ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 537 ดึงดันที่จะกลับบ้าน + ตอนที่ 538 แม่ผู้เสแสร้งแกล้งทำ
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- ตอนที่ 537 ดึงดันที่จะกลับบ้าน + ตอนที่ 538 แม่ผู้เสแสร้งแกล้งทำ
ตอนที่ 537 ดึงดันที่จะกลับบ้าน
เหยียนซินหย่าขมวดคิ้วแน่น ดูเหมือนว่าอาการทางจิตของเหอปิอวิ๋นจะรุนแรงมาก!
“อาสะใภ้รองยังอยู่ที่บ้านพวกนายเหรอ?” อู่เหมยถาม
“แน่นอนว่าไม่ได้อยู่ เมื่อคืนคุณปู่โทรไปหาพ่อของอาสะใภ้รองเพื่อให้มารับตัวเธอกลับไป”
เหยียนซินหย่ามีสีหน้าที่เปลี่ยนไป คนดีๆ อย่างน้าชายและน้าสาวทั้งสองของเธอ!
สิบสองปีแล้วที่ไม่ได้พบเจอกัน ตอนแรกตั้งใจจะมองเป็นแค่คนร่วมทางกัน แต่ในตอนนี้เธอกลับไม่คิดแบบนั้น!
ครอบครัวเขาทำผิดต่อครอบครัวเธอ ทำผิดต่อเธอ และทำผิดต่อลูกสาวของเธอ!
เธอไม่มีทางปล่อยคนพวกนี้ไปง่ายๆ แน่ เหยียนซินหย่าใจกระตุก และถามขึ้น “เหมยเหมย พ่อแม่ของเหอปี้อวิ๋นยังอาศัยอยู่ที่ถนนหมายเลข 27 ในชนบทใช่ไหม?”
เหมยเหมยพยักหน้าตอบ “ยังอยู่ที่นั่นค่ะ”
แม้ว่าจะบอกว่าบ้านของตระกูลเหอจะมีระยะห่างจากเขตตัวเมืองไกลพอสมควร แต่บ้านหลังนั้นถือว่าไม่ได้แย่เลย เป็นบ้านสวนที่มีทางเข้าออกอยู่สามฝั่ง สวนด้านหลังมีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ โดยมีเนื้อที่ราวๆ ครึ่งหมู่[1] สวนด้านหน้าก็ไม่ได้เล็กมากนัก สมาชิกในบ้านอยู่รวมกันสิบกว่าคนก็ไม่ทำให้รู้สึกอึดอัด
เธอรู้สึกแปลกใจตั้งแต่เด็กๆ คุณตาเหอเป็นแค่คุณครูชั้นประถม ส่วนคุณยายเหอก็ไม่ได้มีรายได้ นอกจากจะเลี้ยงดูทุกคนในครอบครัวแล้ว บางครั้งจะต้องออกไปทำงานในไร่เพื่อเลี้ยงชีพอยู่บ่อยๆ ชีวิตความเป็นอยู่ในแต่ละวันของตระกูลเหอไม่ได้ดีนัก แต่เอาเงินจากไหนมาซื้อบ้านหลังใหญ่ขนาดนี้?
เหยียนซินหย่ายิ้มเยาะในใจ “พวกเขายังมีหน้าจะอยู่ตรงนั้นได้อีกนะนี่!”
เหมยเหมยรู้สึกแปลกใจที่ได้ยิน เหมือนกับมีอะไรแฝงอยู่ในคำพูดนี้!
หรือจะเกิดสถานการณ์บางอย่างขึ้นกับบ้านหลังนั้น?
เหยียนซินหย่าลูบหัวเธอเบา แล้วอธิบายถึงสาเหตุต่างๆ “บ้านที่พวกเขาอาศัยอยู่เป็นบ้านของคุณตาหนู ในปีนั้นพวกเขาไม่มีที่อยู่อาศัย แต่คุณตาของหนูท่านเป็นคนจิตใจดี จึงอนุญาตให้พวกเขาพักอยู่ในพื้นที่ว่างในบ้านหลังนั้น”
เหมยเหมยนึกไม่ถึงว่าบ้านหลังนั้นจะเป็นของตระกูลเธอ พอนึกไปถึงช่วงที่พวกเขาขับไล่หญิงมีครรภ์อย่างเหยียนซินหย่าออกจากบ้านไป ไฟโทสะที่มีจึงปะทุขึ้น พร้อมกับก่นด่า “คนในตระกูลนี้ช่างหน้าไม่อาย ความผิดชอบชั่วดีในใจพวกเขาถูกหมากัดกินไปหมดหรือไง ไม่ต้องให้พวกเขาอยู่ต่อแล้ว แม่รีบไปเอาบ้านหลังนั้นคืนมาเลยค่ะ!”
ในสถานการณ์ว้าวุ่นใจนี้ ทำให้เธอเผลอตัวหลุดเรียกคำว่า ‘แม่’ ออกมา เหยียนซินหย่าจ้องมองเธอด้วยความดีใจ ได้เห็นท่าทีเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองของลูกสาวตัวน้อย ทำให้เธอหุบยิ้มไม่ได้ และนัยน์ตายังมีน้ำตาเอ่อคลออยู่
ในที่สุดลูกก็ยอมเรียกเธอว่าแม่แล้ว เรื่องเซอร์ไพรส์เกิดขึ้นเร็วกว่าที่คิด เหยียนซินหย่ารู้สึกราวกับได้กลืนกินยาวิเศษเข้าไป พลันรู้สึกกระปรี้กระเปร่า และเป็นเหตุการณ์ที่ซาบซึ้งใจยิ่งนัก!
จากที่ได้ยินลูกเรียกตัวเองว่าแม่ เธอตัดสินใจแล้วว่าจะไม่มีทางปล่อยคนใจดำอำมหิตในตระกูลนั้นไว้แน่!
เหมยเหมยเห็นท่าทีลังเลสับสนของเธอ จึงเข้าใจว่าเธอคงใจอ่อน จึงจงใจพูดขึ้น “ตอนเด็กหนูเคยไปที่นั่น แต่ลูกชายของเหอปี้สือไม่ยอมให้หนูเข้าบ้าน บอกว่าที่นั่นเป็นบ้านของเขา ไม่อนุญาตให้หนูเข้าไปกินข้าวข้างใน เพราะอย่างนั้นทุกครั้งหนูจะต้องนั่งกินข้าวคนเดียวอยู่ที่สวนด้านนอก”
เรื่องนี้เหมยเหมยไม่ได้พูดโกหก แต่เธอกลับไม่เคยรู้ว่าลูกชายของเหอปี้สือสนิทสนมกับอู่เยวี่ย และเขามักจะเชื่อฟังคำพูดของอู่เยวี่ยเสมอ คำพูดพวกนั้นอู่เยวี่ยเป็นคนสอนเขาพูดเอง และอู่เยวี่ยยังสอนให้เขาตบตีเหมยเหมยอีกด้วย ด้วยเหตุนี้เหมยเหมยถึงกลัวที่จะไปเหยียบที่บ้านตระกูลเหอ เพราะทุกครั้งที่ไปเธอจะโดนทำร้ายเสมอ
ความรู้สึกของเหยียนซินหย่าทั้งเจ็บปวดทั้งโกรธเคือง แล้วเราจะได้เห็นดีกันตระกูลเหอ ไล่เธอออกมาจากบ้านไม่พอ ยังไล่ลูกสาวของเธอออกมาอีก!
เหอะ ในปีนั้นเธอไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ จึงทำให้กลับไปที่บ้านไม่ได้ แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปไม่เหมือนกับที่ผ่านมาแล้วล่ะ เธอจะต้องเอาบ้านหลังนั้นคืนกลับมาให้ได้ โชคดีที่ในปีนั้นแม่ของเธอแค่วางมือ และให้คนในตระกูลเหอได้พักอยู่ที่นั่น แต่โฉนดที่ดินทุกอย่างยังคงเป็นชื่อของพ่อเธอ ในตอนนี้คงต้องกลายเป็นของเธอแล้วล่ะ!
ชั่วชีวิตของครอบครัวเธอต้องทุกข์ทรมานมาถึงสามรุ่นแล้ว วันนี้เธอจะทวงคืนทุกอย่าง!
อีกสองวันจะถึงวันส่งท้ายปีเก่าแล้ว ให้คนเนรคุณอย่างพวกเขาไปฉลองกันที่ข้างถนนก็แล้วกัน!
…………………………………………………………………………………………..
ตอนที่ 538 แม่ผู้เสแสร้งแกล้งทำ
เหมยเหมยอดใจรอแทบไม่ไหวที่จะได้ดูละครฉากเด็ดของตระกูลเหอ เธอจึงบอกไปว่าไม่อยากซื้อเสื้อผ้าใหม่แล้ว บอกเพียงว่ากลับไปถึงเมืองหลวงค่อยไปหาซื้อก็ไม่สาย การเอาบ้านคืนต่างหากคืองานราชงานหลวง
แม้ว่าบ้านหลังนั้นที่ตระกูลเหออาศัยอยู่จะไกลไปบ้าง แต่อีกยี่สิบปีข้างหน้า ที่นั่นจะกลายเป็นเขตพื้นที่ใหม่ของเมืองจิน บ้านหลังนั้นจะต้องถูกรื้อถอน และแลกเป็นเงินค่ารื้อถอนด้วยราคามหาศาล และยังถูกแยกออกเป็นห้องชุดถึงห้าห้อง
คุณยายเหอนี่ฉลาดนัก ครอบครัวตัวเองอาศัยอยู่แค่หนึ่งห้อง เหลืออีกสี่ห้องจึงปล่อยออกให้คนมาเช่าอยู่ ทุกเดือนทำแค่เก็บเงินค่าเช่าก็มีเงินให้ใช้จ่ายอย่างล้นเหลือ มีฐานะที่ดีขึ้นได้เพียงชั่วข้ามคืน
ของพวกนี้เป็นของแม่เธอตั้งแต่แรกแล้ว พวกเนรคุณใจดำอำมหิตเลวทรามต่ำช้านั่นมีสิทธิ์อะไรมาทำแบบนี้?
อู่เหมยรู้สึกแปลกใจมาก เมื่อชาติที่แล้วทำไมเหยียนซินหย่าถึงไม่เอาบ้านหลังนั้นคืนล่ะ!
เหยียนซินหย่าเห็นท่าทีร้อนใจจนเท้าไม่ติดพื้นของลูกจึงอดขำไม่ได้ แต่เธอยิ่งรู้สึกโกรธแค้นต่อตระกูลเหอเป็นอย่างมาก ตอนลูกสาวเธออยู่ที่นั่นจะต้องได้รับความไม่เป็นธรรมต่างๆ นานาอย่างแน่นอน เธอถึงได้รีบร้อนขนาดนี้ แม้แต่เสื้อผ้าใหม่เธอยังไม่ต้องการเลย!
ช่างเป็นความเข้าใจผิดที่งดงามเหลือเกิน!
“งั้นเอาตามที่เหมยเหมยต้องการละกัน แต่เราต้องกลับไปเอาของบางอย่างที่บ้านหลังเก่าของแม่ก่อน” เหยียนซินหย่าพูดขึ้นอย่างยิ้มๆ
อู่เหมยกลอกตาไปมา ได้ยินแบบนี้หมายความว่าคุณตาของเธอยังมีบ้านอยู่ในเมืองจินอีก?
แต่เมื่อคิดแบบผ่านๆ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร คุณตาของเธอ เหยียนตานชิง เขาเองก็มีชื่อเสียงโด่งดังมากในยุคสาธารณรัฐ นอกจากการวาดภาพแล้ว เหยียนตานชิงยังมีตำแหน่งเป็นถึงศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัย และเขาก็เป็นถึงจิตรกรและล่ามที่มีค่าตัวสูงลิ่ว เป็นธรรมดาที่ฐานะทางบ้านต้องไม่ธรรมดา เขาสามารถซื้อบ้านหลายๆ หลังในเขตเมืองจินได้ถือว่าไม่ใช่เรื่องมหัศจรรย์อะไร
อีกอย่างเธอเคยได้ยินมาว่าเหยียนตานชิงเป็นถึงทายาทของมหาเศรษฐี มิเช่นนั้นจะเอาเงินจากไหนมาส่งเสียตัวเองให้ไปเรียนถึงต่างประเทศ?
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน คนที่ออกไปเล่าเรียนไกลถึงต่างประเทศมักจะมีฐานะ คนจนไม่มีเงินพอ และไม่มีเวลาว่างจากงาน!
จ้าวอิงหนานจึงขอตามไปด้วย พ่อสยงก็ไม่ค่อยวางใจพวกผู้หญิงสักเท่าไหร่ จึงได้ตามไปกับพวกเธอด้วย พวกเขาเดินไปทางถนนฮวายไห่ด้วยกัน
“คุณตาไม่ค่อยชอบซื้อบ้านสักเท่าไหร่ ท่านซื้อบ้านในเมืองจินไว้เพียงสามแห่ง ที่แรกเลยเป็นบ้านที่ตระกูลเหออาศัยอยู่ อีกที่อยู่ที่ถนนฮวายไห่ ที่นั่นเป็นบ้านที่คุณตาชอบที่สุด ส่วนใหญ่ท่านจะอาศัยอยู่ที่นั่น ส่วนบ้านอีกหลังอยู่ที่เขตจิ้งอัน ที่นั่นมีวิวทิวทัศน์สวยงาม ด้านหน้าด้านหลังมีแม่น้ำรายล้อม เอาไว้ช่วงหน้าร้อนเราค่อยไปพักผ่อนที่นั่นกัน”
เหยียนซินหย่าแนะนำบ้านให้เธอได้ฟังด้วยเสียงอันเบา ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอไม่แม้แต่จะเอ่ยปากพูดถึงเลย เพราะมันทำให้เธอเจ็บปวด!
แต่ในตอนนี้เธอสามารถพูดถึงมันได้ราวกับเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไป แม้ว่าในใจจะยังรู้สึกเป็นทุกข์ แต่เธอยังมีความหวัง ต่อให้ต้องเจ็บปวดทุกข์ทรมานถึงเพียงไหน เธอจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อให้ได้ มีชีวิตอยู่แทนพ่อและแม่ของเธอ
เหมยเหมยได้ฟังยิ่งเกิดอาการหอบ โอ้แม่เจ้า ซื้อบ้านไว้สามหลังแต่ยังบอกว่าไม่ชอบที่จะซื้อบ้าน แม่ของเธอช่างเป็นคนที่ความสามารถสูงด้านการแสดงเสียจริง!
รอให้เข้าไปถึงบ้านในเขตถนนฮวายไห่ที่คุณตาเธอรักที่สุด อู่เหมยจะต้องตกตะลึงมากกว่านี้ และจะต้องรู้สึกศรัทธาต่อแม่ตัวเองยิ่งกว่าเดิม!
มีบ้านหลังใหญ่น่าอยู่ขนาดนี้แต่ไม่ยอมอยู่ เธอกลับเลือกที่จะไปอาศัยอยู่ที่บ้านรับรอง ช่างเป็น…
บ้านของตระกูลเหยียนเป็นบ้านสวนสไตล์ยุโรป เป็นบ้านสองชั้นเล็กๆ พื้นที่ไม่ได้กว้างมาก แต่หากอยู่รวมกันหกคนก็ยังคงพอมีพื้นที่เหลือให้ใช้สอย และที่นี่มีวิวทิวทัศน์ดีมาก สวนด้านหน้ามีสระน้ำที่ไม่ถึงกับเล็กมาก ในสระยังมีเศษซากของใบบัวที่เหี่ยวแห้งหลงเหลืออยู่
พอลองจินตนาการ หากช่วงฤดูร้อนมาถึง เมื่อเปิดประตูหน้าต่างจากด้านบนของตึก ก็จะเห็นใบบัวเขียวขจีกำลังเบ่งบานขึ้นเต็มสระ และยังได้เห็นถึงความงดงามของดอกบัวที่เบ่งบานปะทะกับสายลมในช่วงฤดูร้อน เมื่อได้เห็นทิวทัศน์ที่งดงามตรงหน้า ความรู้สึกนึกคิดรวมทั้งความกังวลภายในใจจะถูกพัดพาให้หายไปพร้อมกับสายลม!
นอกจากสระบัวแล้ว ยังมีสนามหญ้าและสวนดอกไม้ ส่วนบริเวณสวนด้านหลังเป็นสวนดอกเหมยขนาดย่อม ที่ได้ปลูกเหมยแดง เหมยขาว และเหมยเหลืองเอาไว้รวมถึงเหมยสีอื่นๆ ด้วย สีสันผสมผสานละลานตา กลิ่นหอมครุกรุ่นทั่วทั้งสวน ทำให้คนเรารู้สึกผ่อนคลายสบายใจและมีความสุขได้จริงๆ
เหมยเหมยสูดหายใจเข้าแรงๆ และเคลิบเคลิ้มไปกับสิ่งนั้น สถานที่ดีๆ แบบนี้ มีเพียงคนโง่เท่านั้นที่จะไม่ยอมอยู่!
…………………………………………………………………………………………..
[1] หนึ่งหมู่เท่ากับ 666.67 ตารางเมตร