ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 533 หมอกู้ดูแปลกๆ + ตอนที่ 534 สายลมในฤดูใบไม้ผลิได้พัดกระทบเข้าสู่ห้วงใจ
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- ตอนที่ 533 หมอกู้ดูแปลกๆ + ตอนที่ 534 สายลมในฤดูใบไม้ผลิได้พัดกระทบเข้าสู่ห้วงใจ
ตอนที่ 533 หมอกู้ดูแปลกๆ
แม้ว่าจะสัมผัสคุ้นชินกับวัตถุโบราณมามาก แต่เหยียนหมิงซุ่นก็ถือได้ว่ามีความเข้าใจต่อภาพวาดพอสมควร เขาแค่มองแวบเดียวก็รู้ได้ จึงพูดขึ้นอย่างยิ้มๆ “ภาพวาดพวกนี้เป็นของปลอมที่ลอกเลียนแบบอาจารย์เหยียน แต่คนที่วาดเลียนแบบถือว่ามีฝีมือในการวาดสูงมาก พี่ขอดูหน่อยว่าเป็นศิลปินท่านไหนวาด!”
เหยียนหมิงซุ่นเองก็เริ่มให้ความสนใจ เขาเดินเข้าไปใกล้ขึ้นเพื่อดูนามปากกาตรงมุมล่างของภาพวาด เมื่อครู่อู่เหมยยืนมองอยู่นานสองนานก็ยังไม่เข้าใจ ตัวอักษรพวกนี้เป็นตัวเขียนที่ตวัดเกินไป
“อุบาสิกอ้ายเหลียน? นี่เป็นศิลปินคนไหนกัน? ทำไมฉันถึงไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน?” เหยียนหมิงซุ่นพูดขึ้นกับตัวเอง แม้จะเป็นน้ำเสียงที่เบาแต่กลับดังก้องไปทั่วห้องที่เงียบสงัดแห่งนี้
เหยียนซินหย่ามีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอเดินไปทางที่เหมยเหมยยืนอยู่ เธอเองก็อยากเห็นภาพวาดของอุบาสิกอ้ายเหลียนท่านนี้เหมือนกัน!
ลอกเลียนแบบภาพวาดของแม่เธอ และยังใช้ชื่อของแม่เธออีก คนคนนี้มีเหตุจูงใจอะไรกันแน่?
ตั้งแต่เล็กเธอคอยอยู่ข้างๆ เหยียนตานชิงจนคุ้นหูไปด้วย เหยียนซินหย่ารอบรู้เรื่องภาพวาดดีกว่าเหยียนหมิงซุ่นเอามาก เธอมองแค่แวบเดียวก็รู้ได้เลยว่าอุบาสิกอ้ายเหลียนท่านนี้มีฝีมือในด้านการวาดภาพเป็นอย่างมาก และเธอก็ไม่ได้เลียนแบบภาพวาดของแม่เธอไปทั้งหมด การวาดมีความเป็นเอกลักษณ์อย่างมาก คนภายนอกมักจะดูไม่ออก แต่คนภายในอย่างเธอนั้นแค่มองก็รู้ได้ดีกว่าใคร
“เสี่ยวเหยียนพูดผิดแล้วล่ะ เขาไม่ได้เลียนแบบคุณเหยียน แต่เป็นการวาดที่มีเอกลักษณ์ของเขาเอง เพียงแต่ชื่ออุบาสกอ้ายเหลียนฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน เมืองจินมีนามปากกาแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? ชื่อนี้มันช่าง…”
เหยียนซินหย่ารู้ดีว่าเธอไม่อาจยุ่งกับการตั้งชื่อของคนอื่นได้ แต่ชื่อเสียงของแม่เธอกลับถูกคนแปลกหน้าใช้ และนั่นจึงทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ
อู่เหมยรู้สึกว่าเริ่มเธอไม่พอใจ จึงถามออกไปเกี่ยวกับปัญหาของชื่อนี้ เหยียนซินหย่าทำได้เพียงถอนหายใจและอธิบายออกไป “แม่ของฉันเอง ซึ่งก็คือยายของหนู ชื่อของเธอคือ อ้ายเหลียน เหออ้ายเหลียน”
“ชื่อของคุณยายไพเราะมาก”
เมื่อก่อนอู่เหมยเคยแอบได้ยินสยงมู่มู่พูดถึงเรื่องครอบครัวของเหยียนซินหย่า แต่ในตอนนี้เธอไม่ได้ถามอะไรถึงเรื่องนี้ต่อ กลังว่าจะพาดพิงเรื่องในอดีตแล้วทำให้เหยียนซินหย่าต้องเสียใจ เธอจึงเลือกเปลี่ยนเรื่องคุยในทันที
พวกเขากลับไม่ได้สังเกตเห็นหมอกู้ที่เขียนใบสั่งยาอยู่ มือไม้ของเธอสั่นเอามาก หลังจากที่เธอได้ฟังคำพูดของเหยียนซินหย่า จากตอนแรกที่บรรจงเขียนอักษรข่ายอย่างเป็นระเบียบ พอมือเธอสั่นกลับกลายเป็นจุดด่างเสมือนลูกอ๊อดตัวสีดำ มองดูแล้วช่างขัดหูขัดตา
ในจังหวะนั้นหมอกู้ถึงได้เริ่มพิจารณามองเหยียนซินหย่าและจ้าวเหมย สำหรับเหยียนซินหย่าเธอไม่ได้คิดอะไร แต่รูปร่างหน้าตาของเหมยเหมยทำให้เธอรู้สึกกลัว
ยายตัวแสบช่างมีลักษณะท่าทางเหมือนกับเธอมาก!
และไหนจะคุณยายของยายตัวแสบยังชื่อว่า ‘เหออ้ายเหลียน’ อีก หรือว่าจะเป็นหลานสาวของเธอหรือ?
หมอกู้มองอู่เหมยอยู่นานสองนาน ในสายตาเต็มไปด้วยความสับสน เธอฉีกใบสั่งยาที่เขียนขึ้นก่อนหน้าทิ้งไป และเริ่มเขียนใบใหม่ จากนั้นจึงยื่นให้กับจ้าวอิวหัว
“นี่เป็นจำนวนยาสำหรับห้าวัน หากกินเข้าไปแล้วรู้สึกว่าดีขึ้น เดือนถัดไปค่อยกลับมาตรวจอาการต่อ แต่หากกินแล้วไม่มีผลดีอะไร ก็ไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก พวกคุณไปหาหมอคนที่มีฝีมือเถอะ!”
หมอกู้พูดออกไปอย่างไม่เกรงใจ แม้แต่สายตายังไม่มองจ้าวอิงหัวเลย เพราะสายตาเธอเอาแต่จับจ้องไปทางเหมยเหมย
จ้าวอิงหัวที่เห็นดังนั้นจึงรู้สึกแปลกใจ หมอคนนี้มองภรรยาเขาทำไม?
หรือเธอจะเป็นคู่อริเก่า?
จังหวะที่จ้าวอิงหัวจะถามอย่างไม่เกรงใจ แต่หมอกู้กลับพูดขึ้นก่อน เธอชี้ไปทางอู่เหมยพลางถามขึ้น “เด็กคนนั้นเป็นลูกคุณเหรอ?”
“แน่นอนสิ ลูกสาวคนสนิทเลยล่ะ” จ้าวอิงหัวรู้สึกโล่งใจ ที่แท้คนที่เธอมองคือลูกสาวของเขา เล่นทำเอาเขาตกอกตกใจไปหมด
“แล้วแม่ยายของคุณทำงานอะไร? ใช่นักเต้นไหม?” หมอกู้เปลี่ยนเรื่องอย่างไว ไวจนสมองจ้าวอิงหัวประมวลผลตามไม่ทัน
ถามถึงลูกสาวเขาไม่ใช่หรือ?
ทำไมถึงเปลี่ยนมาถามถึงแม่ยายเสียได้?
จ้าวอิงหัวมองหมอกู้อย่างไม่ไว้ใจนัก เขาถามอย่างระมัดระวังคำพูด “ใช่ครับ แม่ยายผมเธอเป็นนักเต้นมืออาชีพที่เก่งมากๆ เพียงแต่ตอนนี้ท่านได้จากไปเสียก่อน!”
ความหมายของประโยคนี้คือบ่งบอกว่าเธอเสียชีวิตแล้ว พวกเราควรจะพูดถึงคนที่ยังมีชีวิตอยู่ดีกว่า อย่างเช่นพูดถึง เสี่ยวเหมียนอ๋าวของเขา แบบนั้นเขาจะยินดีมาก!
แต่หมอกู้กลับไม่ได้สนใจต่อเสี่ยวเหมียนอ๋าวนัก เธอกลับถามต่ออย่างไม่ยอมให้คนตายได้หยุดพัก “พ่อตาของคุณคือเหยียนตานชิงหรือเปล่า?”
…………………………………………………………………………………………..
ตอนที่ 534 สายลมในฤดูใบไม้ผลิได้พัดกระทบเข้าสู่ห้วงใจ
ไม่เพียงแต่จ้าวอิงหนานที่ตกใจ ทุกๆ คน รวมทั้งเหมยเหมยและเหยียนหมิงซุ่น เหยียนตานชิงชื่อนี้มีชื่อเสียงเรียงนามที่ไม่ธรรมดา คนที่เรียนวาดภาพหากไม่รู้จักเหยียนตานชิง นั่นเปรียบเสมือนเด็กมัธยมไม่รู้จักนิวตัน แล้วมักจะถูกคนอื่นหัวเราะเยาะเอาได้
เหยียนหมิงซุ่นรู้จักเขาได้เพราะงาน เหยียนตานชิงเสียชีวิตตั้งแต่วัยหนุ่ม ภาพวาดที่เขาทิ้งไว้มีราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ ในกลุ่มนักสะสมมักจะกวาดซื้อภาพวาดของเหยียนตานชิงด้วยเม็ดเงินมหาศาลเพื่อเก็บเอาไว้
แต่น่าเสียดายที่ภาพวาดส่วนใหญ่ของเหยีนตานชิงอยู่ในสถานการณ์วุ่นวายนั่น จึงทำให้ภาพวาดถูกเผาไปจนหมด หลงเหลืออยู่ไม่มาก ที่เหลือเพียงไม่กี่ภาพนั้นกลับถูกตีค่าอย่างวุ่นวาย ราคาพุ่งสูงจนทะลุเป้าราคา
เหยียนซินหย่าถามขึ้นด้วยความสงสัย “หมอกู้รู้จักพ่อฉันเหรอ?”
เหมยเหมยรู้สึกเหมือนตัวหดเล็กลง ใจเธอเต้นราวกับจะกระเด็นออกมาเสียให้ได้ ใจช่วยสงบทีเถอะ!
เหยียนตานชิงที่โด่งดังไปทั่วโลกเป็นคุณตาของเธอ?
เป็นคุณตาแท้ๆ ด้วย?
เหมยเหมยรู้สึกราวกับตัวเธอกำลังขี่ก้อนเมฆแล้วล่องลอยอยู่ในอากาศ ลอยไปลอยมา ราวกับเธอกำลังฝันอีกแล้ว!
“พี่หมิงซุ่น ส่งมือพี่มาให้ฉันกัดที” เหมยเหมยเอาแต่พูดอุบอิบคนเดียว เหยียนหมิงซุ่นที่ตกใจไม่แพ้กัน เขาหันไปมองท่าทีของยายตัวแสบก็รู้ได้เลยว่า ยายแสบต้องกำลังคิดว่าตัวเองฝันอยู่แน่ๆ
เขาจึงเต็มใจยื่นมือออกไปหาเธอ อู่เหมยจึงออกแรงกัดที่มือเขาในทันที ลิ้นร้อนๆ นุ่มนิ่มของเธอสัมผัสเข้ากับหลังมือใหญ่ๆ ของเขา ให้ความรู้สึกนิ่มนวลและจักจี้ ราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิได้พัดกระทบเข้าสู่ห้วงใจเขา ที่พัดเข้ามาระลอกแล้วระลอกเล่า
เหยียนหมิงซุ่นรีบหันหน้าหลบอู่เหมยทันที ในตอนนี้เขาไม่กล้าเผชิญหน้ากับอู่เหมย เพราะเขา…
ใจเต้น!
แต่เขาไม่อยากจะดึงมือกลับ เขารู้สึกโลภต่อความรู้สึกอบอุ่นนุ่มนิ่มและจักจี้นี้ เขาชอบให้ตัวแสบกัด เหมือนกับตอนเด็กที่คุณตาเขาเลี้ยงอาฮวาไว้ แล้วมันชอบเลียมือของเขา
ไม่ ความรู้สึกที่อู่เหมยกัดมันดีกว่ามาก ทำให้เขาอบอุ่นหัวใจ!
ตอนเช้าหลังจากที่กินน้ำเต้าหู้เข้าไปเยอะอย่างจ้าวเสวียหลินพึ่งเดินออกจากห้องน้ำมา แต่แค่เดินผ่านคานประตูมาได้ก็ต้องโกรธอย่างเป็นฟืนเป็นไฟ เอาสิ เขาออกไปไม่กี่นาทีด้วยซ้ำ ไอ้เลวนี่กลับกล้าเข้ามาวอแวน้องสาวของเขา
ฝ่ามือที่ยื่นเข้าไปในปากของน้องสาวเขาหมายความว่าไง?
จ้าวเสวียหลินค่อยๆ เดินเข้าไปทีละก้าวทีละก้าว เขากำลังจะผลักมือเหยียนหมิงซุ่นออกจากปากน้องสาวตัวเอง แต่ในจังหวะที่เข้าจะพุ่งเข้าไป เหยียนหมิงซุ่นกลับดึงมือกลับ อีกทั้งยังหันมาส่งยิ้มให้กับเขา รอยยิ้มไร้เดียงสานี่ช่างน่าโมโหนัก
“เหอะ”
จ้าวเสวียหลินยืนกั้นตรงกลางระหว่างเหยียนหมิงซุ่นและอู่เหมยอย่างโมโห เขาจะไม่ยอมให้ไอ้เลวนี่ได้ปีนป่ายขึ้นมาหาน้องสาวเขาเด็ดขาด ในจังหวะนั้นอู่เหมยเรียกสติกลับมาได้ แต่เธอกลับไม่ได้สังเกตสถานการณ์ความดุเดือดตรงหน้าระหว่างพี่ชายเธอและเหยียนหมิงซุ่น
ใจของเธอยังคงเต้นแรงไม่หยุด ชื่อของคุณปู่มีชื่อเสียงเรียงนามมากนัก เธอไม่อยากจะเชื่อเลย!
“พี่คะ ฉันขอถามอะไรพี่หน่อยสิ” อู่เหมยถามเสียงเบา
จ้าวเสวียหลินตกใจจนนิ่งงัน แต่ก็แสดงออกว่าดีใจมาก น้องเรียกเขาว่าพี่แล้ว!
ฮ่าๆๆๆ!
พ่อแม่ต้องอิจฉาเขามากแน่ๆ!
“เหมยเหมยถามมาเลย พี่รู้ทุกอย่างถ้าเป็นเรื่องทั่วไป” จ้าวเสวียหลินตอบอู่เหมยอย่างจริงจัง มั่นใจเปี่ยมล้น แม้เขาจะไม่พูดว่าไม่มีอะไรที่เขาไม่รู้ แต่ก็มีความหมายใกล้เคียงกัน เขาต้องใจกว้างเพื่อรับมือกับเด็กน้อยไร้เดียงสาอย่างน้องสาว!
เหมยเหมยอบอุ่นใจที่เห้นท่าทีตื่นเต้นของจ้าวเสวียหลิน เธอจึงส่งยิ้มให้และถาม “คุณตาของพวกเราคือเหยียนตานชิงใช่ไหมคะ?”
จ้าวเสวียหลินตอบอย่างทันควัน “ใช่แล้วล่ะ แม่บอกกับเธอเหรอ?”
เหมยเหมยส่ายหน้าปฏิเสธ แต่เธอชี้ไปยังหมอกู้ที่กำลังพูดคุยกับเหยียนซินหย่าอยู่
หมอกู้มองเหยียนซินหย่าแวบเดียว พูดขึ้นอย่างไม่แยแส “ไม่ถึงกับเรียกว่ารู้จัก แค่เคยได้ยินมาบ้าง สั่งยาเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกคุณกลับไปได้แล้ว”
มีหรือที่เหยียนซินหย่าจะเชื่อ เธออยากถามต่อ แต่จ้าวอิงหัวส่ายหน้าให้กับเธอ เหยียนซินหย่าจึงทำได้เพียงอดทนไว้ แล้วตัดใจบอกลาหมอกู้
หลังจากที่เหมยเหมยกลับออกไป หมอกู้ถึงมีท่าทีที่เปลี่ยนไปเป็นเจ็บปวด เธอถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
…………………………………………………………………………………………..