องเธอก็จัดไว้ก่อนการแสดงของอู่เหมย
เธอมองอู่เหมยที่ยิ้มหัวเราะพูดคุยอย่างมีความสุข ในใจก็อิจฉาริษยาเหมือนพืชน้ำที่เติบโตขึ้นแล้วค่อยๆ กัดกินพื้นที่ในใจของเธอ
…………………………………………..