ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 523 วิกฤตกาลแสนสาหัส + ตอนที่ 524 เธอคือเจ้าหญิงตัวน้อยของตระกูลเรา
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- ตอนที่ 523 วิกฤตกาลแสนสาหัส + ตอนที่ 524 เธอคือเจ้าหญิงตัวน้อยของตระกูลเรา
ตอนที่ 523 วิกฤตกาลแสนสาหัส
อู่เหมยวิ่งเข้าไปหาเด็กหนุ่มอย่างตื่นเต้น เหยียนหมิงซุ่นเป็นคนที่เธออยู่ด้วยสบายใจมากเสียกว่าสยงมู่มู่ หากเหตุการณ์เมื่อครู่มีเหยียนหมิงซุ่นอยู่ด้วย เธอคงสบายใจมากกว่านี้
“พี่หมิงซุ่น ทำไมถึงมาเอาตอนนี้ล่ะคะ?” อู่เหมยถามออกไปอย่างน้อยใจ
แค่ไปหยิบภาพวาดรูปเดียวเท่านั้น ทำไมถึงได้นานขนาดนี้ล่ะ?
แท้จริงตอนอยู่ที่โรงละคร เหยียนหมิงซุ่นได้มาเอากุญแจจากเธอไป บอกว่าจะไปหยิบภาพวาดที่บ้านเพื่อเอามาเปิดให้เหยียนซินหย่าและคนอื่นๆ ได้ดู แบบนั้นถึงจะเป็นการยืนยันได้มากพอถึงความสัมพันธ์ของเธอสองแม่ลูก
เหยียนหมิงซุ่นมองเห็นดวงตาอู่เหมยแดงก่ำ จึงรู้ได้ว่าเธอเพิ่งผ่านการร้องไห้มา และเป็นการร้องไห้ที่แสนเจ็บปวด แต่เมื่อเห็นความปีติผ่านทางหางคิ้ว เขาก็เดาได้ว่าเรื่องราวคงจะจบลงได้อย่างสมบูรณ์แบบ
“พี่มาถึงนานแล้ว แต่ไม่สะดวกที่จะเข้าไปข้างใน เลยอยู่ด้านนอกรอเธอออกมา” เหยียนหมิงซุ่นหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าเสื้อตรงหน้าอก เพื่อเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าให้เธอ
การกระทำของเขาดูสนิทชิดเชื้อมาก ทำให้สมองของจ้าวเสวียหลินทำงานอย่างหนัก เส้นประสาททุกเส้นในร่างกายตึงไปหมด เขารีบควักเอาผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าเสื้อ และขวางมือเหยียนหมิงซุ่นเอาไว้
“เหมยเหมยใช้ของพี่สิ อย่าใช้ของจากคนนอก”
อู่เหมยเอาแต่คิดว่าพี่ชายของตัวเองมีท่าทีดุดัน ดูท่าเหมือนจะเข้าถึงอยาก แต่เธอก็สัมผัสได้ถึงสายตาของจ้าวเสวียหลินที่มองเธออย่างห่วงใย แต่หากเทียบกันแล้ว เธอรู้สึกสนิทใจกับเหยียนหมิงซุ่นมากกว่าเล็กน้อย
“พี่หมิงซุ่นไม่ใช่คนนอกนะ!”
อู่เหมยทำจมูกฟุดฟิดต่อผ้าเช็ดหน้าของจ้าวเสวียหลิน มีกลิ่นเหงื่ออ่อนๆ ตกค้างอยู่ ยิ่งมองลักษณะผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ ไม่รู้เหมือนกันว่าพี่ชายของเธอเก็บมันไว้กับตัวมานานกี่เดือนแล้ว?
ไม่เหมือนกับผ้าเช็ดหน้าของพี่หมิงซุ่น พับไว้อย่างเรียบร้อย และยังมีกลิ่นอ่อนๆ ให้ชวนสัมผัส ผ้าเช็ดหน้าของจ้าวเสวียหลินเสมือนว่าถูกเก็บมาจากถังขยะ
อู่เหมยยอมให้เหยียนหมิงซุ่นเช็ดใบหน้าให้ มองไปด้านข้างที่มีจ้าวเสวียหลินยืนอยู่ด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ และเตือนด้วยความหวังดี “ผ้าเช็ดหน้าต้องหมั่นซักหมั่นเปลี่ยน พี่ไม่ซักผ้าเช็ดหน้าแบบนี้ ไม่ดีต่อสุขภาพนะคะ”
จ้าวเสวียหลินก้มมองในมือตัวเองที่ถือผ้าเช็ดหน้าที่มีลักษณะไม่ต่างไปจากผักกาดดองเลย จากนั้นค่อยๆ เหลือบมองไปยังผ้าเช็ดหน้าของเหยียนหมิงซุ่นที่สะอาดขาวราวกับเต้าหู้แผ่น จึงทำให้ไฟร้อนปะทุขึ้นมา และจ้องมองเหยียนหมิงซุ่นแวบหนึ่ง จากนั้นค่อยส่งรอยยิ้มอ่อนโยนให้กับอู่เหมย เพียงแต่รอยยิ้มของเขามันดูไม่น่ามองนัก
“พี่ซักบ่อยเปลี่ยนบ่อยอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้มันกะทันหันน่ะ ครั้งหน้าพี่จะเตรียมผืนที่สะอาดๆ มาก็แล้วกัน”
จ้าวเสวียหลินตกปากรับคำอย่างหนักแน่น ตัดสินใจจะแก้นิสัยแย่ๆ ที่ไม่ชอบซักผ้าเช็ดหน้าออกไป และจะต้องทำให้น้องสาวได้ใช้ผ้าเช็ดหน้าของเขาให้ได้ เขาจะไม่ยอมให้ชายอื่นที่มีจิตใจคิดไม่ซื่อมาหว่านล้อมน้องสาวเขาได้
อู่เหมยหันไปมองพี่ชายตัวเองอีกครั้งอย่างไม่เข้าใจ ว่าทำไมเขาจะต้องหนักแน่นและจริงจังขนาดนั้นด้วย แค่เรื่องผ้าเช็ดหน้าผืนเดียวเท่านั้นเอง!
เธอรู้อะไรเสียที่ไหน จ้าวเสวียหลินที่เพิ่งได้เลื่อนขั้นมาเป็นพี่ชายเธอ ในเวลานี้รับรู้ได้ถึงอันตรายอย่างมาก!
น้องสาวสวยขนาดนี้ หมาป่าที่จ้องจะขย้ำมีอยู่ถมไป แบบนั้นจึงทำให้จ้าวเสวียหลินดูมีท่าทีกลุ้มใจ
บุคคลที่กลุ้มใจไม่ต่างจากจ้าวเสวียหลิน ก็คือจ้าวอิงหัว แค่เขาได้เห็นความสนิทชิดเชื้อและความปรองดองที่เหยียนหมิงซุ่นมีต่อลูกสาวของเขา เส้นสมองจึงเรียบตึงขึ้นมาในทันที แน่นอนว่าเขารู้สึกขอบคุณเหยียนหมิงซุ่น เพราะหากว่าไม่มีเด็กคนนี้ เขาก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่จะเอาตัวลูกสาวของเขาคืนกลับมา!
แต่เรื่องทุกอย่างต่างก็ไม่เกี่ยวข้องกัน เรื่องส่วนตัวคือเรื่องส่วนตัว บุญคุณต้องทดแทนด้วยบุญคุณ แต่ลูกสาวเขาเองก็จะต้องดูแลไว้ให้ดี เขาไม่มีทางใช้ลูกสาวเป็นสิ่งทดแทนบุญคุณแน่!
ต่อไปนี้ต้องหาโอกาสพูดกับอู่เหมยไว้บ้าง ผู้ชายทุกคนคือหมาป่าที่พร้อมจะถลกหนังของเหยื่อตลอดเวลา ไม่ควรจะให้โอกาสพวกผู้ชายมากเกินไป ต้องห่างจากหมาป่าพวกนี้เข้าไว้!
อย่างเช่นเด็กเหยียนหมิงซุ่นนี่!
เหยียนหมิงซุ่นรับรู้ได้ถึงสายตาที่ไม่ค่อยเป็นมิตรของทั้งคู่ คนแรกคือจ้าวอิงหัวผู้เป็นพ่อ เขาพยายามขมวดคิ้วเล็กน้อยเพื่อส่งยิ้มให้ แต่กลับได้รับสายตาเอือมระอาและรอยยิ้มจากจ้าวอิงหัวที่ดูไม่ได้เต็มใจนัก
เหยียนซินหย่าชักชวนเหยียนหมิงซุ่นให้ไปร่วมทานข้าวพร้อมกันที่ภัตตาคารจุ้ยเซียน เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกยินดีที่จะไปด้วย
หลังจากที่พวกเขาได้เข้ามานั่งในห้องอาหาร เขาจึงล้วงเอาภาพวาดภาพนั้นออกมาจากในเสื้อ และเปิดกางภาพวาดภาพนั้นออกต่อหน้าทุกคน
…………………………………………………………………………………………..
ตอนที่ 524 เธอคือเจ้าหญิงตัวน้อยของตระกูลเรา
ทุกคนต่างพากันตกตะลึงกับภาพวาดนั้น แม้ก่อนหน้านั้นเหยียนหมิงซุ่นจะเคยบอกว่าอู่เหมยได้วาดภาพเหมือนของเหยียนซินหย่าไว้ แต่พวกเขาก็คิดว่าอาจจะมีไม่กี่ส่วนที่จะเหมือน ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้อู่เหมยไม่เคยเจอกับเหยียนซินหย่ามาก่อน ต่อให้เคยเจอกันในฝันมาก่อน แต่จะวาดได้เหมือนทุกประการแบบนี้ได้อย่างไร?
เหยียนหมิงซุ่นพูดออกไปแบบนั้นต้องเป็นเพราะชื่นชมจนเกินจริงแน่
แต่ในตอนนี้
พวกเขาถึงได้รู้ ว่าเหยียนหมิงซุ่นไม่ได้พูดเกินจริงเลย หญิงสาวในรูปนั้นเป็นคนคนเดียวกับเหยียนซินหย่าแน่ ภาพลักษณ์ว่าเหมือนแล้ว อารมณ์ความรู้สึกที่มองยิ่งเหมือน โดยเฉพาะหางคิ้วที่บ่งบอกถึงความทุกข์ระทมนั้น มีความคล้ายคลึงเสียยิ่งกว่าการถ่ายรูปด้วยกล้องถ่ายรูป
“พระเจ้า ทำไมถึงได้เหมือนขนาดนี้? หากว่าฉันไม่รู้ที่มาที่ไปมาก่อน ฉันต้องคิดว่าเหมยเหมยเคยเจอสะใภ้เล็กมาก่อนแน่ๆ!” จ้าวอิงหนานพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น
ความรู้สึกตื่นเต้นที่เหยียนซินหย่ามีในอก ไม่ได้ต่างไปจากจ้าวอิงหนานเลย เธอตื่นเต้นมากจนใช้มือลูบวนซ้ำๆ ที่ภาพวาดนั้น ถือว่าพระเจ้าช่วยเธอไว้ไม่น้อยเลย บ่งชี้เส้นทางให้เธอและลูกสาวได้ชัดเจนมาก ต่อให้เหยียนหมิงซุ่นไม่มาเตือน เธอมั่นใจว่าเธอจะต้องได้เจอกับลูกอย่างแน่นอน
แต่อาจจะต้องเจอกับอุปสรรคที่หนักหนากว่านี้!
“เหมยเหมย ยกภาพวาดนี้ให้กับแม่ได้ไหม?” เหยียนซินหย่าถามอย่างระวัง
อู่เหมยพยักหน้าเบาๆ นั่นจึงทำให้เหยียนซินหย่ายิ้มออกมา หากคนเรามีความสุข ความรู้สึกนึกคิดก็พลอยเต็มไปด้วยความสุขเช่นกัน สีหน้าท่าทีของเหยียนซินหย่าในตอนนี้ถือว่าดีขึ้น เธอดูมีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก ไม่เป็นเหมือนเมื่อก่อนที่ดูจะคล้ายคนป่วย
อาหารค่อยๆ ทยอยเข้ามาเสิร์ฟ จ้าวอิงหนาสั่งแต่เมนูที่อู่เหมยและสยงมู่มู่ชอบกิน เธอเปิดขวดเหล้าเหลืองแล้วพูดออกมายิ้มๆ “วันนี้ถือเป็นวันมงคลของครอบครัวเรา จะต้องดื่มเหล้าสักนิดเพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง หลังจากกลับถึงบ้าน พวกเราค่อยโทรหาพ่อกับแม่ พวกท่านจะต้องดีใจจนเสียสติแน่ ในที่สุดตระกูลจ้าวของเราก็มีหลานสาวแล้ว!”
แท้จริงแล้วบรรดาพี่น้องของจ้าวอิงหัวต่างมีแต่ลูกชาย ทำให้ในบ้านมีแต่เพศชาย คุณปู่จ้าวและคุณย่าเองต่างก็นึกเสียใจไม่น้อยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปีนั้น และนึกเสมอว่าเป็นความผิดครั้งใหญ่ของพวกท่าน ที่ไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะช่วยให้หลานสาวเพียงคนเดียวมีชีวิตอยู่ได้
หากว่าเสาหลักทั้งสองของตระกูลจ้าวรับรู้ว่าหลานสาวยังมีชีวิตอยู่ พวกท่านคงดีใจถึงขั้นที่ว่านอนหลับฝันยังหัวเราะออกมาได้
อู่เหมยไม่ได้พูดอะไรออกมา เธอได้แต่นั่งฟังที่คนอื่นๆ และจ้าวอิงหัวพุดคุยกัน เหยียนซินหย่าและจ้าวอิงหนานตั้งใจที่จะหยิบยกเรื่องราวในตระกูลออกมาพูด โดยเล่าคร่าวๆ ว่าในตระกูลมีใครบ้าง เพื่อเป็นการทำให้เธอได้เริ่มคุ้นชิน
อู่เหมยเข้าใจได้ในทันที เธอมีคุณปู่คุณย่า มีลุงสองคน และมีลูกพี่ลูกน้องชายอีกห้าคน พี่คนโตและคนรองอยู่ในกองทหาร พี่ชายคนที่สามเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ พี่คนที่สี่และห้าเรียนมัธยมปลายอยู่ที่เมืองหลวง และมีพี่ชายแท้ๆ เพิ่มมาอีกหนึ่ง รวมทั้งลูกพี่ลูกน้องชายอีกหนึ่ง
ช่างเป็นครอบครัวใหญ่จริงๆ!
แต่ก็ไม่รู้ว่าคนในครอบครัวใหม่ของเธอจะเป็นอย่างไร?
ไม่รู้ว่าอยู่กันยากไหม?
“เหมยเหมย ต่อไปนี้หนูจะกลายเป็นเจ้าหญิงตัวน้อยของตระกูลเรา หากใครหน้าไหนกล้ารังแกหนู พี่ชายทุกคนของหนูจะจัดการคนพวกนั้นให้ราบคาบ!” เหยียนซินหย่าพูดกับเธออย่างสุภาพอ่อนโยน
หากเป็นเมื่อก่อนทุกครั้งที่กลับบ้าน เหล่าบรรดาหลานชายทั้งหลายต่างพากันนึกเสียดายที่หน้าสะใภ้ของพวกเขาไม่สามารถมีน้องสาวผู้เลอโฉมและน่าทะนุถนอมให้พวกเขาได้ ทำให้พวกเขาที่เป็นพี่ชายไม่แม้แต่จะมีพื้นที่แสดงถึงความองอาจใดๆ ได้เลย!
แต่ในตอนนี้พวกเขาจะต้องดีใจจนหน้าบานเป็นแน่ เหมยเหมยงดงามขนาดนี้ อีกทั้งยังมีแต่คนรักใคร่เอ็นดู ต่อไปนี้พวกเขาคงจะว้าวุ่นจนแทบไม่ได้หยุดพักแน่นอน!
อู่เหมยมองไปยังจ้าวเสวียหลินแค่แวบเดียว ในหัวของอู่เหมยได้จินตนาการถึงภาพชายหนุ่มร่างกายกำยำอีกห้าคนที่มีพละกำลังเฉกเช่นจ้าวเสวียหลิน ทำหน้าตาดุดันและล้อมรอบตัวเธอไว้ ห้อมล้อมจนแทบไม่มีช่องว่างให้อากาศเล็ดลอดเข้ามาได้ แต่นั่นเป็นความรู้สึกที่ดีมาก!
“สยงมู่มู่ต่อสู้กับคนอื่นยังไม่ดีเท่าหนูเลย ไม่มีความคล่องตัวเอาเสียเลย!”
อู่เหมยเหลือบมองสยงมู่มู่ที่เป็นลูกพี่ลูกน้องชายอย่างไม่แยแสนัก พี่ชายแบบนี้ มีแต่จะให้เธอคอยปกป้อง!
เหยียนซินหย่าที่ได้ฟังน้ำเสียงหวานแหววแสนน่ารักของอู่เหมย ในใจรู้สึกหวานเสียยิ่งกว่าการได้ดื่มน้ำผึ้ง แม้ในตอนนี้อู่เหมยจะยังไม่ยอมเรียกเธอว่าแม่ แต่อย่างน้อยเธอก็ยอมพูดคุยกับคนเป็นแม่อย่างเธอแล้ว
อีกไม่นานเหมยเหมยของเธอจะต้องเป็นเหมือนเด็กผู้หญิงคนอื่นๆ ที่มักจะชอบเข้ามาออดอ้อนอยู่ในอ้อมอกของเธอ วันนั้นจะต้องมาถึงในสักวัน!
…………………………………………………………………………………………..