ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 535 ความสงบสุขครั้งสุดท้าย + ตอนที่ 536 จะต้องเข้าใจและหาลำดับความสำคัญ
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- ตอนที่ 535 ความสงบสุขครั้งสุดท้าย + ตอนที่ 536 จะต้องเข้าใจและหาลำดับความสำคัญ
ตอนที่ 535 ความสงบสุขครั้งสุดท้าย
ระหว่างทางอู่เหมยอดไม่ได้ที่จะถามจ้าวเสวียหลินถึงเรื่องคุณตา
“ในปีนั้นคุณตาคุณยายน่าสงสารมาก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็เป็นความเจ็บปวดในใจของแม่ ต่อไปนี้เหมยเหมยต้องพยายามพูดถึงให้น้อยที่สุดนะ” จ้าวเสวียหลินกำชับเสียงเบา
อู่เหมยพยักหน้าหงึกๆ บ่งบอกว่าเธอเข้าใจ
ความรู้สึกในใจของเหยียนหมิงซุ่นดูสลับซับซ้อนไม่น้อย เขารู้จักชายที่ชื่อเหยียนตานชิง เขาคืออาจารย์ที่มากล้นด้วยความสามารถ และยังมีภรรยาแสนสวยของเขาอีก แต่พวกเขากลับต้องตายอย่างอนาถ!
สวรรค์ช่างไม่ยุติธรรม!
ที่แท้เหมยเหมยคือหลานสาวของอาจารย์เหยียน!
ไม่แปลกเลยที่เหมยเหมยจะมีพรสวรรค์ด้านการวาดรูปและพรสวรรค์ด้านการเต้น ที่แท้พรสวรรค์จากพระผู้เป็นเจ้าของเธอก็คือคุณตาคุณยาย!
มื้อเที่ยงพวกเขาได้ไปทานที่บ้านของจ้าวอิงหนาน พ่อสยงได้เตรียมกับข้าวอันโอชะมื้อนี้และจัดวางเต็มโต๊ะเป็นที่เรียบร้อย วันนี้เป็นวันที่ยี่สิบแปด อีกสองวันก็จะถึงวันส่งท้ายปีเก่าแล้ว
“น้องเล็ก พรุ่งนี้เราเตรียมตัวกันเถอะ ฉันฝากคนอื่นไปซื้อตั๋วเครื่องบินให้แล้ว พรุ่งนี้เช้าช่วงสิบโมงครึ่ง ถึงเมืองหลวงคงทันได้ทานมื้อเที่ยงพอดี!” จ้าวอิงหนานพูดขึ้น
เหมยเหมยใจเต้นระส่ำ ต้องไปเมืองหลวงพรุ่งนี้แล้วหรือ?
แอบกังวลจัง!
“ก็ดีเหมือนกันที่จะเดินทางพรุ่งนี้ แต่ผมต้องไปสวัสดีปีใหม่เลขาธิการหูที่บ้านเสียหน่อย ต้องเดินผ่านหลายบ้านเลย ขอผมยืมจักรยานเธอหน่อยสิ!”
แววตาของจ้าวอิงหัวปรากฏความเย็นชา จากตอนแรกตั้งใจจะฉลองปีใหม่อย่างสงบสุข ไม่อยากก้าวก่ายกับใครหน้าไหน แต่ใครใช้ให้ตระกูลอู่มาสะกิดเข้าที่หางของเขาล่ะ!
ปีนี้จะเป็นปีสุดท้ายที่ตระกูลอู่จะได้เผชิญหน้าและเฉลิมฉลองอย่างสงบสุข!
เหยียนซินหย่าพูดขึ้นบ้าง “ถ้างั้นช่วงบ่ายฉันจะพาเหมยเหมยออกไปชอปปิ้ง หาซื้อของฝากจากเมืองจินด้วย แล้วก็จะได้ซื้อเสื้อผ้าตัวใหม่ให้เหมยเหมยสักหน่อย”
“ฉันจะไปด้วย เราจะต้องแต่งตัวให้เจ้าหญิงของเรางดงามที่สุด” จ้าวอิงหนานเกิดรู้สึกให้ความสนใจในทันที เธอชอบที่สุดกับการแต่งตัวให้กับเด็กผู้หญิง
แต่ก่อนในบ้านไม่มีเด็กผู้หญิงเลย มีแต่ชายชาตรีทั้งหลาย แต่ตอนนี้มันดีมาก!
จ้าวอิงหัวทานมื้อเที่ยงเสร็จจึงออกไปทำธุระต่อ เหยียนซินหย่าและจ้าวอิงหนานต่างพากันนอนกลางวัน รอให้พวกเธอตื่นค่อยออกไปเดินชอปปิ้ง เหมยเหมย สยงมู่มู่ และจ้าวเสวียหลินนั่งดูทีวีอยู่ด้วยกัน โดยมีฉิวฉิวนอนหมอบอยู่บนอกเธอ เจ้าตัวเล็กไม่ต้องอยู่แบบหลบๆ ซ่อนๆ ในห้องอีกต่อไปแล้ว
เสียงเคาะประตูดังขึ้น สยงมู่มู่จึงรีบวิ่งออกไปเปิด เป็นเว่ยชิวเยวี่ยกับอู่เชาสองแม่ลูกที่หิ้วกระเป๋าใบใหญ่มา ซึ่งด้านในยัดของมาด้วยสารพัดอย่าง
“เหมยเหมย ฉันเอาเสื้อผ้ามาส่งให้” อู่เชาส่งยิ้มให้เหมยเหมยพร้อมกับโบกไม้โบกมือ เหมยเหมยจึงส่งยิ้มคืนให้เขาอย่างที่เคยทำ เว่ยชิวเยวี่ยจึงรู้สึกวางใจขึ้น
“เหมยเหมย เธอยังมีเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นบางอย่างทิ้งไว้ที่บ้าน ป้ากับอู่เซาเลยแวะเอามาให้น่ะ” เว่ยชิวเยวี่ยยิ้มอ่อนๆ และพูด
สยงมู่มู่จึงต้องให้พวกเขาเข้ามาอย่างเลี่ยงไม่ได้ จริงๆ แล้วสยงมู่มู่ไม่ค่อยชอบเว่ยชิวเยวี่ยสักเท่าไหร่ แต่ใครใช้ให้เขาต้องเป็นเพื่อนกับอู่เชาล่ะ!
การปฏิเสธเพื่อนให้ออกไปอยู่นอกบ้านก็ไม่ใช่นิสัยของเขาเลย!
พอเว่ยชิวเยวี่ยเข้าบ้านไป สยงมู่มู่จึงด่าเขาเสียงเบา “นายมาคนเดียวก็พอแล้ว ทำไมต้องพาแม่นายมาด้วยล่ะ?”
อู่เชาลูบจมูกตัวเองอย่างกล้ำกลืน “ฉันก็ไม่อยากทำแบบนี้หรอก แต่เธอเป็นแม่ของฉัน ฉันเลยทำอะไรไม่ได้ แต่แม่ของฉันต่างกับอารอง เธอเป็นคนดีนะ”
สยงมู่มู่สบถออกไปทีหนึ่ง “แม่ของนายเอาแต่ห่วงความปลอดภัยของตัวเอง เมื่อก่อนที่อู่เหมยถูกทารุณกรรม ไม่เห็นว่าเธอจะออกมาปกป้องอะไรเลย!”
อู่เชายิ้มอย่างละอายใจ เจ้าเด็กอ้วนมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก แน่นอนว่าเข้ารู้จักนิสัยของแม่ตัวเองดี แต่คงจะเป็นไปไม่ได้ถ้าจะให้เขาตัดความสัมพันธ์กับพ่อแม่!
สยงมู่มู่เห็นท่าทีอึดอัดใจของเขาจึงไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาปลีกตัวเข้าไปเรียกพ่อสยงออกมา การให้ผู้ใหญ่ออกมาต้อนรับน่าจะเหมาะสมกว่า เขาแค่ต้อนรับเด็กๆ ก็เพียงพอแล้ว
เว่ยชิวเยวี่ยไม่เห็นจ้าวอิงหัวกับเหยียนซินหย่า จึงแอบผิดหวังเล็กน้อย แต่จำต้องพูดออกไป “น้องชายของเราทำผิดขนาดนี้ ฉันรู้สึกผิดต่อครอบครัวของพวกคุณจริงๆ ฉันต้องขอโทษแทนเขาด้วย!”
…………………………………………………………………………………………..
ตอนที่ 536 จะต้องเข้าใจและหาลำดับความสำคัญ
พ่อสยงก็รู้สึกไม่พอใจต่อการกระทำของตระกูลอู่เป็นอย่างมาก แต่คงจะไม่ดีนักหากเขาจะโมโหต่อหน้าผู้หญิงอย่างเว่ยชิวเยวี่ย อีกอย่างคือใครเป็นคนก่อหนี้ไว้ ก็ให้คนนั้นมาชดใช้เอง คนที่ทำผิดคืออู่เจิ้งซือกับเหอปี้อวิ๋น แม้ว่าเว่ยชิวเยวี่ยจะมีความเห็นแก่ตัวอยู่บ้างก็ตาม สำหรับบ้านหลังนั้นเธอก็นับได้ว่าเป็นหนึ่งในคนที่ทำดีต่อเหมยเหมย
“ศาสตราจารย์เว่ยก็พูดเกินไปครับ เหมยเหมยเคยพูดไว้ ว่าคุณเป็นคนเดียวในบ้านหลังนั้นที่คอยช่วยเหลือเธอ ตรงส่วนนี้พวกเราซาบซึ้งใจมาก แต่คนที่ควรจะรับผิดควรจะเป็นอู่เจิ้งซือกับเหอปี้อวิ๋นมากกว่า ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับศาสตราจารย์เว่ยเลย”
เว่ยชิวเยวี่ยได้ฟังจากคำพูดและน้ำเสียงของพ่อสยง ก็รู้ได้ในทันทีว่าตระกูลจ้าวคงไม่ทำอะไรให้ครอบครัวเธอต้องลำบากแน่นอน นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกโล่งใจ แต่ยังคงมีสีหน้าละอายใจอยู่
ถึงอย่างไรเธอก็เคยออกมาช่วยพูดเพียงไม่กี่ประโยค แค่บางครั้งที่เหอปี้อวิ๋นทำเกินไปก็เท่านั้น แต่กลับไม่ได้ช่วยเหลืออะไรเหมยเหมยอย่างจริงๆ จังๆ แต่นึกไม่ถึงว่าเด็กคนนี้กลับจดจำความรู้สึกอบอุ่นนี้ไว้ในใจ
ในใจของเว่ยชิวเยวี่ยไม่ได้รู้สึกดีเลย เธอทั้งรู้สึกเสียใจและละอายใจ รอยยิ้มยิ่งเปลี่ยนเป็นละอายใจยิ่งกว่าเดิม จากที่เคยพูดจาฉะฉานลื่นไหลราวน้ำกลิ้งบนใบบอน ในตอนนี้กลับใช้ไม่ได้กับสถานการณ์ตรงหน้าแม้แต่เสี้ยวเดียว
“ฉันรู้สึกเสียใจจนไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรออกไปดี เฮ้อ คงทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะ!” เว่ยชิวเยวี่ยพูดขึ้นอย่างตะกุกตะกัก
“ถ้างั้นไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ใครที่ดีกับลูกสาวฉัน หรือใครที่ร้ายกับลูกสาวฉัน พวกเราทุกคนต่างรู้อยู่แก่ใจ และจะตอบแทนกลับอย่างสาสม”
เหยียนซินหย่าที่ตื่นขึ้นมาจากเสียงรบกวน เดินออกมาจากห้องด้วยใบหน้าบึ้งตึงและเย็นชา เว่ยชิวเยวี่ยจึงยิ้มอย่างละอายใจอีกครั้ง เธอรู้ดีว่าทุกคนไม่ได้ยินดีกับการมาของเธอนัก ดูเหมือนว่าตระกูลจ้าวจะไม่ได้มีท่าทีที่จะอ่อนข้อให้เลย ขอแค่ไม่ทำให้เธอต้องเดือดร้อนไปด้วยก็พอแล้ว แม้แต่อู่เจิ้งต้าวเธอก็ไม่อาจคุ้มหัวได้
สามีภรรยาเป็นดั่งนกคู่ที่อาศัยอยู่กลางป่าไพร เมื่อมีภัยก็จำต้องบินแยกทาง!
บนโลกนี้จะมีสามีภรรยาที่รักใคร่กลมเกลียวกันอยู่สักกี่คู่ หรืออาจเป็นเพราะพวกเขายังไม่เจอกับขวากหนามที่แท้จริงเท่านั้นเอง!
เว่ยชิวเยวี่ยพูดจาเกรงอกเกรงใจไปได้ไม่กี่ประโยค จำต้องขอตัวกลับก่อน แต่อู่เชาไม่ยอมกลับ ก้นของเขานั่งลงยังไม่ทันได้ร้อนเลย!
เหมยเหมยจึงพูดช่วยในทันที “ป้าจ้าวคะ หนูกับอู่เชาเป็นเพื่อนสนิทกัน ให้เขาอยู่เล่นที่นี่ต่ออีกสักหน่อยนะคะ”
เว่ยชิวเยวี่ยคิดในใจอย่างมีความสุข ฐานะของอู่เหมยในวันข้างหน้า ใช่ว่าคนธรรมดาหรือใครหน้าไหนจะสามารถเป็นเพื่อนกับเธอได้ง่ายๆ ความเป็นเพื่อนของเด็กคือมิตรภาพที่แท้จริง ขอแค่ยังคงรักษาความสัมพันธ์ต่อไป โตขึ้นพวกเขาก็จะยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน อู่เชามีเพื่อนอย่างเหมยเหมย เรื่องหน้าที่การงานในอนาคตของเขาคงไม่มีอะไรย่ำแย่
เห็นแบบนี้แล้ว ครอบครัวของเธอดูจะเป็นเหมือนโชคดีในความโชคร้าย!
เว่ยชิวเยวี่ยจึงรับปากอย่างยินดี และจากไปพร้อมกับความดีใจ ก่อนไปเธอยังพูดเตือนสติพวกเขาทิ้งท้าย “สภาพจิตใจของเหอปี้อวิ๋นไม่ปกตินัก ตอนนี้ในบ้านก็ไม่มีใครดูแลเธอ พวกคุณระวังตัวด้วยล่ะ”
“ขอบคุณที่เตือน!” เหยียนซินหย่าพยักหน้ารับ เธอเองก็นึกสงสัยในใจ ทำไมเหอปี้อวิ๋นถึงได้มีปัญหาทางจิตล่ะ?
เธอไม่รู้เลย ว่าทั้งหมดเป็นฝีมือของลูกสาวสุดที่รักของเธอ!
อู่เชาพูดขึ้นอย่างเกินเหตุ “เหมยเหมยเธอไม่รู้เหรอว่าเมื่อวานอาสะใภ้รองน่ะทำทุกคนตกใจแค่ไหน เธอเกือบจะฆ่าคุณปู่ไปแล้ว โชคดีที่อารองหยุดเธอไว้ได้”
อู่เหมยรู้สึกสนใจเป็นอย่างมาก จึงเร่งให้เจ้าเด็กอ้วนเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด ที่แท้เมื่อวานคุณปู่อู่โมโหมากจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ เลยสั่งสอนอู่เยวี่ยไปฉาดใหญ่ ซึ่งนั่นถือเป็นการแหย่เข้าที่ปลายขนของเหอปี้อวิ๋น เธอหยิบมีดทำกับข้าวในห้องครัวออกมาเพื่อหวังจะฆ่าคุณปู่อู่ แต่โชคดีที่อู่เจิ้งซือไหวตัวทัน ยับยั้งการกระทำที่ไร้สติของเหอปี้อวิ๋นไว้ได้ มิเช่นนั้นคุณปู่อู่คงไม่ได้มีชีวิตรอดมาเห็นแสงตะวันของวันใหม่ได้หรอก!
“น่าเสียดาย!”
อู่เหมยยักไหล่อย่างเสียดาย คุณปู่อู่ไม่ใช่คนดีอะไรนัก ถูกเหอปี้อวิ๋นแทงคงจะดีมาก โถ่ เสียดายที่เขาไม่โดนแทง!
อู่เชาจ้องอู่เหมยด้วยความไม่พอใจ เขาคนนั้นเป็นถึงปู่แท้ๆ ของเขา เลิกพูดจาอะไรแบบนี้ต่อหน้าเขาไม่ได้หรือไง?
…………………………………………………………………………………………..