ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 515 ทำไมแต่ก่อนพวกคุณไม่คิดจะช่วยฉันเลย + ตอนที่ 516 ไม่กล้ายอมรับ
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- ตอนที่ 515 ทำไมแต่ก่อนพวกคุณไม่คิดจะช่วยฉันเลย + ตอนที่ 516 ไม่กล้ายอมรับ
ตอนที่ 515 ทำไมแต่ก่อนพวกคุณไม่คิดจะช่วยฉันเลย
คนในตระกูลอู่กลับมาถึงบ้านด้วยความร้อนรน และยังมีคนที่แบกคุณย่าอู่กลับมาด้วยอาการเหนื่อยหอบอย่างอู่เจิ้งต้าว ตอนอยู่ที่โรงพยาบาลเขาคิดแล้วคิดอีกจนไม่สามารถวางใจได้ แม้กระทั่งการตรวจอาการของแม่ก็ยังไม่เสร็จสรรพ เขากลับรู้สึกกระวนกระวายแล้ววิ่งกลับมา
ทุกคนต่างก็ตกใจต่อท่าทีน่าเวทนาของอู่เจิ้งซือ คุณปู่อู่ถามขึ้นอย่างโกรธจัด “คุณจ้าว ถึงมีเรื่องเข้าใจผิดอะไรค่อยๆ คุยกันก็ได้นี่ ทำไมต้องใช้กำลังด้วย?”
จ้าวยิงหัวยิ้มเยาะตอบ “เข้าใจผิด? คุณลองถามลูกชายตัวดีของคุณดูเองสิว่าเกิดอะไรขึ้น ที่ผมต่อยไปนี่ยังถือว่าเบาเกินไปด้วยซ้ำ เมื่อเทียบกับกับความเจ็บปวดที่ภรรยาและลูกสาวของผมต้องเผชิญมาตลอดสิบสองปี ต่อให้อู่เจิ้งซือต้องตายไปกี่ร้อยครั้งก็ไม่สามารถทดแทนได้!”
อู่เจิ้งซือนอนกุมหน้าตัวเองอยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวด แต่ยังไม่หยุดที่จะแก้ตัว “จ้าวอิงหัว นายมันรังแกคนไม่มีทางสู้ เหมยเหมยเป็นลูกของผม ลูกสาวของนายตายไปตั้งแต่สิบสองปีก่อนแล้ว คลอดออกมาก็ตายไปแล้ว!”
“โกหก นายสลับตัวแล้วเอาลูกของฉันไป อู่เจิ้งซือนายมันไม่ใช่คน ในเมื่อนายขโมยเธอไป แล้วทำไมถึงไม่ดูแลเธอให้ดี? หนำซ้ำยังรวมหัวกันทำร้ายเหมยเหมยอีก? สัตว์ชั้นต่ำอย่างพวกนาย กรรมจะต้องตามสนองในสักวัน!”
เหยียนซินหย่าโกรธมากจนหลุดปากด่า และยังรู้สึกเสียใจที่ไม่รู้จักดูคนให้ดี คิดผิดที่มองหมาป่าอย่างเขาเป็นเหมือนเพื่อน ทั้งยังทำให้ลูกสาวของเธอต้องทนทุกข์ทรมานมาตลอดสิบสองปี หากว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญในครั้งนี้ ไม่แน่ว่า…
เธอไม่กล้าแม้แต่จะคิดต่อ ยิ่งคิดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเกลียดทั้งสองสามีภรรยาอย่างอู่เจิ้งซือ อยากจะฆ่าพวกเขาให้ตายๆ ไปเสียถึงจะสาแก่ใจเธอ!
เหยียนซินหย่ากลับไม่รู้เลย ในชาติก่อนจวบจนเธอสิ้นลมหายใจ เธอไม่เคยรู้เลยว่าลูกสาวตัวเองยังมีชีวิตอยู่ และยิ่งไม่รู้ว่าอู่เหมยในชาติก่อนต้องทนทุกข์ทรมานทั้งชีวิต ทั้งยังตายด้วยน้ำมือของอู่เยวี่ย และคนที่ปกปิดความผิดทุกอย่างไว้ก็คือสองสามีภรรยาอย่างอู่เจิ้งซือและเหอปี้อวิ๋น และคนร้ายยังคงลอยนวลอยู่
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเหยียนซินหย่า อู่เจิ้งซือกลับรู้สึกขาดความมั่นใจ เขาทำไม่ได้ที่จะต้องแข็งแกร่งเด็ดเดี่ยวเหมือนกับจ้าวอิงหัว
อู่เจิ้งซือไม่กล้าเผชิญหน้ากับเหยียนซินหย่าตรงๆ จึงได้แต่ก้มหน้าพูด และยังคงเป็นประโยคเดิมๆ พวกนั้น ยืนหยัดที่จะบอกว่าอู่เหมยเป็นลูกสาวของเขา ลูกสาวของเหยียนซินหย่าได้ตายไปแล้ว แต่น้ำเสียงของเขาที่เปล่งออกมากลับเบาลงเรื่อยๆ
คนในตระกูลอู่ที่ได้ยินน้ำเสียงขาดๆ หายๆ นั้น ก็พอจะเดาได้ว่าความจริงเป็นอย่างไร และมองอู่เจิ้งซืออย่างตกใจ พวกเขาไม่อาจเชื่อสายตาตัวเองได้เลย แต่ไหนแต่ไรมาอู่เจิ้งซือเป็นคนรอบคอบระมัดระวัง อีกทั้งจิตใจลังเลไม่มีความเด็ดเดี่ยว แต่กลับกล้าทำเรื่องบ้าระห่ำแบบนี้ได้อย่างไร?
หากว่าไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นต่อหน้า ให้ตายพวกเขาก็ไม่มีทางเชื่อ!
อู่เจิ้งต้าวอยากจะช่วยพูดแก้ตัวให้กับน้องชาย แต่ตี๋ชิวเยวี่ยกลับดึงไว้ อย่าเอาแต่มองว่าคนอย่างอู่เจิ้งต้าวนั้นนิ่งขรึมหรือวางท่า ถ้าเป็นเรื่องในบ้านถือว่าเขาเชื่อฟังภรรยาเสมอ และนี่ถือเป็นจุดต่างที่สุดระหว่างเขาและอู่เจิ้งซือ
ตี๋ชิวเยวี่ยเข้าใจทุกอย่างดี อู่เจิ้งซือขโมยลูกสาวของบ้านอื่นมาเป็นสิ่งที่ไม่ต้องสงสัยเลยและเขายังปฏิบัติกับเด็กได้ไม่ดีอีกด้วย หากให้เธอเป็นเหยียนซินหย่า อย่างไรก็ต้องมีความรู้สึกอยากฆ่าอู่เจิ้งซือแน่นอน
และไหนจะภูมิฐานของจ้าวอิงหัวที่ไม่ธรรมดา แล้วทำไมครอบครัวของเธอจะต้องช่วยคนโง่อย่างอู่เจิ้งซือด้วย เพราะแม้แต่ท่านเลขาธิการประจำเมืองยังไม่กล้าแม้แต่จะผิดใจด้วย?
ต่อให้เป็นเรื่องของชาติบ้านเมืองก็ดี หรือเรื่องส่วนตัวก็ดี ยิ่งถ้าเป็นเรื่องนี้แล้วด้วย ครอบครัวเธอไม่ควรจะเข้าไปยุ่ง!
ใครยุ่งด้วยก็ถือเป็นความโชคร้ายไป!
ครอบครัวของอู่เจิ้งต้าวไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องไร้สาระพวกนี้ แต่กลับเป็นเรื่องที่คุณปู่อู่ไม่ยุ่งไม่ได้ ก็ใครใช้ให้คนที่ก่อเรื่องเป็นลูกชายแท้ๆ ของเขาล่ะ!
แม้ในใจของคุณปู่จะรู้ดีแค่ไหน แต่ถึงอย่างไรเขาต้องแสร้งพูดให้เหมือนกับลูกชายของเขามากที่สุด ต้องเด็ดขาดเพื่อบอกออกไปว่าอู่เหมยเป็นคนของตระกูลอู่ จะยอมให้ตระกูลจ้าวพาตัวอู่เหมยไปไม่ได้
“อู่เหมย รีบบอกกับทุกคนไปสิ ว่าเธอเป็นคนของตระกูลอู่ เธอไม่ได้มีความสัมพันธ์กับคนพวกนี้!” คุณปู่อู่มองหน้าอู่เหมยอย่างจริงจัง เขาฝากความหวังทุกอย่างเอาไว้กับตัวของอู่เหมย
ช่วงที่ผ่านมานี้ถือว่าพวกเขาปฏิบัติกับเธอได้ดีพอสมควร เด็กน้อยปลอบง่าย แค่พูดจาดีๆ ด้วยไม่กี่คำ หาของอร่อยๆ ให้กิน ก็สามารถทำให้เธอตายใจได้แล้ว คุณปู่มั่นใจว่าอู่เหมยจะไม่มีทางทำให้เขาผิดหวัง
แต่หารู้ไม่ อู่เหมยมองนิสัยเสแสร้งจอมปลอม และความเห็นแก่ตัวของคนในตระกูลอู่ได้อย่างทะลุปุโป่งแล้ว
“หนูไม่รู้ว่าหนูเป็นคนในตระกูลไหน แต่ถ้าหนูเป็นคนในตระกูลนี้จริง แล้วเมื่อก่อนช่วงที่เธอตบตีด่าว่าหนู ไม่ให้หนูได้กินได้ใช้อะไรเลย ทำไมถึงไม่มีใครออกมาช่วยปกป้องหนูเลยล่ะ?” อู่เหมยชี้ไปทางเหอปี้อวิ๋นและถามขึ้นอย่างเสียงดัง
…………………………………………………………………………………………..
ตอนที่ 516 ไม่กล้ายอมรับ
คำถามของอู่เหมยได้ทำให้คนในตระกูลอู่รู้สึกขาดความมั่นใจ แต่นั่นกลับทำให้เหยียนซินหย่าและจ้าวอิงหัวรู้สึกเจ็บปวดใจ เหยียนซินหย่าโอบกอดอู่เหมยไว้แล้วร้องไห้ “เหมยเหมย แม่ขอโทษหนูนะลูก แม่มันไม่ได้เรื่องจริงๆ ทำให้ลูกต้องทรมานขนาดนี้ ลูกตบตีแม่ได้เลย ตีแม่แรงๆ เลยก็ได้!”
เหยียนซินหย่าจับมืออู่เหมยไว้ แล้วฟาดลงที่หน้าของตัวเองไม่หยุด โดยใช้แรงทั้งหมดที่เธอมีอยู่ การทำแบบนั้นไปพอจะช่วยทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นบ้าง!
อู่เหมยพยายามดึงมือคืน ดวงตาของเธอเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา เธอหดตัวถอยหลัง พลางนึกว่าตัวเธอคาดหวังมาตลอดสองภพชาติว่าความรักดั่งครอบครัวจะย่างกรายเข้ามาหา หลังจากรู้สึกดีใจและแปลกใจ เธอกลับต้องถอยออกมา
เธอไม่คุ้นชินกับคนในครอบครัวที่ให้ความอบอุ่นราวกับแสงแดด แม้ว่าเธอจะคาดหวังกับความรักใคร่เอ็นดูของคนเป็นแม่ แค่คิดก็รู้สึกเจ็บปวด แต่พอความรักนั้นมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว เธอกลับรู้สึกไม่คุ้นเคยกับมัน
เธอกลัวว่านี่จะกลายเป็นเพียงแค่ความฝัน ในฝันมักจะมีแต่เรื่องดีและความสุข แต่เมื่อตื่นจากฝันก็มักจะเจอแต่ความเจ็บปวด จนถึงตอนนี้ เธอเองก็ยังไม่มั่นใจว่าเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้าในเวลานี้เป็นเรื่องจริง หรือบางทีอาจจะเป็นแค่ความฝันที่แสนจะยาวนาน!
เหยียนซินหย่ากลับเข้าใจว่าอู่เหมยเอาแต่โทษเธอ ใจเธอนั้นเจ็บปวดราวกับถูกมีดกรีด และนั่นทำให้เธอต้องนึกบ่นโทษตัวเองอีกครั้ง
เป็นเพราะความประมาทของเธอ เลยทำให้อู่เหมยต้องทุกข์ทรมาน ลูกสาวของเธอไม่ยอมรับเธอก็สมควรแล้ว ทั้งหมดเป็นความผิดของเธอเอง!
“เหมยเหมย ให้โอกาสแม่ได้ชดใช้กับความผิดที่ผ่านมาได้ไหม? ต่อไปนี้แม่จะดีกับลูกให้มากขึ้นเท่าตัว เหมยเหมยเข้ามาใกล้ๆ แม่หน่อย อย่าตีตัวออกห่างจากแม่นักเลย ลูกเป็นแบบนี้แม่เจ็บปวดเหลือเกิน” เหยียนซินหย่าร้องไห้พร้อมทั้งยื่นมือออกไปหา เธออยากจะอยู่ใกล้ๆ อู่เหมย แต่ก็กลัวว่าจะทำให้เธอตกใจ จึงทำได้เพียงมองอู่เหมยอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ สายตาพร่ามัวไปด้วยหยดน้ำตา จ้าวอิงหนานถือผ้าเช็ดหน้าไว้แล้วร้องไห้ด้วยเสียงเบาหวิว
พ่อสยงแตะไหล่ของเธอพร้อมกับพูดปลอบใจ สยงมู่มู่ที่ยืนอยู่ด้านข้างทำได้เพียงดึงชายเสื้อโค้ตขนแกะของพ่อตัวเอง ร้องห่มร้องไห้อย่างหนักหน่วง หยดน้ำตาน้ำมูกต่างไหลรวมกันจนเปื้อนบนเสื้อ
อู่เหมยอยากจะเข้าไปหาเหยียนซินหย่า เพราะไม่ต้องการให้เธอร้องไห้อีก แต่เท้าของเธอกลับไม่เชื่อฟังที่สมองสั่งการ ได้แต่พยายามถอยหลังออกไปเรื่อยๆ เธอไม่สามารถควบคุมการกระทำของตัวเองได้เลย
เหยียนซินหย่ายิ่งได้เห็นก็ยิ่งเจ็บปวด เธอร้องไห้จนไม่เป็นตัวของตัวเอง เข่าอ่อนจนต้องคุกเข่าลงไปอยู่กับพื้น
อู่เหมยรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ตัวเธอเองก็คุกเข่าลงไปอยู่กับพื้น ทั้งสองแม่ลูกร้องห่มร้องไห้เสียงดัง ทั้งที่อยู่ห่างกันแค่เอื้อม แต่กลับมีบางอย่างที่เป็นฉากกั้นระหว่างกลางของพวกเธอเอาไว้ คงทำได้แค่ให้เวลาเป็นตัวผลักดันให้ทุกอย่างค่อยๆ คลี่คลายออกไป
นัยน์ตาของจ้าวอิงหัวแดงก่ำ เขาเดินเข้าไปพยุงตัวเหยียนซินหย่าขึ้น แต่ไม่กล้าเดินเข้าไปพยุงตัวอู่เหมย แต่กลับโค้งตัวลงและพูดเพื่อรับผิด “เหมยเหมย อย่าโทษแม่เลย ทั้งหมดเป็นความผิดของพ่อเอง ในปีนั้นเป็นพ่อเองที่ไม่สามารถปกป้องลูกและแม่ของลูกให้ดี ลูกจะยอมให้โอกาสพ่อได้แก้ตัวไหม?”
อู่เหมยเงยหน้าขึ้น มองไปยังจ้าวอิงหัวและเหยียนซินหย่าที่อยู่ในอ้อมอกของเขาโดยมีท่าทีจะเป็นลม มองไปรอบข้างที่มีจ้าวเสวียหลินกำลังมองเธออย่างมีหวัง หากไม่เกินคาดเขาคงจะเป็นพี่ชายของเธอสินะ?
ความฝันของเธอคือการมีครอบครัวแบบนี้ พ่อที่มีท่าทีสง่าผ่าเผยและน่าเกรงขาม แม่ที่มีความอบอุ่นอ่อนโยน เวลาที่ถูกคนอื่นรังแกก็จะมีพี่ชายที่คอยช่วยเหลืออย่างไม่คิดชีวิต ทั้งหมดเป็นสิ่งที่เธอวาดฝันเอาไว้
แต่เรื่องเซอรไพรส์มาได้กะทันหันเกินไป เธอไม่อยากเชื่อว่านี่คือเรื่องจริง…
แต่ถ้าหากเป็นเรื่องจริง แล้วทำไมในชาติปางก่อนพวกเขาถึงไม่ปรากฏตัวล่ะ?
จนถึงช่วงที่เธอตายไป ทำไมคนทั้งครอบครัวถึงไม่ปรากฏตัว?
“ทำไมพวกคุณถึงมาตามหาฉันเอาตอนนี้? ทำไมไม่มาให้เร็วกว่านี้?” อู่เหมยร้องไห้พลางถามด้วยน้ำเสียงติดตำหนิ
เธอเกลียดอู่เยวี่ย เกลียดอู่เจิ้งซือ เกลียดเหอปี้อวิ๋น เกลียดทุกคนในตระกูลอู่ นั่นเป็นเพราะเธอไม่รู้ว่าตัวเองไม่ใช่สายเลือดของพวกเขา เธอจึงทำได้เพียงโทษว่าเป็นความโชคร้ายของเธอ แต่ในตอนนี้…
ทั้งสองสามีภรรยาต่างพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าเธอเป็นลูกสาวของพวกเขา อู่เหมยรู้สึกดีใจและตื่นเต้น แต่ขณะเดียวกันในใจก็เต็มไปด้วยความเคียดแค้น!
ถ้าหากชาติที่แล้วพวกเขาได้มารับเธอกลับไปอยู่ด้วย เธอคงจะไม่ต้องตายใช่ไหม?
และเป็นไปได้ไหมว่าชีวิตของเธอจะเปลี่ยนไป?
…………………………………………………………………………………………..