ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 485 คนสำคัญที่จะต้องได้รับการปกป้องจากคนทั้งบ้าน + ตอนที่ 486 เหอปี้อวิ๋นจนตรอก
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- ตอนที่ 485 คนสำคัญที่จะต้องได้รับการปกป้องจากคนทั้งบ้าน + ตอนที่ 486 เหอปี้อวิ๋นจนตรอก
ตอนที่ 485 คนสำคัญที่จะต้องได้รับการปกป้องจากคนทั้งบ้าน
อู่เหมยกับอู่เชาออกจากคณะวัฒนธรรมกลับจินต้าด้วยกัน นับตั้งแต่หลังจากที่เหอปี้อวิ๋นทุบหัวอู่เยวี่ยจนได้รับบาดเจ็บนั้น อู่เยวี่ยก็โดนคุณย่ารับไปอยู่ด้วย คุณย่าท่านไม่ไหวใจเหอปี้อวิ๋น อันที่จริงเธอเชื่อจริงๆ ว่าเหอปี้อวิ๋นเป็นโรคประสาท
คนดีๆ ที่ไหนจะสามารถลงมือกับสามีกับลูกสาวได้รุนแรงโหดเหี้ยมขนาดนั้น?
อีกทั้งหากเหอปี้อวิ๋นเป็นโรคประสาทจริงๆ ก็เป็นผลดีต่ออู่เจิ้งซือ เธอก็ไม่ค่อยพอใจภรรยาของลูกชายตั้งนานแล้ว ก็ฉวยโอกาสที่เหอปี้อวิ๋นเป็นโรคประสาทหย่าไปเสียเลย เธอจะจัดการหาลูกสะใภ้มีการศึกษาดีฉลาดมีปัญญาเพียบพร้อมในทุกๆ ด้านมีความสามารถมาให้ลูกชาย เก่งกว่าดีกว่าเหอปี้อวิ๋นเป็นร้อยเท้า!
คุณปู่อู่เดิมทีจะให้อู่เจิ้งซือระงับอารมณ์และคำพูดเอาไว้ก่อน รอให้เหอปี้อวิ๋นสงบ พอเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิค่อยพูดเรื่องหย่า แต่คุณย่ากลับไม่ยินยอม เธอเป็นห่วงความปลอดภัยของลูกชายแล้วก็หลานสาว
อยู่กับคนเป็นโรคประสาทตั้งแต่เช้ายันเย็น ถ้าหากว่ากลางดึก ดึกๆ ดื่นๆ เกิดบ้าคลั่งขึ้นมา เรียกฟ้าก็ไม่มีใครได้ยินเรียกดินก็ไม่ได้ผล ข้างกายของอู่เจิ้งซือกับอู่เยวี่ยแม้กระทั่งคนช่วยเหลือสักคนก็ไม่มี!
ที่คุณย่ากังวลก็ถือว่ามีเหตุผล จนถึงตอนนี้ คนในตระกูลอู่ต่างก็เชื่อว่าเหอปี้อวิ๋นจิตมีปัญหา อาจจะไม่หนักเท่าที่คุณย่าพูด แต่ก็ไม่ปกติแน่นอน
ย่อมเชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นจริงมากกว่าจะเชื่อว่าว่ามันจะไม่เกิดขึ้น!
อู่เจิ้งซือยิ่งคิดก็ยิ่งกลัว เขาไม่กล้าที่จะอยู่ร่วมห้องเดียวกับเหอปี้อวิ๋นแล้ว ถ้าหากว่ากลางดึกเอาที่ทับกระดาษมาทุบหัวเขาอีก เขาคงจะนอนตายตาไม่หลับจริงๆ!
อีกอย่างต่อให้เขาไม่อยากไล่เหอปี้อวิ๋นออกไป เหล่าเพื่อนบ้านที่ได้รับความหวาดกลัว โดยเฉพาะพวกอาจารย์ที่มีลูกอยู่ในบ้าน ต่างก็แห่ไปร้องทุกข์กับผู้อำนวยการกันยกใหญ่ ร้องขอให้เหอปี้อวิ๋นออกจากอาคารอีจงไปซะ ไม่สนว่าเหอปี้อวิ๋นจะไปที่ไหน ถึงอย่างไรก็ให้อยู่ที่อีจงไม่ได้
พวกเขาไม่กล้าที่จะอยู่ด้วยกันกับคนที่เป็นโรคประสาท!
พอได้รับความกดดันมาเรื่อยๆ อู่เจิ้งซือที่เดิมทีที่ยังลังเล วันต่อมาก็บังคับสั่งให้เหอปี้อวิ๋นกลับบ้านพ่อแม่ ถึงแม้ว่าเหอปี้อวิ๋นจะร้องไห้โวยวายด้วยความไม่เต็มใจ แต่เพราะผู้อำนวยการออกหน้าพูดแล้ว คงทำตามใจของเธอไม่ได้!
เหอปี้อวิ๋นที่แสดงท่าทีไม่เต็มใจที่จะกลับไป ทำได้แค่เพียงจัดการเก็บเสื้อผ้าสองสามตัว กลับบ้านพ่อแม่อย่างหน้าตาดูไม่ได้ ก่อนจะไปเธอร้องไห้สะอึกสะอื้นยอมรับผิดต่อหน้าอู่เจิ้งซือ ยังบอกให้เขารีบไปรับเธอกลับมาเพื่อฉลองตรุษจีนด้วยกัน
เพื่อให้เธอไปอย่างไม่โวยวายไม่ก่อเรื่อง อู่เจิ้งซือก็เลยรับปากเธอไปสองสามประโยคอย่างขอไปที เหอปี้อวิ๋นเชื่อไปแล้วว่าจริง เลยไม่ได้ร้องไห้โวยวายอีก
ถึงแม้ว่าเหอปี้อวิ๋นจะไม่อยู่บ้านนี้แล้ว แต่อู่เจิ้งซือก็ไม่คิดที่จะอยู่ในบ้าน หนึ่งคือไม่มีคนทำอาหาร สองคือเขาไม่อยากเห็นเพื่อนบ้านที่ทำท่าทางโบกไม้โบกมือซุบซิบ ก็ถือโอกาสไม่ต้องเห็นเลยจะดีกว่า คนในบ้านหลังนี้เลยย้ายกลับไปอยู่ที่บ้านของคุณปู่อู่ด้วยกัน
แน่นอนว่าอู่เหมยก็ต้องไปอยู่ด้วย ถึงแม้ว่าเธอจะยินดีมากกว่าถ้าได้อยู่ที่บ้านเล็กๆ ของตัวเอง แต่อู่เจิ้งซือคงจะไม่อนุญาตให้เธออยู่บ้านคนเดียวอย่างแน่นอน อีกทั้งคุณปู่อู่ก็คงจะไม่เห็นด้วย
ใครใช้ให้เธอเป็นคนสำคัญที่จะต้องได้รับการปกป้องจากคนทั้งบ้านในตอนนี้กันล่ะ!
การดูแลปรนนิบัติในบ้านคงไม่ต้องดีมากก็ได้!
อู่เหมยเดินไปอย่างไม่พอใจ เดินไปสามก้าวก็หยุด ไม่เต็มใจเลยสักนิด อู่เชามองจนโมโห พูดเร่งรัดว่า “เธอรีบๆ เถอะ เดินช้าๆ ทำอะไร ถ้ายังไม่รีบอีกก็จะขึ้นรถเมล์ไม่ทันเวลาเหมือนเมื่อวานอีกหรอก!”
“เออ!”
อู่เหมยตอบกลับไปอย่ากลัดกลุ้ม เดินเร็วขึ้นมาหน่อย แต่ก็แค่เพียงเปลี่ยนจากหอยทากมาเป็นเต่าแค่นั้นเอง อู่เชาทั้งโมโหทั้งไม่พอใจ พูดด้วยความแค้นใจว่า “เธออย่าเหลวไหลไม่มีเหตุผลมากจนเกินไปสิ คุณปู่คุณย่ายังดีกับเธอไม่พออีกหรอ เมื่อวานน่องสองน่องนั้นก็ให้เธอกินไปทั้งหมด ยังมีปลาจวดเหลืองเมื่อวันก่อน ลงไปอยู่ในท้องของเธอมากกว่าครึ่งตัว……”
เด็กอ้วนน้อยหยิบยกข้อเท็จจริงขึ้นมาต่อว่าอู่เหมยทีละข้อ อิจฉาจนตัวจะบินขึ้นถึงฟ้าอยู่แล้ว ตอนนี้ในบ้านอู่เหมยคือที่หนึ่ง แม้กระทั่งเขายังหลุดออกจากตำแหน่งเลย!
…………………………………………..
ตอนที่ 486 เหอปี้อวิ๋นจนตรอก
อู่เชายิ่งคิดก็ยิ่งโมโห ของอร่อยเยอะแยะขนาดนั้น เมื่อก่อนเป็นเขาที่ได้รับมันทั้งหมด ขนาดอู่เยวี่ยยังต้องยอมให้เขาเลย แต่ตอนนี้คนที่ได้รับดันกลายเป็นยัยเด็กนี้หมดเลย ของดีขนาดนั้นยังทำตัวไม่มีเหตุผลอีก ทำเอาเขาโมโหแทบตาย!
อู่เหมยกรอกตามองบนใส่เขา “มีอันไหนที่อร่อยแล้วฉันไม่แบ่งให้นายไหม? ก็แค่ปลาจวดเหลืองเมื่อวันก่อนที่ฉันกินเยอะไปสองสามคำ นายยังจำมาจนถึงตอนนี้ จิตใจนายเล็กกว่าปลายเข็มหมุดซะอีก ตาบอดเหรอ นายอวบอ้วนไปทั่งร่างแล้วเนี่ย!”
อู่เชาลูบจมูกเขินเก้อเขิน หน้าอ้วนกลมแดงก่ำขึ้นมา รู้สึกอับอายที่ตัวเองจิตใจคับแคบ!
ลูกพี่ลูกน้องคนนี้ถือว่าดีต่อเขาไม่เลวเลยจริงๆ สองสามวันมานี้เขาไม่ได้จะผอมลง เอวยังขยายขึ้นมาอีกหนึ่งนิ้ว!
“ได้ๆๆ เป็นฉันที่พูดผิดเอง เธอเร็วหน่อย ไม่อย่างนั้นจะไม่ทันขึ้นรถเมล์จริงๆ แล้วนะ!”
รถเมล์คันหนึ่งค่อยๆ ขับเข้ามาช้าๆ อู่เชาตาเป็นประกาย หมุนร่างอวบอ้วนออกแรงวิ่งไป อู่เหมยที่อยู่ด้านหลังเขาแต่เพียงครู่เดียวก็วิ่งมาถึงข้างหน้าเขาแล้ว กระโดดขึ้นไปบนรถเมล์หันมาโบกไม้โบกมือให้เขา
เมื่อกี้อู่เชามีความทุกข์ละอายใจพุ่งขึ้นมาในใจ จนรู้สึกอยากจะหายตัวไป!
แต่ยัยเด็กสมควรตายนี่ก็ไม่รู้จักดึงเขาสักหน่อย น่ารังเกียจไม่สำนึกบุญคุณ ตอนเย็นจะไม่แบ่งเกี๊ยวให้กินเลยแน่นอน!
มีเหตุผลที่อู่เหมยอารมณ์ไม่ดี เป็นเพราะเธอไม่ได้เห็นเหยียนหมิงซุ่นมาหลายวันแล้ว ครั้งที่แล้วเธอหาเวลาว่างกลับไปอีจง ไปตระกูลเหยียนไปหาเหยียนหมิงซุ่น แต่คุณยายหยางบอกว่าเขากลับบ้านเกิดของแม่ไปแล้ว ต้องรออยู่หลายวันถึงจะกลับมา
คิดๆ ไปแล้วเธอกับเหยียนหมิงซุ่นก็เจอหน้ากันครั้งล่าสุดคือตอนที่เกิดเรื่องวันนั้น เหยียนหมิงซุ่นเป็นห่วงเธอ กลางดึกก็ปีนกำแพงมาดูเธอ คุยเรื่อยเปื่อยกับเธอสักพัก ไม่เห็นจะพูดว่าจะไปบ้านแม่ พูดแค่เพียงว่าผ่านไปไม่กี่วันจะพาเธอไปหาหมอฟัน แถมยังยึดลูกอมของเธอไปอีกด้วย
บอกว่าฉิวฉิวไม่อยู่ ไม่อนุญาตให้ตัวเธอมีลูกอมเก็บไว้!
อู่เหมยย่นจมูก ในใจรู้สึกหวานล้ำ เธอชอบที่มีคนมาเอาใจใส่แบบนี้ มีคนเต็มใจที่จะเอาใจใส่เธอ ก็แสดงให้เห็นว่าคนๆ นี้แคร์เธออยู่!
เมื่อก่อนอู่เจิ้งซือไม่สนใจไม่เหลียวแลเธอ เวลาเห็นก็ทำเหมือนมองไม่เห็น เหอปี้อวิ๋นมีแค่เพียงตอนที่อารมณ์ไม่ดีถึงจะนึกถึงเธอขึ้นมา ทั้งหมดก็เป็นเพราะแค่พวกเขาไม่ได้สนใจเธอ!
ดังนั้นก็เลยไม่เอาใจใส่เธอเช่นกัน!
อู่เหมยยังคิดถึงฉิวฉิวด้วย เมื่อไม่กี่วันก่อนเธอไปถนนฮวายไห่รอบหนึ่ง ฉิวฉิวยังนอนอยู่บนเตียง มองดูแล้วเหมือนจะตัวโตขึ้นแล้วนิดหน่อย ขนก็อ่อนนุ่ม มีเพียงแค่ยังไม่ตื่นขึ้นมา
ครั้งนี้เวลาที่ฉิวฉิวนอนนั้นยาวนานกว่าครั้งแรกเป็นอย่างมาก ไม่มีเจ้าหนุ่มน้อยคอยอยู่เป็นเพื่อน เหยียนหมืงซุ่นก็มาหาไม่เจออีก อารมณ์ของอู่เหมยทำยังไงก็ไม่ดีขึ้นมา
“อาสะใภ้รองทำไมถึงยืนอยู่หน้าประตูได้ล่ะ?”
สองคนลงจากรถก็เดินไปบริเวณจินต้า จินต้าในช่วงปิดเทอมฤดูหนาวทั้งหนาวแล้วก็เงียบสงัด อู่เชาสายตาแหลมคม เห็นเหอปี้อวิ๋นที่เดินไปเดินมาอยู่ที่หน้าประตูตระกูลอู่แต่ไกลๆ
เหอปี้อวิ๋นที่ไม่ได้เจอหลายวันมองแล้วดูซีดเซียวเป็นอย่างมาก ไม่เหมือนแต่ก่อนที่หน้าตาสดใส ไหนจะรอยย่นที่หางตาที่ปรากฏออกมา ยังมีผมเผ่าที่ยุ่งเหยิง เสื้อผ้าที่ไม่พอดีกับตัว บ่งบอกอย่างเห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนี้ผ่านคืนวันมาได้ไม่ดีเลยแม้แต่น้อย!
“เหมยเหมย เสี่ยวเชา พวกเธอกลับมากันแล้วหรอ?”
เหอปี้อวิ๋นที่โดนคุณย่าอู่ล็อคประตูใส่ไม่ให้พบหน้า เดินไปทางพวกอู่เหมยอย่างดีใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเอาใจ สุภาพนุ่มนวลกับอู่เหมยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เพิ่งไปอยู่ที่บ้านพ่อแม่ยังไม่ถึงสามวัน น้องสะใภ้ก็เริ่มที่จะพูดจาแดกดันแล้ว ถึงแม้น้องชายจะไม่พูดอะไรแต่ก็ไม่ได้ช่วยพูดให้เธอ คุณแม่ก็ด่าเธอตั้งแต่เช้าจนค่ำ บอกให้เธอรีบคิดหาวิธีกลับตระกูลอู่ ยังพูดอีกว่าให้อยู่ถึงแค่วันที่ยี่สิบเก้าเท่านั้น พอถึงวันที่สามสิบวันนั้นจะต้องกลับไปบ้านตระกูลอู่ ไม่อย่างนั้นก็ไปนอนข้างถนน!
เหอปี้อวิ๋นรู้ดีว่าแม่ที่ไร้ความปราณีของตนเองนั้นทำได้อย่างที่พูดจริงๆ พอมองเห็นว่าวันนี้เป็นวันที่ยี่สิบเจ็ดแล้ว แต่อู่เจิ้งซือยังไม่มาปรากฏตัวให้เห็น เหอปี้อวิ๋นไหนเลยจะทนไหว จึงรีบรุดมาเยี่ยมถึงที่บ้านด้วยตัวเอง!
…………………………………………..