ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 459 แม่จะฆ่าพ่ออีกแล้ว + ตอนที่ 460 เละเป็นโจ๊ก
ตอนที่ 459 แม่จะฆ่าพ่ออีกแล้ว
แต่ว่าเหยียนโฮ่วเต๋อกลับได้มองอู่เจิ้งซือในมุมมองใหม่จริงๆ เห็นได้ชัดว่าดูๆ แล้วเหมือนนักวิชาการอ่อนแอที่ไม่มีอำนาจ แต่พอถึงเวลาตีภรรยาขึ้นมาก็ทำได้โหดเหี้ยมมาก!
ไม่ควรตัดสินคนจากที่เห็นภายนอกจริงๆ!
ไม่ใช่เพียงแค่เหยียนโฮ่วเต๋อที่คิดแบบนี้ คนอื่นๆ ก็คิดแบบนี้เหมือนกัน รู้สึกว่าแม้อู่เจิ้งซือจะไม่ค่อยเข้าตาเท่าไร ถึงอย่างไรก็เป็นปัญญาชน อย่างไรก็สามารถอธิบายเหตุผลต่างๆ ให้กับภรรยาได้ ทำไมจะต้องลงไม้ลงมือด้วย!
แบบนี้แตกต่างกับผู้ชายหยาบๆ แถวบ้านนอกตรงไหน?
อีกทั้งอู่เจิ้งซือยังเป็นอาจารย์แบบอย่างอีกนะ!
ช่างขายขี้หน้า ทำให้วงการการศึกษาเสื่อมเสียจริงๆ เลย!
ชั่วพริบตาเดียว สายตาที่ทุกคนมองอู่เจิ้งซือก็เปลี่ยนไป เหมือนกับอู่เยวี่ย ราวกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างพังทลาย ไม่มีทางที่จะกลับไปเป็นแบบเดิมได้อีก
มีการทะเลาะตบตีกัน แน่นอนว่าจะต้องมีการไกล่เกลี่ยกัน ไม่นานก็มีคนเข้ามาพูดดีๆ ดึงเหอปี้อวิ๋นที่โมโหเดือดดาลอย่างไม่มีที่สิ้นสุดไว้
“อู่เจิ้งซือ คนอื่นต่างก็เหยียบหัวปาขี้ใส่ภรรยาและก็ลูกของคุณแล้ว คุณไม่ช่วยพวกฉันก็ช่างมัน แต่นึกไม่ถึงว่ายังจะช่วยคนนอกตีฉันอีก คุณเป็นผู้ชายภาษาอะไร!”
“ทำไมฉันถึงได้ตาบอด แต่งงานกับเศษสวะอย่างคุณได้!”
เหอปี้อวิ๋นด่าไปกระหืดกระหอบไป ไม่ไว้หน้าอู่เจิ้งซือเลยสักนิด คนข้างๆ จะพูดโน้มน้าวอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ อู่เจิ้งซือตบหน้าเธอต่อหน้าคนนอก เหอปี้อวิ๋นที่จิตใจหยิ่งในศักดิ์ศรีของเองไหนเลยจะรับไว้
ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอสร้างภาพพจน์เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่มีความสุขต่อหน้าคนอื่นอยู่เสมอ แต่วันนี้อู่เจิ้งซือกลับฉีกเสื้อคลุมที่สวยงามนี้ด้วยมือของตัวเอง เหอปี้อวิ๋นเป็นบ้าไปแล้ว
เธอคิดเพียงแค่อยากคืนความภาคภูมิใจในตนเองแค่เล็กน้อย วิธีที่ระบายความโกรธได้ดีที่สุดก็คือเหยียบหน้าของอู่เจิ้งซือให้หนัก จะขายขี้หน้าก็ขายขี้หน้าด้วยกันให้หมดทุกคนเนี่ยแหละ!
ถึงอย่างไรแม่เหอก็เคยพูดมาก่อนว่า อู่เจิ้งซือไม่สามารถหย่ากับเธอได้อย่างแน่นอน!
แล้วเธอยังมีอะไรที่ต้องกลัวอีก?
อู่เหมยพอใจกับความบ้าบิ่นของเหอปี้อวิ๋นเป็นอย่างมากถึงมากที่สุด นี่สิถึงจะเป็นวิธีปกติที่เอาไว้เปิดว่าคนๆ นี้เป็นโรคประสาท!
ตอนนี้ถึงเวลาที่เธอต้องลงสนามแล้ว!
“คุณพ่อคะ ไม่ใช่ว่าคุณแม่ดีขึ้นมาสักพักแล้วเหรอ? ทำไมถึงเป็นแบบนี้อีก คุณพ่อคะ หนูกลัว!”
อู่เหมยมองเหอปี้อวิ๋นอย่างขี้ขลาด ใบหน้าเล็กๆ เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก สองคนที่จับเหอปี้อวิ๋นเอาไว้นิ่งชะงักงัน ฟังไม่เข้าใจความหมายของอู่เหมยไปชั่วขณะ น่าจะพูดว่าพวกเขารู้สึกว่าตัวเองเข้าใจผิดพลาดแล้ว ถึงแม้ว่าเหอปี้อวิ๋นจะโง่เขลาไปหน่อย แต่คงไม่ถึงกับเป็นขนาดที่พวกเขาคิดไว้แบบนั้นใช่ไหม!
อู่เจิ้งซือที่โมโหจนแทบจะกระอักเลือดออกมากลับฟังเข้าใจอย่างรวดเร็ว เพราะว่าแต่ก่อนอู่เมยพูดอยู่บ่อยๆ ว่าโรคประสาทของอู่เยวี่ยได้รับการถ่ายทอดกรรมพันธุ์มาจากเหอปี้อวิ๋น แต่ก่อนเขาคิดว่าเป็นการพูดด้วยอารมณ์ของเด็ก แต่ตอนนี้…
อู่เจิ้งซือใจเต้น หลังจากที่ตีเหอปี้อวิ๋นลงไปก็รู้สึกเสียใจ เวลานั้นเพียงแค่อยากจะแสดงให้เหยียนโฮ่วเต๋อเห็น ไม่ได้คิดอะไรเยอะ แต่หลังจากที่สงบลงมาได้ เขาก็รู้สึกว่าตัวเองทำพลาดแล้ว
การตีภรรยาเป็นการกระทำที่ขายขี้หน้าทำให้วงการการศึกษาเสื่อมเสียอย่างแท้จริง ยังไม่รู้เลยว่าวันหลังเพื่อนร่วมงานจะมองเขาอย่างไร!
แต่ถ้าหากว่าภรรยาเป็นโรคประสาทแล้วล่ะก็ ตีไม่กี่ครั้งก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร!
อู่เจิ้งซือยังคงลังเล แน่นอนว่าเขาไม่ได้สนใจชื่อเสียงของเหอปี้อวิ๋น แต่คนที่เขาสนใจคืออู่เยวี่ย เดิมทีโรคประสาทของอู่เยวี่ยก็ไม่ค่อยดี ถ้าหากยังมีข่าวออกไปว่าประสาทของเหอปี้อวิ๋นมีปัญหา ต่อให้เขาใช้นิ้วเท้าก็ยังสามารถเดาได้ว่าข้างนอกจะมีข่าวลือออกมาแบบไหน
แน่นอนว่าจะต้องพูดว่าเหอปี้อวิ๋นจิตไม่ปกติ แล้วจากนั้นก็ยังถ่ายทอดให้อู่เยวี่ยอีก ผลลัพธ์แบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากจะเห็น
อู่เหมยรู้ว่าอู่เจิ้งซือกำลังกังวลอะไร สงสัยว่าพ่อเธอที่เห็นแก่ตัวและจอมปลอมคนนี้ จะยังรักและห่วงใยอู่เยวี่ยจากใจลึกๆ อยู่ไหม
มุมปากเธอกดลึกเล็กน้อย วันนี้โรคประสาทของคู่แม่ลูกอู่เยวี่ยจะต้องจัดการให้เรียบร้อย!
“คุณพ่อคะ คุณแม่จะทำร้ายพ่อเหมือนครั้งที่แล้วหรือเปล่าคะ? พ่อรีบมัดแม่ขึ้นมาเร็ว ถ้ามัดขึ้นมา แม่ก็จะไม่สามารถฆ่าคนได้แล้ว!”
อู่เหมยตะโกนด้วยความกังวลและหวาดกลัว คำพูดของเธอปลุกความทรงจำของทุกคนได้สำเร็จ บาดแผลใหญ่บนหัวของอู่เจิ้งซือเมื่อหนึ่งเดือนก่อน แต่ว่าเพิ่งจะหายเป็นปกติเมื่อไม่นานมานี้เอง!
…………………………………………..
ตอนที่ 460 เละเป็นโจ๊ก
ทุกคนมองไปที่เหอปี้อวิ๋นที่ยังร้องตะโกนไม่หยุด ผมเผ้ายุ่งเหยิง ดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าที่สง่างามในวันปกติธรรมดาบิดเบี้ยวอย่างหนัก ดูๆ แล้วตอนนี้ก็มีความรู้สึกว่าไม่ค่อยปกติสักเท่าไร!
พอได้มองท่าทางที่ดูหวาดกลัวของอู่เหมย แน่นอนว่าคืนวันนั้นจะต้องถูกทำให้ตกใจเป็นอย่างมาก เด็กคนนี้น่าสงสารจริงๆ!
ปัญญาชนเหล่านี้กลับคิดลึกซึ้งไปกว่านั้น เมื่อก่อนพวกเขาไม่สามารถเข้าใจได้เลยว่าเพราะอะไรเหอปี้อวิ๋นถึงมีท่าทีและทัศนคติต่อลูกสาวสองคนแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ทั้งที่เป็นลูกของเธอทั่งคู่แท้ๆ!
แต่ตอนนี้พวกเขาเข้าใจแล้ว คนที่จิตไม่ปกติจะสามารถใช้บรรทัดฐานของคนปกติไปเปรียบเทียบได้อย่างไร?
เหอปี้อวิ๋นจะต้องเป็นผู้ป่วยทางจิตที่หวาดระแวงอย่างแน่นอน ดังนั้นเวลาเธอจะดีกับใครก็จะดีมาก ตัวอย่างเช่นอู่เยวี่ย แต่เวลาร้ายกับใครก็จะร้ายมากจริงๆ ตัวอย่างเช่นอู่เหมยผู้โชคร้ายและยังมีอู่เจิ้งซืออีก
แม้กระทั่งชีวิตน้อยๆ ก็อาจจะปกป้องไม่ได้!
เหอปี้อวิ๋นไม่ใช่แค่คนฟั่นเฟือนปกติธรรมดา แต่เป็นพวกป่าเถื่อนชอบใช้ความรุนแรงที่น่าหวาดกลัวต่างหาก!
สองคนที่ดึงเหอปี้อวิ๋นไว้ปล่อยมือพร้อมกัน จากนั้นก็ล่าถอยไปในเวลาเดียวกัน คนที่ป่วยเป็นโรคประสาทฆ่าคนไม่ผิดกฎหมาย พวกเขาอยู่ในวัยที่กำลังชีวิตดี มีอนาคตที่สดใส ชีวิตนี้มีค่ามาก ไม่คุ้มที่จะมาเคราะห์ร้ายเพื่อคนบ้านอื่นเพราะเรื่องไร้สาระเวรๆ นี่ แล้วทอดทิ้งชีวิตที่สุดแสนจะล้ำค่าของตัวเองหรอกนะ!
ความเห็นของคนอื่นๆ ก็เหมือนกันหมด ทุกคนต่างก็ค่อยๆ เขยิบถอยหลังไปหนึ่งเมตร แต่จะตัดใจละทิ้งไม่ดูความวุ่นวายก็ไม่ได้ ยืนดูอยู่ห่างๆ ถ้าหากว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงอะไร พวกเขาก็ยังหนีเอาชีวิตรอดทัน!
อู่เยวี่ยที่กำลังเสียใจอับอายขายหน้าและเคียดแค้น ในไม่ช้าก็ตระหนักถึงวัตถุประสงค์ของอู่เหมย เธอมองไปทางเหอปี้อวิ๋นที่เหมือนกับยังไม่รู้สึกตัว เหอปี้อวิ๋นที่เป็นอิสระอีกครั้งถลันมุ่งตรงไปทางอู่เจิ้งซือ เธอต้องต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีของตัวเอง!
เป้าหมายก็คืออู่เจิ้งซือที่เหยียบย่ำเกียรติและศักดิ์ศรีของเธอ!
ด้านหลังเหอปี้อวิ๋นคือตู้ลิ้นชัก มีที่ทับกระดาษชิ้นนั้นที่เดือนก่อนนั้นทุบอู่เจิ้งซือลงไปนอนอย่างสงบ ตอนนี้กลับโดนเหอปี้อวิ๋นคว้ามาไว้ในมืออีกครั้ง
เพราะว่าที่ทับกระดาษชิ้นนี้เป็นเครื่องมือที่สะดวกและทรงพลังที่สุด เหอปี้อวิ๋นที่กำลังเดือดดาลมากคว้ามันมาโดยไม่ต้องคิด เพื่อนของที่ทับกระดาษ…ไม้ขนไก่ถูกเธอทอดทิ้งอย่างไม่ไยดี
อู่เหมยมองเหอปี้อวิ๋นที่ดูเหมือนคนบ้าไปแล้วจริงๆ อย่างตื่นเต้นดีใจ หัวใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมา เลือดในกายเดือดพล่าน!
เหอปี้อวิ๋นช่างให้ความร่วมมือกับเธอมากจริงๆ ถ้าหากว่าอู่เจิ้งซือโดนตีหัวแบะอีก อาการทางจิตของเหอปี้อวิ๋นนี้ จะไม่คิดก็ไม่ได้แล้วล่ะ!
เพียงแค่อู่เจิ้งซือจะต้องเจอเรื่องที่ทรมานสักหน่อยอีกครั้ง อู่เหมยที่เคยผ่านประสบการณ์มาแล้วครั้งหนึ่งไม่ได้เป็นห่วงชีวิตของอู่เจิ้งซือมากนัก ก็แค่ทุบแค่นั้นเอง ไม่ถึงชีวิตหรอก ไม่เห็นจะเป็นไร!
“แม่อย่า!”
อู่เยวี่ยตะโกนเสียงดังด้วยความรีบร้อน เธอถลันไปทางเหอปี้อวิ๋น ปฏิกิริยาตอบสนองแรกของเธอคือจะหยุดเหอปี้อวิ๋น ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายอื่นซ่อนเร้น คิดแค่เพียงว่าไม่สามารถให้เหอปี้อวิ๋นทำเรื่องโง่ๆ ได้อีกครั้ง
แต่ไม่นานอู่เยวี่ยก็มีความคิดอื่น แค่เพียงแวบเดียว หัวของอู่เยวี่ยก็ทำงานด้วยความเร็วสูง เธอกำลังคำนวณกำไรและขาดทุน และเธอก็ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว!
“คุณแม่รีบหยุดเดี๋ยวนี้ อย่าทำร้ายพ่ออีกเลย!”
ด้านหนึ่งอู่เยวี่ยตะโกนด้วยความร้อนใจ อีกด้านก็ชะลอฝีเท้า เชื่องช้าอยู่แบบนี้แค่ชั่วประเดี๋ยว เหอปี้อวิ๋นก็พุ่งไปหน้าอู่เจิ้งซือแล้ว เธอกระทำอย่างรวดเร็ว อู่เจิ้งซือไม่ทันที่จะมีปฏิกิริยาตอบสนองโดยสิ้นเชิง แม้กระทั่งจะหลบยังทำไม่ทัน
“เหอปี้อวิ๋นคุณบ้าไปแล้ว!”
อู่เจิ้งซือทั้งโมโหทั้งกลัว เขาไม่คิดอยากจะให้หัวโดนทุบจนแบะอีกแล้ว เจ็บก็เท่านั้นเองไม่เห็นเป็นไร แต่การรักษาหน้าเป็นเรื่องที่สำคัญ
“ไอหยา! อาจารย์เหอรีบหยุดมือเถอะ อย่าทุบนะ!”
ผู้สังเกตการณ์ทุกคนก็วิตกกังวลเช่นกัน แต่ทุกคนก็ทำแค่ตะโกน ไม่มีใครกล้าก้าวไปข้างหน้าเพื่อหยุด แน่นอนว่าอู่เหมยก็ไม่สามารถให้อู่เยวี่ยแสดงออกมาแค่คนเดียว เธอก็ร้องแล้วก็ถลันขึ้นไปเช่นกัน
ชั่วพริบตาเดียว ตระกูลอู่เละเหมือนโจ๊กก็ไม่ปาน คล้ายกับน้ำร้อนที่กำลังเดือดพล่าน แต่ว่าก็เงียบลงมาอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้น อู่เยวี่ยก็ลงไปนอนอยู่บนพื้น บนหน้าผากมีเลือดไหลเต็มไปหมด เหมือนกับอู่เจิ้งซือเดือนก่อนไม่มีผิด
…………………………………………..