ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 513 ฉันจะตีแกให้ตายนางสัตว์ชั้นต่ำ + ตอนที่ 514 กัดให้ตายก็ไม่ยอมรับ
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- ตอนที่ 513 ฉันจะตีแกให้ตายนางสัตว์ชั้นต่ำ + ตอนที่ 514 กัดให้ตายก็ไม่ยอมรับ
ตอนที่ 513 ฉันจะตีแกให้ตายนางสัตว์ชั้นต่ำ
อู่เจิ้งซือใจเต้นระส่ำด้วยความกังวล ไม่กล้าแม้กระทั่งจะเงยหน้าสบสายตากับจ้าวอิงหัว และไม่กล้ามองหน้าเหยียนซินหย่า แม้แต่อู่เหมยเขาก็ยังไม่กล้าที่จะเผชิญหน้าด้วย
มาจนถึงตอนนี้ เขาเพิ่งรู้ว่าตัวเองได้ทำเรื่องผิดพลาดลงไป และความผิดนี้ก็ไม่สามารถปกปิดได้อีกต่อไป เขาควรจะทำอย่างไรดี?
“ผม…ผมจะต้องพูดอะไรด้วยเหรอ เห็นพวกคุณมีความสุขแบบนี้ ผมก็รู้สึกดีใจด้วยนะสิ!” อู่เจิ้งซือพูดออกมาติดๆ ขัดๆ เขาพยายามทำตัวให้ดูเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่แววตาสั่นคลอนวูบไหวนั้นได้เผยให้เห็นถึงความสับสนว้าวุ่นในใจของเขา
เหยียนซินหย่าทนเก็บความโกรธเคืองต่อไม่ไหว เธอชี้ไปยังอู่เหมยและยิงคำถามใส่ “อู่เจิ้งซือ สิบสองปีที่ผ่านมานายทำอะไรลงไป? นายยังเป็นคนอยู่ไหม?”
อู่เจิ้งซือใจเต้นตุบๆ อย่างไม่เป็นจังหวะ แต่เขายังแสร้งทำเป็นใจเย็นและพูดขึ้น “ซินหย่าคุณเข้าใจอะไรผมผิดหรือเปล่า เรื่องเมื่อสิบสองปีก่อนคุณเองก็รู้ดีอยู่แล้วนี่ คุณอย่าคิดว่าอู่เหมยมีหน้าตาเหมือนคุณ แล้วคิดว่าเธอคือลูกของคุณ อู่เหมยเป็นลูกสาวของผม เธอเป็นหลานสาวของคุณ ถ้าเธอจะมีตาที่คล้ายคลึงกับคุณก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนี่”
อู่เจิ้งซือที่เอาแต่แก้ตัวไม่เลิกได้ทำให้เหยียนซินหย่าโกรธจนสั่นไปทั้งตัว เธอมองอู่เจิ้งซืออย่างขุ่นเคือง และนึกเสียดายที่หลายปีก่อนมองไม่เห็นตัวตนที่แท้จริงของคนคนนี้ เธอมองเขาเพียงแค่ด้านเดียวและคิดว่าเขาเป็นคนดี
“อู่เจิ้งซือ แล้วทำไมวันเกิดของอู่เหมยคือวันที่แปดมิถุนายนล่ะ? เรื่องนี้นายจะอธิบายยังไง?” เหยียนซินหย่าถามขึ้นอีก
เหอปี้อวิ๋นยิ้มเยาะและพูดขึ้น “มีอะไรน่าแปลกงั้นเหรอ? ฉันเป็นคนคลอดยายเด็กบ้านี่ออกมาวันที่แปดมิถุนายน ถ้าวันเกิดของมันไม่ใช่วันที่แปดมิถุนายน แล้วจะให้เป็นวันที่เก้ามิถุนายนเหรอ? เหยียนซินหย่าสมองเธอมีปัญหาเหรอ!”
ตอนแรกเหยียนซินหย่าตั้งใจจะตกลงกับอู่เจิ้งซือให้รู้เรื่องก่อน แล้วค่อยจัดการคิดบัญชีกับเหอปี้อวิ๋นทีหลัง แต่พอเธอได้ฟังเหอปี้อวิ๋นใช้นำเสียงดูถูกดูแคลนและเรียกอู่เหมยว่ายายเด็กบ้านี่ ไหนจะแต่ก่อนที่เธอเคยรังแกอู่เหมย ความโกรธแค้นโมโหของเธอจึงได้ปะทุขึ้นก่อนเวลาที่ตั้งไว้
เหยียนซินหย่าในเวลานี้หน้าแดงก่ำด้วยความโมโห แววตาส่อประกายความความโกรธแค้นขุ่นเคือง จ้องมองผู้หญิงตรงหน้าด้วยสายตาดุดันและน่ากลัว!
“เหอปี้อวิ๋น แกมันสัตว์ชั้นต่ำ ฉันจะฆ่าแก!”
คนที่ไม่เคยรู้สึกหน้าแดงต่อใครหน้าไหนมาก่อนอย่างเหยียนซินหย่า เธอพุ่งตัวเข้าไปด้วยใบหน้าแดงก่ำอย่างโกรธแค้น เหอปี้อวิ๋นที่ไม่ทันได้ป้องกันตัว ถูกเหยียนซินหย่าตบเข้าไปฉาดใหญ่
แต่น่าเสียดายที่หลายปีมานี้เหยียนซินหย่าป่วย ร่างกายของเธอจึงอ่อนแอเกินไป เมื่อครู่นั้นเธอรวบรวมแรงกำลังทั้งหมดที่มี แต่ในตอนนี้กลับเหือดหายไปหมด นั่นจึงส่งผลให้เธอทรงตัวแทบไม่อยู่ จนพลาดท่าให้เหอปี้อวิ๋นผลักเธอจนเกือบล้มลงพื้น
จ้าวอิงหนานวิ่งเข้ามาอย่างฉับพลันเพื่อประคองตัวเหยียนซินหย่า เธอตัวเล็กกว่าเหอปี้อวิ๋น พละกำลังก็น้อยกว่า แต่เธอจะยอมยืนมองภรรยาของพี่ตัวเองถูกรังแกได้อย่างไร!
อีกอย่างเธอเองก็อยากจะจัดการยายชั่วเหอปี้อวิ๋นมานานแล้ว!
เวลาทุกอย่างในตอนนี้ช่างประจวบเหมาะพอดี เธอจะต้องล้างแค้นให้หลานสาวของเธอ เรื่องทุกอย่างที่เป็นไปตามสัจธรรมมิอาจเปลี่ยนแปลงได้!
“เหอปี้อวิ๋น ถ้าฉันรู้ตั้งแต่แรกว่าอู่เหมยเป็นหลานสาวของฉัน ฉันคงจัดการฆ่าเธอไปนานแล้ว!”
จ้าวอิงหนานยกเรื่องความวุ่นวายภายในกองทัพที่เกิดขึ้นในปีนั้นมาพูด มือข้างหนึ่งของเธอจับเหอปี้อวิ๋นไว้ อีกข้างหนึ่งก็ฟาดลงที่ใบหน้าของเหอปี้อวิ๋นเป็นจำนวนครั้งที่ไม่น้อยไปกว่าสิบ เหอปี้อวิ๋นหรือที่คิดจะเป็นอริกับเธอ หล่อนมีหน้าที่แค่ทนรับแรงตบจากเธอก็เท่านั้น
อู่เจิ้งซือไม่มีทางเห็นใจต่อเหอปี้อวิ๋น แต่เขารู้สึกอับอายขายขี้หน้า และที่สำคัญไปกว่านั้น เขาจะต้องยืนยันหนักแน่นให้มากพอว่าอู่เหมยเป็นลูกสาวของเขา เพราะอย่างนั้นเขาจะต้องโต้แย้งจ้าวอิงหนาน
“อาจารย์จ้าวอย่าพูดอะไรที่มันไร้สาระน่า อู่เหมยเป็นลูกของผม เธอเป็นลูกบุญธรรมของคุณ จะเป็นหลานสาวของคุณได้ยังไง?”
ในเวลานี้อู่เจิ้งซือรู้นึกเสียดายเป็นอย่างมาก เสียดายที่ยอมสนิทชิดเชื้อกับจ้าวอิงหนาน แต่เขาเองก็นึกไม่ถึงว่าช่างกวนอิงหัวจะเป็นแค่ชื่อปลอม หากว่าเขารู้ ต่อให้ต้องฆ่าให้ตายอย่างไร เขาก็จะทำให้อู่เหมยออกห่างจากจ้าวอิงหนานให้ได้
จนถึงตอนนี้แล้วจ้าวอิงหัวยังเห็นว่าอู่เจิ้งซือยังไม่ยอมรับผิดแต่อย่างใด เขาจึงไม่ต่างไปจากเหยียนซินหย่าที่ไม่แม้แต่จะควบคุมอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้ได้เลย ในเวลานี้เขาต้องการจะเข้าไปต่อยหน้าสัตว์ชั้นต่ำนี่!
ทำให้เขาและภรรยาเจ็บปวดทรมานมานานสิบสองปี และยังทำให้ภรรยาของเขามีชีวิตอยู่อย่างตายทั้งเป็น ร่างกายอ่อนแอลงไปทุกที…
เขาอยากจะฆ่าอู่เจิ้งซือทิ้งเสียให้ได้!
…………………………………………………………………………………………..
ตอนที่ 514 กัดให้ตายก็ไม่ยอมรับ
จ้าวอิงหัวเดินเข้าไปหาอู่เจิ้งซือด้วยความเดือดดาล ในชั่วพริบตาเขาก็เข้ามายืนประจันอยู่ตรงหน้าอู่เจิ้งซือ ท่าทีสูงส่งอย่างจ้าวอิหัวยืนอยู่ด้านหน้าชายร่างบางอย่างอู่เจิ้งซือ ราวกับเขาเป็นยักษ์ตัวใหญ่ เขาใช้ออกแรงเพียงน้อยนิดกระชากคอเสื้อของอู่เจิ้งซือเอาไว้
“นาย……นายจะทำอะไร? อย่าเข้ามานะ!”
อู่เจิ้งซือตกใจจนหน้าซีดเผือด จ้าวอิงหัวถือว่าเป็นพวกระยำคนหนึ่ง สมัยก่อนที่อยู่ในทีมปฏิวัติชาตุ้ยด้วยกัน เขาถือเป็นพี่ใหญ่ประจำกลุ่ม เพราะเขาเก่งสุดในด้านใช้กำลังต่อยตี ในช่วงที่กองการผลิตได้ฉ้อโกงเงินเสบียงอาหารของเด็กหนุ่มอย่างพวกเขาไป ซึ่งพวกเขาทำได้เพียงแค่โกรธแค้นแต่ไม่สามารถพูดอะไรได้ ทำได้แค่ทนรับความหิวโหยมาเป็นเวลาหนึ่งปี
แต่พอจ้าวอิงหัวเข้ามาได้ไม่นาน เขาได้รวมพลกลุ่มเด็กหนุ่มที่มีร่างกายกำยำแข็งแรงจำนวนหนึ่ง บุกไปยังบ้านของหัวหน้ากองการผลิตแล้วก่อเรื่องวุ่นวายขึ้น เขาได้จัดการทุกคนที่อยู่ในกองผลิตให้ล้มราบคาบเป็นหน้ากอง ทำให้ฝ่ายผลิตไม่มีทางเลือก จำต้องนำเงินเสบียงส่วนที่เคยหักไปคืนให้แก่พวกเขา หลังจากนั้นก็ไม่กล้าแม้แต่จะหักเงินอีกเลย
อู่เจิ้งซือยังจำได้ดี วันนั้นที่ได้รับเงินเสบียงคืนมา พวกเขาไม่กี่สิบคนรู้สึกเหมือนกับการได้เลี้ยงฉลองในคืนปีใหม่ พวกเขาหุงข้าวพูนเต็มหม้อใหญ่ๆ ส่วนจ้าวอิงหัวได้วิ่งขึ้นไปล่ากระต่ายป่ากลับมา เขาได้มอบหน้าที่ให้กลุ่มหญิงสาวเอาไปตุ๋นและได้ออกมาเป็นหม้อใหญ่ ในวันนั้นพวกเขากินกันอย่างอิ่มหนำสำราญ อิ่มจนกระเพาะอาหารแทบรับไม่ไหว
ตั้งแต่นั้นมา จ้าวอิงหนานได้กลายเป็นพี่ใหญ่ของกลุ่มกองวัยรุ่นอย่างพวกเขา ไม่เพียงแค่ในกองการผลิตเท่านั้น ยังมีกองผลิตอื่นๆก็มักจะเข้ามาให้จ้าวอิงหัวช่วยเหลือเสมอ พอนานวันเข้า จ้าวอิงหัวได้กลายเป็นที่รู้จักของหลายๆคนในทีมปฏิวัติชาตุ้ย ฐานะในกองกำลังเด็กหนุ่มก็สูงขึ้นตามเช่นกัน
ในเวลานี้คนที่ถูกชายระยำเชี่ยวชาญเรื่องต่อยตีดึงคอเสื้อไว้ คนอย่างอู่เจิ้งซือมีหรือที่จะไม่กลัว?
“ช่างกวน……ไม่สิ……จ้าวอิงหัว นายใจเย็นๆก่อนนะ นาย……”
จ้าวอิงหัวไม่ได้มีความอดทนมากพอ ที่จะมาตั้งใจฟังคำพูดไร้สาระของอู่เจิ้งซือ พี่น้องไม่กี่คนของเขาต่างก็มีนิสัยใจร้อน ตั้งแต่เล็กพวกเขาได้รับการอบรมเลี้ยงดูจากคนเป็นพ่อ หากลงมือได้ก็ให้ลงมือดีกว่าแค่การหลอกล่อ ต่อยเสร็จเคลียร์!
กำปั้นราวกับบาตรพระถูกแกว่งออกไปยังกลางหน้าของอู่เจิ้งซือ เลือดไหลกรอกอย่างฉับพลัน และยังมีเสียงแตกร้าวดังขึ้นเบาๆ คาดว่าเป็นเสียงหักของสันจมูก
อู่เจิ้งซือกุมจมูกตัวเองด้วยความเจ็บปวด เลือดไหลอาบตามร่องนิ้วมือของเขาลงมาเป็นสายและหยดลงสู่พื้น และยังเปรอะไปตามเสื้อผ้า เขาดูมีสภาพจนตรอกมาก
อู่เยวี่ยร้องขึ้นเสียงดังอย่างตกใจ เธอยังไม่ทันจะรู้ได้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น และคนพวกนี้เป็นใคร?
เธอตั้งสติแล้วเข้าไปหลบอยู่ในห้อง แอบสังเกตุสถาการณ์ภายนอกจากช่องประตู อู่เจิ้งหงและจี้เจี้ยนโปต่างก็ไม่เข้าใจถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เมื่อเห็นว่ามีการใช้กำลัง จำต้องวิ่งเข้าไปหาตัวจ้าวอิงหัว อู่เจิ้งหงเป็นห่วงพี่ชายมาก เธอจึงพยายามจะช่วยอู่เจิ้งซือออกมา จี้เจี้ยนโปดีแต่พูดจาดี เรื่องใกล้ตัวกลับไม่ไหวติ่งแม้แต่น้อย คนในตระกูลอู่ไม่ควรค่าพอที่เขาจะต้องเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงด้วย!
จ้าวอิงหัวปล่อยกำปั้นใส่หน้าเขาไปหลายหมัด อานุภาพของกำปั้นไม่กี่หมัดนี้ไม่ได้น้อยไปกว่าที่โดนเหอปี้อวิ๋นฟาดหัวด้วยที่ทับกระดาษเลย ใบหน้าของอู่เจิ้งซือบวมช้ำราวกับหน้าหมู ดั่งใบหน้าได้ถูกทำการย้อมด้วยสีย้อม ท่าทางน่าสงสารจนเกินจะสามารถมองดูต่อได้
“อู่เจิ้งซือ นายคิดว่าแค่ไม่ยอมรับผิดเรื่องก็จะจบไปเองงั้นเหรอ? นายไม่ยอมรับไม่เป็นไร แต่คนอย่างฉันมีวิธีที่จะทำให้นายยอมรับเอง นายคงลืมหมอตำแยในปีนั้นไปแล้วสินะ?” จ้าวอิงหัวพูดยิ้มเยาะและมองอู่เจิ้งซือ เห็นแววตาและสีหน้าที่แสดงออกว่ากลัวและหวาดผวา จึงทำให้เขามั่นใจมากขึ้น พอเขาปล่อยมือออกจากคอเสื้อ อู่เจิ้งซือก็ตัวอ่อนปวกเปียกและร่วงลงสู่พื้น ในหัวของเขาสับสนและว้าวุ่นไปหมด
ทำยังไงดี?
ตอนนี้จะทำยังไงดี?
หวังว่าจ้าวอิงหัวจะหาหมอตำแยคนนั้นไม่เจอ หวังว่าหมอตำแยคนนั้นจะตายไปแล้ว หากเป็นแบบนั้นเรื่องที่เขาทำไปทั้งหมดก็จะไม่มีใครรู้ได้อีก!
อู่เจิ้งซือภาวนาในใจ จนถึงตอนนี้ สิ่งที่เขากังวลที่สุดคือเกียรติและศักดิ์ศรี เกรงว่าหากเรื่องนี้ได้หลุดออกไปเมื่อไหร่ เขาจะยังเป็นครูต้นแบบของเมืองได้อีกหรือ?
แล้วเด็กนักเรียนของเขาจะมองเขายังไง?
…………………………………………………………………………………………..