ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 529 ในบ้านเราลูกจะเลี้ยงอะไรได้ตามใจเลย + ตอนที่ 530 ต่อไปต้องเรียกเธอว่าจ้าวเหมย
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- ตอนที่ 529 ในบ้านเราลูกจะเลี้ยงอะไรได้ตามใจเลย + ตอนที่ 530 ต่อไปต้องเรียกเธอว่าจ้าวเหมย
ตอนที่ 529 ในบ้านเราลูกจะเลี้ยงอะไรได้ตามใจเลย
เหยียนซินหย่ามองฉิวฉิวที่อยู่ในอ้อมกอดของอู่เหมยอย่างตกตะลึง และถามขึ้น “เหมยเหมย มันเป็นสัตว์เลี้ยงของลูกเหรอ?”
“ค่ะ มันชื่อว่าฉิวฉิว เป็นเพื่อนสนิทของหนู” อู่เหมยหันไปมองเธอด้วยความกังวล เธอกลัวว่าจะได้ยินคำพูดปฏิเสธจากปากเหยียนซินหย่า
เหยียนซินหย่ามองฉิวฉิวด้วยความตื่นเต้น มันยกน่องไก่ขึ้นกินด้วยเท้าหน้าทั้งสองอย่างไร้เดียงสา “แม่ขอลูบตัวมันได้ไหม?”
“ได้สิคะ ฉิวฉิวเป็นเด็กดี มันไม่เคยกัดใครมาก่อน” อู่เหมยยิ้มขึ้นอย่างสบายใจ จากนั้นขยับตัวเพื่อให้เหยียนซินหย่าได้ลูบตัวฉิวฉิว
คุณชายฉิวเอียงคอเพื่อมองสำรวจเหยียนซินหย่า อื้มเธอมีกลิ่นเหมือนกับเจ้าหญิงตัวน้อยของมัน รูปร่างหน้าตาก็ดีใช้ได้ สำหรับคนสวยๆ คุณชายฉิวมักจะใจดีด้วยเสมอ มันจึงหมอบตัวลงเพื่อให้เหยียนซินหย่าได้ลูบตัวมันได้ถนัด
“ขนนุ่มนิ่มมากเลย ลูบสัมผัสแล้วสบายมือมาก แถมยังเชื่อฟังด้วย เจ้ากระรอกน้อยที่เหมยเหมยเลี้ยงน่ารักมากจริงๆ” เหยียนซินหย่าพูดชมอย่างออกนอกหน้า
สำหรับสัตว์เลี้ยงที่มีขนปุกปุย พวกผู้หญิงมักจะพ่ายแพ้ให้กับความน่ารักของพวกมัน เหยียนซินหย่าก็เป็นหนึ่งในนั้น จ้าวอิงหัวเองก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เขาทำเหมือนกับเหยียนซินหย่าที่ลุกมาหาแล้วต่างนวดตัวให้คุณชายฉิว จนไม่ยอมกินข้าว
“เหมยเหมยเลี้ยงฉิวฉิวตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมแม่ไม่เคยได้ยินหนูพูดถึงเลย” จ้าวอิงหนานรู้สึกสับสนปนสงสัย
สยงมู่มู่จึงรีบแย่งอธิบาย “เรื่องนี้ผมรู้ เหมยเหมยเลี้ยงมานานแล้ว แต่พ่อของเธอ…ไม่ใช่สิ ครูอู่ไม่ชอบสัตว์ที่มีขน เหมยเหมยจึงแอบเลี้ยงมันไว้ ผมเองก็ช่วยเลี้ยงมันด้วย!”
เมื่อได้ยินชื่ออู่เจิ้งซือในสายตาทุกคนกลับเปล่งประกายความเคียดแค้น สิ่งของที่มีจิตใจต่ำราวกับสัตว์!
เหยียนซินหย่ารู้สึกเจ็บปวดต่อสิ่งที่อู่เหมยได้เจอมาก เธอจึงส่งยิ้มให้และพูดขึ้นอย่างอ่อนโยน “ในบ้านของเราอู่เหมยเลี้ยงได้ตามสบายเลย แม่จะช่วยหนูเลี้ยงเอง เราทำห้องเล็กๆ สวยๆ ให้ฉิวฉิวดีไหม?”
อู่เหมยพยักหน้าอย่างดีใจ ในที่สุดเธอก็ไม่ต้องทำให้ฉิวฉิวอึดอัดอีกแล้ว ดีจริงๆ!
ทุกคนในครอบครัวอิ่มหนำสำราญไปกับอาหารหรูหรามื้อนี้ และเตรียมแยกย้ายกันกลับบ้าน แต่อู่เหมยเกิดรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาอย่างฉับพลัน คืนนี้เธอไม่ต้องกลับไปที่บ้านตระกูลอู่อีกแล้วใช่ไหม?
“เหมยเหมย ช่วงนี้ลูกอดทนพักที่บ้านรับรองก่อนนะ ไว้รอให้พ่อเขาจัดการหาที่พักได้ เราค่อยย้ายเข้าไปอยู่บ้านหลังใหม่ด้วยกัน” เหยียนซินหย่าจูงมืออู่เหมยไว้ตลอด คำพูดแสนอ่อนโยนได้ทำให้ใจของอู่เหมยสงบลง
“ค่ะ แต่หนูต้องกลับไปที่นั่นเพื่อเอาเสื้อผ้า”
แท้จริงแล้วอู่เหมยต้องการจะกลับไปเอาของที่เธอเก็บไว้ที่บ้านตระกูลอู่ นั่นคือเงินไม่กี่ร้อยหยวน แม้ว่าเธอจะไม่ค่อยใส่ใจของภายนอกพวกนั้นสักเท่าไร แต่เธอไม่อยากมองอู่เยวี่ยและเหอปี้อวิ๋นต่ำเกินไป
เหยียนหมิงซุ่นเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของอู่เหมยเป็นอย่างดี เขาจึงก้มหน้าลงเพื่อกระซิบที่ข้างหูเธอ “พี่เอาเงินออกมาให้เธอแล้ว ไว้วันหลังค่อยคืนให้เธอ ของอย่างอื่นถ้าจะไม่เอาก็ไม่เป็นไรหรอก ไว้เราค่อยหาซื้อใหม่เอานะ”
อู่เหมยมองหน้าเขาอย่างแปลกใจปนดีใจ เธอแค่รู้สึกว่าหัวหน้าใหญ่ในอนาคตเป็นดั่งพยาธิตัวกลมที่อยู่ในท้องของเธอ เพราะเธอไม่ต้องพูดอะไรออกมา เขาก็สามารถทำเรื่องทุกอย่างแทนเธอได้เป็นอย่างดี คิดอะไรก็ได้แบบนั้น
เหยียนหมิงซุ่นรับรู้ได้ถึงสายตาขอบคุณและศรัทธาจากเจ้าเด็กแสบ จึงอดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปลูบหัวเธอ และเขาก็ได้รับสายตาอาฆาตจากทั้งสองคนอีกครั้ง
แต่กลับถูกหัวหน้าใหญ่ในอนาคตอย่างเขาทำเมินใส่ และไม่ใส่ใจเลยสักนิด
ช่วงเวลาที่เขาและอู่เหมยรู้จักกัน มันนานเสียยิ่งกว่าจ้าวเสวียหลินมาก เด็กคนนี้ทำอะไรเขาไม่ได้
อู่เหมยกลับไปที่บ้านรับรองประจำเมืองของรัฐบาลพร้อมๆ กับจ้าวอิงหัว ทางจ้าวอิงหนานและคนอื่นๆ ก็ตามมาด้วย เป็นอะไรที่ดูตื่นเต้นมาก มีอีกหลายสิ่งอย่างที่ยังไม่ทันได้พูดจบด้วยซ้ำ!
เหยียนหมิงซุ่นและจ้าวอิงหนานต่างตกลงกันแล้วว่าวันพรุ่งนี้หลังจากที่ตรวจอาการเสร็จ ก็จะขอตัวกลับ
จ้าวอิงหนานอดใจรอไม่ไหวที่จะโทรศัพท์ไปหาทางบ้าน และคนที่กดรับสายเป็นคุณย่าจ้าว เธอเป็นวีรสตรีที่เก่งไม่แพ้คุณปู่จ้าวเลย
…………………………………………………………………………………………..
ตอนที่ 530 ต่อไปต้องเรียกเธอว่าจ้าวเหมย
“แม่คะ หนูมีข่าวดีที่สุดในโลกมาบอก แม่กับพ่อต้องทำใจดีๆ ไว้นะคะ” จ้าวอิงหนานพูดขึ้นอย่างยิ้มแย้ม
คุณย่าจ้าวไม่ได้ใส่ใจต่อคำพูดของจ้าวอิงหนานสักเท่าไหร่ คำพูดของลูกสาวคนนี้มักจะดูมีเรื่องตื่นเต้นอยู่เสมอ เรื่องแต่ละอย่างของเธอคงถือเอาเป็นจริงไม่ได้นัก
“แม่คะ เป็นข่าวดีที่สุดในโลกจริงๆ แม่ได้หลานสาวเพิ่มมาอีกหนึ่งคน เป็นหลานสาวแท้ๆ ที่ฟ้าประทานให้เลยค่ะ!”
น้ำเสียงของคุณย่าจ้าวยังคงสงบนิ่ง “ไม่ใช่ลูกสาวบุญธรรมที่เธอเพิ่งรับมาเหรอ เด็กผู้หญิงที่มีความสามารถด้านการร้องเพลง เต้น แถมยังวาดรูปเก่งอีกด้วย แล้วเมื่อไหร่เธอจะพาแม่สาวน้อยคนนั้นกลับบ้านมาเจอกับทุกคนล่ะ?”
สำหรับเรื่องที่จ้าวอิงหนานรับลูกสาวบุญธรรมนั้น คุณย่าจ้าวไม่ได้ตื่นเต้นอะไรมากนัก หลานบุญธรรมจะดีแค่ไหนก็ถือว่าเป็นลูกของคนอื่น จะให้ดีเท่าหลานแท้ๆ ได้อย่างไร!
จ้าวอิงหนานหัวเราะอย่างซุกซน เรียกน้ำย่อยคุณย่ามามากพอแล้ว ถึงเวลาที่ต้องบอกความจริงแล้ว!
“ปัง!”
มีเสียงไมค์ขยายเสียงกระทบลงกับโต๊ะดังออกมาจากโทรศัพท์ ทำให้รู้ได้เลยว่าคุณย่าจ้าวตื่นเต้นมากแค่ไหน
“เธอพูดว่าอะไรนะ? รีบบอกแม่มาอีกทีสิ? ลูกแท้ๆ หรือลูกบุญธรรมกันแน่? ทำไมแม่ยิ่งฟังยิ่งสับสน!” คุณย่าผู้น่าสงสารที่ในตอนนี้สมองไม่สามารถประมวลผลได้ เธอเริ่มสับสนกับคำว่าลูกแท้ๆ และลูกบุญธรรม!
“จ้าวอิงหนาน ถ้าแกมีเรื่องอะไรรีบบอกตาเฒ่าอย่างข้ามาให้หมดนะ!”
มีเสียงเคร่งขรึมดังออกมาจากโทรศัพท์ เสาหลักของตระกูลจ้าวอย่างคุณปู่จ้าว เขาได้ฟังเรื่องราวคร่าวๆ แต่ยังไม่แน่ใจนัก ด้วยนิสัยใจร้อนของคุณปู่เกือบทำให้ไมค์ขยายเสียงที่โยนทุบโต๊ะนั้นแตกได้
จ้าวยิงหนานมัวแต่แลบลิ้นปลิ้นตา แต่ก็ไม่กล้ารั้นต่อคุณปู่จ้าว จึงจำต้องบอกถึงที่มาที่ไปของเรื่องทุกอย่างออกไปให้พวกท่านได้รู้อย่างแน่ชัด
“ปัง!”
เป็นอีกครั้งที่มีเสียงดังลั่นกลับมา อู่เหมยลูบอกตัวเองไปพลางๆ สองเฒ่าบ้านนี้ช่างอารมณ์ขันนัก!
“แกจะมัวพูดไร้สาระไปทำไมตั้งเยอะแยะ รีบพาหลานสาวกลับบ้านเร็ว ไม่สิ รีบเรียกหลานสาวปู่มาคุยด้วยหน่อย เร็วเข้าสิ!”
คุณปู่จ้าวพูดขึ้นอย่างรีบร้อน คุณย่าที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็เอาแต่รบเร้าไม่หยุด ทั้งคู่ต่างไม่อยากพูดไร้สาระกับจ้าวอิงหนาน แต่กลับอยากพูดคุยกับหลานสาว
อู่เหมยจับไมค์ขยายเสียงอย่างเป็นกังวลใจ ยังไม่ทันทีเธอจะได้เปล่งเสียงพูด อีกฝั่งกลับมีเสียงอึกทึกตื่นเต้นส่งกลับมาก่อน อึกทึกเสียจนอู่เหมยรู้สึกแสบหู
“ฮัลโหล หลานสาวของปู่ใช่ไหม? ฉันคือปู่ของหนู ชื่อว่า จ้าวหวายซาน ส่วนคุณย่าชื่อว่า ช่างกวนจินเยี่ยน แล้วหลานมีชื่อว่าอะไรหรือ?”
คุณปู่จ้าวคิดอยู่นานสองนานว่าควรจะพูดอะไรกับหลานสาวดี ตะกุกตะกักก่อนจะพูดออกไป เขาจึงตัดสินใจแนะนำชื่อจริงของตัวเองให้เธอรู้ บอกชื่อจริงออกไปในครั้งแรกที่ได้คุยกันก็ไม่ได้ถือว่าแย่นัก
อู่เหมยรู้สึกว่าคุณปู่ที่ถือสายอยู่ดูจะตื่นเต้นมากกว่าเธอเสียอีก ราวกับเด็กนักเรียนที่ท่องตำราเรียนมาพูด ปู่ของเธอต้องเป็นคนแก่ที่น่ารักมากๆ แน่นอน!
แม่สาวน้อย นั่นเป็นเพราะเธอยังไม่รู้ชื่อเสียงอันเลื่องลือของคุณปู่ ฆ่าคนไม่เลือกหน้า จิตใจอำมหิต เลือดเย็นไร้ซึ่งความรู้สึก…ทั้งหมดคือจ้าวหวายซาน สัญลักษณ์ประจำตัวเขา สิ่งเดียวที่ไม่มีอยู่นั่นคือความน่ารัก!
“หนูชื่อว่า อู่เหมยค่ะ ไม่สิ ตอนนี้หนูไม่ได้ชื่ออู่เหมยแล้ว”
อู่เหมยพูดชื่อตัวเองออกมา แต่กลับรู้ตัวทันทีว่าเธอไม่ได้ชื่ออู่เหมยอีกต่อไป แอบเหลือบไปมองทางจ้าวอิงหัว สังเกตว่าเขาจะรู้สึกไม่พอใจหรือเปล่า?
จ้าวอิงหัวก้มมองลูกสาวตัวเอง ราวกับสายตาของลูกกวางตัวน้อย เขาจะไม่พอใจเธอได้อย่างไรล่ะ ใจอ่อนเสียยิ่งกว่าอะไรดี
“หนูยังชื่อเหมยเหมยเหมือนเดิม ชื่อนี้เป็นชื่อที่พ่อตั้งให้ตั้งแต่ที่หนูยังไม่ทันได้ลืมตาดูโลก แต่ต่อไปนี้หนูมีชื่อว่า ‘จ้าวเหมย’ พรุ่งนี้พ่อจะทำเรื่องย้ายลูกออกมาจากทะเบียนบ้านหลังนั้น”
อู่เหมยรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก โชคดีที่เธอไม่ต้องเปลี่ยนชื่อ เพราะถึงอย่างไรเธอก็รู้สึกชอบชื่อ ‘เหมยเหมย’ อยู่ดี
คุณปู่ได้ฟังเสียงนุ่มนวลเสนาะหูที่ทำให้คนฟังใจชื้นดังเล็ดลอดออกมาจากโทรศัพท์ กระดูกแทบกรอบ ราวกับใจถูกหลอมจนละลายกลายเป็นน้ำ ในที่สุดคนอย่าง ‘จ้าวหวายซาน’ ก็มีหลานสาวกับเขาเสียที!
…………………………………………………………………………………………..