ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 439 คิดอยากจะให้คนทั้งหมดหมุนรอบตัวคุณหรอ + ตอนที่ 440 มือของหนูยังต้องวาดรูปอีก
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- ตอนที่ 439 คิดอยากจะให้คนทั้งหมดหมุนรอบตัวคุณหรอ + ตอนที่ 440 มือของหนูยังต้องวาดรูปอีก
ตอนที่ 439 คิดอยากจะให้คนทั้งหมดหมุนรอบตัวคุณหรอ
อู่เยวี่ยค่อยๆ ฟื้นคืนสติสู่สภาพเดิม บนใบหน้าแสบร้อน มีรสชาติสนิมอยู่ในปาก ในใจนั้นทั้งเจ็บปวดทั้งขมขื่น
โตมาจนถึงตอนนี้แม้กระทั่งนิ้วหัวโป้งพ่อยังไม่เคยแตะต้องเธอเลยสักครั้ง แต่หลังจากที่อู่เหมยปรากฏตัวมา นี่ก็เป็นครั้งที่สองแล้วที่อู่เจิ้งซือตีเธอ
เวลานี้ในใจของพ่อ เธอคงจะโดนทิ้งเหมือนกับรองเท้าแล้วล่ะมั้ง?
“พ่อ พ่อเปลี่ยนไปแล้ว เพียงเพราะคะแนนของหนูถดถอย ไม่สามารถเป็นหน้าเป็นตาให้กับพ่อได้ พ่อก็เลยหงุดหงิดมองหนูไม่เข้าตาไปเสียทุกอย่าง พ่อไม่คิดว่าหนูเป็นลูกสาวอีกต่อไปแล้ว พ่อแค่เห็นหนูเป็นเครื่องมือ เป็นเพียงเครื่องมือที่ใช้สร้างหน้าตาให้ตนเองเท่านั้น!”
อู่เยวี่ยน้อยใจและเจ็บปวดใจอย่างถึงที่สุด เธอไม่รู้สึกเลยสักนิดว่าตัวเองทำผิด อู่เหมยนังสารเลวนี่ ปล่อยข่าวลือของเธอไปทั่วทุกที่ ทำลายชื่อเสียงของเธอ อีกทั้งยังแย่งความรักของพ่อไป เธอได้แต่เสียใจที่ไม่ทำให้ขาของนังอู่เหมยพิการไปเสียเลย!
เหอปี้อวิ๋นได้ยินคำพูดของลูกก็พลันตกใจยกใหญ่ ต่อให้เธอจะคิดแบบนี้เหมือนกัน แต่เธอก็ยังใจเย็นกว่าอู่เยวี่ย รู้ว่าคำพูดพวกนี้ห้ามพูดต่อหน้าของอู่เจิ้งซืออย่างเด็ดขาด
อู่เจิ้งซือเป็นคนที่มีจิตใจคับแคบทั้งยังรักศักดิ์ศรีเป็นที่สุด แต่อยู่ข้างนอกกลับทำตัวเหมือนคนใจกว้าง เยวี่ยเยวี่ยพูดหักหน้าอู่เจิ้งซือแบบนี้ เขาไม่โมโหสิถึงจะแปลก!
“เยวี่ยเยวี่ยลูกทำไมถึงได้พูดจากับพ่อแบบนี้ รีบขอโทษเดี๋ยวนี้!” เหอปี้อวิ๋นแสร้งตำหนิ
สติปัญญาของอู่เยวี่ยโดนอู่เจิ้งซือตบจนหายไปหมดแล้ว คำพูดของเหอปี้อวิ๋นยิ่งทำให้เธอสะเทือนใจ อู่เยวี่ยยิ้มเยาะพูดว่า “หรือว่าหนูพูดผิดไป? ตอนนี้กลับมองอู่เหมยดูดีขึ้น ทั้งยังได้รางวัลอีก ในใจของพ่อก็คงมีแต่อู่เหมย ส่วนหนูถ้าไม่ตีก็ด่า เป็นเพราะว่าตอนนี้หนูไม่ใช่ที่หนึ่ง ไม่สามารถนำเกียรติยศมาให้พ่อได้แล้ว!”
อู่เหมยชำเลืองมองไปทางอู่เจิ้งซือที่หน้าคล้ำเขียวด้วยความโกรธอย่างเงียบๆ ยิ้มเยาะอยู่ในใจ อู่เยวี่ยนี่เป็นพวกเห็นแก่ตัวชะมัด หวังว่าคนบนโลกทั้งหมดจะหมุนรอบตัวเธองั้นเหรอ โดยเฉพาะสายตาของผู้ชายจะต้องมองมาที่เธอ คิดว่าตัวเองเป็นทองคำจริงๆ หรือยังไง!
เชอะ ต่อให้เป็นทองคำก็ไม่แน่ว่าจะมีคนชอบนะ!
บางคนชอบเพชรกว่าก็มีถมไป?
“พี่นี่ช่างไม่รู้ผิดชอบชั่วดีเอาเสียเลย พ่อยังดีกับพี่ไม่พออีกหรอ? พี่เป็นลูกที่พ่อแม่รักและทะนุถนอมที่สุดในบ้าน พี่ยังมีอะไรที่ยังไม่พอใจอีกเหรอ?”
“พี่มีเหตุผลอะไรที่อยากจะให้ฉันใช้ชีวิตแย่กว่าพี่ให้ได้? ฉันดูดีกว่าพี่ ทำงานบ้านได้ดีกว่าพี่ มีความสามารถหลายอย่างมากกว่าพี่ นอกจากเรื่องคะแนนการเรียนที่พอถูไถแล้ว พี่ยังมีอะไรที่เอามาอวดได้บ้าง? ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าพี่เอาความมั่นใจมาจากไหน ถึงได้รู้สึกว่าตัวเองควรจะเป็นคนที่ใครเห็นใครก็รักได้?”
อู่เหมยฉีกบาดแผลทีละชั้นของอู่เยวี่ยด้วยคำพูดอย่างไร้ความปราณี เธอเป็นคนที่ได้รับบาดเจ็บนะ ด่าเพื่อระบายอารมณ์ไปไม่กี่ประโยคคงไม่มากเกินไปมั้ง!
หน้าของอู่เยวี่ยขาวซีดในชั่วพริบตา คำพูดของอู่เหมยเหมือนกับมีดเล่มหนึ่งที่แทงเข้าไปที่ขั้วหัวใจของเธออย่างโหดเหี้ยมจนเลือดไหลโชก
เหอปี้อวิ๋นโอบกอดลูกสาวสุดที่รักด้วยความเจ็บปวดอย่างจับใจ มองอู่เหมยอย่างเกลียดชัง ด่าว่า “พี่แกดีกว่าแกหลายร้อยเท่า ถ้าแกยังพูดไร้สาระอีกฉันจะตีแกให้ตาย!”
อู่เหมยยักไหล่ พูดกับอู่เยวี่ยอย่างเย็นชาว่า “ดูสิ แม่แท้ๆ ของพี่ดีกับพี่มากขนาดไหน พี่ทำไมยังไม่รู้จักพออีก? หรือว่าคิดอยากจะให้พ่อรักชอบพี่แบบไม่มีศีลธรรมใช่ไหม?”
สีหน้าของอู่เยวี่ยเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอคิดแบบนี้จริงๆ เธอชอบความรู้สึกที่โดนคนรุมรักปกป้องอย่างไม่ลืมหูลืมตา เมื่อก่อนพ่อแม่ก็เป็นแบบนี้ ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองราวกับเจ้าหญิงก็ไม่ปาน
แต่ตอนนี้เธอกลับกลายเป็นซินเดอเรลล่า ซินเดอเรลล่าที่ยังไม่ได้เจอแม่มด!
อู่เหมยมองความคิดเธอออก มองอู่เยวี่ยแล้วยิ้มเยาะออกมาพูดถากถางว่า “พี่คิดว่าพ่อไร้คุณธรรมไร้การศึกษาอย่างแม่หรือไง? พ่อเขาเป็นปัญญาชน พ่อจะสามารถปกป้องคนที่ทำผิดได้ยังไง? ตอนเด็กขโมยเข็ม โตขึ้นขโมยทอง ตอนนี้ไม่สั่งสอนพี่ หรือว่าต้องรอให้พี่โตไปแล้วไปสร้างเรื่องขายขี้หน้าให้ตระกูลอู่งั้นเหรอ?”
…………………………………………..
ตอนที่ 440 มือของหนูยังต้องวาดรูปอีก
ทุกประโยคของอู่เหมย ทำเอาสีหน้าอู่เยวี่ยซีดเผือด อู่เจิ้งซือยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกเข้าหู แน่นอนว่าเขาไม่ได้เป็นเหมือนกับเหอปี้อวิ๋น ไม่อย่างนั้นเขาจะเป็นตัวอย่างที่ดีได้เหรอ?
เหอปี้อวิ๋นกลับโมโหเป็นไฟ ด่าด้วยอารมณ์เดือดดาลว่า “คุณอู่คุณยอมให้นังเด็กสมควรตายนี่พูดจาซี้ซั้วได้ไง? คุณดูสิว่ามันพูดอะไรบ้าง มันก่อความวุ่นวายไปหมดแล้ว!”
อู่เจิ้งซือมองเธออย่างเย็นชา มีแต่ความรู้สึกรังเกียจสะอิดสะเอียน คำพูดที่พ่นออกมาแน่นอนว่าไม่ได้น่าฟังอะไรเลย “เหมยเหมยพูดผิดยังไง? แต่ไหนแต่ไรมาระดับการศึกษาคุณก็ไม่ได้สูงอยู่แล้ว บอกให้คุณอ่านหนังสือให้มากหน่อยก็ไม่ฟัง สมน้ำหน้าแล้วที่ลูกก็ยังดูถูกคุณ!”
“คุณอู่ ทำไมคุณถึงได้พูดแบบนี้? เป็นอย่างที่เยวี่ยเยวี่ยพูดไม่มีผิด คุณโดนนังเด็กสมควรตายนี่ดูดวิญญาณไปแล้วจริงๆ ในใจของคุณตอนนี้ไม่มีพวกเราสองแม่ลูกอีกต่อไปแล้ว!”
เหอปี้อวิ๋นรู้สึกท้อแท้ในใจ น้ำตาไหลพรากลงมา เธอนึกไม่ออกเลยว่าชีวิตอันแสนสุขเหตุใดถึงกลายเป็นแบบนี้ไปแล้วล่ะ?
อู่เหมยส่งเสียงฮึอย่างเย็นชา อดพูดประชดไม่ได้ว่า “คนที่ได้รับบาดเจ็บอย่างหนูยังไม่ร้อง แต่อู่เยวี่ยที่เป็นคนทำร้ายกลับร้องไห้เสียเอง นี่พี่กำลังแสดงงิ้วบทไหนอยู่หรอ?”
เหอปี้อวิ๋นที่ร้องไห้เสียงดังหยุดชะงักทันที แล้วด่าอย่างโมโหว่า “แกพูดอะไรไร้สาระอีกแล้ว? หนึ่งวันถ้าไม่ได้พูดใส่ร้ายพี่สาวแกมันจะคันลิ้นหรือยังไง? ฉันจะตีแกให้ตายนังใจดำอำมหิต!”
อย่างไรเสียคนมักจะบีบลูกพลับอ่อน ในเมื่อเธอจนปัญญาที่จะระบายความโมโหกับอู่เจิ้งซือได้ จึงพุ่งเป้าไปหาอู่เหมยแทน!
เท้าของอู่เหมยไม่สามารถใช้งานได้เต็มที่ จึงเบี่ยงตัวหลบไม่ทัน ทำให้เหอปี้อวิ๋นจับแขนได้ ร่างกายที่ไม่โดนทุบตีมานานมักไวต่อความเจ็บอยู่แล้ว เจ็บจนเธออดจะสูดอากาศเข้าไปไม่ได้
“พ่อคะ แขนของหนูยังต้องวาดรูปอีกนะ!”
อู่เหมยร้องเสียงดัง เธอรู้ว่าต้องทำยังไงถึงจะทำให้อู่เจิ้งซือสนใจ เป็นไปดังคาด ——
อู่เจิ้งซือสีหน้าเย็นชาลง เพราะว่าเท้าของอู่เหมยได้รับบาดเจ็บ ผลสุดท้ายแม้แต่งานแสดงของเมืองก็ไม่สามารถเข้าร่วมได้ ถ้าหากเข้าร่วมได้ ไม่แน่ว่าอาจจะมีโอกาสไปปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนในงานเลี้ยงเทศกาลตรุษจีนของเมืองก็เป็นได้ โอกาสที่ดีเช่นนี้กลับโดนอู่เยวี่ยทำลายลงไปเสียแล้ว!
แต่เขาก็ไม่ได้เป็นทุกข์มากขนาดนั้น ถึงอย่างไรก็ยังมีการแข่งขันระดับประเทศอยู่อีกหนึ่งครั้ง
การแข่งขันระดับประเทศเทียบกับงานเลี้ยงเทศกาลตรุษจีนของเมืองเมื่อเปรียบกันแล้ว ก็ไม่ได้สูงกว่าหรือด้อยไปกว่ากันเลย ก่อนการแข่งขันจะสิ้นสุด มือสองข้างของอู่เหมยนั้นมีค่ามากกว่าสมบัติล้ำค่าของประเทศเสียอีก บาดเจ็บเล็กน้อยก็ไม่ได้เป็นอันขาด!
เหอปี้อวิ๋นจะใจกล้าเกินไปแล้ว คาดไม่ถึงว่าจะกล้าทำร้ายมือของอู่เหมย อู่เจิ้งซือจะไม่โกรธได้อย่างไร?
เขาไม่คิดที่จะด่าอีกต่อไป มุ่งตรงไปดึงมือของเหอปี้อวิ๋นออกแต่ก็ยังเพียงพอที่จะระบายความโกรธออกไปได้ ฝ่ามือคันยุบยิบของอู่เจิ้งซือก็สะบัดฟาดลงไปอย่างไม่ยั้งคิด เห็นเหอปี้อวิ๋นเดินโซเซสะดุดล้มลงไปกองที่พื้น เขาถึงสบายใจได้!
“โอ้ย!”
อู่เหมยที่ยังอัดอั้นความโกรธอยู่ จงใจส่งเสียงร้องออกมา อู่เจิ้งซือรีบร้อนเดินเข้าไปดู รอบมือขวาเล็กๆ ของอู่เหมยมีสีเขียวช้ำขึ้นมาหนึ่งรอย มันเตะตาเป็นที่สุด!
“พ่อคะ มือของหนูไม่มีแรงแล้ว!”
อู่เหมยแสดงท่าทีเจ็บปวด ใบหน้าตื่นตระหนก ในใจกลับแอบยิ้มอย่างมีความสุข ผิวของเธอนั้นอ่อนนุ่มจึงทำให้เห็นรอยเขียวช้ำเป็นวงใหญ่ได้ง่าย แต่อันที่จริงกลับไม่มีอะไรร้ายแรง อย่าพูดถึงวาดรูปเลย ยิงปืนควงกระบองก็ยังทำได้สบายๆ
อู่เจิ้งซือได้ยินก็ยิ่งร้อนรน เขาไม่สงสัยคำพูดของอู่เหมยเลยสักนิด ไม่เห็นหรือไงว่ารอบแขนของอู่เหมยเขียวช้ำไปหมดแล้ว!
“พ่อจะเอายาหม่องมาทาให้!”
อู่เจิ้งซือไม่ได้สนใจสองแม่ลูกที่กองอยู่บนพื้น รีบวิ่งไปเอายาหม่องที่ห้องของตัวเอง รีบเอามาทาให้อู่เหมย กลัวว่าจะมีผลกระทบต่อการแข่งขันในปีหน้า
“ดีขึ้นบ้างแล้วค่ะ ขอบคุณค่ะคุณพ่อ!”
อู่เหมยเจ็บจนน้ำตาไหลพราก ที่เหอปี้อวิ๋นบีบไม่ได้เจ็บเท่าไรหรอก แต่ที่อู่เจิ้งซือทายาให้เมื่อกี้แทบจะเอาชีวิตน้อยๆ ของเธอไม่รอด!
อู่เจิ้งซือนั้นคิดว่ามือของเธอเจ็บปวดเอามากๆ ยิ่งรู้สึกรังเกียจเหอปี้อวิ๋นมากยิ่งขึ้นไปอีก สีหน้าขึงขังน่ากลัวไปกว่าเดิม!
………………………………………….