ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 499 ระวังแล้วระวังอีก + ตอนที่ 500 ป้องกันระวังตัวเอง
ตอนที่ 499 ระวังแล้วระวังอีก
อู่เหมยเงยหน้ามองเขาอย่างดีใจ ถามขึ้นว่า “เรื่องอะไรเหรอ?”
ใบหน้าของสาวน้อยส่องประกายออกมาจากใต้แสงไฟ เหยียนหมิงซุ่นไม่อาจใจแข็งพอที่จะปฏิเสธเธอได้ หลายครั้งหลายคาที่อึกอักติดอยู่บนริมฝีปาก แต่ต้องจำใจกลืนมันลงไป ในเมื่อจังหวะโอกาสยังไม่ใช่ก็ต้องใจเย็นลงก่อน
“แค่เธอตั้งใจเต้นรำให้ดี พรุ่งนี้พี่จะบอกเธอแน่นอน ตอนนี้ดึกมากแล้ว รีบไปนอนเถอะ!”
สุดท้ายเหยียนหมิงซุ่นก็ไม่ได้พูดมันออกมา ตบหัวอู่เหมยเบาๆ อู่เหมยเบะปากใส่ ในใจคันยุบยิบ อยากจะรู้จริงๆ ว่ามันคือเรื่องอะไรกันนะ เธอถามอีกหลายครั้ง ออดอ้อนหว่านล้อมทุกหนทาง แต่ปากเหยียนหมิงซุ่นยังคงปิดสนิทราวดั่งน้ำเต้า เอาแต่ยิ้มไม่พูดอะไรออกมา
“รีบนอน พรุ่งนี้พี่จะไปดูเธอแสดงที่โรงละคร”
อู่เหมยดีใจอีกครั้ง พยักหน้าหงึกหงัก เหยียนหมิงซุ่นก็กระโดดออกจากหน้าต่างไปอย่างสบายๆ หันกลับมาโบกไม้โบกมือให้อู่เหมย อู่เหมยจิ๊ปากส่งเสียงหัวเราะร่า ปิดหน้าต่าง แล้วซุกตัวเข้าไปในผ้านวมนอนหลับอย่างสบายใจ ในฝันก็ปรากฏตัวสาวสวยคนนั้นอีกครั้ง
ขยับใกล้เธอมากขึ้น ส่งรอยยิ้มเมตตาและอ่อนโยนมอบให้เธออย่าง ทั้งยังกวักมือเรียกเธอเข้าไปหา!
อู่เหมยลองก้าวเท้าเข้าไปใกล้ คาดไม่ถึงว่าครั้งนี้จะก้าวผ่านเข้าได้อย่างสบาย เธอโผเข้ากอดผู้หญิงคนนั้น เหมือนดั่งที่เธอคิดไว้ไม่มีผิด ทั้งหอมทั้งนุ่ม อบอุ่นเป็นที่สุด
“อิอิ”
อู่เหมยกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ ความฝันที่ทั้งหอมหวานและสวยงาม เธอไม่อยากตื่นขึ้นมาเลยไปตลอดชีวิต อยากจะอยู่ในอ้อมกอดของแม่ไปเรื่อยๆ ดีชะมัด !
เหยียนหมิงซุ่นปีนข้ามออกมาจากสวนหลังบ้านของบ้านตระกูลอู่ พระจันทร์เสี้ยวแขวนอยู่กลางท้องฟ้า สวยงามจับใจ ทัศนียภาพริมฝั่งถนนสามารถมองเห็นได้ชัดเจน เหยียนหมิงซุ่นปัดตามเสื้อผ้า สอดส่องรอบด้าน แล้วก้าวขาเดินกลับไป จิตใจละลอยล่องไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ตอนที่เดินผ่านหน้าบ้านของตระกูลอู่ ประสาทสัมผัสหูตาไวของเหยียนหมิงซุ่นค้นพบว่าประตูเหล็กหน้าบ้านของบ้านตระกูลอู่มีเงาคนท่าทางลับๆ ล่อๆ หมอบหน้าประตูใหญ่ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่
เหยียนหมิงซุ่นเร่งฝีเท้าก้าวไปข้างหน้า หาสถานที่ซ่อนตัวเพื่อซุ่มสังเกตการณ์ เงาของเขารูปร่างไม่สูงนัก เพราะหันหลังชนเขาอยู่จึงมองเห็นหน้าค่าตาไม่ค่อยชัด เธอโค้งตัวสาดน้ำอยู่หน้าหน้าประตู และไม่ได้สาดแค่จุดเดียวเท่านั้น แต่ยังสาดอีกหลายจุด
ตอนนี้เป็นช่วงกลางเดือนสิบสองที่มีอากาศหนาวเย็นที่สุด อีกทั้งตอนนี้ไม่มีห้องทำความอุ่น ตอนกลางคืนจึงเหน็บหนาวกระทั่งสามารถทำให้ท่อน้ำแข็งจนแตกหักได้ แสดงให้เห็นว่าอุณหภูมิต่ำมากขนาดไหน ถึงแม้ว่าจะไม่เหมือนทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่สาดน้ำออกไปแล้วกลายเป็นน้ำแข็งในทันที แต่หากตักน้ำแช่ทิ้งไว้ด้านนอกก็อาจกลายเป็นน้ำแข็งได้
เพียงแวบเดียวเหยียนหมิงซุ่นก็รู้ว่าคนนี้คิดจะทำอะไร ประตูใหญ่หน้าบ้านตระกูลอู่นั้นไม่ค่อยเรียบ ทั้งยังเป็นพื้นซีเมนต์ลาดเอียงยาวอีกด้วย เธอสาดน้ำไว้เยอะขนาดนี้ พรุ่งนี้ต้องจับตัวกลายเป็นก้อนน้ำแข็งแน่นอน คนเหยียบลงไปไม่ล้มสิถึงจะแปลก!
ยังไม่ทันตั้งตัวก็ล้มเสียหลักถึงขั้นขาหักก็เป็นไปได้!
เหยียนหมิงซุ่นจ้องร่างเงาผู้นี้อย่างเงียบสงบ พอเธอสาดน้ำในกะละมังหมดก็ลุกขึ้นอย่างพอใจ ใบหน้าปะทะแสงจันทร์สาดส่องให้เห็นใบหน้าขาวซีดและน่ากลัวนั้นอย่างชัดเจน
ที่แท้เป็นอู่เยวี่ยนี่เอง!
เหยียนหมิงซุ่นขมวดคิ้วแน่น เกิดอาการรังเกียจอู่เยวี่ยขึ้นมาถึงขีดสุด แอบทำท่าทางลับๆ ล่อๆ สาดน้ำหน้าประตูเพื่อทำร้ายคนอื่น จิตใจของเด็กผู้หญิงคนนี้ทำไมถึงได้โหดเหี้ยมชั่วร้ายขนาดนี้?
อู่เยวี่ยต้องการทำร้ายใครใช้สมองคิดนิดเดียวก็เดาได้ไม่ยาก นอกจากอู่เหมยแล้วจะมีใครอีก?
เธอคงคิดทำลายงานแสดงในค่ำคืนวันตรุษจีนของอู่เหมยในวันพรุ่งนี้สินะ !
ช่างมีเจตนาปองร้ายจริงๆ!
โชคดีที่วันนี้เขาแวะมา มิเช่นนั้นพรุ่งนี้อู่เหมยอาจจะล้มพับลงไปได้ ต่อให้ไม่ล้มจนขาหัก แต่การลื่นล้มบนพื้นน้ำแข็งตอนหน้าหนาว ไม่เจ็บสิถึงจะแปลก!
อู่เยวี่ยมองพินิจพิจารณาผลงานชิ้นเอกของตัวเองอย่างพอใจ มุมปากเหยียดยิ้มเยาะ แล้วผลักเปิดประตูเดินเข้าไป
นี่เป็นเพียงแค่แผนการแรก หลังจากนี้เธอยังมีแผนการอีกมากมายนับไม่ถ้วน ไม่เชื่อหรอกว่าอู่เหมยจะไม่ตกหลุมพลางได้!
เหยียนหมิงซุ่นเดินไปหน้าประตู ดูแอ่งน้ำพวกนั้นพลางขมวดคิ้วแน่น เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ไม่ได้จัดการน้ำพวกนี้ ย้อนกลับไปทางสวนหลังบ้าน และก็ไม่ได้เรียกให้อู่เหมยตื่น แต่กลับควักสมุดโน้ตออกมาจากกระเป๋าเสื้อ รีบเขียนลงกระดาษหนึ่งแผ่น แล้วสอดผ่านขอบหน้าต่างเข้าไป “หน้าประตูใหญ่อู่เยวี่ยสาดน้ำเอาไว้ ตอนออกจากบ้านสาดเกลือลงไปหน่อย พรุ่งนี้ห้ามกินอาหารในบ้านทุกอย่าง ต้องระวังตัวและระวังอู่เยวี่ยให้ดี!”
…………………………………………..
ตอนที่ 500 ป้องกันระวังตัวเอง
เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกว่าอู่เยวี่ยจะต้องมีแผนการต่อจากนี้อีก ถึงอย่างไรเธอก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าพรุ่งนี้เช้าคนที่ออกบ้านคนแรกจะเป็นอู่เหมย แต่หากไม่ใช่อู่เหมย คนแรกที่ล้มจะต้องเตือนคนอื่นแน่นอน
ดังนั้นน้ำที่สาดไว้หน้าประตูไม่สามารถรับประกันได้ว่าอู่เหมยจะเป็นคนที่ลื่นล้ม อู่เยวี่ยจิตใจชั่วร้าย เธอจะต้องใช้วิธีการอื่นมาทำร้ายอู่เหมยอีกแน่นอน
บางทีอาจจะเป็นอาหารการกิน บางทีอาจจะเป็นสถานที่อื่นๆ…
เพียงแต่เสียดายที่เวลานี้เขาไม่อาจอยู่ข้างกายอู่เหมยได้ จึงทำได้แค่กำชับเธอเท่านั้น!
ด้วยความระมัดระวังรอบคอบของอู่เหมย เพียงแค่มีการป้องกันคงไม่ตกหลุมพลางเอาได้หรอก!
งานค่ำคืนเทศกาลตรุษจีนของเมืองจัดขึ้นที่โรงละครประจำเมืองตอนบ่ายสองโมง เหล่าตระกูลอู่ตื่นกันตั้งแต่เช้าตรู่ แต่ด้วยอากาศที่หนาวเย็น พวกเขาจึงยังไม่ได้ออกจากบ้านและซุกตัวกันอยู่ภายในบ้าน รอหลังจากทานข้าวกลางวันเสร็จแล้วค่อยไปโรงละครประจำเมือง เพราะมีนักแสดงสองคนเป็นคนในตระกูล ดังนั้นพวกเขาจึงมีสิทธิ์เข้าชมในงาน
เนื่องจากอู่เหมยและอู่เชาต้องเข้าร่วมการแสดง พวกเขาจำเป็นต้องไปถึงโรงละครในตอนเช้า และตอนกลางวันก็ทานอาหารที่นั้น อาหารเช้าของตระกูลอู่วางเรียงรายอยู่เต็มโต๊ะ ทั้งนม ขนมปัง ไข่ไก่ และเกี๊ยว ซึ่งเป็นการผสมผสานทั้งอาหารตะวันตกและจีนเข้าด้วยกัน อีกทั้งยังมีสารอาหารครบถ้วน
“เสี่ยวเชา เหมยเหมย พวกเธอกินให้เยอะๆ หน่อย กินให้อิ่มท้อง ตอนบ่ายจะได้มีกำลังวังชา!”
คุณปู่อู่ทักทายพวกอู่เหมยอย่างอ่อนโยน ยกจานมาให้พวกเขาด้วยตัวเอง นับเป็นเกียรติยศสูงสุดในชีวิตเลยเชียว
อู่เหมยตื่นตอนเช้ามาก็เห็นกระดาษใบนั้น เธอหันมองอู่เยวี่ยที่อยู่อีกด้านแวบหนึ่ง ในใจพลางยิ้มเยาะ
นังสารเลวไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี รองานเลี้ยงเทศกาลตรุษจีนจบก่อนเถอะฉันค่อยจัดการแกอย่างช้าๆ! “คุณปู่ หนูกินไม่ไหวแล้ว!”
อู่เหมยแสร้งทำท่าทีเหมือนว่าตื่นเต้นประหม่า แล้วยกขาเตะเด็กอ้วนน้อยที่มุดอยู่ใต้โต๊ะเตรียมจะสวาปามข้าวเช้า ไปแรงๆ ทีนึง อู่เชามองเธออย่างงงงัน แยกเขี้ยวใส่ แต่ก็ไม่คิดตอบโต้อะไรกับเจ้าเด็กบ้านี่
หิวท้องร้องจะตายอยู่แล้ว กินข้าวก่อนค่อยว่ากัน!
อู่เหมยเตะเขาแรง ๆ อีกครั้ง ทั้งยังจ้องเขม็งไปทางเขา แล้วคว้ามืออู่เชาไว้พร้อมพูดขึ้นว่า “คุณปู่คะ อีกเดี๋ยวหนูกับเสี่ยวเชาค่อยไปกินกันที่หน้าโรงละครดีกว่าค่ะ พี่สาวสยงมู่มู่ไม่ให้พวกเรากินข้าวเช้าเยอะเกินไป บอกว่ากินอิ่มไปจะไม่เป็นผลดีต่อการแสดง”
คนตระกูลอู่ไหนเลยจะรู้ถึงเคล็ดลับเกี่ยวกับเรื่องบนเวทีพวกนี้ได้ พอได้ยินว่ามันไม่ดีต่อการแสดง คุณปู่อู่ก็ตกใจจนรีบดึงจานกลับมา
“ถ้าอย่างนั้นก็อย่ากินเลย พวกเราฟังคำของนักแสดงมืออาชีพแล้วกัน รอการแสดงจบพวกเราค่อยไปทานข้าวที่ภัตตาคารจุ้ยเซียนกันทั้งบ้านเนี่ยแหละ ปู่เลี้ยงเอง”
“คุณปู่ ผมอยากกินไก่ห่อดินเผา นานแล้วที่ไม่ได้กินไก่ห่อดินเผา!” อู่เหมยส่งเสียงร้องด้วยความดีอกดีใจ
“แค่ตอนบ่ายหลานแสดงได้ดี ทั้งไก่ห่อดินเผา ทั้งหมูสามชั้นน้ำแดงก็กินให้อิ่มหน่ำสำราญไปเลย!” คุณปู่อู่ใจกว้างมากทีเดียว
ทุกคนต่างก็หัวเราะคิกคักอย่างมีความสุข คึกคักรื่นเริงยิ่งกว่าวันปีใหม่เสียอีก อู่เยวี่ยหัวเราะตามพวกเขาอย่างไม่ยินดีสักเท่าไหร่ แอบโกรธแค้นอยู่ภายในใจ
ถือว่านังโง่นี่โชคดีไปแล้วกัน ไม่ต้องกลัว เธอยังมีแผนสำรองไว้อีก!
“เหมยเหมยดื่มนมร้อนๆ เพื่อให้ร่างกายอบอุ่นหน่อยสิ!” อู่เยวี่ยส่งนมร้อนๆ ให้เธอ
“ไม่จำเป็นหรอก วันนี้ฉันต้องดื่มพวกของเหลวให้น้อยหน่อย เพื่อเลี่ยงเวลาขึ้นเวทีจะได้ไม่อยากเข้าห้องน้ำบ่อย” อู่เหมยปฏิเสธอย่างไม่เกรงใจ
เว่ยชิวเยวี่ยราวกับมองออกถึงความกังวลของอู่เหมย เธอยิ้มพลางหยิบเงินห้าหยวนออกมาจากกระเป๋าเสื้อยัดใส่มืออู่เหมย “พวกเธอเอาเงินนี้ไปซื้ออาหารเช้า แล้วรีบไปโรงละครเถอะ เดี๋ยวสาย!”
“ขอบคุณค่ะป้าสะใภ้ใหญ่/ขอบคุณครับแม่!”
อู่เหมยเก็บเงินไว้ดีแล้วก็ส่งยิ้มหวานไปให้ ตอนเปลี่ยนรองเท้าก็จับคลำแล้วคลำอีกจนมั่นใจแล้วว่าน่าจะไม่มีปัญหาถึงจะใส่เข้าไป เวลานี้คนตระกูลอู่ถึงเข้าใจว่าทำไมอู่เหมยถึงไม่กินอาหารในบ้านเลย
เหตุผลก็เพื่อป้องกันอู่เยวี่นนี่เอง!
คุณยายอู่หน้าเปลี่ยนสีคิดอยากจะตำหนิอู่เหมย แต่กลับโดนคุณปู่อู่ใช้สายตาปรามไว้ คุณยายจึงหุบปากลงด้วยความโมโห มุ่งเดินออกไปยังด้านนอก ขี้เกียจสนใจตาแก่นี่แล้ว
อู่เยวี่ยอ้าปาก แล้วหุบลงอีก ภาวนาในใจอย่างเงียบ ๆ ขออย่าให้คุณยายเปิดประตู เพียงแต่ ——
“โอ๊ย”
นอกประตูมีเสียงของคุณยายดังลอยมา
…………………………………………..