ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 453 ถานซูฟางมาเยี่ยมบ้าน + ตอนที่ 454 สั่งสอนลูกสาวของเธอให้ดี อย่าให้มาพัวพันกับลูกชายของฉัน
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- ตอนที่ 453 ถานซูฟางมาเยี่ยมบ้าน + ตอนที่ 454 สั่งสอนลูกสาวของเธอให้ดี อย่าให้มาพัวพันกับลูกชายของฉัน
ตอนที่ 453 ถานซูฟางมาเยี่ยมบ้าน
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว แค่พริบตาเดียวก็จะปิดเทอมฤดูหนาวแล้ว วิชาเรียนต่างๆ ก็เรียนจบหมดแล้ว ทั้งโรงเรียนต่างก็เข้าสู่ช่วงทบทวนบทเรียน อู่เหมยก็มีสมาธิจดจ่อกับการเรียนเป็นอย่างมาก เธอพยายามที่จะสอบให้ได้คะแนนดีๆ ในการสอบปลายภาค
สอบกลางภาคเธอได้เกรดเฉลี่ยถึงแปดสิบคะแนน ปลายภาคเธอก็หวังว่าจะสามารถทำได้แปดสิบห้าคะแนน นี่เป็นจุดมุ่งหมายที่เธอกำหนดไว้ให้ตัวเอง
การดำเนินชีวิตในแต่ละวันก็ผ่านไปวันแล้ววันเล่า พวกแม่บ้านของครอบครัวต่างๆ ก็พากันยุ่งอยู่กับการทำงานบ้าน งานครัว ทั้งทำเป็ดแดดเดี่ยว, หมูสามชั้นเค็ม, กุนเชียง…
บนระเบียงทางเดินมีกลิ่นทำที่ให้คนเมาขจรขจายไปทั่วทุกหนทุกแห่ง ทุกบ้านทุกหน้าประตูต่างก็แขวนหมูเค็ม กุนเชียง เป็ดแดดเดียวอยู่เต็มไปหมด มองแล้วก็แทบน้ำลายหก
แน่นอนว่านี่เป็นวิธีการเปรียบเทียบแข่งขันกันอย่างลับๆ ฉบับเหล่าแม่บ้าน เนื้อสัตว์ที่แขวนอยู่หน้าบ้านใครมีเยอะ ก็หมายถึงบ้านของคนนั้นมีชีวิตที่ดีที่สุด หากในช่วงเวลานี้ สามารถกินเนื้อสัตว์ได้ก็เป็นการพิสูจน์คุณภาพชีวิตว่าได้มาตรฐานขนาดไหน
และคนที่หยิ่งทระนงในเรื่องไร้สาระอย่างเหอปี้อวิ๋นเดิมทีก็เป็นคนที่ไม่ยอมตกตามอยู่หลังใคร ปกติมักจะตัดใจซื้อเนื้อไม่ลง แต่พอถึงเวลาแบบนี้กลับใจกว้างมาก ทั้งเป็ดแดดเดียว หมูเค็ม กุนเชียง เธอก็ไม่ได้มีน้อยกว่าใครเหมือนกัน ประตูบ้านอู่ก็แขวนเนื้อเต็มไปหมด เหมือนกับป่าเนื้ออย่างไรอย่างนั้น
ไม่ว่าใครได้เห็นต่างก็พูดมาประโยคนึงว่า : โอ้โห! ทั้งอาคารเนี่ย บ้านตากเนื้อไว้เยอะที่สุดก็คือบ้านของคุณนะอาจารย์เหอ เกรงว่าจะกินได้ถึงฤดูร้อนปีหน้าได้เลยล่ะ!
ช่วงเวลาแบบนี้เป็นอะไรที่ทำให้เหอปี้อวิ๋นจะพอใจเป็นอย่างมาก เธอชอบความรู้สึกที่ได้รับความนิยมแบบนี้
อีกทั้งเป็นเพราะว่าปีนี้เรื่องราวในบ้านไม่ค่อยราบรื่น อู่เยวี่ยตอนนี้ก็มีสภาพอย่างกับผีอีก เหอปี้อวิ๋นจึงยิ่งทุ่มเทกำลังอย่างเต็มที่ ซื้อข้าวของอย่างอลังการมากกว่าปีที่แล้วๆ มา ระเบียงทางเดินก็มีวัตถุดิบแขวนเอาไว้อย่างเต็มเปี่ยม
เรื่องเนื้อเค็มอย่างไรก็จะต้องได้ที่หนึ่งของทั้งโรงเรียนแน่นอน!
คำชมเชยที่หายไปจากลูกสาวคนโต เหอปี้อวิ๋นจะต้องเอากลับมาจากเนื้อเหล่านี้ให้ได้ ไม่อย่างนั้นปีนี้เธอจะรู้สึกว่าจิตใจไม่สงบ!
ทว่า ตอนเย็นบ้านตระกูลอู่ก็มีแขกมาหาอย่างคาดไม่ถึง และเป็นแขกที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมา คนๆ นั้นก็คือแม่เลี้ยงของเหยียนหมิงซุ่น หรือก็คือแม่แท้ๆ ของเหยียนหมิงต๋า…ถานซูฟาง
ถานซูฟางยังคงสวยงามอย่างมีระดับและดูมีความรู้เหมือนเคย ด้วยเสื้อขนแกะสีเทาอ่อน กางเกงขายาวสีดำ รองเท้าหนังแกะสีขาวนวล ผมเกล้าเป็นมวยผม ดวงตาภายใต้แว่นตากรอบทองนั้นดูดีและเฉียบแหลม
มองแค่แวบเดียวก็รู้เลยว่าผู้หญิงคนนี้คือปัญญาชนชั้นสูง อีกทั้งยังคนที่ไม่คบค้าสมาคมกับใครง่ายๆ
ถานซูฟางถือเป็นคนที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในตึกนี้ ถึงอย่างไรผู้ชายของเธอก็เป็นหัวหน้าหน่วยงานการศึกษา ควบคุมช่วยเหลือเหล่าอาจารย์ ฐานะของเธอก็เป็นดั่งเรือที่ลอยตามน้ำขึ้น อย่างไรฐานะของเธอย่อมสูงตามไปด้วย ใครเห็นเธอทีหนึ่งต่างก็ต้องเอาใจเธอครั้งหนึ่ง
แน่นอนว่ารวมถึงเหอปี้อวิ๋นด้วย ถานซูฟางเป็นแขกที่มาไม่ค่อยบ่อยจริงๆ น้อยครั้งที่จะแวะไปคุยกับบ้านคนอื่น แต่วันนี้กลับมาบ้านเธอเป็นกรณีพิเศษ ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องดีหรอกหรือ!
อู่เหมยก็รู้สึกแปลกใจมาก ถานซูฟางเป็นคนที่ชอบประจบเอาใจคนที่มีอำนาจ ขณะเดียวกันก็มีท่าทียโสโอหังกับคนที่มีฐานะต่ำกว่า คนปกติทั่วไปแม้กระทั่งหางตาเธอยังไม่เหลียวแลด้วยซ้ำ แน่นอนว่าตระกูลอู่ก็ไม่อยู่ในสายตาเธอเช่นกัน
ชาติที่แล้วตระกูลอู่กับตระกูลเหยียนได้มีลูกหลานแต่งงานกัน ถานซูฟางก็ไม่ได้แสดงสีหน้าที่ดีอะไรกับเหอปี้อวิ๋น ตอนที่พูดจาสายตาก็มองท้องฟ้า ทำหน้าเชิดมั่นใจ
ตอนนี้อาชีพข้าราชการของเหยียนโฮ่วเต๋อไม่ได้ใหญ่โตอะไร ตระกูลเหยียนก็ยังไม่เป็นเหมือนยุคหลังที่ตำแหน่งเลื่อนขึ้นอย่างพรวดพราดแบบนั้น ถานซูฟางในตอนนี้จึงยังคงมีท่าทีสำรวมอยู่ แต่ความหยิ่งยโสเหยียดหยามที่ออกมาจากธาตุแท้พวกนั้น ไม่ว่าใครก็สามารถรับรู้ได้
ยกเว้นก็แต่เหอปี้อวิ๋น!
“คุณหมอถานเชิญนั่ง เชิญกินเมล็ดแตงโมเถอะ เยวี่ยเยวี่ยมาสวัสดีก่อนสิลูก นี่คือคุณน้าถานนะ คุณหมอถาน นี่คือลูกสาวคนโตของฉัน อู่เยวี่ย”
เหอปี้อวิ๋นทักทายอย่างอบอุ่น แถมยังเรียกอู่เยวี่ยออกมาจากห้อง ไม่ว่าอะไรก็ตามที่เป็นโอกาสสามารถทำให้อู่เยวี่ยปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนได้ เธอจะไม่มีทางละทิ้งโอกาสนั้น
“สวัสดีค่ะคุณน้าถาน” อู่เยวี่ยเดินออกมาจากห้อง
ถานซูฟางยิ้มเบาๆ แต่ก็ไม่ได้นั่งลง ยืนพิจารณาอู่เยวี่ยอยู่อย่างนั้น หน้าตาถือว่าพอได้ มิน่าล่ะถึงเป็นนังจิ้งจอกได้ ถ้าหากว่าภูมิหลังของครอบครัวดี เธอคงจะไม่ต่อต้านคัดค้านที่ตอนนี้ลูกชายจะหาคู่
แต่ครอบครัวที่มีภูมิหลังยากจนอย่างตระกูลอู่ ต่อให้อู่เยวี่ยหน้าตาเหมือนกับนางฟ้านางสวรรค์ เธอก็ไม่มีทางเห็นดีเห็นงามด้วย!
…………………………………………..
ตอนที่ 454 สั่งสอนลูกสาวของเธอให้ดี อย่าให้มาพัวพันกับลูกชายของฉัน
สายตาของถานซูฟางนั้นเฉียบคมจนเกินไป มองจนอู่เยวี่ยรู้สึกอึดอัด เธอก้มหัวลงแสร้งทำเป็นเขินอาย แอบเดาว่าเจตนาที่แม่ของเหยียนหมิงต๋ามาหานั้นคืออะไร?
ระยะนี้เธอมีช่วงเวลาที่ยากลำบากมากในโรงเรียน ไม่มีเพื่อนนักเรียนสักคนสนใจเธอ อาจารย์ก็ไม่ได้ให้ความสนใจเธอเหมือนเมื่อก่อน มีเพียงเหยียนหมิงต๋าเท่านั้นที่ยังทำตัวเหมือนเมื่อก่อน ยืนข้างเธออย่างเด็ดเดี่ยว
ความเดียวดายทำให้อู่เยวี่ยพึ่งพาอาศัยเหยียนหมิงต๋าหนักขึ้นเรื่อยๆ เดินไปไหนมาไหนด้วยกันกับเหยียนหมิงต๋า เธอถึงจะรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้พ่ายแพ้อะไรขนาดนั้น อย่างน้อยก็ยังมีเพื่อนคนหนึ่งคอยอยู่ข้างๆ เธอ!
อู่เยวี่ยก็ไม่รู้ว่าในใจของเธอเองคิดอย่างไรกับเหยียนหมิงต๋า แม้ไม่ถึงกับชอบ แต่ก็ไม่ได้ถึงกับไม่ชอบ แต่เธอสามารถแน่ใจได้อย่างหนึ่ง ก็คือตอนนี้เธอขาดเหยียนหมิงต๋าไม่ได้
เพราะว่าเธอเหลือแค่ความอ่อนโยนจากคนนี้แค่คนเดียวแล้ว!
ถานซูฟางมองอู่เยวี่ยขึ้นๆ ลงๆ อย่างละเอียดอีกรอบ พลันยกริมฝีปากยิ้มเยาะ เธอหันไปมองอู่เหมย ดวงตาเปล่งประกายวาบ
ได้ยินมานานแล้วว่าลูกสาวคนเล็กของตระกูลอู่หน้าตาดูดีมาก ตอนนี้ดูแล้วก็เป็นโฉมงามจริงๆ!
อีกทั้งสาวน้อยคนนี้ก็ยังเป็นลูกบุญธรรมของจ้าวอิงหนาน ถึงแม้จะพูดได้แค่ว่าเป็นลูกบุญธรรม แต่ไม่ว่าอย่างไรก็มีการรับเป็นญาติกันอย่างเป็นทางการ แน่นอนว่าฐานะทางสังคมก็สูงขึ้นเยอะ ถ้าหากคนที่หมิงต๋าชอบคือลูกสาวคนเล็กของตระกูลอู่ละก็ พอพิจารณาจากความงามของอู่เหมยกับฐานะของจ้าวอิงหนานแล้ว เธอก็ไม่ได้คัดค้านอะไร
ถานซูฟางแอบตำหนิเหยียนหมิงต๋าในใจ ขี้ตาคงทำให้ตามองไม่ชัดซะจริงๆ น้องสาวหน้าตาดีๆ ไม่ชอบ ทำไมจะต้องไปชอบพี่สาวที่หน้าตาธรรมดากันนะ?
ช่างเป็นคนที่โง่จริงๆ!
“คุณหมอถาน?”
ตั้งแต่ถานซูฟางเข้าห้องมาจนถึงตอนนี้ไม่ได้พูดอะไรแม้แต่ประโยคเดียว บนใบหน้าก็มองไม่ออกว่าคิดอะไร เหอปี้อวิ๋นกังวลในใจไม่หยุด จนอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงเรียกออกมา
ถานซูฟางเก็บสายตากลับมา มองไปที่เหอปี้อวิ๋น ยกริมฝีปากยิ้มเยาะ พูดช้าๆ ว่า “อาจารย์เหอ วันนี้ที่ฉันมาก็เพราะว่าอยากจะพูดเรื่องลูกชายของฉัน ฉันเป็นคนที่พูดจาตรงๆ อีกสักครู่ถ้าฉันพูดอะไรตรงไหนที่ไม่เข้าหู อาจารย์เหอก็อย่าว่าฉันหาเรื่องกับคนที่มีความรู้ต่ำกว่าเลยนะ!”
เหอปี้อวิ๋นใจกระตุก เธอไม่ใช่คนโง่ คำพูดตั้งแต่ถานซูฟางเดินเข้าประตูมาจนถึงตอนนี้ก็ชัดเจนแล้วว่าไม่ได้มาเพื่อสร้างสัมพันธ์อันดี
“คุณหมอถานเอาอะไรมาพูด พูดก็พูดเถอะ พวกเราเองก็รู้จักและเป็นเพื่อนบ้านเก่าแก่กันมาสิบปีแล้ว ฉันเป็นคนยังไงคุณยังไม่รู้อีกเหรอ? ฉันชอบพูดคุยกับคนที่มีนิสัยตรงๆ ไม่เปลืองสมอง คุณหมอถานนั่งลงค่อยๆ พูดเถอะ ยืนพูดมันเหนื่อยนะ!”
เหอปี้อวิ๋นหัวเราะเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศ ครั้งนี้ถานซูฟางถือว่าไว้หน้าเธอ นั่งลงแล้วยังดื่มชาอึกใหญ่ อีกสักครู่ต้องพูดเยอะหน่อย ต้องทำให้คอชุ่มชื่นเข้าไว้ถึงจะดี
“อาจารย์เหอเป็นคนที่ตรงไปตรงมาจริงๆ ถ้าอย่างนั้นฉันจะไม่อ้อมค้อมกับคุณแล้วกัน หมิงต๋าของฉันเป็นคนที่จิตใจดีตั้งแต่เด็ก เจอแมวตายหมาตายอยู่บนถนนก็จะหลั่งน้ำตา ถ้าหากว่าเห็นใครหกล้มแล้วช่วยเหลือ ไม่ว่ายังไงก็เรียกได้ว่าเป็นคนดีคนหนึ่ง!”
ถานซูฟางพูดมาตั้งเนิ่นนานแต่ก็พูดโอ้อวดยกยอถึงความเห็นอกเห็นใจที่มากมายของลูกชายตัวเอง จิตใจยังมีเมตตายิ่งกว่าพระแม่มารีซะอีก เหอปี้อวิ๋นโดนปั่นจนสับสนมึนงงไปหมด ลูกชายคุณจิตใจจะดีมีเมตตาหรือไม่ มันคุ้มค่าที่จะตั้งใจมาพูดที่บ้านเธอเป็นพิเศษเลยหรือ?
“อาจารย์เหอ ความหมายที่ฉันจะสื่อคุณคงยังจะไม่ค่อยเข้าใจ ฉันพูดให้ตรงอีกหน่อยก็แล้วกัน ระยะนี้ลูกสาวของคุณที่ประสบกับความเคราะห์ร้ายนั้นฉันก็ได้ยินมาบ้าง สำหรับความประพฤติของลูกสาวของคุณฉันก็จะไม่วิจารณ์ต่อ ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ลูกสาวของฉัน ฉันก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะพูด แต่ว่า…”
ถานซูฟางหยุดอยู่พักหนึ่ง ดื่มชาอีกครั้ง พึงพอใจที่ได้เห็นสีหน้าที่ดูไม่ได้ของอู่เยวี่ย ตลอดจนรอยยิ้มที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของเหอปี้อวิ๋น จึงพูดต่อไปว่า “ลูกสาวของคุณไม่มีคุณสมบัติใดที่ฉันจะต้องไปเอาใจใส่ แต่หมิงต๋าเป็นลูกชายของฉัน ฉันจำเป็นต้องเอาใจใส่ เส้นทางในอนาคตของหมิงต๋าของฉันไม่เหมือนกับเด็กธรรมดาทั่วไปหรอกนะ ดังนั้น อาจารย์เหอก็ควรจะอบรมสั่งสอนลูกสาวของคุณให้ดี อย่ามาหลอกใช้ความเห็นอกเห็นใจของหมิงต๋าในทางที่ผิด เกาะติดอยู่ข้างกายหมิงต๋าของฉันทั้งวัน ฉันไม่ได้หวังให้ลูกชายของฉันโดนเพื่อนร่วมห้องที่มีความประพฤติไม่ดีพาออกนอกลู่นอกทางหรอกนะ!”
………………………………………….