ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 473 ชนกันแล้ว + ตอนที่ 474 เหมือนมาก
ตอนที่ 473 ชนกันแล้ว
จ้าวอิงหัวประคองเหยียนซินหย่าลงจากเตียง บ่นว่า “ผมไม่ควรเชื่อคุณที่บอกว่าให้นั่งรถไฟเลย เตียงแข็งขนาดนี้คุณนอนสบายเหรอ? ตอนแรกคุณน่าจะนั่งเครื่องบินตามที่ผมบอก เพียงสองชั่วโมงก็ถึงเมืองจินแล้ว คุณก็ไม่ต้องมาทุกข์ทรมานแบบนี้แล้ว”
“นั่งเครื่องบินฉันจะแย่กว่านี้อีก วันเดียวเหมือนเป็นปี ยิ่งกว่านั้นตู้นอนแบบนี้ฉันไม่ได้นั่งมายี่สิบปีแล้ว อยากจะนั่งอีกครั้งมากๆ เลย”
เหยียนซินหย่าโค้งตัวออกไปทางหน้าต่างเพื่อชมวิวข้างนอก มองดูอย่างมุ่งมั่นเป็นอย่างมาก จ้องมองอย่างไม่กะพริบตา เหมือนอยากจะเอาทัศนียภาพด้านนอกพิมพ์เก็บเอาไว้ในหัวก็ไม่ปาน
อีกทั้งไม่มีใครรู้ถึงสุขภาพร่างกายของเธอได้ชัดแจ้งเท่าเธออีกแล้ว เพียงแค่กลัวว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอได้นั่งรถไฟตู้นอนนี่แล้วล่ะมั้ง?
ความตายนั้นเธอไม่ได้น่ากลัวเลยสักนิด เธอคิดไปไกลจนกระทั่งยังรอคอยเลยด้วยซ้ำ ในไม่ช้าก็จะสามารถอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตากับพ่อแม่และลูกสาวแล้ว พอคิดๆ แล้วก็ดี แต่เธอก็ยังมีความไม่ยินดีนิดหน่อย
เธอยังเป็นห่วงสามี ยังเป็นห่วงลูกชาย พวกเขาเป็นญาติเพียงหนึ่งเดียวบนโลกใบนี้ที่ยังเหลืออยู่ของเธอ เธอยังทำใจไม่ได้จริงๆ!
โชคดีที่ลูกชายเติบโตแล้ว อีกทั้งยังยอดเยี่ยมในทุกเรื่อง สามีก็ไม่ใช่หนุ่มน้อยเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว จัดการเรื่องต่างๆ ได้อย่างมั่นคง อีกทั้งยังเข้มแข็งและมีอำนาจมากด้วย
ถ้าเธอไม่อยู่แล้ว สองพ่อลูกก็ยังจะมีชีวิตที่ดีมากต่อไปอยู่!
“เสวียหลิน เห็นแม่น้ำเล็กๆ ที่โค้งไปรอบๆ ไหม? นี่ก็คือหมู่บ้านริมน้ำเจียงหนานที่แม่พูดกับลูกอยู่บ่อยๆ ตอนที่แม่เด็กๆ แม่จะไปด้วยกันกับคุณตา นั่งเรืออู่เผิง แกว่งไปแกว่งมา เข้าไปซื้อผักในเมือง พอซื้อผักเสร็จ คุณตาของลูกก็จะไปซื้อน้ำตาลปั้นให้แม่กิน เคาะเสียงดังตึงตังสักพักก็ได้มาอันนึง แม่ก็จะเคี้ยวตั้งแต่ในเมืองจนกลับบ้าน เหนียวติดฟันไปหมดเลยล่ะ”
ตอนนี้รถไฟผ่านเมืองเล็กๆ ชื่อว่าเจียงหนาน สะพานหินเล็กๆ เรืออู่เผิง คนถ่อเรือ และผู้หญิงที่มาซาวข้าวซักผ้าริมแม่น้ำ…
สิ่งเหล่านี้ถักถอขึ้นมาเป็นภาพเจียงหนานในยามเช้ามีชีวิตชีวาอบอุ่นอ่อนโยน ในอากาศถึงกับมีกลิ่นหอมของผักเค็มตากแห้งลอยตามลมมา เหยียนซินหย่าสูดลมหายใจ ดูแล้วมีชีวิตชีวาขึ้นมาไม่น้อย
“หอมจังเลย นี่จะต้องเป็นผักเค็มที่ตากแห้งมานานแน่นอน ไม่อย่างนั้นไม่หอมขนาดนี้หรอก น้ำลายฉันจะไหลออกมาแล้ว”
ทิวทัศน์ที่คุ้นเคยกับกลิ่นที่คุ้นเคย กระตุ้นความทรงจำตอนเด็กที่อบอุ่นอ่อนหวานของเหยียนซินหย่าขึ้นมา ถ้าหากไม่ใช่ว่ารถไฟกำลังเดินรถอยู่ เธอก็คิดอยากจะลงจากรถตอนนี้ วิ่งไปที่บ้านเก่าของเธอบูชาเซ่นไหว้คุณปู่คุณย่า!
เธอช่างไม่กตัญญูเลยจริงๆ ยี่สิบปีไม่เคยกลับมาเซ่นไหว้ที่หลุมศพของคุณปู่คุณย่าและพ่อแม่เลย พวกเขาจะต้องตำหนิเธอทุกวันแน่ๆ!
“อิงหัว ฉันอยากจะหาเวลาว่างกลับเมืองอู่สักครั้ง เซ่นไหว้ที่หลุมศพของคุณปู่คุณย่าและพ่อแม่ แล้วก็ยังมี…เหมยเหมยของพวกเรา!”
มันยากมากที่เหยียนซินหย่าจะพูดชื่อของลูกสาวออกมา ในใจเจ็บเหมือนโดนทิ่มแทง พอเห็นเช่นนี้แล้วจ้าวอิงหัวก็ยิ่งไม่สบายใจ เขาพยักหน้าพลางพูดว่า “ได้สิ รอพวกเราหาหมอเสร็จ ก็ค่อยไปเมืองอู่ไปเยี่ยมเยียนพ่อตาแม่ยายพวกเขากัน”
“แม่ พวกเราไปดูที่หน้าต่างทางโน้นกันเถอะ ตรงนั้นยิ่งสวยเลย!”
จ้าวเสวียหลินเป็นเด็กหนุ่มอายุสิบห้าปี รูปร่างสูงโปร่ง หน้าตาหล่อเหลา เหมือนกับพ่อเขา จ้าวอิงหัวอีกหลายส่วน แต่คนที่เหมือนยิ่งกว่ากลับเป็นคุณปู่จ้าว แทบจะเหมือนกับคุณปู่จ้าวตอนหนุ่มๆ เลยทีเดียว
อีกทั้งนิสัยชอบจัดการเรื่องราวของจ้าวเสวียหลินก็แสดงออกเหมือนคุณปู่ค่อนข้างมาก ใจเย็นมั่นคงแต่กลับไม่เคร่งในกฎเกณฑ์ กล้าหาญและไม่บุ่มบ่าม ถึงแม้ว่าอายุจะน้อย แต่อุปนิสัยกลับหนักแน่นยิ่งกว่าเส้นเหล็กซะอีก ทำให้คนตั้งมากมายต่างรู้สึกพิจารณาตัวเองว่าดีไม่เท่า
เหยียนซินหย่ามีชีวิตชีวาไม่เลว แล้วก็ไม่ต้องให้จ้าวอิงหัวคอยประคอง เธอเดินไปตามทางเดินฝั่งตรงข้ามด้วยตัวเอง แต่กลับเดินชนกับคนที่เดินผ่านเข้ามา โชคดีที่คนที่ชนประสาทค่อนข้างไว หมุนกลับไปทิศทางเดิม ไม่ได้ชนกันจริงๆ
“ขอโทษครับ ไม่ได้ชนโดนคุณใช่ไหม?”
เหยียนหมิงซุ่นยื่นมืออกไปประคองเหยียนซินหย่า มองไปที่เธออย่างกังวล กลับตะลึงชะงักงันในทันที ตื่นตกใจจนนิ่งแข็งทื่อไป
…………………………………………..
ตอนที่ 474 เหมือนมาก
จ้าวอิงหัวพ่อลูกรีบร้อนมาทางนี้ มองสังเกตเหยียนซินหย่าขึ้นลง เห็นเธอไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้น ถึงจะวางใจลงมา
เหยียนซินหย่าส่ายหัวยิ้มๆ แสดงให้เห็นว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรง “ไม่เป็นไร เป็นความผิดของฉันเอง ไม่ได้ดูทาง โชคดีที่สหายน้อยคนนี้มีท่าทีตอบโต้ไว”
“สหายน้อย ชอบใจมากนะ สหายน้อย…เป็นอะไรไป?”
เหยียนซินหย่าหันไปขอบคุณเหยียนหมิงซุ่น แต่กลับโดนท่าทางตกตะลึงของเขาทำให้ตกใจ ยังคิดไปอีกว่าเด็กคนนี้โดนชนจนโง่ไปแล้ว รีบโบกมือไปมาตรงหน้าของเหยียนหมิงซุ่น แต่ดวงตาของเขาไม่กะพริบเลย
จ้าวอิงหัวรู้สึกประหลาดใจ ภรรยาที่เหมือนทำจากเต้าหู้ของเขาไม่เป็นอะไรเลย เด็กหนุ่มคนนี้ดูแล้วน่าจะมีฝีมือไม่น้อย จะโดนชนจนโง่ไปได้อย่างไร?
“สหายน้อยไม่เป็นอะไรใช่ไหม? มีตรงไหนไม่สบายหรือเปล่า?” จ้าวอิงหัวถามเสียงเบา
ในหัวของเหยียนหมิงซุ่นปรากฏภาพวาดนั้นไม่หยุด ในรูปภาพเป็นผู้หญิงสวยที่ใส่ชุดสีขาว คิ้วด้านซ้ายมีไฝสีแดงชาดเม็ดหนึ่ง เป็นผู้หญิงที่อยู่ในฝันของอู่เหมยที่อู่เหมยวาดนั่นเอง
ผู้หญิงตรงหน้าเหมือนกับผู้หญิงในภาพคนนั้นเป็นอย่างมาก เครื่องหน้า ใบหน้า ไฝสีแดงชาด ยังมีความระทมทุกข์บนหน้านั่นอีก ไม่มีความแตกต่างกันเลยแม้แต่นิดเดียว ชัดเจนมากกว่ารูปภาพเสียอีก
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
“อิงหัว ไม่ใช่ว่าเด็กคนนี้โดนชนจนโง่ไปจริงๆ หรอกใช่ไหม? นี่จะทำอย่างไรดี? แล้วก็ไม่รู้ว่าพ่อแม่ของเขาอยู่ที่ขบวนไหน?” เหยียนซินหย่าร้อนใจเป็นอย่างมาก
“ผมไม่เป็นไร!”
เหยียนหมิงซุ่นตั้งสติได้ในไม่ช้า รีบส่งเสียงปลอบใจเหยียนซินหย่า ในใจรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก ลักษณะท่าทางการพูดของผู้หญิงตรงหน้าคนนี้เหมือนกับยัยเด็กบื้อคนนั้นมากเกินไปแล้ว!
เหยียนซินหย่าพอเห็นเหยียนหมิงซุ่นกลับมาเป็นปกติ ก็ผ่อนลมหายใจ “ไม่เป็นไรก็ดี สหายน้อยเมื่อกี้ทำฉันตกใจแทบตายแหน่ะ”
เหยียนหมิงซุ่นยิ้มๆ ถามอย่างอดไม่ได้ว่า “คุณน้า คุณเคยไปเมืองจินไหม?”
เหยียนซินหย่านิ่งอึ้งไป รอยยิ้มบนใบหน้าหายไป ความทุกข์ระทมบนหน้าก็ยิ่งหนักขึ้นไปอีก เธอถอนหายใจ “ฉันใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองจินอยู่หลายปี แต่ว่าไม่ได้กลับไปเป็นสิบปีแล้ว ได้ยินสำเนียงของสหายน้อยแล้ว เธอคงเป็นคนเมืองจินสินะ?”
“ใช่ครับ ผมเป็นคนเมืองจิน อีกสองป้ายก็จะลงจากรถไฟแล้ว” เหยียนซินหย่ายิ้ม “พวกเราก็จะลงรถที่เมืองจินเหมือนกัน ดวงช่างสมพงศ์กันจริงๆ นะ!”
จ้าวเสวียหลินกลอกตามองบน แม่ของเขาช่างไร้เดียงสาจริงๆ จุดหมายปลายทางของรถไฟนอนขบวนนี้ก็คือเมืองจิน คนที่ลงป้ายอื่นๆ ก็คงลงกันไปหมดแล้ว คนที่เหลือก็คงจะลงป้ายเมืองจินกันหมด ยังจะต้องถามอีกหรือ?
เหยียนหมิงซุ่นพยักหน้าทักทายให้กับจ้าวอิงหัวพ่อลูก หยิบเอาโถน้ำชาเดินไป จ้าวอิงหัวมองเขาอย่างระแวงสงสัยอยู่หลายรอบ รู้สึกอยู่ตลอดว่าเด็กคนหนุ่มคนนี้แปลกๆ
“ซินหย่า คุณนั่งตรงนี้ดูทิวทัศน์นะ เสวียหลิน ไปเอาเบาะนั่งนุ่มๆ มา”
จ้าวอิงหัวประคองเหยียนซินหย่านั่งลง ระมัดระวังเป็นอย่างมาก เหยียนซินหย่ารู้สึกขำขันอยู่บ้าง พูดอย่างเคืองๆ ว่า “ที่ตรงไหนๆ ของฉันต่างก็ทำมาจากเต้าหู้สินะ เมื่อก่อนยังลงที่นาทำงานอยู่เลย!”
เหยียนหมิงซุ่นที่ยังเดินไปไม่ไกลเท่าไรก็ตื่นเต้นขึ้นมาทั่วร่างทันที หันกลับมาอย่างตกใจ
ซินหย่า?
ซินตัวไหน หย่าตัวไหน?
จะเป็นลูกพี่ลูกน้องของแม่คนนั้นที่อู่เหมยเคยพูดไหม?
เขาจำได้ว่าแม่นว่าลูกพี่ลูกน้องของแม่ที่หน้าตาเหมือนเหมยเหมยมากๆ คนนั้นมีชื่อว่าเหยียนซินหย่า หรือว่าผู้หญิงคนนี้จะคือเหยียนซินหย่า?
เหยียนหมิงซุ่นอยากจะไปถามให้รู้เรื่องให้รู้แล้วรู้รอด แต่เขาก็ไม่ได้กลับไป ตอนนี้ยังมีเวลาอีกสองชั่วโมงก่อนจะลงจากรถ ไม่ต้องรีบ
จ้าวเสวียหลินระวังเหยียนหมิงซุ่นอยู่ตลอด ตอนที่เขาหยุดสีหน้าท่าทางเปลี่ยนอย่างเห็นได้ชัด ขมวดคิ้วครุ่นคิดอย่างไม่สงบ หนุ่มคนนี้ท่าทางลับๆ ล่อๆ มองดูแล้วไม่เหมือนคนดี เขาคงต้องระวังหน่อยแล้ว
เหยียนหมิงซุ่นรับถ้วยน้ำร้อนกรุ่นกลับมา เดินอย่างระมัดระวัง ตอนที่เดินผ่านพวกเหยียนซินหย่า เหยียนซินหย่าก็หันมาให้ยิ้มให้เขาอย่างอบอุ่นอ่อนโยน
…………………………………………..