ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 519 เปิดโปงอู่เยวี่ย + ตอนที่ 520 พวกคุณสกปรกเสียยิ่งกว่าตงฟู่
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- ตอนที่ 519 เปิดโปงอู่เยวี่ย + ตอนที่ 520 พวกคุณสกปรกเสียยิ่งกว่าตงฟู่
ตอนที่ 519 เปิดโปงอู่เยวี่ย
อู่เหมยหันไปมองยังห้องที่อู่เยวี่ยแอบซ่อนตัวอยู่ สีหน้าเย็นชามากกว่าครั้งไหน และเธอได้หันไปมองยังโต๊ะอาหารที่มีอาหารวางอยู่เต็มโต๊ะ ทั้งหมดเป็นอาหารเช้าหลากหลายอย่างฝีมือคุณย่าอู่ที่ได้ทำเอาไว้ แต่อาหารบนโต๊ะกลับไม่มีการถูกแตะต้องหรือขยับเลยสักนิด เปลี่ยนไปเป็นเย็นชืดจนแข็งหมดแล้ว
ตอนเช้าที่คุณย่าอู่ได้รับบาดเจ็บ คนในครอบครัวต่างก็ไม่มีกะจิตกะใจจะกินข้าวเช้า ตี๋ชิวเยวี่ยหากินจากข้างนอก อู่เจิ้งซือและอู่เจิ้งต้าวก็หากินพร้อมกันที่โรงพยาบาล ถือเป็นมื้อเที่ยงไปโดยปริยาย และทางอู่เจิ้งหงก็กินพวกเกี๊ยวเข้าไปไม่กี่คำ สำหรับมื้อเที่ยงนั้น แม้แต่คนทำกับข้าวยังได้ล้มลงไปกองกับพื้นเสียแล้ว ทำให้คนในตระกูลต้องออกไปกินที่ร้านอาหาร พอทานเสร็จถึงได้ไปที่โรงละครต่อ
เพราะแบบนี้เลยทำให้อาหารบนโต๊ะมีลักษณะเดียวกันกับช่วงเช้าก่อนจากออกบ้าน อู่เหมยไม่ได้สนใจอะไรคุณย่าเลย เธอเลือกที่จะเดินตรงไปยังโต๊ะอาหาร พบกับนมแก้วหนึ่งที่อู่เยวี่ยเป็นคนส่งให้เธอในตอนเช้า ซึ่งตอนนี้เหลืออยู่แค่แก้วเปล่า
แต่ยังโชคดีที่แก้วใบนั้นยังไม่ถูกล้าง อู่เหมยรู้สึกใจชื้น อู่เยวี่ยยังถือว่าอ่อนประสบการณ์นัก ทำเรื่องเลวๆ ครั้งแรกแต่กลับลืมที่จะทำลายหลักฐานเสียได้
ทุกคนต่างมองอู่เหมยด้วยความแปลกใจ ไม่เข้าใจว่าเธอกำลังจะทำอะไร แต่ตี๋ชิวเยวี่ยกลับเข้าใจดี เธอจึงได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆ แต่ไม่มีเสียง
อู่เยวี่ยที่หลบอยู่ในห้องรู้ดีว่าอู่เหมยต้องการจะทำอะไร ในใจร้อนรุ่มดั่งไฟสุม ทำไมเธอถึงได้นึกไม่ถึงที่จะต้องใช้น้ำล้างทิ้งไปนะ?
ในเวลานี้เธอไม่สามารถทำอะไรได้ หากว่าเธอพุ่งตัวออกไปในตอนนี้ ก็ถือว่าเธอยอมรับว่าเธอทำผิดนะสิ?
ยายโง่เขลานั่น ทำไมถึงได้ฉลาดขึ้นมาในชั่วพริบตาล่ะ?
แก้วนมใบนั้นยังคงมีคราบบางอย่างหลงเหลืออยู่ อู่เหมยหยิบแก้วใบนั้นขึ้นมา จากนั้นได้เติมน้ำลงไปเล็กน้อย เธอเดินไปยืนอยู่ตรงหน้ากรงนกฮวยบี๊ที่คุณปู่อู่เลี้ยงเอาไว้ นกตัวนี้เป็นนกที่เด็กนักเรียนของคุณปู่ให้มา เสียงร้องของมันไพเราะมาก คุณปู่มักจะเห็นมันเป็นดั่งของรักของหวง ทุกๆ วันจะคอยดูแลมันด้วยตัวเขาเอง
อู่เหมยเทน้ำในแก้วที่ผสมเข้ากับนมลงในอ่าง นกฮวยบี๊ได้ส่งเสียงร้องขึ้น จากนั้นมันได้กระโดดลงไปข้างอ่างน้ำเพื่อกินนมที่อยู่ในนั้น มันคงคิดว่าเป็นรสชาติที่ใช้ได้ทีเดียว จึงได้เข้าต่อไปหลายอึก จนกระทั่งกินนมที่อู่เหมยป้อนให้จนหมด
อู่เหมยหันกลับมาแล้วพูดกับทุกคนว่า “พวกคุณคิดว่านกตัวนี้จะเป็นยังไง?”
ในใจของคุณปู่อู่รู้สึกถึงลางสังหรณ์แปลกๆ แต่เขาก็พยายามปลอบใจตัวเอง ก็แค่นมเท่านั้นเอง แต่ก่อนเขาก็มักจะเอานมป้อนมันอยู่บ่อยๆ ต้องไม่มีอะไรแน่นอน
ยายแสบอู่เหมยช่างกล้าสร้างเรื่องหลอกลวงนัก แผนการมากโขเกินไปแล้ว ก่อนหน้านี้เขาประเมินหลานสาวคนนี้ต่ำไปจริงๆ!
“สิ่งที่หนูป้อนให้นกไปคือนม และนมแก้วนั้นอู่เยวี่ยเป็นคนให้หนูในตอนเช้า แต่หนูไม่กล้าดื่ม กลัวว่าในแก้วนี้จะไม่ได้มีแค่นม แต่อาจจะใส่ของดีบางอย่างลงไปด้วย แต่ข้างในนี้จะมีของดีอะไร เชื่อว่าอีกไม่นานทุกคนก็จะได้รู้คำตอบค่ะ!”
อู่เหมยยังพูดได้ไม่ทันขาดคำ นกที่อยู่ในกรงก็ส่งเสียงร้องขึ้นอย่างรวดเร็ว เสียงร้องไม่ได้ไพเราะเสนาะหูเหมือนอย่างเคย แต่กลับแหลมสูงราวกับสามารถบาดแก้วหูได้ สีหน้าของทุกคนจึงเปลี่ยนไป และมองไปยังกรงนกด้วยสายตาที่ยากจะเชื่อ
นกฮวยบี๊ส่งเสียงร้องออกมาไม่กี่ครั้ง ก็ล้มลงนอนราบไป ส่วนปลายขนที่งดงามนั้นแปดเปื้อนไปด้วยสีเหลืองปนขาวเป็นของที่มีลักษณะเดียวกับขี้นก กระจัดกระจายไปทั่ว แค่ดูก็รู้ว่าเป็นอาการท้องร่วง
ในเวลานี้มีหรือที่ทุกคนจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น?
แก้วนมใบนั้นจะต้องใส่ยาถ่ายลงไปไม่น้อยแน่ หากว่าอู่เหมยดื่มมันเข้าไปจริง การแสดงในตอนบ่ายคงได้พังลงอย่างไม่เป็นท่า!
เด็กผู้หญิงอย่างอู่เยวี่ยช่างมีจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตเสียจริง!
จ้าวอิงหนานพูดเยาะเย้ยขึ้น “สาดตะปูในวันปีใหม่ ตอนนี้วางยาถ่าย ครอบครัวนักวิชาการอย่างตระกูลอู่นี่มักทำอะไรให้ฉันได้เปิดโลกกว้างเสมอเลยนะ!”
สีหน้าของทุกคนในตระกูลได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง คำพูดของจ้าวอิงหนานยังโหดร้ายเสียยิ่งกว่าการใช้มีดแทงคนอื่น ใบหน้าเหี่ยวแห้งของคุณปู่อู่แดงก่ำขึ้นมา เขานึกอยากจะหาช่องว่างให้เอาหน้ามุดแล้วหนีไปเสีย
อู่เหมยพูดขึ้นอีกครั้ง “อู่เยวี่ยตั้งใจจะทำร้ายหนู แต่ไม่ได้ทำแค่นี้ น้ำแข็งหน้าประตูที่มีอยู่หน้าบ้านในตอนเช้านั้นก็เป็นฝีมือของอู่เยวี่ย แต่น่าเสียดายที่คุณย่าต้องมาบาดเจ็บแทนหนูเสียได้!”
…………………………………………………………………………………………..
ตอนที่ 520 พวกคุณสกปรกเสียยิ่งกว่าตงฟู่
แน่นอนว่าคนอย่างคุณย่าอู่ไม่มีทางเชื่อ เธอบอกเพียงแค่อู่เหมยคิดจะจัดการอู่เยวี่ยก่อน ความรู้สึกนึกคิดที่อยากจะปกป้องอู่เยวี่ยที่คุณย่าอู่มีนั้นไม่ได้น้อยไปกว่าเหอปี้อวิ๋นเลย เธอไม่ได้สนใจความเจ็บปวดใดๆ บนร่างกายตัวเอง เอาแต่ชี้หน้าด่าอู่เหมย
อู่เหมยยิ้มเยาะส่งให้ ในใจเธอไม่มีแม้แต่ความรู้สึก แต่ไหนแต่ไรทุกครั้งเธอถูกดุด่า ไม่ว่าจะเป็นเหอปี้อวิ๋นหรือคุณย่า ต่อให้เธอเลือกที่จะไม่ใส่ใจมากแค่ไหน แต่แล้วความรู้สึกในใจเธอกลับเหมือนได้รับบาดเจ็บ
แต่ในวันนี้เธอไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย เธอนิ่งราวกับสายลมที่สงบลง!
อู่เหมยหันไปมองคนที่คอยเป็นห่วงเป็นใยเธออย่างพวกเจ้าอิงหัว ความอบอุ่นในใจประดังขึ้นมา และนั่นยิ่งทำให้เธอมีความมั่นใจมากขึ้น!
นับจากนี้ต่อไปเธอจะไม่ได้ตัวคนเดียวอีกแล้ว เธอก็จะเป็นเหมือนกับอู่เยวี่ย ที่คอยมีแต่คนรักใคร่ห่วงใยโดยไม่มีเหตุผลหรือข้อแม้ใดๆ!
“พวกคุณคิดดีๆ ก็แล้วกัน หลายวันมานี้ฝนไม่ตกเลย แล้วน้ำที่ขังอยู่หน้าบ้านจะมาได้ยังไง? มันชัดเจนมากว่าน้ำแข็งพวกนั้นต้องมีคนเอาน้ำมาสาดทิ้งไว้ในช่วงดึกดื่นค่อนคืน มีใครที่จะกล้าทำเรื่องตลกแบบนี้ได้อีก? นอกเสียจากอู่เยวี่ย ทั้งบ้านมีแค่เธอคนเดียวที่อยากให้ฉันลื่นล้มขาหัก แล้วไม่สามารถขึ้นแสดงบนเวทีงานปีใหม่ได้ หากว่าพวกคุณไม่เชื่อ ก็เรียกอู่เยวี่ยออกมาถามให้รู้ความเลยสิคะ!”
อู่เหมยตะโกนเสียงดังแล้วชี้ไปยังห้องที่อู่เยวี่ยแอบซ่อนตัวอยู่ สายตาเต็มไปด้วยความเย็นชาเคร่งขรึม
สยงมู่มู่ที่ร้องห่มร้องไห้อย่างหนัก ได้ออกแรงเช็ดน้ำตาเข้าที่เสื้อคลุมของพ่อสยงอย่างลวกๆ และได้ตะโกนเสียงดัง “ยัยโรคจิตอู่เยวี่ยต้องเป็นคนทำแน่ๆ ขนาดฆ่าคนเธอยังกล้าทำเลย แล้วเรื่องเลวทรามต่ำช้าแค่นี้ทำไมเธอถึงจะไม่กล้าทำล่ะ? เหมยเหมยเธอรีบกลับบ้านไปกับฉันเถอะ อย่าทนอยู่ในบ้านที่มีแต่ความวุ่นวายอีกเลย สกปรกเสียยิ่งกว่าตงฟู่!”
เมื่อถูกเด็กตัวเล็กๆ ด่าต่อหน้าต่อตา เป็นธรรมดาที่คนในตระกูลอู่จะทนไม่ได้ แต่พวกเขายังไม่มีจังหวะที่จะเอาคืนสยงมู่มู่ พวกเขาเป็นผู้ใหญ่ หากต้องไปถกเถียงกับเด็กเล็กๆ คงจะถือเป็นการลดเกียรติและฐานะตัวเองลง!
อู่เชาเดินเข้าไปหาแล้วออกแรงผลักเอวสยงมู่มู่ ด่าออกไปด้วยความไม่พอใจ “นายพูดถึงอู่เยวี่ยแล้วทำไมต้องลากครอบครัวฉันเข้าไปเกี่ยวด้วย? ยังเห็นว่าเราเป็นเพื่อนกันอยู่ไหม?”
สยงมู่มู่ลูบหน้าผากตัวเอง แล้วแสร้งโบกมืออย่างเมตตาเห็นใจ “งั้นถือว่านายเป็นรูปปั้นสิงโตสองตัวที่ยืนอยู่หน้าตงฟู่[1]แล้วกัน!”
อู่เชาทำปากตึงราบอย่างนึกขัดใจ เขาไม่ค่อยจะพึงพอใจกับคำตอบของสยงมู่มู่นัก ในใจรู้สึกแปลกๆ กับบางอย่าง แต่ผ่านไปได้พักใหญ่ก็ยังคิดไม่ออก
เหอปี้อวิ๋นที่ถูกจ้าวอิงหนานตบไปจนแทบสลบ ทำให้เธอเกิดอาการมึนงง คำพูดของเหยียนซินหย่าและคนอื่นๆ ไม่ได้ทำให้เธอมีสติขึ้นมาได้เลย จากเดิมที่การประมวลผลของสมองไม่ได้ดีนัก ในเวลานี้สมองกลับยิ่งทื่อราวผงแป้งแช่แข็ง เธอได้ยินเพียงแค่เสียงของคนรอบข้างที่ดังขึ้นไม่หยุด แม้จะฟังได้ชัดเจนทุกคำพูด แต่เธอกลับไม่สามารถนำคำพูดเหล่านั้นมาเรียบเรียงเป็นประโยคได้ และยิ่งไม่เข้าใจว่าคำพูดพวกนั้นหมายถึงอะไร
แต่ยังได้ยินคำพูดบางคำที่เป็นใจความสำคัญ
อู่เหมยไม่ใช่ลูกสาวของเธอ แต่เป็นลูกสาวของเหยียนซินหย่า!
ผ่านไปพักใหญ่ เธอถึงมีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา เธอมองไปยังอู่เจิ้งซือด้วยความสงสัย แต่กลับเห็นเขาเอาแต่ก้มหน้างุด ราวกับการกระทำที่แสดงออกถึงการขอโทษและรู้สึกผิดต่อเหยียนซินหย่า
ลางสังหรณ์ของผู้หญิงมักถูกต้องเสมอ นั่นจึงเป็นเหตุให้เธอเข้าใจเรื่องราวทุกอย่างได้อย่างชัดเจน เธอเข้าใจดีแล้วในตอนนี้ ว่าทำไมตั้งแต่อู่เหมยเล็กๆ เธอถึงได้ไม่ถูกชะตานัก
ไม่ใช่เพราะอู่เหมยมีรูปร่างหน้าคล้ายเหยียนซินหย่า!
แต่เป็นเพราะแท้จริงแล้วเธอเป็นลูกสาวของเหยียนซินหย่า!
จึงไม่แปลกเลยที่เธอเห็นหน้ายายเด็กบ้านี่ทีไรก็จะโมโหทุกครั้ง ต่อให้ฝืนตัวเองแค่ไหนก็ไม่สามารถชอบเธอได้เลย ที่แท้อู่เหมยก็ไม่ใช่ลูกของเธอ แล้วเธอจะชอบไปเพื่ออะไร?
แต่ลูกของเธอล่ะ?
ลูกของเธอไปอยู่ที่ไหน?
เหอปี้อวิ๋นเดินโซซัดโซเซเข้าไปหาอู่เจิ้งซือ จับตัวเขาไว้แล้วถามขึ้นอย่างร้อนใจ “อู่เจิ้งซือ แล้วลูกของฉันล่ะ? ลูกที่คลอดออกมาคุณเอาไปไว้ไหน?”
…………………………………………………………………………………………..
[1] ตงฟู่คือเมืองถงโจวในปัจจุบัน เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และความวุ่นวาย