ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 495 คืนวันนี้จะไม่ได้เจออู่เหมย + ตอนที่ 496 เหมยเหมยเธอใช้ชีวิตผ่านมาไม่ค่อยดี
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- ตอนที่ 495 คืนวันนี้จะไม่ได้เจออู่เหมย + ตอนที่ 496 เหมยเหมยเธอใช้ชีวิตผ่านมาไม่ค่อยดี
ตอนที่ 495 คืนวันนี้จะไม่ได้เจออู่เหมย
คำพูดของเหยียนหมิงซุ่นยังทำให้ทุกคนชะงักอึ้งไปอีกครั้ง คราวนี้จ้าวเสวียหลินมีปฏิกิริยาตอบสนองเร็วสุด รีบร้อนถามว่า “ที่นายพูดหมายความว่ายังไง? หรือว่าเด็กน้อยที่ชื่อว่าอู่เหมยคนนี้ก็เคยฝันเห็นแม่ของฉัน?”
“ใช่แล้ว น่าจะประมาณหนึ่งเดือนก่อน เหมยเหมยเธอฝันเห็นคุณ หลังจากนั้นเธอก็ฝันซ้ำๆ อยู่หลายครั้ง” เหยียนหมิงซุ่นพูด
“นายทำไมถึงได้รู้ว่าคนที่อู่เหมยฝันถึงก็คือแม่ของฉัน? คนที่อยู่ในฝันส่วนใหญ่ใบหน้ามักจะเลือนลางไม่ชัดเจน อู่เหมยคนนี้คงจะได้ยินคุณอาและน้องชายพูดถึงรูปร่างหน้าตาของแม่ฉันก็เป็นได้ ดังนั้นเธอจึงคิดเอาเองว่าผู้หญิงคนนั้นคือแม่ของฉัน อันนี้ไม่สามารถพิสูจน์อะไรได้” จ้าวเสวียหลินพูดนิ่งๆ
แต่แท้ที่จริงแล้วในใจของเขากลับไม่ได้สงบนิ่งเหมือนที่แสดงออกมา แต่กลับเหมือนกำลังอยู่ในหม้อน้ำมันก็ไม่ปาน แต่เขาจำเป็นต้องสงบนิ่งเอาไว้ พ่อแม่เป็นคนที่อยู่ในสถานการณ์ เป็นไปได้มากที่จะรู้สึกตื่นเต้นหวั่นไหวจนตัดสินใจอะไรผิดพลาด ดังนั้นเขาจำเป็นต้องคอยซักถามคอยพูดเหตุและผลอยู่ข้างๆ
ทุกคนต่างจ้องมองไปที่เหยียนหมิงซุ่น สายตาดูร้อนรน โดยเฉพาะเหยียนซินหย่า จับมือจ้าวอิงหัวจนเส้นเลือดขึ้น เห็นได้ชัดว่าเธอตึงเครียดมากขนาดไหน
เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะเบาๆ พูดว่า “ที่นายพูดก็มีเหตุผล แต่ฉันยังมีข้อพิสูจน์ที่ยังไม่ได้พูด ผู้หญิงที่เหมยเหมยเธอฝันถึงนั้นใบหน้าไม่ได้เลือนลาง ตรงกันข้ามกลับยังขัดเจนเป็นอย่างมาก หน้าตาเหมือนแม่ของนายไม่ผิดไปเลยแม้แต่นิดเดียว”
“อาศัยแค่ลมปากพูดลอยๆ ฉันไม่สามารถเชื่อได้หรอกนะ” จ้าวเสวียหลินพูดเสียงต่ำ
“พี่ชาย เหยียนหมิงซุ่นเขาไม่มีทางโกหกหรอก” สยงมู่มู่ที่ตกใจไปพักใหญ่ในตอนนี้ได้สงบสติลงมา ได้แต่รู้สึกคาดไม่ถึง และยังมีอารมณ์โมโหนิดหน่อย
“ทำไมเหมยเหมยเธอถึงไม่เคยพูดเรื่องแบบนี้กับฉันเลยล่ะ?”
เหยียนหมิงซุ่นชำเลืองมองเขาแวบหนึ่ง ยกมุมปากพูดว่า “ก็เพราะนายเป็นแค่เด็กน้อยคนหนึ่ง”
ถ้อยคำโต้ตอบเหล่านี้มีความนัยซ่อนเร้นอยู่ เด็กน้อยอย่างนายอยู่นิ่งๆ จะไปตรงไหนก็ไป อย่ามากวนผู้ใหญ่เขาคุยกัน
สยงมู่มู่กระโดดไปมาด้วยความโมโห ถลึงตามองด้วยความโกรธ ยกกำปั้นขึ้นทันที เพียงแต่ยังไม่ต้องรอให้เขาลงมือทำ จ้าวเสวียหลินก็ตบเขาหัวทิ่มพุ่งเข้ากำแพงไป สยงมู่มู่ที่แต่ไหนแต่ไรมาฟ้าไม่กลัวดินไม่เกรง แต่กลับกลัวจ้าวเสวียหลินพี่ชายคนนี้
เพราะว่าเขาเป็นแก้วตาดวงใจของทุกคนตั้งแต่เด็ก ต่างดูแลปกป้องเขาเป็นอย่างดี กลัวว่าเขาจะล้มตรงไหนชนตรงไหน มีแค่เพียงจ้าวเสวียหลิน…
แต่ไหนแต่ไรมาตีเขาก็ไม่เคยจะออมมือเลย!
สยงมู่มู่หดตัวอยู่ที่มุมกำแพงอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม ด่าอู่เหมยอยู่ในใจไปหลายรอบ เขามีเรื่องอะไรก็จะพูดเล่าให้ยัยซื่อบื่อฟังเสมอ แต่ยัยซื่อบื่อกลับทำกับเขาได้ดีจริงๆ นึกไม่ถึงเลยว่ากล้าปิดบังเรื่องที่ใหญ่ขนาดนี้กับเขา?
มีตรงไหนที่เขาเทียบกับเหยียนหมิงซุ่นไอคนเย็นชานี่ไม่ได้บ้าง?
จ้าวเสวียหลินจ้องเขม็งจดจ่ออยู่ที่เหยียนหมิงซุ่น หน้าตาจริงจัง เหยียนหมิงซุ่นก็มองเขาเงียบๆ หนุ่มน้อยสองคนนี้ คนหนึ่งอายุสิบหกปี อีกคนอายุสิบห้าปี แต่กลับทำให้ทุกคนรู้สึกได้ถึงพลังความรุนแรงออกมาจากร่างของพวกเขา
ไม่ต่างอะไรกับผู้ใหญ่เลย!
“แน่นอนว่าฉันมีหลักฐาน ไม่อย่างนั้นฉันจะสามารถเห็นคุณน้าแค่เพียงแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นคุณน้าเหยียนได้ล่ะ? เพราะว่าเหมยเหมยเธอวาดรูปผู้หญิงที่อยู่ในฝันออกมา ผู้หญิงที่วาดออกมาหน้าตาเหมือนกับคุณน้าเหยียนไม่มีผิดไปแม้แต่นิดเดียว”
“ภาพวาดอยู่ที่ไหน? รีบให้ฉันดูเร็วๆ!”
เหยียนซินหย่าตัดบทเหยียนหมิงซุ่น ถลึงตาโต เต็มไปด้วยความปรารถนาที่อยากเห็นอยู่ข้างใน อีกทั้งยังมีความรู้สึกตกใจและกลัวรวมด้วย จ้าวอิงหัวในตอนนี้ก็เสียความสุขุมเยือกเย็นที่มีอยู่ไปด้วยเหมือนกัน
เด็กสาวคนหนึ่งที่ใบหน้าเหมือนกับภรรยาของเขาเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีอายุสิบสองปี เกิดเดือนหก และอีกอย่างยังวาดรูปเหมือนของภรรยาเขาที่เธอยังไม่เคยเจอมาก่อนอีกด้วย
ถ้าหากที่เหยียนหมิงซุ่นพูดคือความจริง ระหว่างสาวน้อยที่ชื่ออู่เหมยคนนั้นกับภรรยาเขาจะต้องมีความสัมพันธ์บางอย่างแน่นอน ความสัมพันธ์นั้นทำให้จ้าวอิงหัวจนปัญญาที่จะรักษาความสุขุมต่อไปได้
“ฉันจำได้ว่าอู่เหมยก็พักอาศัยอยู่ที่อาคารหลังนี้ใช่ไหม? อิงหนาน เรียกเธอมาที่นี่หน่อยจะได้หรือไม่ ให้พวกเราได้เจอเธอหน่อย” จ้าวอิงหัวพูด
จ้าวอิงหนานพูดอย่างลำบากใจว่า “ช่วงเวลาก่อนหน้านี้ไม่นานที่บ้านเหมยเหมยเกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อย ครอบครัวเธอทั้งครอบครัวก็เลยไปพักอยู่ที่บ้านคุณปู่คุณย่ากันหมด ไม่ได้อยู่ที่นี่ พี่ชายเล็กพี่สะใภ้เล็กไม่ต้องร้อนใจไป พรุ่งนี้พวกเราก็จะได้พบกับเหมยเหมยแล้ว”
…………………………………………..
ตอนที่ 496 เหมยเหมยเธอใช้ชีวิตผ่านมาไม่ค่อยดี
เหยียซินหย่าถามอีกครั้ง “เสี่ยวเหยียน ภาพวาดใบนั้นอยู่ที่นายไหม?”
เหยียนหมิงซุ่นส่ายหัว “ไม่ได้อยู่ที่ผม เหมยเหมยเก็บไว้ ตอนนี้เธอไม่อยู่บ้าน ผมก็หมดปัญญาที่จะเอาให้คุณดูตอนนี้ แต่ขอให้คุณเชื่อผม ผู้หญิงที่อยู่บนภาพวาดภาพนั้นหน้าเหมือนคุณอย่างกับแกะ ดังนั้นพอผมชนกับคุณ ผมถึงได้ตกใจมากขนาดนั้น”
“ฉันเชื่อนาย นายเป็นเด็กดี นายไม่โกหกฉันหรอก แต่ว่าเรื่องนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง?”
เหยียนซินหย่าได้แต่มองจ้าวอิงหัวอย่างหมดหนทาง เหยียนหมิงซุ่นพูดเรื่องพวกนี้ขึ้นมาทำให้หัวสมองของเธอสับสนวุ่นวายไปหมด จนไม่สามารถคิดพิจารณาได้ตามปกติ
จ้าวอิงหัวก็สับสนวุ่นวายไม่แพ้กัน แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนที่ได้ผ่านการฝึกฝนของทางราชการมานาน ใช้เวลาไม่นานก็สงบสติอารมณ์ลงมาได้ ตบหลังของภรรยาเบาๆ พลางพูดปลอบเสียงเบาว่า “ไม่ต้องรีบร้อน พรุ่งนี้ตอนได้เจอเด็กน้อยคนนั้นก็จะรู้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
จ้าวเสวียหลินก็ถามเหยียนหมิงซุ่นตรงๆ “นายบอกพวกเราทีว่าเรื่องเหล่านี้หมายความว่ายังไง?”
เหยียนหมิงซุ่นยิ้มน้อยๆ “ไม่มีความหมายอะไร เพียงแค่รู้สึกว่าคุณน้าเหยียนน่าจะรู้เรื่องนี้ มีคำพูดบางคำผมไม่สะดวกที่จะพูดให้มากความ พวกคุณน่าจะคิดเข้าใจได้เอง เวลาก็เย็นมากแล้ว ผมขอลา สวัสดีครับ!”
เขาลุกขึ้นแล้วก็หันไปคำนับเหยียนซินหย่าและจ้าวอิงหนาน ตรงไปทางประตู หลังจากที่เปิดประตูเขาก็หยุดชะงัก หันกลับมาพูดว่า “เมื่อสักครู่ผมลืมพูดไป เหมยเหมยมีชีวิตที่ผ่านมาไม่ดีเป็นอย่างมา ตั้งแต่เด็กเธอก็โดนเหอปี้อวิ๋นปฏิบัติอย่างโหดร้ายทารุณ ไม่เคยได้รับความรักแบบแม่ที่มีต่อลูกเลยแม้แต่น้อยนิด”
พูดจบเขาก็เดินจากไป เงยหน้ามองท้องฟ้า แสงจันทร์ค่อนข้างสว่างสวยงาม ไปหาเด็กน้อยหน่อยดีไหมนะ?
หลังจากเหยียนหมิงซุ่นกลับไปได้สักพัก ลมก็พัดผ่านเข้ามาเปิดประตูที่ไม่ได้ปิดให้ดี ลมเย็นๆพัดมาทำให้ทุกคนได้สติ หนาวสั่นจนสะดุ้งโหยง สยงมู่มู่ลุกขึ้นไปปิดประตู ทำหน้ามุ่ยเบะปากส่งเสียงบ่นว่า “ประตูก็ไม่ปิดให้ดี คนอะไร!”
ตอนที่เหยียนซินหย่าได้ยินเหยียนหมิงซุ่นพูดว่าอู่เหมยโดนเหอปี้อวิ๋นปฏิบัติอย่างโหดร้ายทารุณตั้งแต่เด็ก ใจก็เจ็บเหมือนโดนกรีดแทงจนเจ็บปวดมาก!
“อิงหนาน ที่เสี่ยวเหยียนเขาพูดมันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงได้ปฏิบัติต่อเธออย่างโหดร้ายทารุณขนาดนั้นล่ะ?” เหยียนซินหย่าถามอย่างร้อนใจ
จ้าวอิงหนานถอนหายใจ เล่าถึงสถานการณ์ของตระกูลอู่ออกมาคร่าวๆ สยงมู่มู่ที่อยู่อีกด้านเพิ่มเติมเสริมเข้าไปด้วยความแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรม โดยเฉพาะตอนที่พูดถึงเรื่องอู่เยวี่ยนำตะปูไปหว่านในรองเท้าของอู่เหมย เหยียนซินหย่าก็พุดอย่างโมโหว่า “ทำไมถึงได้มีเด็กที่ใจดำอำมหิตขนาดนี้? ทำร้ายได้แม้กระทั่งน้องสาว สมแล้วที่เป็นลูกสาวที่เหอปี้อวิ๋นเลี้ยงออกมา!”
ถึงแม้ว่าจะไม่เคยได้พบหน้า แต่เหยียนซินหย่าก็ขีดกากบาทตัวโตๆ ไว้ที่อู่เยวี่ยเรียบร้อย นำเธอไปรวมไว้เป็นคนจำพวกเดียวกับเหอปี้อวิ๋น
แต่สำหรับอู่เหมยกลับรู้สึกเห็นใจเป็นอย่างมาก ช่างเป็นเด็กที่น่าสงสารอะไรขนาดนี้ แม่แท้ๆ พี่สาวแท้ๆ เลวขนาดนี้ เธอจะต้องมีชีวิตที่ผ่านมาอย่างยากลำบากเป็นแน่?
“อู่เจิ้งซือล่ะ? เขาไม่สนใจเลยแม้แต่นิดเดียวเชียวหรือ?” จ้าวอิงหัวถามอย่างไม่เข้าใจ
จ้าวอิงหนานส่งเสียงยิ้มเยาะ พูดอย่างเหยียดหยามว่า “ผู้ชายคนนี้ทั้งเห็นแก่ตัวทั้งจอมปลอมและเลือดเย็น ไม่ใช่คนยิ่งกว่าเหอปี้อวิ๋นอีก เมื่อก่อนเหมยเหมยเรียนไม่ดีและยังไม่โดดเด่น อู่เจิ้งซือก็ทำเหมือนเธอเป็นมนุษย์ล่องหน ให้เหอปี้อวิ๋นแม่ลูกรังแกสารพัด ตอนนี้เหมยเหมยมีอนาคตอันสดใส ถึงได้ทำดีกับเธอขึ้นมาหน่อย”
“จ้าวอิงหนานเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า? อู่เจิ้งซือปฏิบัติต่อคนอื่นถือว่าไม่เลวเลยนะ เข้าใจผิดอะไรกันหรือเปล่า?”
เหยียนซินหย่าประทับใจอู่เจิ้งซืออยู่ไม่น้อย อีกทั้งยังซาบซึ้งในบุญคุณเขามากๆ ได้ยินจ้าวอิงหนานพูดแบบนี้ จึงรู้สึกว่าน่าจะมีการเข้าใจผิดกัน อู่เจิ้งซือคงไม่ใช่คนแบบที่น้องสาวสามีพูด
จ้าวอิงหนานมองเธออย่างรู้สึกแปลกใจ ทันใดนั้นก็นึกขึ้นมาได้เรื่องหนึ่งที่เมื่อก่อนอู่เหมยเคยพูดไว้ รีบถามอย่างใจเต้นว่า “พี่สะใภ้เล็ก ความสัมพันธ์ของพี่กับเหอปี้อวิ๋นไม่ดีมากเลยใช่หรือไม่?”
…………………………………………..