ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 521 ความจริงได้เปิดเผยกระจ่างชัด + ตอนที่ 522 จากไป
ตอนที่ 521 ความจริงได้เปิดเผยกระจ่างชัด
ทุกคนพากันมองไปทางอู่เจิ้งซือเป็นตาเดียว พวกเขาต่างสงสัยในคำถามเดียวกัน หากว่าอู่เจิ้งซือขโมยลูกของเหยียนซินหย่าไปจริงๆ แล้วลูกของเหอปี้อวิ๋นไปอยู่ที่ไหน?
อู่เจิ้งซือถูกเหอปี้อวิ๋นเขย่าจนเกิดอาการเวียนหัว เขาไม่กล้ามองหน้าเหอปี้อวิ๋น เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำให้เขารู้สึกผิดต่อเหอปี้อวิ๋น แต่ที่เขาทำไปในปีนั้นเพื่อให้เป็นผลดีต่อเหอปี้อวิ๋น เขากลัวว่าเธอจะรับไม่ไหวกับเรื่องที่เกิดขึ้น และในช่วงนั้นความสัมพันธ์ของเขาและเหอปี้อวิ๋นก็ดีเอามากๆ
“อู่เจิ้งซือ คุณบอกฉันมาสิว่าลูกของเราไปอยู่ที่ไหน? เขาเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย? คุณรีบพูดออกมาสิ!”
รออยู่นานสองนานก็ไม่ได้คำตอบจากปากของอู่เจิ้งซือ ใจของเหอปี้อวิ๋นแทบแตกสลาย
ในใจเธอรู้สึกถึงลางสังหรณ์บางอย่างที่ไม่ค่อยดีนัก แต่เธอก็ไม่พร้อมที่จะคิดอะไรต่อ เธอเข้าใจแค่ว่าตัวเองคิดผิดไป
อู่เจิ้งซือกล้าตอบเสียที่ไหน หากว่าเขาตอบเหอปี้อวิ๋นออกไป นั่นก็เท่ากับว่าเขายอมรับว่าตัวเขาเองได้ทำเรื่องเลวร้ายลงไป แน่นอนว่าเขาจะไม่มีทางยอมรับ อู่เจิ้งซือเข้าใจมาตลอดว่า หากเขากัดความจริงไว้แน่นโดยไม่ปริปากพูดออกไป เรื่องทุกอย่างก็จะผ่านไปเอง!
และเขาจะยังเป็นครูดีเด่นประจำมณฑลที่ทุกคนต่างอิจฉาและเคารพนับถือ อู่เหมยก็ยังคงเป็นลูกสาวของเขา เกียรติยศทุกอย่างก็จะยังคงกลายเป็นของเขา!
จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เกิดขึ้น!
เหอปี้อวิ๋นเขย่าตัวอู่เจิ้งซือไม่หยุด ท่าทีราวกับหญิงเสียสติ แต่อู่เจิ้งซือกลับไม่ยอมปริปากส่งเสียงพูดแต่อย่างใด แม้ว่าจะเห็นเธอเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหว
เหยียนซินหย่ามองไปยังเหอปี้อวิ๋นด้วยสายตาเคียดแค้นและเวทนา เธอไม่รู้สึกเห็นใจผู้หญิงคนนี้เลยสักนิด แต่ขณะเดียวกัน เธอก็มองอู่เจิ้งซือได้อย่างเยือกเย็นยิ่งกว่าเดิม ดูท่าแล้วต้นเหตุเรื่องการขโมยลูกของเธอไปจะเป็นอู่เจิ้งซือคนเดียวที่รู้ เหอปี้อวิ๋นเองก็ถูกหลอกมาเป็นเวลานาน
“เด็กที่เธอคลอดออกมาก็เป็นเด็กผู้หญิง เพียงแต่คลอดออกมาก็ตายไป อู่เจิ้งซือนำลูกของเธอที่ตายไปแล้วมาสับเปลี่ยนกับเหมยเหมย เถ้ากระดูกของลูกสาวเธอ ฉันเป็นคนฝังลงหลุมไปเองกับมือ อยู่ในสุสานสาธารณะบนภูเขาหนาน”
เหยียนซินหย่าพูดออกมาอย่างเย็นชา ในตอนนี้เธอสามารถปะติดปะต่อเรื่องราวความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในปีนั้นได้แล้ว เธอและเหอปี้อวิ๋นน่าจะคลอดลูกในวันเดียวกัน เธอคลอดเหมยเหมยออกมา ส่วนเด็กที่เหอปี้อวิ๋นคลอดออกมาได้ตายไปแล้ว อู่เจิ้งซือจึงได้ทำการสับเปลี่ยนเด็กที่ตายคนนั้น แล้วเอาตัวเหมยเหมยของเธอไป
อู่เจิ้งซือร่างกายสั่นเทิ้ม สิ่งที่เหยียนซินหย่าพูดมาถูกต้องทุกอย่าง เรื่องราวในปีนั้นเป็นเช่นนี้ ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงปล่อยให้ความชั่วเข้าครอบงำได้?
แต่ถึงอย่างไรเขาก็ได้ทำมันลงไปแล้ว ถ้าจะทำผิดก็ต้องผิดให้ถึงที่สุด เพราะฉะนั้นเขาห้ามยอมรับออกมาเด็ดขาด!
“เรื่องไม่ได้เป็นแบบนั้น เหมยเหมยเป็นลูกของผม เหยียนซินหย่าเธอพูดอะไรไร้สาระ!”
อู่เจิ้งซือพูดขึ้นอย่างเด็ดขาด แต่เหอปี้อวิ๋นกลับไม่เชื่อเขาแม้แต่น้อย เธอเชื่อในลางสังหรณ์ของตัวเอง ยายเด็กบ้าอู่เหมยต้องไม่ใช่ลูกของเธอแน่นอน!
เธอจ้องหน้าอู่เจิ้งซือแล้วตวาดขึ้น ”เด็กที่ฉันคลอดออกมาตายแล้วเหรอ? เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า? รีบตอบฉันมาสิ ตอบมา!”
เหอปี้อวิ๋นแทบจะกลายเป็นบ้า ลูกสาวที่เธอเลี้ยงมาตลอดสิบสองปีกลับเป็นลูกของคนอื่น อีกทั้งยังเป็นลูกของศัตรูหัวใจเธอ!
และแน่นอนว่าเธอไม่ได้สนใจว่าอู่เหมยเป็นลูกของใครกันแน่ แต่เธอเพียงแค่อยากรู้ว่าสิ่งที่เหยียนซินหย่าพูดเป็นความจริงหรือไม่!
จ้าวอิงหนานพูดเยาะเย้ย “เหอปี้อวิ๋น เธอนี่ช่างโง่เขลาเสียจริง เมื่อสิบสองปีก่อนเธอคลอดลูกที่โรงพยาบาล เกิดเรื่องอะไรขึ้น เธอแค่ถามจากหมอประจำตัวที่ทำคลอดให้เธอก็รู้ได้ชัดเจนแล้วนี่ อู่เจิ้งซือนายไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร ฉันจะให้ทางตำรวจเข้ามาสืบหาเรื่องที่เกิดขึ้นเอง รับรองว่าเรื่องราวทุกอย่างจะกระจ่างแน่นอน”
จ้าวอิงหัวพูดเสริม “และยังมีหมอตำแยคนนั้น เธอจะต้องรู้ความจริงทุกอย่าง อู่เจิ้งซือ สวรรค์มักให้ความยุติธรรมเสมอ คนทำผิดมักได้รับการลงโทษที่สาสม ฉันจะไม่ปล่อยนายไว้แน่!”
อู่เจิ้งซือหน้าซีดขึ้นอย่างฉับพลัน ร่างกายเอาแต่สั่นเทิ้มไม่หยุด แม่แต่ยืนก็ยังยืนได้ไม่มั่นคง!
หากว่าทางตำรวจเข้ามาสืบ จะต้องหาความจริงที่เกิดขึ้นในปีนั้นได้แน่ แล้วเขาจะยังปิดบังต่อไปได้อย่างไร?
ไม่มีใครที่เข้าอกเข้าใจลูกได้ดีเท่ากับคนเป็นพ่อแล้ว แค่เห็นลักษณะท่าทีของอู่เจิ้งซือ คุณปู่อู่จะไม่รู้ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นได้อย่างไร ทั้งโกรธเกลียดเคียดแค้น เด็กอย่างอู่เหมยพวกเขาจะเก็บไว้อีกต่อไปไม่ได้แล้ว!
…………………………………………………………………………………………..
ตอนที่ 522 จากไป
จ้าวอิงหัวไม่อยากเสียเวลากับคนในตระกูลอู่อีกต่อไป แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ภายในประเทศยังไม่มีวิธีการตรวจทางพันธุกรรม ก่อนหน้านี้เขาเคยได้ยินเพื่อนพูดว่าที่อเมริกามีเทคโนโลยีที่ทันสมัย เรียกการตรวจทางพันธุกรรมนี้ว่า การตรวจดีเอ็นเอ หากจะหาว่าคนนี้เป็นลูกแท้ๆ หรือไม่ แค่ไปเจาะเลือดตรวจที่โรงพยาบาลก็สามารถรู้ผลได้
แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร เพราะร่องรอยและหลักฐานที่อู่เจิ้งซือทิ้งไว้ในปีนั้นมีอยู่มาก เพียงแค่เข้าไปสืบหาจะต้องเจอความจริงแน่ เขาไม่มีทางปล่อยอู่เจิ้งซือไว้แน่นอน!
ไหนจะเหอปี้อวิ๋นอีก แม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะไม่รับรู้อะไรด้วย แต่หล่อนทารุณกรรมลูกสาวของเขา ทำให้เหมยเหมยต้องเจ็บปวดทรมาน เขาจะปล่อยเหอปี้อวิ๋นไว้ได้อย่างไร?
และยังมีอู่เยวี่ย สมแล้วที่เด็กคนนี้จะเป็นลูกสาวของทั้งเหอปี้อวิ๋นและอู่เจิ้งซือ รวบรวมความเห็นแก่ตัว เลือดเย็น และชั่วช้าไว้ในตัวเธอได้อย่างสมบูรณ์แบบ เขาจะไม่ยอมปล่อยไว้เช่นกัน!
คนอย่างจ้าวอิงหัวไม่ยอมใจอ่อนง่ายๆ!
“เหมยเหมย กลับไปกับพ่อแม่ดีไหม? เรากลับบ้านของเรากัน บ้านที่ไม่มีใครกล้ารังแกลูก!” จ้าวอิงหัวก้มหน้ามองอู่เหมย ในสายตามีแต่ความอบอุ่น
เหยียนซินหย่าเองก็มองอู่เหมยอย่างมีหวัง ร่างกายเธอเริ่มสั่นเทา กลัวว่าลูกสาวจะพูดปฏิเสธออกมา
ดวงตาอู่เหมยเบิกกว้างและจดจ้องไปยังพ่อแม่ตัวจริงของเธอ ราวกับเวลาได้หยุดหมุนไปชั่วขณะ ทุกคนต่างจ้องมองมายังเธอด้วยความรู้สึกสงสาร เพื่อรอฟังคำตอบของเธอ
เนิ่นนานมาก
นานมากกว่าอู่เหมยจะพยักหน้าเบาๆ พร้อมตอบกลับเสียงเบา “ค่ะ!”
เหยียนซินหย่าน้ำตาไหลลงอาบสองแก้ม นั่นเป็นน้ำตาแห่งความดีใจ ลูกสาวยอมรับเธอแล้ว
จ้าวอิงหัวเองก็มีน้ำตาซึมเล็กน้อย เขาถอดถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาไม่นึกไม่ฝันเลยว่าการกลับมาเมืองจินครั้งนี้ เขาจะได้รับการเซอร์ไพรส์ที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ขอบคุณสวรรค์!
จ้าวอิงหนานพูดขึ้นอย่างดีใจ “เรากลับกันตอนนี้เลย มื้อเย็นนี้ฉันเป็นคนเลี้ยงเอง ภัตตาคารจุ้ยเซียน!”
เหยียนซินหย่ายื่นมือออกไปดึงอู่เหมย เธออยากจะอยู่ใกล้กับลูกสาวให้มากกว่านี้ แต่ในจิตใต้สำนึกกลับทำให้เธอถอยห่าง นั่นเป็นเพราะสัญชาตญาณ การได้รับบาดแผลมาทั้งสองภพชาติ ทำให้เธอเป็นคนที่ไวต่อความรู้สึก และเป็นปกติที่ร่างกายจะปฏิเสธต่อคนแปลกหน้า ไม่ได้เกี่ยวกับความชอบหรือความกลัว!
อู่เหมยมองเหยียนซินหย่าอย่างอึดอัด เธออยากจะบอกออกไปว่าเธอไม่ได้รังเกียจ แต่พออ้าปากได้ไม่ถึงครึ่งกลับพูดไม่ออก ราวกับคำพูดทุกอย่างถูกกักไว้ถึงแค่ส่วนคอ
เหยียนซินหย่ายิ้มให้อย่างอ่อนโยน เธอไม่ได้สนใจเลยสักนิด เวลาผ่านมาแล้วสิบสองปี จะให้ย่นเหลือแค่ระยะสั้นๆ ได้ง่ายๆ เหรอ?
ขอแค่เหมยเหมยยอมรับเธอก็เพียงพอแล้ว เพราะเธอมั่นใจว่าจะสามารถแก้ปมที่ฝังลึกอยู่ในใจของอู่เหมยออกได้ เธอต้องทำได้!
สยงมู่มู่ออกแรงดึงอู่เหมย และแอบกระซิบที่ข้างหูเธอ “จากนี้ไปเธอจะต้องเรียกฉันว่าพี่ เราเป็นลูกพี่ลูกน้องกันโดยฉันมีศักดิ์เป็นพี่ชายเธอ ถึงเธอไม่ยอมเรียกก็ไม่อาจขัดต่อกฎของสวรรค์ได้!”
พอได้อยู่เคียงข้างกับสยงมู่มู่ เธอถึงรู้สึกได้ถึงความเป็นตัวของตัวเอง ความร่าเริงสดใสของเธอจึงกลับมาเป็นปกติ เธอหันมองสยงมู่มู่ด้วยความระอาและทำหน้ายักษ์ส่งให้เขา
เธอไม่ยอมเรียกเด็กกะโปโลอย่างเขาว่าพี่หรอก!
จ้าวอิงหัวหันกลับไปพูดกับคนในตระกูลอู่ “เรื่องนี้ยังไม่จบหรอก บัญชีนี้ฉันจะค่อยๆ คิดทีละต้นทีละดอกให้ครบทุกเม็ด!”
พูดจบเขาก็หันกลับไปโอบภรรยาสาวเพื่อพาเดินออกไป อู่เหมยอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองแค่แวบเดียว ไม่ใช่เพราะความอาลัยอาวรณ์ แต่มองเพียงแค่แวบเดียว
จนถึงตอนนี้เธอยังไม่กล้าที่จะเชื่อเลยว่า ความฝันที่ติดอยู่ในใจของเธอมาตลอด จะกลายเป็นจริงได้ในวันนี้ มันคล้ายกับความฝันเสียเหลือเกิน!
คนในตระกูลอู่มองอู่เหมยด้วยสายตาที่สับสนและยากจะคาดเดา พวกเขาอยากเห็นสีหน้าอาลัยอาวรณ์บนใบหน้าของอู่เหมย แต่กลับไม่มีเลย อู่เหมยจากไปอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย เดินออกไปอย่างสง่าผ่าเผย ไม่มีแม้แต่ความลังเล!
อู่เชาพยายามสูดน้ำมูกฟุดฟิด เขาเกิดรู้สึกเบาหวิวขึ้นมาในใจจึงได้วิ่งตามอู่เหมยออกไป และเรียกให้อู่เหมยหยุดเพื่อถามคำถาม “เหมยเหมย ต่อไปนี้เธอจะไม่เล่นกับฉันแล้วใช่ไหม?”
อู่เหมยส่งยิ้มให้เขาพร้อมกับส่ายหน้า และตอบกลับ “ไม่หรอก ต่อให้นายจะไม่ใช่พี่ชายของฉัน แต่เราก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้”
เจ้าเด็กอ้วนยกยิ้ม เขากลับเข้าบ้านอย่างสบายอกสบายใจ ขอเพียงแค่อู่เหมยยอมเป็นเพื่อนกับเขาก็เพียงพอแล้ว เรื่องของผู้ใหญ่เขาเบื่อที่จะเข้าไปยุ่งแล้ว อีกอย่างถ้าต้องพูดถึงคนโรคจิตอย่างน้าสะใภ้รองกับอู่เยวี่ยนั่น ให้อู่เหมยจากไปยังดีกว่าเสียอีก!
ขณะที่อู่เหมยและทุกคนเดินออกจากประตูใหญ่ กลับเหลือบไปเห็นเหยียนหมิงซุ่นที่ยืนเฝ้าอยู่ตรงนั้น เขาได้ส่งรอยยิ้มอันอ่อนโยนให้กับอู่เหมย
…………………………………………………………………………………………..