ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 507 ฉันคือแม่ของเธอ + ตอนที่ 508 ไม่ได้ฝันไป
ตอนที่ 507 ฉันคือแม่ของเธอ
อู่เหมยลงมาจากเวที พลางลอบถอนหายใจ แต่เมื่อลงจากเวทีมาได้ไม่นานก็ถูกสยงชิงชิงลากตัวไปกอดรัดฟัดเหวี่ยง “เสี่ยวเหมยเหมย เธอเก่งที่สุดเลย!”
เมื่อครู่เธอแอบลอบมองผ่านหลังม่านไปครู่หนึ่ง พอได้มองก็ไม่อาจละสายตาออกมาได้ ท่าเต้นของอู่เหมยมีหลายท่วงท่าที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน ส่วนใหญ่เป็นท่าที่เธอนึกขึ้นมาอย่างเฉพาะกาล เพียงแค่จุดเล็กๆ จุดนี้ก็ทำให้รู้ได้ว่าเธอเก่งกว่าทีมนักเต้นมืออาชีพแค่ไหน
อู่เหมยกลับรู้สึกกังวลใจเล็กน้อย “ช่วงจังหวะที่หนูเต้น หนูไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ พี่ชิงชิงคะ การแสดงที่ออกมาจะแย่หรือเปล่า?”
“ไม่หรอก เธอเก่งมากเลย เธอเก่งที่สุด!”
สยงซิงซิงเอาแต่ชมเธอไม่หยุด ชื่นชมจากใจจริงๆ ของเธอ และนั่นถึงทำให้อู่เหมยสบายใจขึ้น
“พี่ชิงชิง พี่รีบเตรียมตัวขึ้นเวทีเถอะค่ะ พวกเราจะอยู่ข้างล่างคอยเป็นกำลังใจให้พี่!”
“วางใจได้ พี่สาวเธอน่ะให้หลับตาร้องเพลงเพลงนี้ยังทำได้เลย!” สยงชิงชิงพูดเสียงเจื้อยแจ้ว จากนั้นได้โบกมือให้กับอู่เหมยและสยงมู่มู่ ลำดับต่อไปคือการแสดงของเธอ เธอจะต้องขึ้นไปเตรียมตัวก่อน อู่เหมยและสยงมู่มู่ต่างชูมือพร้อมกำปั้นน้อยๆ ส่งให้เธอ สยงชิงชิงจึงส่งยิ้มให้อย่างมั่นใจ!
“พวกเราไปทางนั้นกัน พ่อกับแม่ของฉันต้องมาแล้วแน่ๆ วันนี้พวกเรามีเรื่องจะเซอร์ไพรส์ด้วยนะ!” สยงมู่มู่พูดคุยโวโอ้อวด ในตาวูบไหวแปลกๆ
หากว่าอู่เหมยเป็นลูกสาวของน้าสะใภ้จริงๆ ถ้างั้นเธอก็จะไม่ใช่น้องสาวบุญธรรมของเขา แต่เป็นลูกพี่ลูกน้องแท้ๆ ของเขา!
ไม่แปลกเลยที่เขาและยัยตัวแสบจะดูสนิทสนมกันขนาดนี้ ที่แท้ครึ่งหนึ่งในตัวของพวกเราก็มีสายเลือดเดียวกันอยู่!
อู่เหมยที่ได้ฟังกลับรู้สึกอัดอั้นใจ ทำไมวันนี้มีแต่คนบอกว่ามีเรื่องเซอร์ไพรส์นู่นนี่นั่น?
แล้วมันคือเซอร์ไพรส์อะไรกันแน่?
“เหมยเหมย!”
จ้าวอิงหนานตะโกนเรียกเสียงดังฟังชัด ทำให้เป็นที่จับตามองของผู้คนที่อยู่หลังเวที อู่เหมยหันหน้ากลับมาอย่างรวดเร็ว จากตอนแรกที่เธอตั้งใจจะขานตอบ ’คุณแม่’ แต่ในตอนนี้ราวกับเธอเป็นคนโง่ที่สติหลุด ดวงตาเบิกกว้าง หยดน้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้
หญิงสาวในความฝันได้ปรากฏตัวแล้ว!
เหมือนกับในความฝันทุกประการ รอยยิ้มที่แสนอ่อนโยนนั่น!
“แม่…”
อู่เหมยอยากจะเรียกเธอว่าแม่ แต่เหมือนว่าหลอดเสียงถูกอุดเอาไว้เสียก่อน เธอจึงทำได้เพียงมองเหยียนซินหย่าอย่างหลงใหล ราวกับพวกคนโง่ไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะ
เหยียนซินหย่าเองก็ไม่ต่างกันที่ตอนนี้เธอมีท่าทีราวกับคนโง่เขลา น้ำตาไหลลงมาหยดแล้วหยดเล่า พอได้อยู่ใกล้กับอู่เหมยในระยะประชิดแบบนี้ ไม่จำเป็นต้องให้อู่เจิ้งซือมาเป็นพยานแล้ว เธอรู้ดีว่าอู่เหมยคือลูกสาวของเธอ
ความรู้สึกระหว่างแม่กับลูกเป็นปฏิกิริยาที่แสนวิเศษ ซึ่งไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ และเป็นสิ่งที่วิทยาศาสตร์ก็ไม่สามารถอธิบายได้ แต่ด้วยความรู้สึกนี้ เธอก็มั่นใจมากพอว่าอู่เหมยเป็นลูกของเธอ!
“พี่สะใภ้เล็ก ใจเย็นๆ ก่อนนะ!” จ้าวอิงหนานพูดเสียงเบาเกลี้ยกล่อมเธอ
เหยียนซินหย่าเช็ดน้ำตาให้แห้งอย่างลวกๆ พยักหน้าและส่งยิ้มออกมา เธอจะต้องใจเย็นกว่านี้ เธอไม่ควรจะทำให้ลูกสาวของเธอตกใจ
อู่เชาที่จับเส้นผมไม่ได้จึงต้องขยับเข้าไปสะกิดอู่เหมย พร้อมกับกระซิบขึ้น “เธอไม่เป็นอะไรแล้วร้องไห้ทำไม คนมองเยอะแล้วนะ!”
อู่เหมยเองก็รีบเช็ดน้ำตาให้แห้งแบบลวกๆ ยืนนิ่งงันมองดูเหยียนซินหย่าที่เดินเข้ามาใกล้เธอมากขึ้นเรื่อยๆ ใจของเธอเต้นตุบๆ จนแทบไม่เป็นจังหวะ เต้นแรงจนแทบจะกระเด็นออกมาเสียให้ได้ ฝ่ามือก็เต็มไปด้วยเหงื่อ
“หนูชื่อเหมยเหมย เหมยตัวที่แปลว่าคิ้วโก่งดั่งคันศรใช่ไหม?” เหยียนซินหย่าพยายามกักเก็บความตื่นเต้นเอาไว้ และถามออกไปอย่างอ่อนโยน
อู่เหมยพยักหน้าตอบ มองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความละโมบ กลิ่นหอมๆ บนตัวเธอเหมือนดั่งในความฝันทุกประการ อ้อมกอดของเธอก็คงจะอบอุ่นไม่ต่างจากในฝันใช่ไหม?
“หนูเกิดวันที่เท่าไหร่จ๊ะ?” เหยียนซินหย่าถามต่อ
“วันที่แปดมิถุนาค่ะ” อู่เหมยตอบออกไปอย่างเชื่อฟัง
เหยียนซินหย่าตัวสั่นเทิ้มอย่างรุนแรง จนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เธอใช้มือดึงอู่เหมยเข้ามาโอบกอดไว้ ร่ำไห้และพูดขึ้น “เด็กน้อย ฉันคือแม่ของเธอ เธอคือลูกของฉัน!”
ลูกสาวผู้น่าสงสารของเธอ ถูกเหอปี้อวิ๋นทารุณกรรมมาตลอดสิบสองปีเต็ม!
อู่เจิ้งซือ! เหอปี้อวิ๋น!
เธอจะไม่ยอมยกโทษให้คนพวกนั้นเด็ดขาด!
…………………………………………………………………………………………..
ตอนที่ 508 ไม่ได้ฝันไป
คนในตระกูลอู่ที่เดินตามหลังเข้ามา แต่กลับต้องตกใจกับกริยาท่าทางของเหยียนซินหย่า นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ทำไมลูกหลานของตระกูลอู่ถึงได้กลายเป็นลูกสาวของลูกพี่ลูกน้องของเหอปี้อวิ๋นไปเสียได้?
“ผู้หญิงคนนี้มีปัญหาทางสมองหรือเปล่า?” คุณปู่อู่นึกสงสัยอยู่ลึกๆ ถึงอย่างไรก็เป็นลูกพี่ลูกน้องของเหอปี้อวิ๋น เป็นตระกูลที่มีสายเลือดของอาการป่วยทางจิต!
เว่ยชิวเยวี่ยเอาแต่นึกถึงคำพูดที่เหยียนซินหย่าได้พูดไว้ก่อนหน้านี้ แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไรนัก จนถึงตอนนี้ที่ได้เห็นการกระทำของเหยียนซินหย่า ใจเธอเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะ เอาแต่คิดไม่ตก
เหยียนซินหย่าไม่มีอาการทางจิตแน่!
คนที่มีอาการทางจิตน่าจะเป็นภรรยาของน้องรองมากกว่า!
ภาพในหัวของเว่ยชิวเยวี่ยเกิดการประมวลผลอย่างรวดเร็ว แค่เธอได้เห็นรูปลักษณ์ภายนอก และสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า ก็สามารถเดาได้ว่าความจริงเป็นอย่างไร เพียงแต่เธอประเมินอู่เจิ้งซือต่ำเกินไป เธอเข้าใจมาตลอดว่าเหยียนซินหย่าได้ฝากอู่เหมยไว้ให้อู่เจิ้งซือช่วยดูแลแทน แต่กลับไม่นึกไม่ฝันมาก่อนถึงสาเหตุอื่น
ไม่แปลกเลยที่แต่ไหนแต่ไรมาเหอปี้อวิ๋นเอาแต่ด่าว่าตบตีอู่เหมย ทว่าอู่เจิ้งซือกลับไม่แยแสใดๆ แท้จริงแล้วอู่เหมยก็เป็นเพียงลูกนอกไส้ของพวกเขา!
เหอะ! พวกสัตว์ชั้นต่ำ!
“พ่อคะ เรื่องนี้มีเพียงน้องรองที่รู้ทุกอย่าง พวกเราใจเย็นๆ ก่อนนะคะ” เว่ยชิวเยวี่ยพยายามพูดเกลี้ยกล่อม
เมื่อครู่เธอเองได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าอู่เจิ้งซือจะทำอะไรไว้ เรื่องทั้งหมดก็เป็นความผิดของทั้งสองสามีภรรยา สำหรับการกระทำของเธอที่มีต่ออู่เหมยถือว่าไม่ได้เลวร้ายอะไร ในเวลานี้เธอไม่ต้องการคำขอบคุณใดๆ จากครอบครัวของเหยียนซินหย่า เธอหวังเพียงแค่พวกเขาไม่อาฆาตพยาบาทใดๆ นั่นถือเป็นสิ่งที่โชคดีมากสำหรับเธอแล้ว!
สำหรับเว่ยชิวเยวี่ยแล้ว เธอรู้สึกรังเกียจเหอปี้อวิ๋นเป็นอย่างมาก ตัวเธอเองไม่นึกไม่ฝันว่าจะมีผู้หญิงคนไหนที่โง่เขลาได้มากกว่าเธอหลายร้อยเท่า ในเมื่อรับอุปการะเลี้ยงดูลูกสาวของลูกพี่ลูกน้องตัวเอง จะอบรมสั่งสอนและปฏิบัติต่อเธอให้ดีหน่อยไม่ได้หรือไงกัน?
ในตอนนี้ก็ด้วย อู่เหมยโกรธแค้นต่อเหอปี้อวิ๋นไปแล้ว อีกหน่อยถ้าเธอได้กลับคืนสู่อ้อมอกของคนเป็นพ่อเป็นแม่ มีหรือที่เธอจะไม่เล่าถึงเหตุการณ์เลวร้ายในวัยเด็กที่เธอเคยเผชิญ?
บุญคุณอันยิ่งใหญ่ที่ควรจะได้รับการทดแทน กลับกลายเป็นความเคียดแค้นชิงชังที่เหอปี้อวิ๋นเป็นคนสร้างขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายเป็นถึงผู้มีอิทธิพลยักษ์ใหญ่ที่แม้แต่เลขาธิการประจำจังหวัดยังยินยอมนั่งพูดคุยด้วย!
ยายคนไร้ค่าที่โง่เสียยิ่งกว่าสัตว์!
เว่ยชิวเยวี่ยนึกด่าในใจอย่างเจ็บแสบราวกับเหอปี้อวิ๋นเป็นดั่งปีศาจไร้อิทธิฤทธิ์ที่ถูกสาดด้วยเลือด ไพ่ดีๆ ใบหนึ่ง กลับถูกนางสะใภ้โง่เขลาทำลายเสียย่อยยับ!
คุณปู่อู่มีท่าทีเคร่งขรึม ในเวลานี้เขาเองก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง น่าเสียดายที่อู่เจิ้งซืออยู่ที่โรงพยาบาล มิเช่นนั้นเขาคงต้องได้ซักเอาความจริงจากลูกคนเล็กว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่!
เหยียนซินหย่าโอบกอดอู่เหมยไว้แน่น เธอร้องไห้ปนหัวเราะดีใจ ในหัวของอู่เหมยเกิดความสับสน เธอเริ่มแยกแยะไม่ออกระหว่างความฝันกับความเป็นจริง ความรู้สึกในตอนนี้มันเหมือนจริงมากราวกับความฝันเมื่อคืนวาน ในอ้อมกอดนั้นทั้งละมุนและอบอุ่น เพียงแต่หญิงสาวในฝันนั้นมีรอยยิ้ม แต่เหยียนซินหย่าในตอนนี้กลับร้องไห้
หยดน้ำตาของอู่เหมยหยดลงบนหลังฝ่ามือ ให้ความรู้สึกร้อนชื้น ซึ่งบ่งบอกได้ว่าเป็นเรื่องจริง!
อู่เหมยยกมือขึ้นมาตรงริมฝีปาก แล้วส่งลิ้นเล็กๆ ของเธอออกมาเพื่อเลีย…
“มีรสเค็ม ไม่ได้ฝันไปงั้นเหรอ?” อู่เหมยพูดอยู่กับตัวเองด้วยเสียงที่เบามาก แต่เหยียนซินหย่ากลับได้ยินมันอย่างชัดเจน น้ำตาของเธอพรั่งพรูออกมาอีกครั้ง
“ไม่ใช่ความฝัน แม่คือตัวจริง ไหนลองให้แม่กัดมือดูสิ รู้สึกอะไรไหม?” เหยียนซินหย่าจับมือของอู่เหมยที่เย็นเฉียบขึ้นมา แล้วกัดเบาๆ ที่นิ้วเรียวเล็กของเธอ จากนั้นจึงนำมือของเธอยัดเข้าไปในเสื้อเพื่อให้ความอบอุ่น ใจเธออยากจะถอดเสื้อคลุมออกมาแล้วสวมให้กับอู่เหมย แต่กลับถูกจ้าวเสวียหลินห้ามไว้
เหยียนหมิงซุ่นจึงถือเสื้อคลุมขนแกะที่อู่เหมยถอดออกก่อนหน้านี้เข้ามาให้ จ้าวเสวียหลินจึงแย่งมาแล้วสวมให้กับอู่เหมยแทน น้องสาวของเขาจะต้องให้พี่ชายอย่างเขาเท่านั้นที่เป็นคนสวมใส่ให้ ท่าทางลับๆ ล่อๆ อย่างเหยียนหมิงซุ่น ควรจะอยู่ห่างๆ จากน้องสาวของเขาไว้!
อู่เหมยมองจ้าวเสวียหลินที่กำลังเอาเสื้อคลุมสวมใส่ให้เธออย่างชะงักงัน เขาดูสง่าผ่าเผยและเหมือนจะเข้าถึงยาก ท่าทีราวกับมีคนทำให้เขาไม่พอใจ อู่เหมยจึงหดตัวหลบ และถอยหลังไปหาคนข้างกายที่คุ้นเคยเพื่อพึ่งพิง
…………………………………………………………………………………………..