ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 461 คนบ้าทุบด้วยหิน + ตอนที่ 462 โรคประสาทสามารถถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ได้
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- ตอนที่ 461 คนบ้าทุบด้วยหิน + ตอนที่ 462 โรคประสาทสามารถถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ได้
ตอนที่ 461 คนบ้าทุบด้วยหิน
ทุกคนต่างก็จ้องเขม็งไปยังอู่เยวี่ยที่นอนไม่ได้สติอยู่บนพื้นอย่างประหลาดใจ เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ทำไมกลายเป็นอู่เยวี่ยโดนตีหัวแทนได้?
เหอปี้อวิ๋นรักใคร่ลูกสาวคนโตขนาดนั้น จะสามารถทุบอู่เยวี่ยได้ไง?
“เยวี่ยเยวี่ยลูกเป็นอะไร? ลูกอย่าทำให้แม่ตกใจสิ เยวี่ยเยวี่ยทำไมถึงได้โง่ขนาดนี้ ลูกถลันเข้ามาทำไม?”
เหอปี้อวิ๋นกอดอู่เยวี่ยร้องไห้อยากเจ็บปวด เธอมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าว่าคนที่โดนทุบจะเป็นตัวเอง อู่เยวี่ยเป็นแก้วตาดวงใจของเธอนะ!
อู่เหมยไหนเลยจะนึกถึงว่าอู่เยวี่ยจะสละชีวิตเพื่อช่วยพ่อ รับที่ทับกระดาษแทนอู่เจิ้งซือ มองไปที่อู่เจิ้งซือที่ทำหน้าตาตื้นตันใจซาบซึ้งใจ แผนทรมานร่างกายของอู่เยวี่ยถือว่าสำเร็จแล้ว!
นังสารเลวสมควรตาย กับตัวเองยังเหี้ยมโหดได้ขนาดนี้เลย!
อู่เหมยเริ่มระมัดระวังตัว ยิ่งตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าต้องรีบหยุดยั้งความตั้งใจของอู่เยวี่ย ไม่สามารถให้อู่เยวี่ยมีโอกาสเต็มที่ได้อย่างเด็ดขาด จะต้องให้เธอโดนตัวฉันเหยียบไว้ใต้เท้าตลอดไป
“คุณพ่อคะ พวกเรารีบส่งพี่ไป…”
คำพูดของอู่เหมยทำให้เหอปี้อวิ๋นหยุดชะงัก เหอปี้อวิ๋นน่าจะโดนยั่วยุ ไม่สนใจอู่เยวี่ยที่ยังมีเลือดไหลอยู่บนพื้น คว้าที่ทับกระดาษอีกครั้ง พุ่งไปทางถานซูฟาง
“ถานซูฟาง เป็นเพราะเธอทำร้ายเยวี่ยเยวี่ยของฉัน ฉันจะตีแกให้ตายนังผู้หญิงใจง่าย ต้องตีแกให้ตาย!”
เวลานี้เหอปี้อวิ๋นร่างกายเปื้อนไปด้วยเลือด ผมเผ้ายุ่งเหยิง ท่าทางดุร้าย ในมือยังจับที่ทับกระดาษที่เปื้อนเลือดไว้ จะมองอย่างไรก็เหมือนภาพสยองขวัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคืนที่มีเสียงกรีดร้องและมีลมแรงตอนกลางคืนเช่นนี้
ทุกคนรอบข้างต่างก็สะดุ้งโหยงตกใจตัวสั่น ถอยหลังลงไปหลายก้าว เพื่ออยู่ให้ห่างเหอปี้อวิ๋น คนประเภทที่มีความอันตรายสูง!
ถานซูฟางเองก็ยิ่งตกใจจนแม้กระทั่งคำว่า ‘ผู้หญิงใจง่าย’ เธอก็ไม่ได้สนใจอีกต่อไป ที่สำคัญในตอนนี้คือรักษาชีวิตของตัวเอง จิตใต้สำนึกของเธอทำให้เธอไปหลบซ่อนอยู่ด้านหลังของเหยียนโฮ่วเต๋อ ทำเหมือนเขาเป็นโล่มนุษย์
เหยียนโฮ่วเต๋อก็ตกใจไม่เบา แต่ว่าเขาเป็นผู้ชาย แน่นอนว่าไม่สามารถตื่นตระหนกเหมือนผู้หญิงได้ จะต้องแสดงท่าทีเป็นลูกผู้ชายที่องอาจกล้าหาญถึงจะถูก
“อาจารย์เหอสงบลงหน่อย ก่อนอื่นรีบห้ามเลือดให้อู่เยวี่ยก่อน ไม่อย่างนั้นอู่เยวี่ยจะเป็นอันตรายได้ หรือว่าแม้กระทั่งสุขภาพร่างกายของลูกสาวคุณก็ไม่คำนึงถึงแล้วหรือ?”
เหยียนโฮ่วเต๋อสมแล้วที่เป็นผู้นำ ประโยคเดียวเข้าประเด็นอย่างจัง เหอปี้อวิ๋นยังขยับตัวช้า ความรักต่อลูกสาวทำให้เธอสงบลงอย่างรวดเร็ว เหอปี้อวิ๋นเลิกมองหาถานซูฟางเพื่อชำระบัญชี เหยียนโฮ่วเต๋อพูดถูก อาการบาดเจ็บของเยวี่ยเยวี่ยนั้นสำคัญกว่ามาก
ครั้งนี้อู่เจิ้งซืออุ้มอู่เยวี่ยขึ้นมาแล้ว เตรียมที่จะไปหาคุณยายหยางเพื่อห้ามเลือด คนอื่นๆ ก็เข้าไปใกล้ๆ เพื่อช่วยเหลือ ทำให้เหอปี้อวิ๋นแทรกเข้าไปไม่ได้
“คุณอู่ เยวี่ยเยวี่ยเป็นยังไงบ้าง ให้ฉันดูลูกหน่อย!”
เหอปี้อวิ๋นที่มองไม่เห็นอู่เยวี่ยก็ร้อนรนเหมือนอยู่บนหม้อไฟไม่ปาน เป็นกังวลจนกระทืบเท้าด้วยความโกรธอย่างสุดขีด อู่เหมยมองเธออย่างเย็นชา จงใจพูดว่า “แม่ พี่อู่เยวี่ยก็เป็นแม่ที่ทุบหัวเธอ แล้วบนหัวก็มีแผลที่ใหญ่มากเลย แถมเลือดยังไหลเยอะมาก อย่างนี้พี่สาวจะตายหรือเปล่า?”
“ไร้สาระ ฉันจะตีแกให้ตายนังเด็กเวร พี่สาวของเธอดีมากๆ ต่อให้แกตายก็ช่างปะไร แต่ยังไงพี่แกก็ต้องไม่ตาย!”
เหอปี้อวิ๋นที่ค่อยๆ สงบลงแล้วโดนอู่เหมยยั่วยุให้เสียสติอีกครั้ง ไม่มีแรงแม้กระทั่งจะทำตัวเสแสร้ง คำด่าในเวลาปกติที่ใช้ด่าอู่เหมยในบ้าน โดนเธอทำให้โมโหจนด่าออกมา คนอื่นๆ ได้ฟังต่างก็ขมวดคิ้ว ยิ่งรู้สึกเชื่อว่าเหอปี้อวิ๋นเป็นโรคประสาทมากขึ้นไปอีก
คนปกติธรรมดาจะสามารถพูดจาเลอะเทอะแบบนี้ออกมาได้อย่างไร?
จ้าวอิงหนานที่ได้ยินข่าววิ่งลงมาบังเอิญเห็นเหอปี้อวิ๋นแยกเขี้ยวยิงฟันใส่อู่เหมย ก็โมโหขึ้นมา ผลักเหอปี้อวิ๋นออกแล้วกอดอู่เหมยปกป้องไว้ในอ้อมกอด
“เหอปี้อวิ๋นคุณยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า? เหมยเหมยเธอไปทำอะไรให้คุณไม่พอใจ เป็นแม่ภาษาอะไรสาปแช่งลูกตัวเองให้ตาย ฉันว่านะหัวใจของคุณยังดำอำมหิตมากกว่าแม่เลี้ยงเสียอีก!”
จ้าวอิงหนานด่าออกมาอย่างรุนแรง ไม่อาจทนเหอปี้อวิ๋นได้อีกต่อไป ถ้าหากไม่ใช่ว่าสถานการณ์ตอนนี้วุ่นวายมากละก็ เธอยังคิดอยากจะด่าอู่เจิ้งซือสักชุดเลย!
“อาจารย์จ้าวคุณไม่รู้ละสิ เหอปี้อวิ๋นเธอจิตใจไม่ปกติ คุณจะอธิบายให้คนจิตใจไม่ปกติฟังเข้าใจได้ที่ไหน ไปเร็ว อย่าเปลืองน้ำลายอีกเลย”
ถานซูฟางที่จับหน้าตัวเองอยู่ เกลียดเหอปี้อวิ๋นเข้ากระดูกดำ จะปล่อยโอกาสที่จะเหยียบย่ำเหอปี้อวิ๋นไปได้อย่างไร!
…………………………………………..
ตอนที่ 462 โรคประสาทสามารถถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ได้
“ถานซูฟางแกพูดไร้สาระอะไร ฉันไม่ได้เป็นบ้า จิตใจฉันปกติดีมาก แกมันนังผู้หญิงใจง่าย น่ารังเกียจ หน้าไม่อาย!”
เมื่อได้รับความสะเทือนใจติดต่อกันหลายครั้ง สติสัมปชัญญะของเหอปี้อวิ๋นในเวลานี้ก็ไม่ค่อยแจ่มใสเท่าไร สมองและสติของเธอเลอะเลือนไปหมด สายตาที่มองถานซูฟางเต็มไปด้วยน่ากลัว เหมือนกับจะกินเธอก็ไม่ปาน มองดูแล้วเหมือนคนที่อาการโรคประสาทกำเริบมากจริงๆ
ถานซูฟางตกใจจนรีบหลบซ่อนอยู่หลังของจ้าวอิงหนาน เธอไม่กล้ายุ่งกับคนบ้า จ้าวอิงหนานขมวดคิ้ว พูดอย่างไม่พอใจว่า “อาจารย์อู่นี่มันเกิดอะไรขึ้น ภรรยาจิตใจไม่ปกติก็ไม่บอกให้เร็วๆ ยังให้เธออาศัยอยู่ที่บ้านนานขนาดนี้ ถ้าหากว่าอาการกำเริบแล้วไปทำร้ายคนอื่นขึ้นมา ใครจะรับผิดชอบ?”
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง คนอื่นๆ ที่ดูความวุ่นวายก็เย็นสันหลังวาบ เหงื่อเย็นๆ ก็ผุดออกมาเต็มไปหมด!
คนบ้าฆ่าคนไม่ผิดกฎหมาย คุณตายไปก็ทำได้แค่เพียงยอมรับไปว่าโชคร้าย พอคิดว่าพวกเขาอาศัยอยู่กับผู้ก่อการร้ายที่มีความเสี่ยงสูงมาหลายปี ใกล้แค่เพียงเอื้อมมือ ทุกนาทีและทุกวินาทีมีความเป็นไปได้ที่จะถูกทำร้ายจากคนที่ป่วยมีอาการทางจิต คนพวกนี้ต่างรู้สึกหวาดกลัวในภายหลัง มากกว่านั้นคือรู้สึกว่าโชคดี
โชคดี โชคดีจริงๆ!
เหอปี้อวิ๋นที่ดูอันตราย แต่สุดท้ายก็เกิดเรื่องขึ้นกับเธอเสียก่อน ไม่เช่นนั้นอาจจะมีเรื่องน่ากลัวอื่นๆ ตามมาอีกได้!
เรียกได้ว่าตอนนี้ถานซูฟางได้รับความดีความชอบเข้าไปเต็มๆ หากเธอไม่ได้ใช้ตัวเธอเสี่ยงอันตราย จะเปิดโปงเหอปี้อวิ๋นได้อย่างไร?
ถ้าต้องรอจนเหอปี้อวิ๋นอาการกำเริบ คนที่จะซวยเป็นรายต่อไปก็ยังไม่รู้เลยว่าจะเป็นใคร?
ไม่เห็นเหอปี้อวิ๋นลงมือกับสามีกับลูกของตัวเองอย่างโหดเหี้ยมขนาดนั้นหรือไง!
“อาจารย์จ้าวพูดไม่ผิด เรื่องนี้อาจารย์อู่ทำไม่เหมาะสม หากป่วยเป็นโรคประสาทก็ควรไปโรงพยาบาลจิตเวช จะให้เธออยู่กับคนปกติด้วยกันได้ยังไง เรื่องนี้ต้องขอให้อาจารย์อู่อธิบาย!”
มีบางคนคล้อยตาม อู่เจิ้งซือเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งมากของสามีเธอ ทุกๆ ปีต้องพลาดโอกาสเป็นอาจารย์แบบอย่างไปต่อหน้าต่อตา เมื่อผู้หญิงคนนี้ได้โอกาสแล้ว จะไม่เหยียบซ้ำแรงๆ หน่อยเลยหรือ?
ถานซูฟางพอได้ยินทุกคนพูดวิพากษ์วิจารณ์มาในทิศทางฝั่งเธอ ฉับพลันก็รู้สึกมีแรง เติมเชื้อไฟเข้าไปอีกว่า “ไม่ใช่แค่นั้น อาจารย์อู่ทำเรื่องเลวร้ายเป็นอย่างมาก เป็นคนมีพรสวรรค์ วงศ์ตระกูลก็ดี ทำไมถึงได้แต่งเอาคนบ้าเข้าบ้านมาได้ หรือว่าเขาไม่รู้ว่าโรคประสาทเนี่ยมันถายทอดทางกรรมพันธุ์ได้นะ โดยเฉพาะโอกาสที่แม่จะส่งต่อให้ลูกน่ะ ก็มีอัตราสูงมากเป็นอย่างยิ่ง!”
เหอปี้อวิ๋นจะจิตไม่ปกติหรือไม่ อันที่จริงเธอไม่สนใจเลยสักนิด เธอสนใจแค่เพียงลูกชายสุดที่รักของเธอไม่ควรหลงนังจิ้งจอกนั่น เพราะจะส่งผลกระทบต่อเส้นทางอนาคตที่รุ่งเรืองที่เธอจัดวางไว้เพื่อลูกชายของเธอ!
ดังนั้น ทุกอย่างที่สามารถสกัดโอกาสของอู่เยวี่ยได้ ถานซูฟางไม่มีทางที่จะพลาด
ยิ่งไปกว่านั้น เธอก็ไม่ได้พูดไร้สาระ แต่มีข้อมูลทางการแพทย์ สามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ เรียกได้ว่าเธอยังมีความรอบคอบอยู่ไม่น้อย!
มีคนอุทาน “ไอหยา ฉันจำได้แล้ว บ้านแม่ฉันในชนบทมีครอบครัวหนึ่ง ทั้งยายทั้งแม่เป็นโรคประสาทกันหมดเลย ผลสุดท้ายมีลูกหกคน ลูกสาวทั้งสามคนเป็นโรคทุกคน แต่ลูกชายไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย ที่แท้โรคประสาทส่วนใหญ่จะถ่ายทอดกรรมพันธุ์ให้ลูกสาวสินะ หากคุณหมอถานไม่พูดฉันก็ไม่รู้นะเนี่ย!”
พอคุณพูดแบบนี้ฉันก็นึกขึ้นมาได้ ที่จริงแล้วเป็นแบบนี้นี่เอง ถ้าแม่หัวสมองไม่ดี ลูกชายกลับดีทั้งหมด ลูกสาวนั้นไม่แน่นอน อุ๊ย! พอพูดแบบนี้ขึ้นมา บ้านของอาจารย์อู่มีลูกสาวตั้งสองคนแหน่ะ!”
สีหน้าท่าทางของทุกคนแปลกประหลาดขึ้นมา นึกถึงเรื่องที่เล่าต่อๆ กันมาก่อนหน้านี้โดยมิได้นัดหมาย อู่เยวี่ยลุกขึ้นมาบีบคอน้องสาวตอนกลางคืน อู่เหมยยังพูดอยู่เสมอว่าพี่สาวของเธอจิตใจไม่ปกติ
ตอนนั้นก็ยังไม่ได้เอามาใส่ใจอะไรมาก คิดว่าเป็นคำพูดไร้สาระของเด็ก แต่ตอนนี้ดูแล้ว โรคประสาทของเหอปี้อวิ๋นจะต้องถ่ายถอดทางกรรมพันธุ์ให้อู่เยวี่ยแปดถึงเก้าเต็มสิบอย่างแน่นอน!
…………………………………………..