ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 527 ตีแกให้ตายยัยมารผจญ + ตอนที่ 528 พ่อเลี้ยงตูดไก่เอง
ตอนที่ 527 ตีแกให้ตายยัยมารผจญ
อู่เจิ้งซือกลับยิ่งร้อนใจมากกว่าเดิม ในเวลานี้เขาไม่ต้องการตำแหน่งครูดีเด่นอะไรทั้งนั้น เขาแค่ไม่ต้องการเข้าไปกินข้าวแดงในคุก เมื่อครู่จ้าวอิงหัวพูดไว้ว่าจะให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมาสืบหาหลักฐาน หากว่าทางตำรวจสืบหาเจอว่าเขาเป็นคนขโมยลูกของเขาไป เขาจะถูกจับติดคุกหรือเปล่า?
แค่นึกถึงการที่เขาถูกจับเข้าไปในห้องขัง และยังถูกขังรวมไว้กับพวกอาชญากรหรือพวกก่อการร้าย อู่เจิ้งซือก็รู้สึกขนหัวลุกชัน
“พ่อ พี่ใหญ่ ทุกคนต้องช่วยผมนะ ผมไม่อยากติดคุก!”
นิสัยขี้ขลาดของอู่เจิ้งซือ ในเวลานี้ได้แสดงออกมาอย่างไม่มีการปิดบัง เขาหมอบลงกับพื้นโดยไม่ห่วงภาพลักษณ์แต่อย่างใด น้ำหูน้ำตาไหลพรากบนใบหน้า เว่ยชิวเยวี่ยจึงมองเขาด้วยความชิงชัง
รู้ตั้งแต่แรกว่าจะเป็นแบบนี้แล้วยังเลือกที่จะทำอีก!
คุณปู่อู่ยังคงใจอ่อนบ้าง เพราะถึงอย่างไรเขาก็เป็นลูกชายแท้ๆ ของเขา เขาจะมองดูความพ่ายแพ้และชื่อเสียงของลูกชายที่ถูกทำลายอยู่เฉยๆ ได้อย่างไร?
ต่อให้ยากแค่ไหน เขาก็จะหาวิธีช่วยลูกชายของเขาให้ได้
คุณปู่อู่หันไปมองอู่เจิ้งต้าว ลูกชายคนโตอันเป็นที่นับหน้าถือตาอยู่มาก บางทีเขาอาจจะมีวิธีช่วยอยู่บ้าง แต่ยังไม่ทันที่คุณปู่จะอ้าปากพูด เว่ยชิวเยวี่ยก็พูดตัดบทเสียก่อน “พ่อคะ ตอนเย็นจะมีแขกมาที่บ้าน พวกเราขอตัวกลับก่อนนะคะ พ่ออย่าคิดมากเกินล่ะ อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้ ยังไงทางออกย่อมมีเสมอค่ะ”
อู่เจิ้งต้าวรู้สึกทนไม่ไหว เวลาสั้นๆ แค่ครึ่งวันได้ผ่านไป แต่พ่อเขากลับแก่ลงไปมาก คนเป็นลูกอย่างเขา จะวางมือแล้วไม่สนใจได้อย่างไร?
เว่ยชิวเยวี่ยออกแรงหยิกเขาไปทีหนึ่ง สายตาเย็นชาถูกสาดส่องออกมา คำพูดประโยคนั้นของอู่เจิ้งต้าวติดอยู่ตรงมุมปาก ‘ผมจะลองไปหาคนที่มีความสัมพันธ์อันดีด้วย’ ได้กลืนลงไปเรียบร้อย
“พ่อครับ พวกเราขอตัวกลับก่อนนะ พ่อพักผ่อนเยอะๆ นะครับ”
อู่เจิ้งต้าวไม่กล้าขัดใจภรรยา และเขาก็ไม่กล้ามองหน้าคุณปู่ จึงทำได้เพียงก้มหน้าแล้วเดินคอตกออกไป เขารู้สึกละอายใจมาก
“พ่อ จะว่าไปที่อู่เหมยเกลียดแค้นตระกูลเรา หลักๆ เลยก็เป็นเพราะน้องรอง น้องสะใภ้ แล้วก็อู่เยวี่ย น้องรองและน้องสะใภ้หนูจะไม่พูดถึงก็แล้วกันนะ แต่สำหรับเด็กอย่างอู่เยวี่ยฉันนึกไม่ถึงเลยว่าเธอจะมีจิตใจชั่วร้ายได้เพียงนี้ และนี่เป็นสิ่งที่พวกเราทุกคนสัมผัสได้เองด้วย เมื่อก่อนไม่รู้เลยว่าเธอทำอะไรไม่ดีต่ออู่เหมยไว้มากแค่ไหน!”
เว่ยชิวเยวี่ยเดินไปถึงปากประตู แล้วหันหน้ากลับมาพูดเตือนคุณปู่ เธอเป็นเพียงผู้ชมคนหนึ่ง ในบ้านหลังนี้ คนที่อู่เหมยแค้นที่สุดอันดับแรกคือสองแม่ลูกอย่างอู่เยวี่ยและเหอปี้อวิ๋น!
รองลงมาก็คืออู่เจิ้งซือ!
พวกเธอเป็นเพียงแค่คนนอกเท่านั้น อู่เหมยเป็นเด็กจิตใจดี ครอบครัวของพวกเธอคงจะไม่ได้รับผลกระทบหรอก!
ตระกูลอู่ที่เดิมทีเคยคึกครื้น แต่เพียงชั่วข้ามคืนก็ได้เปลี่ยนเป็นเงียบสงัด ในตอนนี้คุณย่านั่งพิงอยู่บนโซฟา เหอปี้อวิ๋นนั่งอยู่บนพื้นด้วยอาการเหม่อลอย ตั้งแต่ที่รู้ว่าตัวเองคลอดลูกแล้วตาย เธอก็มีลักษณะท่าทางอย่างที่เป็น
อู่เจิ้งซือมีอาการหวาดระแวงไปเสียทุกอย่าง ราวกับเขาเป็นหุ่นไล่กาที่เอาแต่จ้องมองคุณปู่ไม่วางตา ในเวลานี้ เหลือคุณปู่อู่เพียงคนเดียวที่จะเป็นคนช่วยชีวิตเขาให้รอดพ้นไปได้!
คำพูดของเว่ยชิวเยวี่ยได้เตือนสติคุณปู่อู่ไว้ เขาจึงหันไปมองยังห้องที่อู่เยวี่ยหลบซ่อนอยู่ด้วยสีหน้าบึ้งตึงและเยือกเย็น
ทั้งหมดเป็นเพราะยายมารผจญที่ไม่รู้ผิดชอบชั่วดี!
ความโกรธในใจคุณปู่ปะทุขึ้น เขาเลือกเดินเข้าไปยังห้องที่อู่เยวี่ยแอบซ่อนอยู่ อู่เยวี่ยรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ แต่เธอก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะในตอนนี้คุณปู่ได้ถีบประตูให้เปิดออก และตะโกนขึ้นเสียงดังอย่างเดือนดาล
“นังมารผจญ!”
คุณปู่ออกแรงตบหน้าเธอไปหนึ่งฉาดโดยไม่คิดเลยสักนิด ไฟโกรธที่ปะทุขึ้นได้ไปกองรวมกันอยู่บนใบหน้าของเธอเป็นที่เรียบร้อย แม้อายุจะมากแต่พละกำลังกลับเต็มเปี่ยม แรงที่ใช้ตบนั้นไม่ใช่น้อยเลย
อู่เยวี่ยถูกตบจนหน้าหันคลุกอยู่กับพื้น เกิดเสียงวิ้งๆ ดังขึ้นในใบหูด้านซ้าย ส่วนแก้มด้านขวาระบมจนบวมเป่ง เธอถูกตบจนมุมปากแตกและมีเลือดไหลซึมออกมา
“คุณปู่!”
อู่เยวี่ยส่งเสียงขอร้องอ้อนวอน แต่ใจของคุณปู่อู่ในตอนนี้มีแม้กระทั่งความคิดที่อยากจะฆ่าเธอ จะเอาความรู้สึกสงสารเห็นใจมาจากไหน?
“ยายสัตว์ชั้นต่ำ ตระกูลอู่ของฉันไม่มีหลานสาวที่จิตใจเลวทรามต่ำช้าแบบนี้!”
คุณปู่อู่ออกแรงตบหน้าเธออีกหนึ่งครั้ง และยังคงเป็นแก้มด้านขวาเช่นเดิม อู่เยวี่ยเริ่มรู้สึกว่าเสียงวิ้งในหูเริ่มดังมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับมียุงจำนวนมากบินวนอยู่ข้างใน ผสานรวมกับเสียงดุด่าของคุณปู่
เธอลอบมองคุณปู่อู่อย่างฉงน แต่กลับฟังไม่ออกแม้แต่ประโยคเดียวว่าเขาพูดอะไร!
…………………………………………………………………………………………..
ตอนที่ 528 พ่อเลี้ยงตูดไก่เอง
บรรยากาศในห้องอาหารแห่งภัตตาคารจุ้ยเซียนดูอบอุ่นราวกับอากาศในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เหยียนซินหย่าไม่ได้สนใจที่จะกินอะไร เธอเอาแต่แกะกุ้งและคีบอาหารส่งให้อู่เหมย มองดูลูกสาวกินอาหารที่เธอคีบให้ เธอรู้สึกว่ามันดูอร่อยกว่าการที่เธอกินเองเสียอีก
“คุณก็ทานเนื้อด้วยสิคะ!”
อู่เหมยเกิดรู้สึกเกรงใจ ความจริงคือเธอรู้สึกไม่คุ้นชินกับการมีใครจ้องมองเวลากินข้าว เธอจึงคีบน่องไก่ตุ๋นชิ้นหนึ่งวางไว้ในจานของเหยียนซินหย่า จ้าวอิงหัวผู้เป็นพ่อมีสีหน้าเปลี่ยนไป เขากำลังจะอ้าปากพูดว่าเหยียนซินหย่ากินมังสวิรัติ แต่เหยียนซินหย่ากลับคีบน่องไก่ขึ้นมาโดยไม่มีความลังเลใดๆ เธอยิ้มตาหยีและกัดกินน่องไก่ชิ้นนั้นด้วยท่าทีอิ่มอกอิ่มใจ
“น่องไก่ชิ้นนี้อร่อยจัง ขอบใจจ้ะเหมยเหมย”
สิบสองปีมานี้เหยียนซินหย่าไม่ได้กินเนื้อเลย เพื่อเป็นการชดใช้ความผิด แต่ในตอนนี้ลูกสาวของเธอกลับมาแล้ว เธอจะต้องดูแลสุขภาพร่างกายตัวเองให้ดี กลิ่นหอมของเนื้อไก่ทำให้ความอยากอาหารของเธอมีมากขึ้น จนกระทั่งเลือกตักซุปปลาขึ้นมาดื่มด้วยตัวเอง และยังตักเผื่อให้อู่เหมยอีกหนึ่งถ้วย
“เหมยเหมยลองซุปปลานี่สิ ซุปปลาของที่นี่เป็นรสชาติต้นตำรับเลยนะ เด็กผู้หญิงทานปลาเยอะๆ จะได้สวยขึ้น”
อู่เหมยหันไปมองหน้าหญิงสาวผู้มีความงดงามตรงหน้า หากเธอไม่ผอมเกินไป ไม่ดูโทรมเกินไป เธอจะต้องเป็นหญิงสาวที่มีความงดงามมาก!
“คุณก็ต้องทานเยอะๆ คุณดูผอมมาก ต้องทานเนื้อเยอะๆ นะคะ!” อู่เหมยคีบเนื้อไก่อีกหนึ่งชิ้นวางไว้ในจานของเหยียนซินหย่า โดยไม่ทันได้สังเกตถึงท่าทีและอาการที่แปลกไปของจ้าวอิงหัวและทุกๆ คน
“อื้ม พวกเรากินด้วยกัน”
แม้แต่ดวงตาของเหยียนซินหย่ายังต้องยิ้มตาม อาหารพวกนี้ลูกสาวของเธอเป็นคนคีบให้เองกับมือ ไม่ว่าอย่างไรเธอจะต้องกินให้หมด
อู่เหมยยกยิ้มกว้าง และก้มหน้าเพื่อยกน้ำซุปขึ้นซด พลางนึกขึ้นได้ว่าเธอคีบอาหารให้เหยียนซินหย่าคนเดียวคงจะดูไม่ดีนัก เธอจึงยืดตัวขึ้นเพื่อเอื้อมไปคีบเนื้อชิ้นโตๆ ขึ้นมาโดยไม่ได้มองละเอียดนัก จากนั้นวางไว้ในจานของจ้าวอิงหัว
“คุณก็กินเนื้อด้วยสิคะ!”
พอพูดจบเธอจึงนั่งลงและซดน้ำซุปต่อ หากพูดตามความจริง เธอรู้สึกว่าพ่อของเธอนั้นดูมีท่าทีเคร่งขรึม จนเธอไม่กล้าพูดคุยหรือแหย่เล่น ไม่ให้ความรู้สึกสนิทใจเลยสักนิด!
จ้าวอิงหัวรู้สึกดีเอามากต่อการแสดงความกตัญญูของลูกสาว ไม่แปลกที่หลายคนต่างบอกว่าลูกสาวเป็นดั่งเสี่ยวเหมียนอ๋าว[1]ตัวโปรด ช่างรู้ใจเขาจริงๆ!
แต่ปัญหามันอยู่ที่เสี่ยวเหมียนอ๋าวของเขาคงจะไม่ค่อยมีแววตานัก!
คีบเอาตูดไก่มาให้เขามันหมายความว่าอย่างไร?
จ้าวยิงหัวมองตูดไก่ในจานตัวเองที่มีแต่ความมันเยิ้ม ในใจมีแต่ความอึดอัด สวรรค์ได้โปรดเมตตาเขาที ส่วนที่เขาไม่ชอบกินที่สุดบนตัวไก่นั่นคือตูดไก่!
และแน่นอนว่าเหยียนซินหย่ารู้ถึงนิสัยด้านการกินของสามีเป็นอย่างดี เขาไม่กินอาหารจำพวกเครื่องในสัตว์ ไม่กินหัวไก่ เท้าไก่รวมไปถึงตูดไก่ ตั้งแต่เด็กเขาก็รู้สึกสะอิดสะเอียนแปลกๆ ตูดไก่ชิ้นนี้ที่อู่เหมยคีบมาให้ช่างมีความหมายเสียจริง!
เธอไม่ได้เลือกที่จะเตือนอู่เหมย นานทีจะได้เห็นสามีกินอย่างหดหู่!
เหยียนซินหย่าจึงนึกอยากช่วยสามีกินตูดไก่แทน แต่จ้าวอิงหัวจะกล้าทำแบบนั้นได้อย่างไร ความกตัญญูของลูกสาว ต่อให้เป็นตูดของสัตว์อะไร เขาจะต้องกินมัน!
จ้าวอิงหัวคีบตูดไก่ส่งเข้าปาก เขาฝืนทนอดกลั้นอย่างสะอิดสะเอียน จากนั้นเคี้ยวไม่กี่ครั้งก็ฝืนกลืนตูดไก่ลงไป เขาแทบไม่เคี้ยวมันเลยด้วยซ้ำ เลี่ยนจนทำให้เขาต้องทำตากลับกลอกไปมา แต่นั่นกลับทำให้จ้าวอิงหนานมีความสุขเป็นอย่างมาก!
เหยียนซินหย่าเองก็ปิดปากกลั้นขำไว้ไม่อยู่ การที่ลูกสาวกลับมามันดีมากจริงๆ นานแค่ไหนแล้วที่ในบ้านไม่ได้มีความสุขขนาดนี้!
“เอ๊ะ ฉันลืมพาฉิวฉิวมาด้วย ฉันจะต้องกลับไปหาฉิวฉิว!”
อู่เหมยที่เพิ่งทานซุปปลาเสร็จ จึงร้องขึ้นเสียงดังและเตรียมก้าวขาวิ่งออกไปด้านนอก เหยียนหมิงซุ่นจึงรีบดึงตัวเธอไว้ และชี้ไปยังกระเป๋าที่วางอยู่กับเขาอย่างยิ้มๆ และพูดขึ้น “ฉิวฉิวอยู่กับพี่ตรงนี้!”
พูดยังไม่ทันจบ คุณชายฉิวที่อดทนอยู่นานสองนาน ในที่สุดก็มุดตัวออกมาอย่างทนไม่ไหว ราวกับเทพตัวน้อย จากเดิมที่เหยียนหมิงซุ่นทำได้เพียงส่งกระดูกให้มันกินเล็กน้อย แต่ยังไม่ยอมให้มันออกมาสูดอากาศ มันหิวจนแทบทนไม่ได้อยู่แล้ว!
“ขอบคุณค่ะพี่หมิงซุ่น ขอโทษแกด้วยนะฉิวฉิว ที่พี่ลืมแกไปเลย รีบมากินน่องไก่สิ พี่ตั้งใจเก็บไว้ให้แกเลยนะ”
อู่เหมยอุ้มฉิวฉิวด้วยท่าทางยิ้มแย้มดีใจ ของทุกอย่างที่เธอทิ้งไว้ที่บ้านตระกูลอู่ เธอไม่นึกเสียดายแม้แต่น้อย แต่ฉิวฉิวคือสิ่งเดียวที่เธอจะต้องพามันออกมาด้วย!
และในความรู้สึกของเธอมันบอก จ้าวอิงหัวและคนอื่นๆ ไม่มีทางคัดค้านที่เธอเลี้ยงฉิวฉิวแน่นอน!
ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางแน่นอน!
…………………………………………………………………………………………..
[1] แจ็คเก็ตผ้าฝ้ายตัวจิ๋ว เปรียบเทียบลูกสาวว่ามีความละเอียดรอบครอบและคอยดูแลเอาใจใส่