ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 449 โทรศัพท์ของเหยียนซินหย่า + ตอนที่ 450 เสียงที่ไพเราะน่าฟัง
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- ตอนที่ 449 โทรศัพท์ของเหยียนซินหย่า + ตอนที่ 450 เสียงที่ไพเราะน่าฟัง
ตอนที่ 449 โทรศัพท์ของเหยียนซินหย่า
และแล้วเหยียนหมิงซุ่นก็ไม่ได้เกรงใจอะไรกับอู่เหมยอีก “ได้ รบกวนเหมยเหมยแล้ว”
อู่เหมยยิ้มแป้น รู้สึกง่วงขึ้นมาจนกลั้นไม่ไหวหาวออกมาหวอดใหญ่แล้วก็หาวอีก น้ำตาก็ไหลออกมา
เหยียนหมิงซุ่นยิ้มมองเด็กน้อยที่อ้าปากหาวอย่างไม่กระดากใจเลยแม้แต่น้อย ฟันที่ไม่ราบเรียบก็เผยออกมาหมด เขานึกขึ้นมาได้ ถามอย่างล้อเล่นว่า “ให้พี่ดูฟันที่หลุดครั้งที่แล้วหน่อยว่าโผล่ออกมาหรือยัง?”
อู่เหมยยังไม่ทันได้ปิดปาก ก็โดนใครบางคนบีบค้างเอาไว้ เหยียนหมิงซุ่นใช้แรงแค่เล็กน้อย ปากก็อ้ากว้างมากๆ ฟันทั้งปากก็ปรากฏออกมากให้เห็น
ช่องโหว่ก่อนหน้านั้นได้มีฟันสีขาวแหลมๆ โผล่ขึ้นมาแล้ว ยังมีฟันหน่ออ่อนๆ ขึ้นมาใหม่ไม่น้อยอีกสองที่ ฟันข้างหน้าก็เปลี่ยนเป็นฟันแท้ขึ้นมาใหม่แทบจะหมดแล้ว สายตาของผู้นำระดับสูงในอนาคตนั้นขนาดสายตาสั้นแค่กวาดตามองก็ยังพบว่ามีฟันผุหลายซี่อย่างรวดเร็ว
‘ฮิฮิ’
เหยียนหมิงซุ่นดีดเบาๆ อู่เหมยปวดจนน้ำตาคลอ จ้องมองใครบางคนอย่างต่อว่า
“วันหลังกินลูกอมให้มันน้อยๆ หน่อย ถ้ายังกินอีกฟันจะหลอหมดปากเอาได้นะ!”
สายตาของเหยียนหมิงซุ่นนั้นเข้มงวดเป็นอย่างมาก อู่เหมยอดไม่ได้ที่จะหดคอ พูดแก้ตัวเสียงเบาว่า “ฉันไม่ได้กินเยอะเท่าไหร่เลย กินแค่นิดเดียวเอง”
“ไม่ได้กินลูกอมเยอะจะมีฟันผุได้ยังไง? รอปิดเทอมฤดูหนาวพี่จะพาเธอไปหาหมอฟัน ถือโอกาสที่ตอนนี้ยังไม่หนักมากก็รีบไปรักษาให้เร็วหน่อย”
อู่เหมยที่อ้าปากอยู่อยากจะประท้วง ตีให้ตายอย่างไรเธอก็ไม่อยากไปหาหมอฟัน ในบรรดาคุณหมอทั้งหมด หมอที่เธอกลัวที่สุดก็คือหมอฟัน ทั้งค้อนทั้งหัวเจาะทั้งหมดนั้น แค่เธอมองก็สั่นไปทั้งตัว ให้เธอไปห้องผ่าตัดเอามีดเฉือนสักทียังจะดีซะกว่า!
“ประท้วงไปก็ไม่มีผล เอาตามนี้แหละ ปิดเทอมฤดูหนาวพี่จะพาเธอไปหาหมอฟัน พรุ่งนี้ยังต้องไปเรียน รีบไปนอนเถอะ!”
เหยียนหมิงซุ่นพูดน้ำเสียงไม่ให้ปฏิเสธได้ง่ายๆ อู่เหมยก็ไม่มีความกล้าพอที่จะปะทะกับผู้นำระดับสูงในอนาคตผู้นี้ ได้แต่พยักหน้าอย่างกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรม พยายามคิดในทางที่ดีอย่างสุดความสามารถ รักษาฟันให้หายในตอนนี้ ภายภาคหน้าจะได้ไม่เหมือนชาติที่แล้วที่ฟันผุอย่างใหญ่สองซี่นั้นทำเอาเจ็บปวดจนเกือบตาย
เหยียนหมิงซุ่นค่อนข้างจะพอใจกับความฉับไวของอู่เหมย ตบหัวเธอเบาๆ เป็นการชมเชย ลุกขึ้นแล้วกระโดดไปบนขอบหน้าต่าง หันมาโบกมือไม้โบกมือทำท่าทางให้อู่เหมยปิดหน้าต่างให้ดี แล้วก็หายไปอย่างรวดเร็ว
อู่เหมยรีบพุ่งไปทางหน้าต่าง กลับเห็นเหยียนหมิงซุ่นลงถึงพื้นเรียบร้อยแล้ว ยกไม้ยกมือมาทางเธออีกครั้ง พูดกับเธออย่างไม่มีเสียงอู่เหมยก็เข้าใจ เขาบอกให้เธอปิดหน้าต่างแล้วไปนอน!
เธอยิ้มอย่างสดใสแล้วก็โบกไม้โบกมือตอบ ปิดหน้าต่างแล้วมุดเข้าไปในผ้าห่มแล้วหลับสนิทอย่างรวดเร็ว หลับลึกเป็นอย่างมาก
วันต่อมา ช่วงกลางวันเหยียนหมิงซุ่นก็ไปจองบ้านหลังนั้น เขาไม่ลังเลอีกต่อไป อู่เหมยพูดไม่ผิด ซื้อตอนนี้วันหลังจะได้ไม่มาเสียใจภายหลัง ไม่ว่าจะพูดอย่างไร พื้นที่ผืนใหญ่ขนาดนี้ ในอนาคตคงยากที่จะได้พบเจออีกแน่นอน
วันที่สอง หลังเลิกเรียนอู่เหมยก็ไปกินข้าวที่บ้านของสยงมู่มู่ ระยะนี้เธอมักจะมากินข้าวเย็นที่บ้านตระกูลสยงเสียส่วนใหญ่ อู่เจิ้งซือก็ไม่ได้ไม่พอใจอะไร ผูกญาติกันแล้วเรียบร้อย กินข้าวกันไม่กี่มื้อก็ไม่เห็นจะเป็นเรื่องใหญ่อะไร
อาหารบ้านตระกูลสยงแต่ไหนแต่ไรมาจะเป็นอาหารที่หลากหลายเต็มโต๊ะไปหมด อู่เหมยกินไปครึ่งหนึ่งก็เตรียมที่จะพูดเรื่องโสมภูเขาร้อยปี แต่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาเสียก่อน อู่เหมยอยู่ใกล้ที่สุดเธอจึงลุกขึ้นไปรับโทรศัพท์
อาจจะเป็นเพราะได้ยินเสียงที่ไม่คุ้นเลย เสียงผู้หญิงในโทรศัพท์เลยลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “ขอโทษนะคะ ขอถามหน่อยว่าใช่บ้านของจ้าวอิงหนานไหมคะ?”
ผู้หญิงคนนี้พูดจานุ่มนวลอ่อนหวานมาก ไพเราะน่าฟังสุดๆ อู่เหมยรีบพูดขึ้นมาว่า “ใช่แล้วค่ะ จ้าวอิงหนานเป็นแม่บุญธรรมของหนูเอง คุณน้ากรุณารอสักครู่นะคะ!”
จ้าวอิงหนานเดินมารับโทรศัพท์แล้วใบหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มอย่างรวดเร็ว พูดอย่างดีใจว่า “พี่สะใภ้เล็ก นานแล้วที่ไม่ได้โทรศัพท์มาหาเลยนะ สาวน้อยคนเมื่อกี้เป็นลูกบุญธรรมที่เพิ่งรับมาใหม่ๆ น่ะ เสียงเพราะมากเลยใช่ไหมล่ะ หน้าตาดีกว่าเสียงอีกนะ หลังปีใหม่ฉันจะเอารูปของเธอให้พี่ดูนะ!”
…………………………………………..
ตอนที่ 450 เสียงที่ไพเราะน่าฟัง
เหยียนซินหย่าที่อยู่ในสายโทรศัพท์หัวเราะ “เด็กน้อยอายุเท่าไรแล้ว? แค่ฟังเสียงก็รู้เลยว่ารูปร่างหน้าตาต้องดีแน่ๆ”
“ปีเดียวกันกับมู่มู่เลย อ่อนกว่าแค่ไม่กี่เดือน ลูกบุญธรรมของฉันคนนี้นะหน้าตาดูดีกว่าตุ๊กตาอีก วาดรูปก็เก่ง เต้นรำก็เก่งเป็นอันดับหนึ่ง ใช่แล้ว เธอกับพี่สะใภ้เล็กยังค่อนข้างที่จะเหมือนกันอีกด้วยนะ!” จ้าวอิงหนานชมอู่เหมยประหนึ่งว่าคนแบบนี้เจอได้แต่บนฟ้าบนสวรรค์ บนพื้นดินไม่มีคนแบบนี้หรอก ทำเอาอู่เหมยเขินจนหน้าแดงไปหมด
แต่ว่าเธอกลับคิดถึงเสียงของผู้หญิงในโทรศัพท์เมื่อกี้อยู่ตลอด เธอก็คือผู้หญิงคนที่มีหน้าตาคล้ายกับเธอ?
เสียงไพเราะน่าฟังจริงๆ ทั้งนุ่มทั้งอ่อนโยน อีกทั้งยังมีสำเนียงใต้นิดหน่อย
เหยียนซินหย่าไม่ได้เอาคำพูดของจ้าวอิงหนานมาใส่ใจ เธอคิดว่าที่จ้าวอิงหนานพูดคงเหมือนแค่นิดๆ หน่อยๆ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ท่ามกลางผู้คนมากมาย ก็มักจะมีคนสองสามคนที่หน้าตาคล้ายกันอยู่เสมอ ถ้าหน้าตาเหมือนกันทุกส่วนแบบนั้นสิถึงเรียกว่าแปลก!
แต่ว่าสาวน้อยคนเมื่อกี้เสียงไพเราะน่าฟังมากจริงๆ ฟังแล้วรู้สึกสบาย อีกทั้งเด็กคนนี้ก็อายุสิบสองขวบ!
ถ้าลูกสาวของเธอเติบโตขึ้นมา ตอนนี้ก็คงอายุประมาณนี้ เสียงก็คงจะต้องยิ่งไพเราะน่าฟังมากกว่านี้แน่นอน
เหยียนซินหย่าถอนหายใจเบาๆ พูดคุยกับจ้าวอิงหนานอีกสองสามประโยค ก็วางสายไป
“แม่ คุณป้าเล็กโทรศัพท์มาทำไมเหรอ?” สยงมู่มู่ถาม
จ้าวอิงหนานยิ้มแย้มแจ่มใสบนใบหน้ามีแต่ความสุข ตื่นเต้นดีใจเป็นที่สุด พูดอย่างมีความสุขว่า “คุณลุงเล็กของลูกหมดวาระประจำการแล้ว หลังปีใหม่ก็จะไปประจำการที่อีกเมือง พวกเธอรู้ไหมว่าไปที่ไหน?”
สยงมู่มู่มองแค่แวบเดียวก็มองออกถึงความคิดของแม่ตัวเอง ทั้งหมดเหมือนเขียนอยู่บนใบหน้าของแม่แล้ว!
“ดูท่าทางแม่ดีใจขนาดนี้ คงไม่ใช่ที่เมืองจินของพวกเราหรอกใช่ไหม?”
จ้าวอิงหนานดีดกบาลของสยงมู่มู่อย่างหงุดหงิด แค่แป๊บเดียวก็เดาออก ไม่ให้ความร่วมมือกับเธอเลยสักนิด ลูกชายอย่างไรก็ไม่รู้ใจเท่าลูกสาว!
สยงมู่มู่ยิ้ม ถามว่า “ครั้งนี้คุณลุงเล็กทำหน้าที่อะไรเหรอ? แล้วจะมาประจำการเมื่อไหร่?”
“เขาจะมาดำรงตำแหน่งรองนายกเทศมนตรีเมืองจิน มุ่งเน้นไปที่เศรษฐกิจ มาประจำการในฤดูใบไม้ผลิ วันหลังพวกเราสองบ้านจะได้อยู่ในเมืองเดียวกันแล้ว” จ้าวอิงหนานเต็มเปี่ยมไปด้วยความเบิกบานใจปีติยินดี
ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองจินจะว่าดีก็ดี เพียงแต่ห่างไกลจากบ้านแม่มาก ทำให้คิดถึงญาติพี่น้องขึ้นมาอยู่บ่อยๆ แต่หากเป็นตอนนี้ก็ดีเลย ตั้งแต่เด็กเธอเองก็มีความรักความผูกพันธ์ที่สนิทสนมกับพี่ชายคนเล็กคนนี้มาก สิบกว่าปีก่อนนั้นเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันมีน้อย ส่วนใหญ่จะห่างกันซะมากกว่า แต่ตอนนี้ก็นับว่าทั้งคู่จะได้กลับมารวมตัวมาพบเจอกันอีกครั้ง
พ่อสยงก็ดีใจไปกับภรรยา สำหรับเรื่องที่จ้าวอิงหัวจะเป็นนายกเทศมนตรี หรือเป็นรองนายกเทศมนตรีนั้น เขากลับไม่ได้ใส่ใจมากนัก ที่เขาสนใจที่สุดก็คือความรู้สึกของภรรยาเขา ขอเพียงแค่ภรรยาเขามีความสุข เขาก็มีความสุข
อู่เหมยใจเต้นโครมคราม พี่ชายคนเล็กของจ้าวอิงหนานเป็นรองนายกเทศมนตรีของเมืองจิน?
ตำแหน่งนี้ไม่ต่ำเลย เมืองจินนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าเมืองหลวงที่เป็นเมืองใหญ่เลย ไม่ใช่ว่าใคร ก็สามารถเข้ามาปะปนในวงการการเมืองได้อย่างมั่วซั่ว
อีกทั้งพี่ชายคนเล็กของจ้าวอิงหนานอายุคงไม่เยอะมากแน่นอน มากที่สุดก็คงจะประมาณสี่สิบปีได้ เป็นรองนายกเทศมนตรีในวัยนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้มีความคิดที่จะเป็นนายกเทศมนตรีต่างหาก ที่เขาก็แค่ทำเพียงชั่วคราวเท่านั้น
ดูท่าแล้วเธอคงจะดูแคลนบ้านฝั่งแม่ของจ้าวอิงหนานมากเกินไป เสียดายที่ชาติที่แล้วเธอไม่ได้ให้ความสนใจเรื่องด้านนี้เลยแม้แต่น้อย ไม่อย่างนั้นตอนนี้เธอคงไม่เหมือนคนตาบอดข้ามแม่น้ำอยู่อย่างนี้ มืดมนสนิท
“คุณป้าเล็กของนายเป็นคนใต้ใช่ไหม ฉันฟังสำเนียงของเธอเหมือนกับทางพวกเรามากเลย” อู่เหมยถามสยงมู่มู่เสียงเบา
“ใช่แล้ว คุณป้าเล็กกับลุงเล็กเจอกันแล้วก็รู้จักกันตอนที่เดินทางไปที่ภาคใต้ ได้ยินคุณแม่บอกว่าเป็นคนใต้ แต่รายละเอียดว่าเป็นคนที่ไหนกันแน่นั้นก็ไม่รู้แน่ชัด คุณป้าเล็กแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่พูดเรื่องของทางบ้านฝั่งเธอเลย” สยงมู่มู่ยักไหล่
อู่เหมยนึกขึ้นมาได้ ถามว่า “คงไม่ใช่ว่าคุณป้าเล็กของนายก็ไม่มีญาติพี่น้องหรอกนะ?”
สยงมู่มู่ยักคิ้ว หนีบกุ้งให้อู่เหมยหนึ่งตัว ยิ้มตาหยีพลางพูดว่า “ไม่ผิดเลย นี่สมองทำงานแล้วล่ะสิ ดูท่าแล้วกินกุ้งก็มีประโยชน์อยู่ กินเยอะๆ หน่อย!”
อู่เหมยถลึงตามองอย่างหงุดหงิด อดไม่ได้ที่จะนึกถึงเสียงของเหยียนซินหย่าอีกครั้ง ถึงแม้ว่าเสียงจะไพเราะน่าฟังมาก แต่มักจะมีความเศร้าโศกเส้นบางๆ แทรกอยู่เสมอ
เธอกลับรู้สึกอยู่ตลอดว่าผู้หญิงคนนี้มีชีวิตที่ไม่มีความสุขเลย!
…………………………………………..