ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 489 วางแผนไว้ล่วงหน้า + ตอนที่ 490 เหยียบซ้ำอีกครั้ง
ตอนที่ 489 วางแผนไว้ล่วงหน้า
เหอปี้อวิ๋นมองรอยถลอกสีน้ำตาลเท่าเหรียญบนหน้าผากของอู่เยวี่ย ทั้งเจ็บปวดใจทั้งเสียใจและโกรธเกลียดตัวเอง เธอก้าวไปข้างหน้าหลายก้าว ยื่นมือออกไปคิดจะลูบบาดแผลของอู่เยวี่ย
อู่เยวี่ยกลับก้าวถอยหลังไปหลายก้าว รักษาระยะห่างจากเหอปี้อวิ๋นเอาไว้ การกระทำของเธอทำให้เหอปี้อวิ๋นเจ็บปวดอีกครั้ง มองอู่เยวี่ยอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา
ไม่ได้เจอกันแค่ไม่กี่วัน ทำไมเยวี่ยเยวี่ยกลับทำเหมือนเธอเป็นคนอื่นไกลไปแล้วล่ะ?
อันที่จริงแล้วในใจของอู่เยวี่ยก็รู้สึกไม่ดี เธอยังมีความรักความผูกพันกับเหอปี้อวิ๋นอยู่ ถึงอย่างไรตั้งแต่เล็กแม่ก็รักและห่วงใยเธอเหมือนกับแก้วตาดวงใจ เธอก็ไม่ใช่คนเลือดเย็นเหี้ยมโหดอะไร
แต่ใครให้เหอปี้อวิ๋นยอมเป็นผู้แพ้ขนาดนั้นล่ะ!
ไพ่ดีๆ โดนเธอเล่นมั่วซั่วเละเทะไปหมดแล้ว แถมยังทำให้เธอต้องติดร่างแหตกเป็นที่ต้องสงสัยว่าเป็นโรคประสาทด้วยอีก ยังไม่รู้ว่าวันหน้าจะต้องเปลืองสมองเท่าไรถึงจะล้างข้อกล่าวหานี้ออกไปได้อย่างสะอาด!
เวลาสั้นๆ แค่ครึ่งปีอู่เยวี่ยก็พาตัวเองไปอยู่ในสังคมที่หัวสูงได้เป็นอย่างดี ไม่ใช่สาวน้อยที่มีความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาอยู่บ้างเหมือนแต่ก่อน เธอรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ตัวเองต้องการที่สุด
ถึงแม้ว่าเหอปี้อวิ๋นจะดีต่อเธอ แต่สำหรับเธอไม่ได้มีประโยชน์เลยแม้แต่นิดเดียว จนถึงกับยังทำให้ตัวเองเดือดร้อนอีก ตระกูลเหอยิ่งไม่ต้องหวัง แรงจะให้ช่วยแม้สักนิดก็ไม่มี
ตระกูลอู่กลับไม่เหมือนกัน ขอเพียงแค่เธอเป็นเด็กดีเชื่อฟัง ทำตัวดีๆ หน่อย คุณปู่คุณลุงคุณพ่อพวกเขาจะต้องดูแลใส่ใจไม่ละเลยเธออย่างแน่นอน อีกทั้งถ้าเธอมีชีวิตที่ไม่ดี ก็จะทำให้ตระกูลอู่ขายขี้หน้าแน่นอน!
ดังนั้นเพื่ออนาคตของเธอ เธอจำเป็นต้องเลือก ถ้าไม่อย่างนั้นในวันข้างหน้าตอนที่อู่เจิ้งซือหย่ากับเหอปี้อวิ๋น มีความเป็นไปได้สูงมากที่ผู้พิพากษาจะตัดสินให้อยู่กับแม่ ไปอยู่ตระกูลเหอที่บ้านนอกนั่น
ถึงแม้ว่าต่างก็อยู่ในจินซื่อเหมือนกัน แต่อีกที่หนึ่งอยู่ชานเมือง อีกที่กลับอยู่ในใจกลางเมือง สองที่เทียบกันไม่ได้อย่างสิ้นเชิง เธอจะไม่ไปอยู่ตระกูลเหออน่างแน่นอน!
ตอนนี้แม่อาจจะยังคิดไม่ได้ วันหลังแม่จะต้องเข้าใจเธอแน่นอน
อู่เยวี่ยสมแล้วที่มีสายเลือดของตระกูลอู่ ความเห็นแก่ตัวเย็นชาไม่แยแสคนอื่นสะท้อนให้เห็นอย่างเด่นชัดในตัวของเธอ เหอปี้อวิ๋นปฎิบัติต่อเธออย่างจริงใจจริงๆ เพียงแต่เสียดายความจริงใจนี้กลับมีให้กับนังจิ้งจอกเนรคุณตัวหนึ่ง
คุณย่าอู่พอใจกับท่าทางการแสดงออกของอู่เยวี่ยเป็นอย่างมาก หลานสาวคนโตรู้จักคิดเป็นที่สุด รู้ว่าใครดีกับเธอ เธอมองเหอปี้อวิ๋นอย่างรังเกียจ พูดกับคุณปู่อู่ว่า “โทรศัพท์ไปหาคนตระกูลเหอ บอกให้รับเอานังขายขี้หน้าไร้ยางอายนี่กลับไป!”
เหอปี้อวิ๋นอ้อนวอนไม่หยุด คุกเข่าลงบนพื้นอีกครั้ง แต่คนที่เธอเผชิญหน้าคือคนตระกูลอู่ คนพวกนี้จะสนใจการร้องไห้อ้อนวอนของเธอได้อย่างไรกัน?
คุณปู่อู่โทรศัพท์ไป รออยู่นานคุณตาเหอวิ่งกระหืดกระหอบมารับโทรศัพท์ บ้านตระกูลเหอไม่มีโทรศัพท์ โทรศัพท์จะสามารถโทรมาถึงแค่ตรงร้านขายของเล็กๆที่ตรอกทางเดิน ไปมาก็ใช้เวลาหลายนาที
คุณตาเหอพอได้ยินว่าครอบครัวที่ลูกสาวแต่งไปนั้นไม่มีความเกรงใจเลยแม้แต่น้อย หน้าแก่ๆก็แดงก่ำขึ้นมา เขาเป็นผู้ชายที่ขี้ขลาดอ่อนแอเห็นแก่ตัวและไม่มีความคิดเลยแม้แต่น้อย แถมยังไม่ถนัดเรื่องคำพูด ทำได้เพียงแค่ตอบไหลไปตามน้ำ ไม่กล้าโต้แย้งคุณปู่อู่แม้แต่ครึ่งประโยค
คุณปู่อู่เป็นศาตราจารย์มหาวิทยาลัยที่สง่าผ่าเผย ในสายตาของเขาก็เหมือนภูเขาสูงที่น่าเลื่อมใสที่ยังคงดำรงอยู่ก็ไม่ปาน ไหนเลยที่เขาจะใจกล้าโต้เถียงกับศาตราจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ได้ เพียงแต่เกลียดลูกสาวตัวเองที่ไม่ยอมสู้เพื่อเกียรติยศของตัวเอง วางสายอย่างบูดบึ้งกลับบ้านไป
“ใครโทรมา? เป็นพี่น้องของคุณให้ส่งเงินกลับไปให้อีกแล้วเหรอ? ฉับบอกไว้เลยนะ แม้แต่หยวนเดียวก็ไม่ให้ฝากส่งไป!”
คุณยายเหอที่เป็นห่วงลูกสาวเริ่มโมโห ชี้ไปที่ตาแก่สามีของตัวเองด่ายกใหญ่ คุณตาเหอที่กำลังหงุดหงิดจึงพูดเรื่องที่ครอบครัวฝั่งสามีให้เขาไปพาตัวเหอปี้อวิ๋นกลับบ้านพูดออกไป คุณยายเหอตะลึงไปพักใหญ่ อารมณ์โมโหก็ยิ่งเพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็ว!
ต่างก็เป็นพวกขี้แพ้ไม่มีสมองไม่มีความสามารถทั้งหมด!
ไม่มีใครมีอนาคตสักคน!
คุณยายเหอด่าออกมาอย่างรุนแรง แน่นอนว่าเธอไม่สามารถไม่สนใจลูกสาวได้จริงๆ รอลูกชายเลิกงานก็จะให้น้องชายของเหอปี้อวิ๋น เหอปี้สือขี่จักรยานรีบพาเธอเข้าไปในเมือง
เธอต้องพูดคุยเหตุผลกับตระกูลอู่ดีๆ ว่ามีสิทธิ์อะไรมาไล่ลูกสาวเธอไปเช่นนี้ !
…………………………………………..
ตอนที่ 490 เหยียบซ้ำอีกครั้ง
อู่เจิ้งซือเลิกงานกลับมาเห็นสภาพที่น่าเวทนาของเหอปี้อวิ๋น ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ ผมเผ้าที่ยุ่งเหยิง ใส่เสื้อผ้าแบบลวกๆ เหอปี้อวิ๋นในสภาพที่สกปรกไม่เป็นระเบียบ ไม่สามารถกระตุ้นความเห็นอกเห็นใจจากอู่เจิ้งซือได้เลยแม้แต่น้อย ทั้งหมดที่เขามีก็คือความรังเกียจ!
ยิ่งกลับรู้สึกเสียใจที่เมื่อก่อนเขาตามืดบอด ทำไมถึงได้ใช้ชีวิตกับคนแบบนี้ได้สิบกว่าปี?
ซินหย่าดีกว่าเธอร้อยเท่าพันเท่าหมื่นเท่า!
คนในตระกูลอู่นั่งล้อมวงกินข้าวเย็นด้วยกัน ผักจี่ไฉ่ไส้หมู ผักจี่ไฉ่บ่มเพาะในห้องที่มีอากาศอุ่น สดใหม่อ่อนนุ่ม ถึงแม้ว่ากลิ่นหอมตามธรรมชาติจะน้อยไปหน่อย แต่พอห่อออกมาเป็นเกี๊ยวก็หอมฟุ้งดูน่ากิน แม้กระทั่งอู่เหมยยังกินไปตั้งสิบกว่าชิ้น
ถึงแม้ว่าคุณย่าอู่จะไม่ใช่คนดีอะไร แต่เธอทำอาหารถือว่าใส่วัตถุดิบอย่างไม่เสียดาย ผักน้อยเนื้อเยอะๆ แน่นอนว่าเกี๊ยวก็ส่งกลิ่นหอมอร่อยมากด้วย!
เหอปี้อวิ๋นก็ได้เกี๊ยวมาชามหนึ่งจากเว่ยชิวเยวี่ย คุณปู่อู่กับอู่เจิ้งหงไม่ได้สนใจว่าเธอจะมีหรือไม่มีกินแต่อย่างใด และตอนนี้ก็ไม่ได้อยู่ข้างนอกอีกด้วย ใครจะไปอดทนเปลืองแรงกายแรงใจเพื่อภาพลักษณ์เปลืกนอกกันล่ะ
“เหมยเหมยกินเยอะหน่อย กินอิ่มถึงจะมีแรง งานกลางคืนเทศกาลตรุษจีนพรุ่งนี้พวกเราทั้งบ้านจะไปที่งานแสดงให้กำลังใจเหมยเหมยนะ”
เป็นครั้งแรกในรอบพันปีที่คุณปู่อู่คีบอาหารให้หลานๆ แสดงให้เห็นว่าสถานะของอู่เหมยสำหรับเขาสำคัญขึ้นแล้ว!
“ขอบคุณค่ะคุณปู่ หนูจะเต้นให้ดีที่สุดเพื่อนำเกียรติยศมาสู่วงศ์ตระกูลอู่ค่ะ เพียงแต่ว่า…พี่สาวไม่ต้องไปจะดีกว่า!”
อู่เหมยหยุดชะงัก ชำเลืองมองไปทางอู่เยวี่ยแวบหนึ่ง คิดว่าทำท่าทางน่าสงสารแล้วเธอก็จะออมมือให้หรือยังไง?
จะเป็นไปได้อย่างไรกัน?
ต่อให้โดนคนเป็นพันย่ำคนเป็นเป็นหมื่นเหยียบ เธอก็จะซ้ำเติมซ้ำไปอีก!
ตระกูลอู่ทุกคนต่างก็ชะงักงันกันไปหมด ไม่เข้าใจว่าทำไมอู่เหมยถึงพูดแบบนี้ แต่เว่ยชิวเยวี่ยกลับรู้ดีอยู่แก่ใจ ยิ้มเบาๆ พูดด้วยเสียงเบาให้อู่เชากินช้าลงหน่อย แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
อู่เจิ้งหงกลับไม่ฉลาดเฉียบแหลมเท่าเว่ยชิวเยวี่ย เธอโพล่งออกมาว่า “ก็ใช่น่ะสิ หากว่าเยวี่ยเยวี่ยไปแล้วเป็นบ้าอีกครั้ง ไปหว่านตะปูหรือเอาอะไรใส่ในรองเท้าของเหมยเหมย การแสดงของเหมยเหมยก็คงคว้าน้ำเหลวมาอีก ถึงตอนนั้นพวกเราตระกูลอู่คงโดนคนหัวเราะเยาะจนฟันหักจริงๆ แล้ว!”
อู่เหมยมองป้าของตัวเองอย่างชมเชย อู่เจิ้งหงที่นิสัยสำรวมขึ้นยิ่งมองยิ่งน่ารักจริงๆ ถูกชะตากว่าเหอปี้อวิ๋นเป็นไหนๆ!
อู่เยวี่ยหน้าซีดขาว อู่เจิ้งหงจิ้มไปตรงกลางความคิดด้านมืดของเธอ เธอยอมรับว่าเคยมีความคิดที่จะทำลายการแสดงในงานกลางคืนเทศกาลตรุษจีน แน่นอนว่าไม่ใช่การหว่านตะปู กลอุบายแบบเดิมเธอไม่สามารถใช้เป็นรอบที่สองได้
เธอมีวิธีการจัดการทางอื่นเป็นของตัวเอง ถึงอย่างไรก็จะไม่อนุญาตให้อู่เหมยได้โดดเด่นออกหน้าออกตาบนเวทีในงานค่ำคืนเทศกาลตรุษจีนได้อย่างเด็ดขาด!
ความอิจฉาริษยาปิดบังความจริงในหัวใจของอู่เยวี่ยไปทั้งหมด เธอคิดแค่อยากจะทำร้ายอู่เหมยให้ไม่สามารถขึ้นแสดงได้ ไม่ได้นึกถึงผลลัพธ์หากแผนการถูกเปิดโปงแม้แต่น้อย ไม่ว่าอย่างไรก็ตามอู่เจิ้งซือก็ไม่มีทางที่จะไม่สนใจไม่ดูแลเธอได้หรอก ครั้งที่แล้วตอนหว่านตะปู ก็ไม่ใช่ว่าเรื่องใหญ่กลายเป็นเรื่องเล็ก แล้วเรื่องเล็กก็กลายเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่ใช่หรอ?
อู่เยวี่ยที่ทำร้ายคนครั้งแรกกลับไม่ได้รับการลงโทษอะไร นี่ทำให้เธอกล้าเข้าไปใหญ่ เธอประเมินถึงความอดทนอดกลั้นของอู่เจิ้งซือที่มีต่อเธอได้อย่างแม่นยำ และใช้จุดนี้ให้เป็นประโยชน์อย่างเต็มที่
“คุณป้าทำไมคุณป้าถึงได้พูดแบบนี้? ครั้งที่แล้วหนูโดนครอบงำทางจิตใจทำให้ทำเรื่องไม่ดีไป พ่อก็ลงโทษหนูแล้ว อีกทั้งตอนนี้หนูก็คิดได้แล้ว เหมยเหมยสามารถขึ้นแสดงได้ ก็เป็นเกียรติยศแก่ตระกูลอู่ของพวกเรา หนูก็เป็นคนตระกูลอู่ จะทำเรื่องโง่ๆ อีกได้ยังไง?”
อู่เยวี่ยน้ำตาคลออย่างรู้สึกน้อยใจ เหอปี้อวิ๋นที่อยู่อีกด้านหนึ่งปวดใจเป็นอย่างมาก แต่ในเวลานี้เธอยังเอาตัวเองไม่รอดเลย ไหนเลยจะกล้าออกเสียง ทำได้เพียงแต่หันไปถลึงตามองอู่เจิ้งหงด้วยความโกรธ
คุณย่าอู่จ้องเขม็งไปที่ลูกสาว อู่เจิ้งหงเบะปากใส่ กินเกี๊ยวต่อ รู้สึกโกรธอยู่เต็มอกกับความลำเอียงของแม่ตัวเอง ในใจคิดอยู่ว่าหากวันไหนออกไปข้างนอกจะไปประกาศให้ทุกคนรู้เรื่องแทนอู่เยวี่ยถึงจะดี!
คุณปู่อู่ไตร่ตรองอยู่ครู่ใหญ่ ก็พูดอย่างช้าๆ ว่า “อย่างนี้แล้วกัน พรุ่งนี้เยวี่ยเยวี่ยก็อยู่ที่บ้าน ไม่อนุญาตให้ไปโรงละคร”
”ตาเฒ่า!” คุณย่าอู่ตะโกนอย่างไม่พอใจ คุณปู่โบกมือไม่อนุญาตให้เธอพูดอะไรโดยสิ้นเชิง
อู่เยวี่ยกัดริมฝีปากทำท่าฟึดฟัด ในใจเจ็บปวด แต่ทำให้เธอตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวขึ้นกว่าเดิม!
…………………………………………..