ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 497 ไม่เคยพบเจอกันมาก่อนแต่กลับรักและเจ็บปวดใจ + ตอนที่ 498 พรุ่งนี้จะมีเรื่องใหญ่ที่น่าประหลาดให้ดี
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- ตอนที่ 497 ไม่เคยพบเจอกันมาก่อนแต่กลับรักและเจ็บปวดใจ + ตอนที่ 498 พรุ่งนี้จะมีเรื่องใหญ่ที่น่าประหลาดให้ดี
ตอนที่ 497 ไม่เคยพบเจอกันมาก่อนแต่กลับรักและเจ็บปวดใจ
เหยียนซินหย่าขมวดคิ้วเล็กน้อย พยักหน้าหงึกหงึก “ใช่แล้ว ไม่ดีมากๆ มีเหตุผลอีกมากมาย ทำไมอิงหนานถึงได้ถามแบบนี้ล่ะ?”
“เหตุผลที่เหอปี้อวิ๋นปฏิบัติต่ออู่เหมยอย่างโหดร้ายทารุณ สาเหตุที่สำคัญมากอย่างหนึ่งเป็นเพราะเหมยเหมยหน้าตาเหมือนพี่สะใภ้เล็ก มีครั้งหนึ่งเธอทะเลาะกับอู่เจิ้งซือแล้วหลุดพูดออกมา แล้วอู่เหมยเผลอได้ยินเข้า”
จ้าวอิงหนานแค้นใจไม่หาย ทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องนี้ เขามักกลั้นอารมณ์โกรธไว้ไม่อยู่ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยพบเจอผู้หญิงคนไหนที่โรคจิตเท่าเหอปี้อวิ๋นมาก่อนเลยจริงๆ!
เหยียนซินหย่าตกใจสุดขีด เธอนึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเพราะเหตุผลนี้ไปได้ พูดถึงแล้วกลับกลายเป็นเธอนี่แหละที่ทำร้ายเด็กคนนี้!
จ้าวเสวียหลินอดสบถคำด่าออกมาไม่ได้ “ผู้หญิงคนนี้เป็นบ้าไปแล้วเหรอ?”
สยงมู่มู่กระโดดออกมา “เป็นโรคจริงๆ เป็นโรคประสาท !”
เหยียนซินหย่ามองไปทางเขาที่เหมือนไม่ได้พูดเล่น พลันรีบถามขึ้นว่าเกิดอะไรขึ้น จ้าวอิงหนานจึงเล่าเรื่องที่เหอปี้อวิ๋นจิตไม่ปกติออกมา “เป็นเพราะเรื่องนี้ ตอนนี้เหอปี้อวิ๋นเลยโดนไล่กลับบ้านแม่ตัวเอง ฉันดูจากนิสัยเห็นแก่ตัวของอู่เจิ้งซือแล้ว เกรงว่าหลังตรุษจีนคงหย่าขาดกับเหอปี้อวิ๋น เสียดายก็แต่เหมยเหมย ถือเป็นเด็กดีคนหนึ่งเลยทีเดียว ต้องมาติดร่างแหไปกับสองแม่ลูกนี่ด้วย คิดแล้วก็น่าโมโห!”
จ้าวอิงหัวพอรู้จักเหอปี้อวิ๋น ถึงแม้เขาจะไม่ค่อยชอบผู้หญิงคนนี้เท่าไหร่ แต่รู้ดีว่าเหอปี้อวิ๋นไม่ได้เป็นบ้าแน่นอน ส่วนเรื่องเห็นแก่ตัวและนิสัยดุร้ายนับว่าเป็นเรื่องจริง
เขาให้จ้าวอิงหนานเล่าเรื่องของบ้านตระกูลอู่ตั้งแต่ต้นจนจบอย่างละเอียดอีกครั้ง ถึงแม้จ้าวอิงหนานจะรู้สึกว่าประหลาดใจอยู่บ้าง แต่ก็ยังเล่าออกมา เล่าตั้งแต่ชีวิตเมื่อก่อนที่น่าสงสารของอู่เหมยจนถึงความไม่สงบของตระกูลอู่ ตลอดจนถึงเรื่องของเหอปี้อวิ๋นสองแม่ลูกที่ตอนนี้ถูกเล่าลือว่าเป็นโรคประสาทกันอย่างหนาหู โดยเล่าอย่างละเอียดทั้งหมด
จ้าวอิงหัวคิ้วกระตุก น้องสาวของตัวเองนั้นเป็นคนในเหตุการณ์ จึงมองเห็นข้อเท็จจริงได้ไม่ชัดเจนนัก รวมถึงตามที่เขาเห็นครอบครัวของอู่เจิ้งซือ ในระยะหลังมานี้ตระกูลอู่เกิดเรื่องวุ่นวายมากมาย ซึ่งเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่ที่อู่เหมยเปลี่ยนไป
เขาแทบมั่นใจเลยว่า เบื้องหลังเรื่องราวพวกนี้เด็กน้อยอู่เหมยนั่นคงออกแรงไปบ้างไม่มากก็น้อย!
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น เอาแค่เรื่องที่เหอปี้อวิ๋นกับอู่เยวี่ยเป็นโรคประสาทต้องมีความเกี่ยวข้องกับอู่เหมยแน่ๆ!
เพราะว่าตั้งแต่ต้นจนจบล้วนเป็นอู่เหมยที่ชี้นำความคิดของทุกคนอยู่
จ้าวอิงหัวลูบคาง พลันเกิดอาการอยากรู้อยากเห็นเรื่องของอู่เหมยมากขึ้นไปใหญ่ อยากเจอเด็กคนนี้เสียจริง เพิ่งจะอายุแค่สิบสองปีแต่รู้จักวางแผนการและกลอุบายเช่นนี้ขึ้นได้ เด็กคนนี้ไม่ธรรมดาเลย!
เวลานี้ตระกูลอู่กลับวุ่นวายอลม่าน เพราะคุณยายเหอแวะมา และในปีนั้นคนๆ นี้แหละที่ด่ากราดไปทั่วทั้งหมู่บ้านอย่างไม่ไว้หน้าใครแม้กระทั่งผู้ใหญ่บ้านเจอเข้ายังต้องหลบให้ พอมาถึงบ้านตระกูลอู่ก็เอาพลังร้ายกาจในปีนั้นสลัดทิ้งไปจนหมด
เธอไม่พูดอะไรทั้งนั้น พอเหยียบเข้าประตูก็โค้งคำนับสองผู้เฒ่าตระกูลอู่ด้วยความจริงใจ แล้วพูดขึ้นว่า “คุณอู่ เป็นฉันเองที่ไม่สั่งสอนลูกสาวให้ดี ทำให้พวกคุณต้องเหนื่อยใจ แต่พวกคุณวางใจได้ ฉันจะสั่งสอนนังลูกเวรเดี๋ยวนี้แหละ!”
พูดจบคุณยายเหอก็ดึงเอาไม้นวดแป้งหมี่ที่นำมาจากบ้านออกมาจากด้านหลัง ฟาดใส่เหอปี้อวิ๋นโดนไม่สนเหตุผลใด ทั้งนั้น คุณยายเหอฟาดจริงๆ ฟาดโดยไม่มีการออมมือใดทั้งสิ้น แต่ตีไปไม่กี่ทีเหอปี้อวิ๋นก็เลือดไหลรินออกมา
คุณยายเหอตีไปด่าไป ใครก็ห้ามไว้ไม่อยู่ เหอปี้อวิ๋นถูกตีจนอ่อนเปลี้ย บนหัวบนหน้าเต็มไปด้วยเลือด ต่อให้จะร้องไห้ก็ร้องไม่ออก
คนในตระกูลอู่ตกตะลึงต่อการกระทำของคุณยายเหอในครั้งนี้ พวกเขาเป็นพวกมีการศึกษา ไหนเลยจะเคยเจอคนป่าเถื่อนทำตัวเช่นนี้เล่า?
แผนของคุณยายเหอฉลาดยิ่งกว่าเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ยเสียอีก ก่อนที่เธอจะมาเธอได้คำนวณไว้เป็นอย่างดีแล้ว เหอปี้อวิ๋นห้ามหย่าอย่างเด็ดขาด ดังนั้นแทนที่จะให้ตระกูลอู่ส่งตัวกลับมา สู้เธอชิงลงมือเสียก่อนเพื่อความได้เปรียบ
ตระกูลอู่เป็นพวกรักษาหน้าตาจะตายไปคงไม่ส่งตัวเหอปี้อวิ๋นที่จะตายแหล่ไม่ตายแหล่คืนมาหรอก!
ขอแค่สามารถอยู่ต่อไปได้ เหอปี้อวิ๋นบาดเจ็บนิดหน่อยจะเป็นอะไรไป?
วิธีการบีบให้จนมุมแล้วค่อยปล่อยตัวไปของคุณยายเหอที่จริงนับว่าร้ายกาจไม่เบา คนตระกูลอู่ถูกคุณยายเหอทำให้ตกใจสุดขีด กลัวว่าเหอปี้อวิ๋นจะโดนยายแก่เสียสตินี่ตีจนตาย พวกเขาเป็นตระกูลที่คนต่างนับหน้าถือตา แล้วจะให้พวกหนูสกปรกพวกนี้มาทำลายไม่ได้ !
ด้วยเหตุนี้เหอปี้อวิ๋นที่จะตายแหล่มิตายแหล่ได้อยู่ที่นี่ต่อไป คุณยายเหอกลับบ้านไปด้วยท่าทางพออกพอใจ แต่เธอหารู้ไม่ว่า คนที่มีการศึกษาบางจำพวกถึงแม้ว่าเบื้องหน้าจะทำดีแค่ไหน แต่เบื้องลึกกลับไร้ความจริงใจเสียยิ่งกว่า
เล่ห์อุบายเหนือกว่ายายแก่บ้านนอกอย่างหล่อนเป็นหลายเท่า!
อู่เหมยกลับไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ เธอควรจะรีบพักผ่อน พรุ่งนี้ต้องแกล้งแสดงละครให้ดี ยั่วอารมณ์อู่เยวี่ยให้โมโหจนกระอักเลือดตายไปซะ
“เหมยเหมย!”
อู่เหมยเพิ่งจะล้มตัวลงนอนได้ไม่นาน จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงที่ไม่ได้ยินมาแสนนาน พลันกระโดดลงจากเตียงด้วยความดีอกดีใจ
…………………………………………..
ตอนที่ 498 พรุ่งนี้จะมีเรื่องใหญ่ที่น่าประหลาดให้ดีใจสุดๆ
นอกหน้าต่างปรากฏตัวเหยียนหมิงซุ่นที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาหลายวัน อู่เหมยเปิดบานหน้าต่างออก ในอ้อมแขนของเหยียนหมิงซุ่นกอดฉิวฉิวตัวกลมดิ๊กที่ไม่ได้เจอมาหลายวันไว้เช่นกัน
“กู่กู่”
คุณปู่ฉิวเห็นเจ้าของที่ไม่ได้เจอกันหลายวัน จึงคิดกระโจนตัวไปอยู่ในอ้อมกอดหอมๆ อุ่นๆ ของเจ้าของตัวน้อย แต่ขาหลังกลับโดนผู้ชายนิสัยไม่ดีดึงไว้ ฉิวฉิวจึงแยกเขี้ยวขู่ใส่ แล้วทำได้แค่รอให้เจ้าของโผเข้ามาหาตัวเอง
“พี่หมิงซุ่น พี่กลับมาตั้งแต่เมื่อไร?”
เหยียนหมิงซุ่นปีนข้ามหน้าต่างเข้ามาอย่างสบายๆ แล้วจู่ๆ อู่เหมยก็ก้มตัวลงมาที่แผ่นอกของเขา อุ้มตัวฉิวฉิวมาอยู่ในอ้อมกอดทั้งจูบทั้งลูบสัมผัสมัน กลิ่นตัวที่สาวน้อยคุ้นเคยลอยเตะจมูก หลายวันมานี้เหยียนหมิงซุ่นค่อนข้างกระวนกระวายใจ แต่เพียงครู่เดียวก็สามารถสงบสติอารมณ์ลงได้ เขายกมุมปากเหยียดยิ้ม ก้มหน้าลงมองดูความรักใคร่กลมเกลียวของฉิวฉิวกับอู่เหมย
เห็นเด็กน้อยคนนี้หน้าตาสดชื่นแจ่มใส ระยะนี้คงจะใช้ชีวิตได้ไม่เลวเลยทีเดียว
“มาถึงตอนกลางวัน ได้ยินคุณยายหยางบอกว่าเธอมาหาพี่ที่บ้าน ก็แวะมาหาหน่อย” เสียงของเหยียนหมิงซุ่นเบามาก ดั่งสายลมในฤดูใบไม้ผลิลอยพัดผ่าน หูของอู่เหมยแดงซ่าน
“ฉันไม่ได้มีธุระอะไรหรอก แค่ไม่ได้เจอพี่หลายวันแล้ว”
คำตอบของอู่เหมยทำให้เหยียนหมิงซุ่นใจชื้นขึ้นมา เขาเข้าใจว่าเด็กน้อยคิดถึงเขาได้อย่างอัตโนมัติ แน่นอนว่าความจริงเป็นเช่นนี้ เหยียนหมิงซุ่นยกยิ้มที่มุมปาก เขาหยิบพระหยกที่งานฝีมือละเอียดออกมาจากอกเสื้อ โบกสะบัดไปมาอยู่เบื้องหน้าอู่เหมย
“พี่ไปรับของจากทางใต้ อันนี้เธอสวมเอาไว้ก่อน วันหลังจะหาอันที่ดีกว่านี้มาเปลี่ยนให้”
อู่เหมยมองพระหยกตรงหน้าอย่างตกตะลึง ขนาดประมาณเท่าหัวแม่โป้ง พระองค์นี้ดูทรงพลังและสง่างามซึ่งพบเห็นได้ง่าย ใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม แค่เห็นก็มีความสุข ถึงแม้ว่าตัวหยกจะไม่ใช่ของดีเท่าไหร่ แต่แสงสีเขียวที่สะท้อนอ่อน ๆ ออกมาจากตัวพระ เห็นได้ชัดว่าสะสมพลังมานานหลายปี ดูมีชีวิตชีวา
“สวยมากเลย ใส่อันนี้แหละ ไม่เปลี่ยน จะไม่เปลี่ยนตลอดชีวิตเลย”
อู่เหมยลากเสียงยาวโดยไม่รู้ตัว เสียงเดิมที่หวานใสอยู่แล้วก็ยิ่งหวานหยดเยิ้มเข้าไปอีก ค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในหัวใจที่เย็นชาของเหยียนหมิงซุ่น กัดกร่อนจนละลายไปทีละนิดๆ
จนกระทั่งละลายกลายเป็นน้ำ และเป็นน้ำหวานที่หวานหยดเยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เปลี่ยน มา…พี่ใส่ให้”
อู่เหมยเงยหน้ายืดคอให้อย่างว่าง่าย เหยียนหมิงซุ่นนำพระหยกสวมห้อยคอ โดยไม่ทันระวังนิ้วไปสัมผัสเข้ากับใบหูอันนุ่มของสาวน้อย เหมือนกับต้นนางอายก็ไม่ปาน ใบหูขาวนุ่มขยับสั่น
เหยียนหมิงซุ่นคิดอยากเล่น จึงแสร้งโดนอีกครั้งโดยไม่ทันระวังชน ใบหูก็สั่นอีก แล้วก็ชนเข้าอีก แล้วก็สั่นอีก ช่างสนุกมากจริงๆ
“พี่หมิงซุ่น ใส่เสร็จหรือยัง?”
รอจนเวลาผ่านไปครู่ใหญ่เหยียนหมิงซุ่นก็ยังไม่หยุดมือ อู่เหมยอดไม่ได้ที่จะเร่งเขา เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกละอายใจเล็กน้อย จึงดึงมือกลับมา ไม่กล้าลวนลามสาวน้อยต่อไปอีก
“จะเสร็จแล้ว หัวเธอใหญ่ไปหน่อย พี่ขอขยายเชือกก่อน” อนาคตผู้นำระดับสูงพูดโกหกได้อย่างลื่นไหลด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
อู่เหมยรู้สึกอับอายขึ้นมาทันที เป็นเพราะความผิดหัวโตของเธอแท้ๆ! ด้วยความสัตย์จริง เห็นอยู่ชัดๆ ว่าใบหน้าเล็กเท่าฝ่ามือ ตามมาตรฐาน หัวจะใหญ่ไปมากกว่ากันเท่าไหนกันเชียว?
“เสร็จแล้ว!”
เหยียนหมิงซุ่นดึงมือกลับมาอย่างอ้อยอิ่ง การช่วยเด็กน้อยแขวนจี้ห้อยคอก็ถือเป็นความสำเร็จไม่น้อยทีเดียว วันหลังไปตามหาที่จี้สวยๆ มาห้อยให้ดีไหมนะ?
อู่เหมยวิ่งไปส่องหน้ากระจกอย่างชอบใจ “ดูดีมากจริงๆ ฉันจะใส่ทุกวันเลย อาบน้ำก็จะไม่ถอดออก”
เหยียนหมิงซุ่นมองสาวน้อยที่กำลังดีอกดีใจ จิตใจก็ลอยละลิ่ว และยิ่งสงสารอู่เหมยด้วยในเวลาเดียวกัน เมื่อก่อนไม่เคยมีใครให้ของขวัญเธอมาก่อน ดังนั้นพอได้รับพระหยกชิ้นเล็กๆ มาจึงเกิดอาการดีใจขนาดนั้น ช่างพอใจอะไรง่ายดายเสียจริง!
เขาไม่ได้พูดถึงเรื่องเหยียนซินหย่ากับอู่เหมย ถึงแม้ว่าความจริงจะปรากฏออกมาแล้วก็ตาม แต่ยังไม่เห็นตอผุดขึ้นมา ยังไม่บอกอู่เหมยคงจะดีกว่า เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้กระทบต่อการแสดงของเธอในวันพรุ่งนี้
“เหมยเหมย พรุ่งนี้เธอก็ตั้งใจทำการแสดงให้ดีละ พี่มีเรื่องประหลาดใจจะมอบให้เธอ!” เหยียนหมิงซุ่นพูดทั้งรอยยิ้ม
…………………………………………..