ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 483 อี้จงก็เป็นโรงเรียนเก่าของฉัน + ตอนที่ 484 ลูกสาวของเหยียนตานชิง
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- ตอนที่ 483 อี้จงก็เป็นโรงเรียนเก่าของฉัน + ตอนที่ 484 ลูกสาวของเหยียนตานชิง
ตอนที่ 483 อี้จงก็เป็นโรงเรียนเก่าของฉัน
เหยียนซินหย่ากลับอาคารอี้จงไปพร้อมกันกับจ้าวอิงหนาน มองเห็นโรงเรียนที่ตัวเองเคยเรียนในอดีต เหยียนซินหย่าปลงอนิจจังถอนหายใจออกมา “อี้จงยังเหมือนเดิมเลย นอกจากบ้านอาคารนี้แล้ว น่าจะสร้างเมื่อไม่กี่ปีมานี้ใช่ไหม?”
จ้าวอิงหนานมองไปทางเธออย่างตกใจ “พี่สะใภ้เล็ก เมื่อก่อนพี่เคยมาอี้จง?”
เหยียนซินหย่ายิ้มอย่างอ่อนหวาน เผยสีหน้ามีชีวิตชีวาที่ยากจะพบเห็นได้ออกมา “ฉันเรียนจบจากอี้จงน่ะ ฉันคุ้นเคยกับที่นี่มากกว่าเธอเสียอีก”
“โอ้ พระเจ้า หรือว่าพี่สะใภ้เล็กเป็นคนจินซื่อ? ฉันไม่เคยได้ยินพี่สะใภ้เล็กพูดถึงมาก่อนเลย พี่เล็กพี่ก็ไม่บอกฉัน” จ้าวอิงหนานมองจ้าวอิงหัวอย่างไม่พอใจเล็กน้อย
เธอรู้แค่เพียงว่าเหยียนซินหย่าเป็นคนใต้ แต่กลับไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเป็นคนจินซื่อ เสียแรงเปล่าจริงๆที่เมื่อก่อนเธอชอบยกยอจินซื่อต่อหน้าของเหยียนซินหย่าอยู่เสมอว่าภูเขาก็สวยน้ำก็ดีอาหารขนมขบเคี้ยวก็ดี น่าขายหน้ามากจริงๆ!
เหยียนซินหย่าพูดยิ้มๆ ว่า “เป็นฉันเองที่ไม่ให้พี่เล็กบอกเธอ อันที่จริงแล้วฉันก็ไม่นับว่าเป็นคนจินซื่อ พ่อแม่ฉันเป็นคนอู่เจิ้น แต่พวกเขาทำงานที่จินซื่อ ฉันอยู่ที่อู่เจิ้นตั้งแต่เล็กจนโต ตอนที่เรียนมัธยมต้น พ่อแม่ฉันก็รับฉันมาที่จินซื่อ จนถึง…”
เธอหยุดชะงักลง รอยยิ้มเจือไปด้วยความเจ็บปวด เรื่องในอดีตที่แสนเจ็บปวดทำให้เธอจำใจต้องรำลึกย้อนกลับไปอย่างจนปัญญา ตรงหน้าปรากฏภาพศพของพ่อแม่ที่เสื้อผ้าอยู่ในสภาพยับยู่ยี่ พวกเขาแบกรับความอัปยศอดสูต่อไปไม่ไหวจึงปลิดชีวิตตัวเองลง
เธอรู้ว่าเพราะอะไรพวกเขาถึงฆ่าตัวตาย ตอนนั้นเธออายุสิบหกปี ตอนที่มาเก็บร่างของแม่ที่เสียไป เธอก็รู้ว่าทำไมแม่ของเธอถึงเลือกที่จะฆ่าตัวตาย!
พวกเขามันไม่ใช่คน เป็นสัตว์เดรัจฉาน!
เหยียนซินหย่าเริ่มหายใจถี่ขึ้นมา เจ็บหน้าอกจนยืนได้ไม่มั่นคง
“ซินหย่า หายใจเข้าออกลึกๆ พร้อมกับผม อย่าไปคิดถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้วอีกเลย!”
จ้าวอิงหัวรีบโอบกอดภรรยาไว้ ตบหลังของเธอเบาๆ ใบหน้าที่หล่อเหลามีความกังวลอยู่ลึกๆ ถ้าหากไม่ใช่เพราะหมอแผนกนรีเวชที่มีฝีมือคนนั้น เขาไม่มีทางที่จะพาภรรยากลับมาที่จินซื่ออย่างแน่นอน
สิ่งที่สถานที่แห่งนี้ให้กับภรรยาของเขา เป็นเพียงแค่ความเจ็บปวดทุกข์ทรมาน!
จัาวอิงหนานตะลึงงันเหมือนกัน เธอนึกไม่ถึงเลยว่าสุขภาพร่างกายของเหยียนซินหย่าจะอ่อนแอขนาดนี้ มิน่าล่ะพี่เล็กถึงไม่ยอมรอจนถึงฤดูใบไม้ผลิ รั้นจะมารักษาอาการป่วยตอนนี้ให้ได้!
เธอก็เข้าใจว่าทำไมหลายปีมานี้เหยียนซินหย่าถึงไม่พูดถึงบ้านเดิมของพ่อแม่เลยแม้แต่คำเดียว น่าจะเป็นช่วงเวลาที่ทุกข์ระทมเกินจะทานทนไหวอย่างแน่นอน!
ภายใต้การปลอบใจของจ้าวอิงหัว สีหน้าของเหยียนซินหย่าก็ค่อยๆ กลับมาเป็นปกติ เธอหันไปยิ้มให้สามีจ้าวอิงหัวที่เป็นห่วงเธอ พูดเสียงนุ่มนวลอ่อนโยนว่า “ฉันไม่เป็นอะไร แค่หายใจไม่ทันอยู่ครู่หนึ่ง ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้วล่ะ”
ทุกคนเลี่ยงหัวข้อสนทนาเมื่อครู่โดยไม่ได้นัดหมาย จ้าวอิงหนานตั้งใจพูดถึงอู่เหมยขึ้นมา เธอดูออกว่าเหยียนซินหย่าชอบเรื่องที่เธอพูดถึงเหมยเหมย
“ลูกสาวบุญธรรมของฉันเนี่ยโดดเด่นอย่าบอกใคร นอกจากหน้าตาดีแล้ว วาดรูปก็เก่ง เต้นรำก็สุดยอดเป็นที่หนึ่ง อีกทั้งรอเข้าช่วงฤดูใบไม้ผลิก็จะเป็นตัวแทนกลุ่มเยาวชนของจินซื่อเข้าร่วมการแข่งขันระดับประเทศที่เมืองหลวง เด็กน้อยคนนี้ยุ่งเสียยิ่งกว่าประธานาธิบดีของประเทศเสียอีก ฉันอยากจะพบเธอก็ยังไม่ได้เจอเลย!”
จ้าวอิงหนานบ่นครึ่งหนึ่ง พูดโม้อีกครึ่งหนึ่ง เหยียนซินหย่าได้ฟังก็ค่อยๆ ยิ้มขึ้นมา ยิ่งรู้สึกอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับอู่เหมยมากยิ่งขึ้น
“สาวน้อยคนนี้ตอนนี้ทำไมถึงได้เก่งไปหมดขนาดนี้นะ เพิ่งจะสิบสองขวบเอง หัวสมองเล็กๆ ทำไมถึงได้บรรจุอะไรได้เยอะมากมายลงไปได้มากขนาดนี้!” เหยียนซินหย่าชื่นชมไม่หยุด
หางตาของเธอมองไปที่เด็กผู้ชายที่โตแล้วอย่างสยงมู่มู่ ก็ใจอ่อนขึ้นมา ยิ้มแล้วพูดอีกว่า “ยังมีสยงมู่มู่ของพวกเราที่เก่งยิ่งกว่า อิงหนาน เธอช่างมีโชคมีวาสนาจริงๆ ลูกชายที่ให้กำเนิดก็มีพรสวรรค์ ลูกสาวบุญธรรมก็เก่งขนาดนี้”
สยงมู่มู่ที่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในตอนนี้จึงค่อยๆ ยิ้มออกมาได้ เพราะคุณป้าเล็กมีศิลปะในการพูด ไม่เหมือนแม่ของตัวเอง ไม่มีศิลปะการพูดเลยสักนิด!
เหอะ!
…………………………………………..
ตอนที่ 484 ลูกสาวของเหยียนตานชิง
สุขภาพร่างกายของเหยียนซินหย่าอ่อนแอมากจริงๆ เธอเพิ่งจะกินข้าวก็ขึ้นเตียงไปพักผ่อนแล้ว สองพี่น้องจ้าวอิงหนานนั่งอยู่ที่ห้องรับแขกพูดคุยกันเสียงเบาๆ ไม่ได้พบหน้ากันมาหลายปี จ้าวอิงหนานมีเรื่องราวมากมายที่อยากจะเล่าให้ฟัง
“พี่ชายเล็ก สุขภาพของพี่สะใภ้เล็กเป็นยังไงบ้าง? ฉันมองยังไงก็ไม่ค่อยดีเลย!” หน้าของจ้าวอิงหนานมีความกังวลใจอยู่
ต่อหน้าน้องสาวของตัวเอง จ้าวอิงหัวก็สลัดคราบความสุขุมเยือกเย็นที่ควบคุมเอาไว้ออกไป ใบหน้าปรากฎความหวาดกลัวและความกลัดกลุ้มอยู่ลึกๆ ออกมา ถอนหายใจพูดว่า “คุณหมอทุกคนต่างก็พูดว่าพี่สะใภ้เล็กของเธอเป็นไข้ใจ ไม่มียารักษาต่อให้เป็นยาวิเศษก็รักษาไม่ได้ ครั้งนี้ที่พี่พาพี่สะใภ้เล็กของเธอกลับมา หนึ่งก็คือมาหาหมอ สองก็คือหนามยอกเอาหนามบ่ง อยากจะให้พี่สะใภ้เล็กของเธอเผชิญหน้ากับความเป็นจริง มีสติและตื่นจากเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมา เพียงแต่หวังว่ามันจะได้ผล!”
ลูกสาวไปสวรรค์แล้ว ไม่สามารถกลับมาได้อีก แต่คนที่ยังมีชีวิตอยู่ยังต้องดำเนินชีวิตต่อไป!”
เขารู้ว่าที่ภรรยาเจ็บปวดเศร้าใจนั้นไม่ใช่แค่เพียงเพราะลูกสาว ความทุกข์ยากลำบากที่ผ่านมามากมาย ทำลายความปรารถนาในการดำเนินชีวิตของเธอ ดังนั้นเธอถึงได้อ่อนแอไม่มีแรงลงไปทุกๆ วัน จนไม่มีอะไรมากไปกว่าไม่คิดอยากจะมีชีวิตต่อไปแล้ว!
แต่เขาไม่ยินยอม เขาเป็นคนเห็นแก่ตัวคนหนึ่ง!
ต่อให้โลกใบนี้มีความทุกข์ยากลำบากมากมายขนาดไหน เขาก็อยากจะดึงภรรยาเขาไว้รับความทุกข์ไปด้วยกันกับเขา!
ถ้าหากไม่มีภรรยาอยู่เป็นเพื่อน เขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะยังอยู่ต่อไปได้ไหม!
จ้าวอิงหนานก็ถอนหายใจ คนภายนอกรู้แค่เพียงความยิ่งใหญ่ความเจริญความมั่งคั่ง แต่กลับไม่รู้ถึงเบื้องหลังของความยิ่งใหญ่ความเจริญนี้ว่าต้องแลกมาด้วยเลือดและน้ำตา!
“พี่สะใภ้เล็กจะต้องดีขึ้นมาแน่ๆ เธอรักพี่กับเสวียหลินขนาดนี้ จะใจแข็งทิ้งพวกพี่ลงได้ยังไง พี่เล็กพี่จะต้องเข้มแข็งขึ้นมาให้ได้นะ!”
จ้าวอิงหัวลูบใบหน้า พูดอย่างหนักแน่นว่า “ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีอะไร ฉันจะต้องทำให้เหยียนซินหย่าดีขึ้นมาให้ได้!”
จ้างอิงหนานรู้สึกอยากรู้เกี่ยวกับครอบครัวของเหยียนซินหย่า เมื่อสักครู่อยู่ต่อหน้าเหยียนซินหย่าถามไปคงไม่ดี แต่ตอนนี้ก็ไม่ต้องกังวลแล้ว
จ้าวอิงหัวถอนหายใจอีกครั้ง ยิ้มเจื่อนๆพูดว่า “พ่อของซินหย่าชื่อเหยียนตานชิง เธอคงจะเคยได้ยินเกี่ยวกับเขามาบ้าง!”
จ้าวอิงหนานเบิกตาโต มองจ้าวอิงหัวอย่างตกใจ แน่นอนว่าเธอรู้จัก รู้จักมากๆ!
เหยียนตานชิงเป็นปรมาจารย์ด้านภาพวาดจีนที่โดดเด่นมีชื่อเสียงในยุคปัจจุบัน อีกทั้งเขายังเป็นนักแปล นักดนตรี และนักเขียนนักประพันธ์ที่มีขื่อเสียงเป็นที่รู้จัก ไม่เพียงแค่นั้น เหยียนตานชิงยังเป็นผู้ก่อตั้งสำนัก ที่มีชื่อว่า ‘สำนักเหยียน’ ขึ้นมาอีกด้วย
ภาพวาดของสำนักเหยียนนั้นเหมือนกับภาพวาดจีนทั้งยังเหมือนกันกับภาพการ์ตูน ดูๆ แล้วเหมือนวาดเส้นแค่เพียงน้อยๆ ง่ายๆ ไม่ซับซ้อนมาก แต่ถ้าดูดีๆ กลับมีอะไรโดดเด่นสะดุดตาสะกิดใจให้จดจำ
เพียงแต่เสียดายปรมาจารย์ที่ทั้งเก่งทั้งยอดเยี่ยมคนนี้ ยี่สิบปีก่อนโดนใส่ร้ายทำให้โดนลงโทษข้อหากบฏขายชาติ อยู่ในคุกรับความอัปยศไม่ไหว ก็เลยฆ่าตัวตาย ภรรยาของเขาผู้เป็นนักเต้นที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่ง ได้ตายก่อนเขาไปครึ่งเดือนก่อนหน้านั้นแล้ว
จ้าวอิงหนานคาดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าพี่สะใภ้เล็กของตัวเองเป็นลูกสาวของเหยียนตานชิง!
จ้าวอิงหัวกำชับว่า “วันหลังเธออย่าพูดถึงพ่อแม่ของซินหย่าต่อหน้าของซินหย่า พ่อตาแม่ยายของพี่ พวกเขาเสียชีวิตได้น่าสงสารมาก อีกทั้งงานศพก็เป็นเหยียนซินหย่าเพียงคนเดียวที่จัดการ ในตอนนั้นเธออายุแค่สิบหกปี ไม่มีใครช่วยเหลือเธอสักคน ในเวลาเดียวกันกับตอนที่เกิดเรื่องคุณปู่คุณย่าของเธอก็จากไปอีก เธอก็เป็นคนที่จัดการกับร่างของพวกเขา นี่เป็นความเจ็บปวดทุกข์ทรมานที่อยู่ในใจของเธอมาตลอด”
จ้าวอิงหนานได้ฟังก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างสุดจะทน เมื่อก่อนเธอยังรู้สึกว่าพี่สะใภ้เล็กของเธอจะว่าดีก็ดี ติดแค่อ่อนแอไปหน่อย แต่ตอนนี้ดูแล้ว ไม่ใช่เหยียนซินหย่าไม่เข้มแข็ง!
ในชีวิตคนมีเรื่องที่เจ็บปวดที่สุดอยู่สามเรื่อง กำพร้าตั้งแต่เด็ก เสียลูกตอนวัยหนุ่มสาว วัยกลางคนเสียภรรยา!
เหยียนซินหย่าได้ครองสองอย่างในนั้น เธอจะต้องรับความเจ็บปวดเสียใจมากมายแค่ไหนกัน!
ไม่รู้จริงๆ ว่าตอนนั้นที่ฝูงชนต่อต้าน ญาติมิตรหลีกหนี เหยียนซินหย่าที่อายุแค่สิบหกยืนหยัดมาได้ยังไงกัน?
เธอหวังว่าเหยียนซินหย่าจะสามารถดีขึ้นได้ในเร็ววัน เธอไม่ยินดีที่จะเห็นพี่ชายคนเล็กของเธอต้องได้รับความเจ็บปวดกับ ‘วัยกลางคนเสียภรรยา’ แบบนั้น และยิ่งไม่ยินดีที่จะเห็นหลานชายจ้าวเสวียหลินต้องกำพร้าแม่ตั้งแต่ยังเด็ก!
ครอบครัวเดียวกันอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาถึงจะดีสิ!
…………………………………………..