ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 435 ฉันเห็นคนร้าย + ตอนที่ 436 เด็กอ้วนน้อยที่ยอดเยี่ยม
ตอนที่ 435 ฉันเห็นคนร้าย
ถึงแม้ว่าสองวันมานี้เท้าของอู่เหมยจะไปไหนมาไหนไม่ค่อยสะดวก แต่ชีวิตในตอนนี้ก็ถือว่าดีไม่น้อย เช้าเย็นก็ได้สยงมู่มู่รับส่งไปเรียน ตอนเรียนก็มีเจียงซินเหมยและอู่เชาสองคนนี้ก็คอยตามไปปรนนิบัติด้วยทุกที่ โดยเฉพาะเจียงซินเหมย
เด็กสาวคนนี้มักคิดว่าเธอเป็นคนทำให้เท้าของอู่เหมยได้รับบาดเจ็บ ทั้งวันทำตัวเหมือนกับเป็นสาวรับใช้ให้ยัยตัวน้อย แม้กระทั่งอู่เหมยเข้าห้องน้ำก็ยังตามไปด้วย ขาดแค่เพียงไม่ได้ช่วยถกกางเกงให้อู่เหมยก็แค่นั้น อู่เหมยพูดอยู่หลายรอบ แต่เด็กสาวคนนี้ก็ไม่ฟัง พูดแค่เพียงว่าจะทำดีชดเชยความผิดจนกว่าเท้าของอู่เหมยจะหายดี
เพราะหลายวันมานี้เจียงซินเหมยอยู่ข้างกายอู่เหมยตลอด เพื่อนร่วมห้องก็พอมองออกแล้วว่าอู่เหมยเปลี่ยนเพื่อนสนิทไปแล้วเรียบร้อย หลายวันมานี้ไม่เห็นอู่เหมยจะสนใจเจินหวานหว่านเลยแม้แต่น้อย
เมื่อก่อนอู่เหมยกับเจินหวานหว่านเป็นเงาติดตามกันอยู่ไม่ห่าง อู่เหมยมีของกินอะไรที่อร่อยก็จะแบ่งไว้ให้เจินหวานหว่าน ดูสนิทสนมมากกว่าพี่สาวแท้ๆ เสียอีก
แต่หลังจากที่อู่เหมยมีท่าทางเปลี่ยนไป อย่าพูดถึงให้ของกินอร่อยเลย แทบจะไม่พูดคุยกันเลยด้วยซ้ำ ตอนนี้แม้กระทั่งนั่งร่วมโต๊ะด้วยกันก็ไม่มี พวกเขาไม่ใช่คนตาบอด ทำไมจะมองไม่ออกถึงความเย็นชาของอู่เหมยที่มีต่อเจินหวานหว่าน
แต่เจินหวานหว่านก็เป็นคนหน้าหนาคนหนึ่ง วันๆ เอาแต่พูดถึงความสนิทสนมของตัวเองกับอู่เหมย โดยไม่ดูว่าความสัมพันธ์ของอู่เหมยตอนนี้กับเจียงซินเหมยสนิทสนมกันมากขนาดไหน!
เจินหวานหว่านมองเจียงซินเหมยประคองอู่เหมยพร้อมพูดคุยหยอกล้อเข้าห้องเรียนไปอย่างเย็นชา ในใจรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ชีวิตของเธอช่วงนี้ไม่ค่อยดีเท่าไรนัก จะสองเดือนแล้วที่อู่เยวี่ยไม่มาหาเธอ แน่นอนว่าเงินค่ารายงานข่าวก็ไม่ได้แม้แต่บาทเดียว
คิดจะเอาผลประโยชน์จากอู่เหมยก็อย่างหวังเลย แม้กระทั่งน้ำลายก็ยังไม่ได้ เห็นเงินแต่ไม่ได้เงิน เห็นของกินแต่ไม่ได้กิน เจินหวานหว่านต้องรัดเข็มขัดให้แน่น มันไม่ง่ายเลยที่กัดฟันทนต่อไป
เธอมองการบ้านวิชาเลขที่เขียนใกล้จะเสร็จแล้ว พลันรู้สึกขมขื่นขึ้นมาจับใจ เงินติดตัวไม่มีสักหยวน แม้กระทั่งเงินสองสตางค์เอาไว้ซื้อสมุดการบ้านก็ยังไม่มี เธอต้องคิดวิธีหาเงินถึงจะถูก
เรียนจบไปอีกคาบ อู่เหมยไม่คิดเข้าห้องน้ำ เลยนั่งอยู่ในห้องเรียนอ่านหนังสือ ใกล้จะสอบเรื่องหน่วยมาตราวัดแล้ว เธอต้องอ่านหนังสือให้มากๆ พยายามให้คะแนนถึงแปดสิบห้าคะแนนขึ้นไปให้ได้
“เหมยเหมย!”
เจินหวานหว่านยิ้มอย่างเอาใจ อู่เหมยปรายตาขึ้นมอง ตอบรับด้วยเสียงอันเบา แล้วรอฟังเธอพูด
“เหมยเหมยเท้าของเธอโดนตะปูตำมาใช่ไหม?” เจินหวานหว่านกดเสียงต่ำ มองดูแล้วลึกลับเป็นอย่างยิ่ง
อู่เหมยยกคิ้ว เรื่องที่เท้าของเธอโดนตะปูแทงก็ไม่ใช่ความลับมากมายอะไร การที่เจินหวานหว่านพูดแบบนี้ต้องการจะสื่อถึงอะไร?
เจินหวานหว่านหยิบปากกามาเขียนลงในสมุดเลคเชอร์อย่างรวดเร็วหนึ่งประโยคว่า “ฉันเห็นว่าใครเป็นคนใส่ตะปูลงไปในรองเท้าของเธอ”
อู่เหมยหันไปมองเจินหวานหว่านแวบหนึ่ง ไม่รู้ว่าหญิงสาวคนนี้เห็นจริงๆ หรือว่าหลับหูหลับตาพูดคำโกหก เธอหยิบปากกาเขียนลงไปหนึ่งประโยค “เธอหมายความว่ายังไง? พูดออกมาตรงๆ”
“ฉันไม่มีความหมายอื่น ก็แค่ยังอยากเป็นเพื่อนที่ดีกับเธออยู่ ขอแค่พวกเรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเหมือนเมื่อก่อน ฉันจะบอกเธอแน่นอนว่าใครเป็นคนใส่ตะปู”
อู่เหมยส่งเสียงยิ้มเยาะ ขีดเขียนไปว่า “เงื่อนไขเรื่องเพื่อนของเธอแบบนี้ฉันไม่กล้ารับ เธอจะพูดก็ได้ไม่พูดก็ได้”
เขียนเสร็จเธอก็หันไปอ่านหนังสือ ไม่สนใจเจินหวานหว่านอีกต่อไป เธอรู้ตั้งนานแล้วว่าคนร้ายคืออู่เยวี่ย ยังจะต้องให้เธอบอกหรอ?
อีกอย่างเจินหวานหว่านเห็นจริงหรือเปล่า ใครจะไปรู้!
เจินหวานหว่านนึกไม่ถึงว่าอู่เหมยจะไม่สนใจเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย พลันรู้สึกเหมือนตนเองขี่อยู่บนหลังเสือที่ยากจะลงมาได้แล้ว ไม่รู้ว่าควรจะพูดเช่นไรต่อไปดี อาจารย์อู๋ที่มีสีหน้าเคร่งขรึมก็เดินเข้ามา เรียกให้อู่เหมย เจียงซินเหมย เจินหวานหว่านและอู่เชาออกไป บอกว่าอาจารย์ใหญ่มีคำถามที่อยากจะถามพวกเขา
ห้องของอาจารย์ใหญ่มีอู่เจิ้งซืออยู่ในนั้น รวมทั้งรองอาจารย์ใหญ่และนักเรียนหญิงแปลกหน้าอีกคนหนึ่งด้วย
………………………………………….
ตอนที่ 436 เด็กอ้วนน้อยที่ยอดเยี่ยม
อู่เหมยแค่มองก็รู้เลยว่าต้องเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับการบาดเจ็บของเท้าเธอแน่นอน เพียงแต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้เรียกเจินหวานหว่านไปด้วย และยังมีนักเรียนหญิงแปลกหน้าคนนี้อีกคน
เธอใจเต้นโครมครามพลันนึกถึงมูลเหตุนั้นขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว สงสัยที่เจินหวานหว่านบอกว่าเธอว่าเห็นคนที่ใส่ตะปูกับตาตัวเอง น่าจะไม่ได้พูดโกหก
รองอาจารย์ใหญ่เป็นผู้หญิงวัยกลางคนที่ดูท่าทางเคร่งขรึมน่าเกรงขาม ทำหน้าที่จับตาดูความคิดของนักเรียน สายตาคมราวสายตาเหยี่ยวก็ไม่ปาน นักเรียนทั้งโรงเรียนที่อยู่ตรงหน้าเธอไร้หนทางจะซ่อนไว้ได้
นักเรียนหญิงแปลกหน้าเป็นคนที่ซื่อสัตย์ตรงไปตรงมาคนหนึ่ง ไม่ต้องให้รองอาจารย์ใหญ่ถามก็พูดถ่ายทอดออกมาด้วยตัวเอง เธอและอู่เยวี่ยเป็นเพื่อนร่วมห้องเรียนกัน วันนั้นเธออยู่หลังเวที ตอนที่อู่เยวี่ยไปเข้าห้องน้ำ ตรงที่เธอยืนอยู่นั้นเป็นที่ที่เห็นการกระทำของอู่เยวี่ยได้อย่างชัดเจอพอดี
“ฉันเห็นอู่เยวี่ยใส่ของบางอย่างลงไปในรองเท้า แต่ส่วนเป็นอะไรฉันเห็นไม่ชัด” นักเรียนหญิงพูด
แต่เจินหวานหว่านกลับไม่ได้เป็นคนซื่อตรงขนาดนั้น วันนั้นตรงที่ที่เธอยืนอยู่ห่างจากนักเรียนหญิงคนนั้นไม่ไกล อีกทั้งมุมที่เธออยู่ชัดกว่าหน่อย ตามหลักแล้วเธอควรจะมองเห็นสิ่งที่อู่เยวี่ยใส่ลงไปชัดเจนยิ่งกว่า
แต่หญิงสาวคนนี้ยังคิดจะเอาเรื่องนี้มาหาประโยชน์กับอู่เหมย จึงพูดจาคลุมเครือ ปฏิเสธโดยอ้างว่าตัวเองสายตาสั้นมองเห็นไม่ชัด
เพียงแต่ว่าเล่ห์เหลี่ยมลูกไม้พวกนี้ในสายตาของรองอาจารย์ใหญ่ก็เป็นแค่ลูกไม้ซ้ำซาก แค่เธอเปล่งเสียงตะคอกใส่ ทำหน้าเย็นชาเข้าหน่อย เจินหวานหว่านก็สะดุ้งตกใจเกือบตาย ยอมเล่าเรื่องราวออกมาทั้งหมดอย่างว่าง่าย
“ก่อนที่จะเข้าห้องน้ำฉันเห็นอู่เยวี่ยกวาดตะปูบนโต๊ะไปหนึ่งกำ หลังจากนั้นตอนเดินผ่านรองเท้าของอู่เหมยก็เอาตะปูใส่ลงไป”
อู่เจิ้งซือโมโหจนหน้าดำยิ่งกว่าน้ำหมึกเสียงอีก ต่อให้เขาไม่อยากที่จะเชื่อ แต่พยานบุคคลก็มีครบ จะไม่เชื่อก็ไม่ได้
อู่เหมยแสดงออกถึงท่าทางเสียใจออกมาได้ถูกจังหวะ ขอบตาแดงก่ำ พูดกับตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อว่า “ทำไมพี่สาวถึงได้อยากทำร้ายหนู? ตอนเย็นก่อนวันที่จะไปเต้น พี่สาวยังให้กำลังใจหนูอยู่เลย บอกให้หนูเต้นให้ดี พยายามเอารางวัลมาให้ได้ พี่สาวจะมาทำร้ายหนูได้อย่างไรกัน หนูไม่เชื่อ!”
น้ำตาไหลพราก อู่เหมยพูดแต่ว่าเธอไม่เชื่ออย่างไม่หยุดปาก มองดูช่างน่าเศร้าและน่าสงสารอย่างที่สุด!
แต่ในใจกลับดีใจเจียนจะตายอยู่แล้ว อู่เยวี่ยจะมาให้กำลังใจเธอได้ยังไง? ทั้งหมดเป็นเรื่องที่เธอแต่งขึ้นมาเองทั้งนั้น ถึงจะไปเสาะแสวงหาหลักฐานอย่างไร อู่เยวี่ยก็ไม่มีทางปฏิเสธแน่นอน ใครใช้ให้เธอเป็นพี่สาวที่แสนดีอบอุ่นคอยปกป้องน้องสาวกันล่ะ!
วันก่อนตอนเย็นยังพูดให้กำลังใจน้องสาว วันต่อมากลับแอบใส่ตะปูเพื่อทำร้าย พี่สาวที่เสแสร้งจอมปลอมอำมหิตแบบนี้ กลัวว่าคงต้องมีคนมากมายต้องทำความรู้จักกับอู่เยวี่ยใหม่เสียแล้ว
ตอนที่เจินหวานหว่านพูดอยู่นั้น อู่เชาก็ตกใจจนต้องอ้าปากค้าง จนกระทั่งอู่เหมยพูดจบ ปากของเขาก็ยังคงค้างอยู่เช่นนั้น ทุกคนต่างนิ่งเป็นขอนไม้ นานอยู่ครู่ใหญ่ถึงมีปฏิกิริยาขึ้นมาบ้าง ต่างตกใจจนเหงื่อไหลซึมออกมากันหมด!
”อารอง อู่เยวี่ยเธอจะต้องเป็นโรคประสาทแน่นอน เมื่อก่อนก็คิดอยากจะบีบคอของอู่เหมย ตอนนี้ยังจะแอบใส่ตะปูอีก ผมว่าไม่แน่อนาคตอาจจะกล้าฆ่าคนเลยก็ได้!”
อู่เชาพูดอ้อแอ้ไม่เป็นภาษาด้วยความเร็ว สงสารความกล้าของเขาที่แปรผกผันกับไขมัน ไหนเลยจะทนรับความตกใจจนอกสั่นขวัญหายวิญญาณออกจากร่างไปนานแล้ว!
หน้าของอู่เจิ้งซือยิ่งเคร่งเครียดกว่าเดิม หันไปจ้องอู่เชาเขม็ง สงสารก็แต่เด็กอ้วนน้อยที่ตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ไหนเลยจะมีอารมณ์มาสนใจเขาที่ถลึงตามองอย่างโมโห
“เสียวเชาก็ชอบพูดเป็นเล่น!” อู่เจิ้งซือหัวเราะเพื่อคลายบรรยากาศที่อึมครึม แต่ท่าทีของทุกคนล้วนประหลาดใจ มองอู่เจิ้งซือเหมือนมีนัยสำคัญอะไรแฝงอยู่
คำพูดของเด็กไม่ควรถือสา แต่คำพูดของเด็กกลับเป็นคำพูดที่แท้จริงที่สุด อู่เชาพูดออกมาในภาวะที่กำลังตื่นตระหนก จะต้องเป็นคำพูดที่จริงแท้แน่นอน นึกไม่ถึงว่าอู่เยวี่ยจะมีประวัติแบบนี้!
มิน่าล่ะถึงได้แอบใส่ตะปูในรองเท้าของน้องสาวแท้ๆ ได้ เห็นได้ชัดว่าสมองคงไม่ค่อยปกติเท่าไรนัก!
………………………………………….