ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 421 ความสังสัยของสยงมู่มู่ + ตอนที่ 422 ไม่เอาไปพูดข้างนอกว่าโดนตะปูแทง
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- ตอนที่ 421 ความสังสัยของสยงมู่มู่ + ตอนที่ 422 ไม่เอาไปพูดข้างนอกว่าโดนตะปูแทง
ตอนที่ 421 ความสังสัยของสยงมู่มู่
ในใจของอาจารย์อู๋ก็โมโหมากเช่นกัน ไม่ต้องให้จ้าวอิงหนานบอก เธอก็จะต้องสืบหาเรื่องนี้ออกมาให้ชัดเจนอย่างแน่นอน โรยตะปูใส่รองเท้าของคนอื่น คนที่ทำเรื่องพวกนี้ได้ช่างเป็นคนที่ใจดำอำมหิตจริงๆ
“แม่อู่เหมยไม่ต้องห่วงนะคะ เรื่องนี้ฉันจะต้องสืบหาความจริงออกมาให้ได้ เพื่อจบเรื่องนี้ให้คุณ”
จ้าวอิงหนานยิ้ม ไม่ได้แก้ไขการเข้าใจผิดของอาจารย์อู๋ แม่บุญธรรมก็คือแม่เหมือนกัน!
อู่เยวี่ยที่ติดตามดูอยู่หน้าถอดสี ถึงแม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะร้ายกาจแค่ไหน แต่ตอนนี้อายุแค่เพียงสิบสี่ปี เป็นการทำร้ายคนอื่นอย่างไร้ยางอายเป็นครั้งแรก ประสบการณ์ความรู้ยังไม่เพียงพอ จึงเกิดอาการลุกลี้ลุกลนหวาดกลัวอยู่ชั่วขณะ
แต่ว่าเธอก็สงบลงมาอย่างรวดเร็ว ตอนที่วางตะปูนั้นไม่มีใครเห็นแม้แต่คนเดียว อาจารย์อู๋สาวเรื่องไม่มาถึงเธอแน่นอน
“คนที่ใส่ตะปูคนนี้ช่างน่ารังเกียจจริงๆ ทำไมถึงได้ทำร้ายน้องสาวของฉันแบบนี้!” อู่เยวี่ยพูดอย่างโกรธแค้น
อู่เชายิ่งโมโห สาดคำด่าทอว่า “คนร้ายคนนี้จะต้องจิตใจวิปริตแน่นอน คนปกติทำเรื่องชั่วช้าแบบนี้ไม่ได้หรอก”
สีหน้าของอู่เยวี่ยเปลี่ยนเล็กน้อย คำพูดของอู่เชาแทงเข้ากลางจุดอ่อนของอู่เยวี่ยอย่างจัง ใจเหมือนโดนคลื่นซัดสาด ใจก็เต้นเร็วและฟุ้งซ่านขึ้นมาชั่วขณะ
สยงมู่มู่มองไปทางเธอแวบหนึ่ง รู้สึกอยู่ตลอดว่าท่าทางที่แสดงออกมาของเธอผิดปกติ ตอนแรกเขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่เมื่อกี้ตอนที่อู่เชาพูดว่าจิตใจวิปริต ปฏิกิริยาตอบสนองของอู่เยวี่ยนั้นทำให้เขาอดคิดมากไม่ได้
เห็นได้ชัดว่าเป็นท่าทางของวัวสันหลังหวะ!
เขาย้อนนึกถึงเหตุการณ์ที่อู่เยวี่ยนั่งยองบนพื้นอย่างรวดเร็ว ใจก็เต้นครึกโครม สายตาดุดันขึ้น
แต่ไหนแต่ไรมาความสัมพันธ์อู่เยวี่ยกับอู่เหมยไม่ดีนัก อีกทั้งนิสัยใจคอของอู่เยวี่ยก็ไม่ดี จิตใจคับแคบ เรื่องใส่ตะปูลงไปในรองเท้าก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้
เพียงแค่เสียดายที่ตอนนี้เขาไม่มีหลักฐาน ไม่มีปัญญาไปกล่าวหาอู่เยวี่ย สยงมู่มู่รู้สึกขัดเคืองใจอยู่บ้าง เขาคว้าคอของอู่เชาพาเขาไปที่เงียบสงบ เล่าการคาดเดาของเขาให้ฟังเสียงเบา
“เป็นไปไม่ได้มั้ง? อู่เยวี่ยคงไม่ได้ร้ายขนาดนั้น” อู่เชาไม่ค่อยเชื่อ
“ทำไมจะไม่ได้ เมื่อก่อนเธอยังเคยบีบคอเหมยเหมยเลย นายลืมไปแล้ว?” สยบมู่มู่ยิ้มเยาะ
อู่เชาตัวสั่น หลังเย็นวาบ เปลี่ยนเป็นเชื่อโดยไม่รู้ตัว
เรื่องบีบคอยังทำออกมาได้ ใส่ตะปูลงในรองเท้าก็ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ พระเจ้าช่วย ทำไมเขาถึงได้ลืมเรื่องที่อู่เยวี่ยจิตไม่ปกติไปได้กันนะ?
“ฉันจะต้องสืบหาเรื่องนี้ให้ชัดเจน ทำร้ายจนพวกเราไม่สามารเข้าร่วมการแสดงของเมืองได้ แค้นนี้ฉันต้องชำระ!” สยงมู่มู่กัดฟันพูด
สยงมู่มู่และอู่เชาต่างก็กลับโรงเรียนแล้ว อู่เหมยก็โดยจ้าวอิงหนานพากลับบ้านไปแต่โดยดี เท้าที่บาดเจ็บขนาดนี้ แน่นอนว่าต้องกลับบ้านไปพักรักษาอาการ ถึงอย่างไรตอนบ่ายก็ไม่มีเรียนอยู่แล้ว
ไม่ต่างจากที่คาดการณ์เอาไว้ การแสดงของพวกอู่เหมยที่ได้รับคำชมอย่างล้นหลามก็ได้ที่หนึ่งไปอย่างไม่ต้องสงสัย เหยียนโฮ่วเต๋อมองสยงมู่มู่และอู่เชาที่ขึ้นไปรับรางวัลบนเวที สายตาเปล่งประกายระยิบระยับอย่างปลื้มปริ่ม
ปีหน้าเมืองจินต้องเปลี่ยนสมัยผู้ดำรงตำแหน่งแล้ว ผู้นำคนอื่นๆ หลายคนยังไม่เคลื่อนไหวอะไร แต่ผู้นำของเมืองจินกลับต้องเปลี่ยนแล้ว ตามที่เขาได้ข่าวมาล่าสุด มีความเป็นไปได้อย่างมากว่าจะเป็นแซ่จ้าว ตระกูลจ้าวที่มาจากเมืองหลวง แล้วก็เป็นพี่น้องของจ้าวอิงหนาน
จ้าวอิงหนานคงยังไม่รู้เรื่องนี้ด้วยซ้ำ กล่าวได้ว่าคนในเมืองจินที่รู้เรื่องนี้มีไม่เยอะ เขาบังเอิญเป็นหนึ่งในนั้น โอกาสดีๆ แบบนี้เขาควรจะคว้าเอาไว้ให้มั่น
ตอนแรกเขากำลังกลุ้มใจที่จะไม่มีโอกาสคว้าไว้ได้ การแสดงของพวกสยงมู่มู่คือโอกาสอันดี!
อาจารย์ใหญ่หยวนที่อยู่ด้านข้างรู้สึกเสียดาย “เสียดายที่เท้าของอู่เหมยได้รับบาดเจ็บ คงเข้าร่วมการแสดงวันปีใหม่ของเมืองไม่ได้แล้ว น่าเสียดาย!”
เขาชอบดูการแสดงนี้มาก เดิมทียังหวังว่าพวกอู่เหมยจะนำชื่อเสียงกลับมาให้ทางโรงเรียน แต่ตอนนี้ความปลื้มใจทั้งหมดพังทลายลงเหมือนกับความฮึกเหิมที่เดือดพล่านตกลงไปในน้ำแข็ง จนเหน็บหนาวไปหมด
คนชั่วที่วางตะปูเขาจะต้องจับออกมาให้ได้ จะต้องถลกหนังมันออกมาให้ได้ บังอาจมาทำลายเรื่องดีๆ ของเขา!
…………………………………………..
ตอนที่ 422 ไม่เอาไปพูดข้างนอกว่าโดนตะปูแทง
บ้านอู่ไม่มีคนอยู่ จ้าวอิงหนานก็เลยพาอู่เหมยมาไว้ที่บ้านของตัวเอง เธอคงจะเจ็บมากจริงๆ เพิ่งจะล้มตัวนอนลงก็หลับไปอีก ใบหน้าเล็กขาวเหมือนหิมะ ทำให้รู้สึกน่าเอ็นดู
จ้าวอิงหนานห่มผ้าขนแกะให้อู่เหมย ลูบหน้าผากของเธอ เพราะว่าเหงื่อออกดูเหมือนว่าจะหนาวแต่กลับไม่ได้มีไข้ จ้าวอิงหนานก็ถอนหายใจไม่หยุด
“เด็กคนนี้ช่างซื่อบื่อจริงๆ เลย เจ็บก็ไม่รู้จักร้องออกมา”
ถึงแม้ว่าปากของจ้าวอิงหนานจะพูดตำหนิ แต่ในใจกลับชื่นชมและปวดใจ แค่แวบเดียวพ่อสยงก็มองความคิดของเธอออกพูดยิ้มๆ ว่า “หากให้ผมพูดนะอันที่จริงแล้วนิสัยของเหมยเหมยเหมือนคุณมาก ปีนั้นตอนที่คุณอยู่เป่ยต้าฮว่างก็เหมือนกัน รู้สึกไม่สบายก็ไม่เคยส่งเสียงร้องสักแอะ ขึ้นเขาแบกท่อนไม้กับผู้ชายอย่างพวกเราด้วย เจ็บจนเจียนตายก็แอบไปร้องไห้คนเดียว”
นึกถึงเรื่องในอดีต ในใจของพ่อสยงถ่ายทอดความอ่อนโยนพรั่งพรูออกมา ดึงตัวภรรยาเข้ามากอด เมื่อสมัยนั้นเขาได้เห็นหญิงสาวที่สวยที่สุดในกลุ่มอย่างไม่คาดฝัน สู้งานมากกว่าผู้ชายอีก แต่ตอนที่ไร้ผู้คนกลับร้องไห้เสียใจยิ่งกว่าใคร ตอนนั้นเขาก็ใจเต้น คิดอยากแต่จะเฝ้าปกป้องหญิงสาวคนนี้ไม่ทำให้เธอต้องร้องไห้อีก
จ้าวอิงหนานก็นึกถึงเมื่อก่อน มองสามีอย่างลึกซึ้ง สองสามีภรรยาต่างก็จ้องมองซึ่งกันและกันฉันคุณคุณฉันกันอยู่เช่นนั่น ลืมอู่เหมยที่นอนอยู่บนโซฟาไปเสียสนิท
พอเลิกคาบเรียนอู่เจิ้งซือก็กลับห้องทำงานก็ได้รับโทรศัพท์จากอาจารย์ใหญ่หยวน อาจารย์ใหญ่หยวนได้ฟังรายงานจากอาจารย์อู๋แล้ว ได้รู้ว่าจ้าวอิงหนานต้องการให้ทางโรงเรียนชี้แจงให้รู้เรื่อง ก็พลันร้อนใจขึ้นมาทันที
จ้าวอิงหนานเป็นคนแบบไหนมีหรือที่เขาจะไม่รู้?
ถ้าเธอกัดไม่ปล่อย เขาต้องมีผลร้ายตามมาแน่ เขายังคิดที่จะอยู่อีกหลายปีเพื่อจะได้มีผลงานทางราชการให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นไป!
ดังนั้นอาจารย์ใหญ่หยวนเลยคิดโทรหาอู่เจิ้งซือ ถึงอย่างไรจ้าวอิงหนานก็เป็นแค่แม่บุญธรรมแต่อู่เจิ้งซือเป็นพ่อแท้ๆ ขอเพียงแค่พ่อแท้ๆ ไม่สอบสวนไต่ถามมากความ แม่บุญธรรมก็คงไม่รั้นที่จะยื้อต่อไป!
”อาจารย์อู่ ยินดีด้วยครับ การแสดงนักเรียนอู่เหมยได้ที่หนึ่งของโรงเรียนเรา แม้กระทั่งอธิบดีเหยียนก็ชมไม่ขาดปากเลย!”
อาจารย์ใหญ่หยวนเป็นคนเข้าใจศิลปะในการพูด ทำเอาอู่เจิ้งซือจิตเบิกบานขึ้นมาทันที หน้าบานราวกับดอกไม้ อาจารย์คนอื่นๆ ในห้องทำงานต่างก็เงี่ยหูฟัง อยากจะรู้ว่าอู่เจิ้งซือมีเรื่องดีอะไรอีกแล้ว!
“อาจารย์อู่ ผมต้องขอโทษคุณจริงๆ ที่ไม่ได้ดูแลลูกของคุณให้ดี จนเกิดเรื่องแบบนี้……”
อาจารย์ใหญ่หยวนเล่าเรื่องตะปูอย่างคร่าวๆ ย้ำนักย้ำหนาว่าเป็นเพราะเหตุสุดวิสัย เอาแต่พูดว่าอาจารย์ยังไม่ทำหน้าที่ให้ดีพอ นี่ถึงทำให้อู่เหมยได้รับบาดเจ็บ
อู่เจิ้งซือไม่ใช่คนโง่ ได้ยินได้ฟังอะไรมาเยอะ พอได้ฟังก็เข้าใจความหมายของอาจารย์ใหญ่หยวนทันที ถึงแม้ว่าจะเสียใจแทนอู่เหมยที่ไม่สามารถเข้าร่วมการแสดงในวันปีใหม่ของเมืองได้ แต่ก็ยังต้องเห็นแก่หน้าของอาจารย์ใหญ่หยวนด้วย
อาจารย์ใหญ่หยวนได้ยินเสียงตอบรับที่น่าพอใจก็วางใจได้สักที เรื่องแบบนี้ขอเพียงแค่ผู้ปกครองไม่เอาความ ก็เป็นแค่เรื่องไร้สาระเรื่องหนึ่งเท่านั้น ไหนเลยจะต้องให้อาจารย์ใหญ่อย่างเขาต้องมาเหนื่อยใจ!
แต่ว่าคนเลวที่แอบลงมือทำร้ายคนอื่นอย่างลับๆ ยังต้องสืบหาต่อไป เหอะ…นึกไม่ถึงเลยว่าจะกล้ามาก่อความวุ่นวายในอาณาเขตของเขา สงสัยมันจะเบื่อการใช้ชีวิตซะแล้ว!
อู่เจิ้งซือเล่าเรื่องที่อู่เหมยได้ที่หนึ่งให้ฟัง เพื่อนร่วมงานพวกนี้ไม่มีใครเลยที่จะไม่อิจฉาริษยา ในใจเต็มไปด้วยไฟริษยา แต่พอได้ยินว่าอู่เหมยเท้าพลิก ความอิจฉาในใจก็หายไปในอากาศทันที เปลี่ยนจากความอิจฉาเป็นความดีใจ
ไม่สามารถเข้าร่วมการแสดงของเมืองได้ ต่อให้ได้ที่หนึ่งสิบอันก็ไม่มีประโยชน์!
ดวงชะตาของลูกสาวคนเล็กของครอบครัวอู่นี่ เฮ้อ…ช่างโชคร้ายเสียจริงๆ!
หลังจากที่อู่เจิ้งซือเลิกงานก็รีบไปที่บ้านสยง เห็นอู่เหมยที่นอนไร้สติบนโซฟา ก็เกิดอาการปวดใจอยู่บ้าง เขาถามอู่เหมยอย่างเป็นห่วงอยู่หลายประโยค แล้วก็พูดถึงความหมายของอาจารย์ใหญ่หยวนที่ต้องการจะสื่อ ก็เพียงแค่หวังว่าหลังจากนี้อู่เหมยจะไปพูดกับคนข้างนอกว่าข้อเท้าพลิก ไม่ใช่เพราะได้รับบาดเจ็บจากตะปูแทง
………………………………….