ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 539 เรียกแม่ด้วยความรู้สึกจากใจจริง + ตอนที่ 540 ความเสียใจของคุณยาย
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- ตอนที่ 539 เรียกแม่ด้วยความรู้สึกจากใจจริง + ตอนที่ 540 ความเสียใจของคุณยาย
ตอนที่ 539 เรียกแม่ด้วยความรู้สึกจากใจจริง
แม้ว่าบ้านหลังนี้จะสวยงามก็จริง แต่กลับเกิดความเสียหายอย่างรุนแรง มีบานประตูบางบานหลุดออกไป เหมยเหมยไม่ต้องรอให้เหยียนซินหย่าอธิบายก็รู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น คุณตาคุณยายของเธอเคยถูกโจมตีมาก่อน บ้านดีๆ แบบนี้แน่นอนว่าต้องรักษาไว้ได้ยาก
เหมือนว่าบ้านแบบนี้ถูกเรียกเก็บไป ในช่วงนั้นคนที่อยู่อาศัยได้ส่วนใหญ่จะต้องมีฐานะดีและมีชาติตระกูลเท่านั้น หากว่าครอบครัวที่มีพื้นฐานเดิมดีอยู่แล้วก็ถือว่าเป็นความโชคดีไป แต่หากครอบครัวที่มีพื้นฐานแย่นั้น บ้านหลังนั้นๆ อาจจะต้องถูกรื้อถอนไปเลย
ดูเหมือนว่าครอบครัวเธอจะไม่ได้โชคดีเท่าไรนัก บานประตูถูกรื้ออกไปเสียหมด ไม่เข้าใจว่าคนพวกนั้นเอาบานประตูไปแล้วทำอะไรได้!
และยังมีลายมือไก่เขี่ยที่ติดอยู่บนกำแพงนั่นอีก หากอีกหน่อยขุดลอกปูนขาวออก คงจะเป็นไปไม่ได้หากทุกคนจะไม่พูดถึงเจ้าของบ้านหลังนี้ ว่าเขานั้นไม่รักบ้านหลังนี้เอาเสียเลย!
บ้านหลังนี้ต้องได้รับการซ่อมแซมที่ดีก่อน มิเช่นนั้นคงจะอยู่อาศัยไม่ได้ อีกหน่อยต้องหาโอกาสคุยกับเหยียนซินหย่า เพื่อซ่อมแซมบ้านหลังนี้ให้ดี แล้วพวกเธอก็ย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านหลังนี้ บ้านดีๆ แบบนี้ ถ้าไม่อยู่คงเสียดายแทน!
“บ้านหลังนี้ได้คืนกลับมาเมื่อห้าปีก่อนเอง ฉันไม่เคยกลับมาทำความสะอาดเลย แต่จะปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้ วันหลังค่อยหาช่างเข้ามาซ่อมแซมแล้ว” เหยียนซินหย่ามองสำรวจบ้านที่ถูกรื้อด้วยความเจ็บปวด และเอาแต่โทษตัวเอง
สิบสองปีที่ผ่านมาเธอมีชีวิตอยู่ราวกับคนตายที่ยังหายใจ ไม่ได้รับผิดชอบถึงหน้าที่ของภรรยา แม่ ลูกสาว ลูกสะใภ้เลย นั่นเป็นสิ่งที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง!
จ้าวอิงหนานจงใจพูดขึ้น “สะใภ้รอง ต่อไปนี้เธอต้องลุกขึ้นสู้ เหมยเหมยยังรอที่จะให้เธอปกป้องนะ!”
“ฉันรู้ค่ะ เมื่อก่อนเป็นเพราะฉันคิดไม่ได้เอง ต่อไปฉันจะไม่เป็นแบบนั้นอีก ฉันจะต้องใช้ชีวิตในทุกๆ วันให้ดีที่สุด” ดวงตาของเหยียนซินหย่าส่อแววถึงความตั้งใจและหนักแน่นเป็นไหนๆ
เธอได้เดินนำทุกคนเข้ามายังห้องหนังสือ ภายในห้องรกรุงรังเป็นอย่างมาก ด้านในหลงเหลืออยู่เพียงแค่โต๊ะหนังสือตัวเดียว ส่วนด้านหลังของห้องมีตู้หนังสือที่ตั้งติดกับตัวผนังห้อง เหยียนซินหย่าสั่งให้จ้าวเสวียหลินผลักตู้ตัวนั้นออก ทำให้ปรากฏช่องว่างเล็กๆ ขึ้น
“ตรงนี้เป็นที่ที่คุณตามักจะซ่อนของมีค่าเอาไว้ เมื่อห้าปีก่อนที่ได้บ้านหลังนี้คืนมา แม่ได้ให้พ่อของลูกๆ นำเอาโฉนดที่ดินต่างๆ มาเก็บไว้ที่นี่ แม่ไม่อยากเจ็บปวดเพราะได้เห็นของพวกนี้”
ที่แท้ช่องเล็กๆ นี่คือตู้เซฟนิรภัยขนาดเล็ก เหยียนซินหย่าจึงใช้กุญแจไขเพื่อเปิดเซฟออก ด้านในมีซองจดหมายราชการวางอยู่หนึ่งซอง ด้านในเก็บโฉนดของบ้านทั้งสามหลังไว้ เหยียนซินหย่าหยิบโฉนดของบ้านตระกูลเหอออกมา และวางโฉนดอีกสองใบกลับไว้ตามเดิม
“พวกเราไปที่บ้านตระกูลเหอกัน เหมยเหมย ตอนนั้นพวกเขาไม่ให้ลูกเข้าไปกินข้าวในบ้าน แต่ตอนนี้แม่จะทำให้พวกเขาต้องไปกินข้าวฉลองปีใหม่ที่ข้างถนน” เหยียนซินหย่าเยาะเย้ยซ้ำแล้วซ้ำเล่า
อู่เหมยเผยรอยยิ้มออกมาอย่างดีใจ และรีบพูดขึ้นอีกครั้ง “ขอบคุณค่ะแม่!”
ครั้งนี้เธอรู้สึกตัวทุกอย่าง ในวันนี้เธอเรียกแม่ออกไปถึงสองครั้ง!
และไม่ได้เป็นการเรียกเพื่อผลประโยชน์ใดๆ แต่เป็นการเรียกที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ น่าจะเป็นเพราะเกิดจากความรู้สึกจริงๆ ในใจ เพราะเหยียนซินหย่าดีต่อเธอขนาดนี้ ทำให้เธอที่อยู่ภายใต้การปกป้องคุ้มครองด้วยความรักของคนเป็นแม่ จึงอดไม่ได้ที่จะพูดออกมาเองโดยไม่ต้องให้ใครบอก
มีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งที่สอง พอมีครั้งที่สองก็จะต้องมีครั้งที่สาม และก็จะค่อยๆ ข้ามผ่านสิ่งที่ยากที่สุดไปได้ เมื่อเหมยเหมยเรียกเธอว่าแม่ครั้งหนึ่ง ก็ไม่ได้รู้สึกขัดเคืองอีกต่อไป สามารถเรียกออกมาได้อย่างผ่อนคลายและเป็นธรรมชาติที่สุด
บรรยากาศในบ้านตระกูลเหอตอนนี้ไม่ค่อยยดีนัก เหอปี้อวิ๋นพาอู่เยวี่ยกลับมาที่บ้านด้วย ทั้งคู่ใบหน้าซีดเซียว พวกเธอพกเสื้อผ้าที่เหมาะแก่การสับเปลี่ยนใส่ซักแค่ไม่กี่ชุด รอยฟกช้ำบนใบหน้าบ่งบอกได้ว่าได้ผ่านการถูกทำร้ายมา
คุณยายเหอไม่ได้มีอารมณ์มาสนใจว่าลูกสาวจะถูกทิ้งหรือไม่ เมื่อเธอได้ฟังที่เหอปี้อวิ๋นพูดว่าเหยียนซินหย่าได้กลับมาแล้วพลันรู้สึกตื่นตกใจ ความหวาดกลัวในใจได้คลืบคลานตามมา
“ตาแก่ เอ็งรีบเอาเหล้าสักสองขวดไปให้กับผู้ใหญ่บ้านทีสิ แล้วขอให้เขาช่วยเซ็นเป็นพยานให้ ว่าบ้านหลังนี้เป็นของเรา พวกเราไม่ระวังจึงทำโฉนดบ้านหาย รีบไปตอนที่ยังมีคนทำงานอยู่ แล้วแจ้งทำเรื่องออกโฉนดให้เราใหม่ด้วย”
คุณยายเหอเอาแต่เร่งคุณตาเหอ เธอร้อนใจดั่งถูกเปลวไฟเผาไหม้ และไม่ได้สนใจต่อสองแม่ลูกอย่างเหอปี้อวิ๋นเลย
…………………………………………………………………………………………..
ตอนที่ 540 ความเสียใจของคุณยาย
คุณยายเหอรู้สึกร้อนใจเป็นอย่างมาก เธอนึกไม่ถึงเลยว่าหลานสาวคนเล็กจะเป็นลูกสาวของเหยียนซินหย่าที่ถูกลูกเขยของเธอขโมยมา ไม่แปลกเลยที่หลานสาวคนเล็กมีรูปร่างหน้าตาที่ไม่เหมือนกับลูกสาวเธอเลย แต่กลับมีหน้าตาคล้ายเหยียนซินหย่าราวกับตีพิมพ์ออกมา
คนในบ้านเธอทำกับเหยียนซินหย่าอย่างไร คุณยายเหอรู้ดีอยู่แก่ใจ ตระกูลเธอได้ทำผิดไว้กับตระกูลเหยียน หากคนไม่รักตัวเอง ฟ้าดินย่อมประหัดประหาร[1] เธอไม่เคยรู้สึกผิดเลยสักนิด แต่ก่อนเข้าใจว่าเหยียนซินหย่าได้ตายไปแล้ว ใครจะรู้ว่าเธอยังไม่ตาย กลับกันในตอนนี้ยังมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ซ้ำยังได้สามีที่เป็นดั่งขุนนางใหญ่
และนี่ถือเป็นสิ่งที่เธอกลัวมากที่สุด!
สามัญชนไม่อาจสู้กับขุนนางได้ ครอบครัวของเธอเป็นเพียงแค่สามัญชนคนธรรมดา หากเจอกับคนที่มีฐานะราวขุนนางก็ไม่อาจนั่งให้ตัวตรงได้แล้ว ใครจะเอาความกล้าจากไหนมาสู้กับพวกข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ได้ล่ะ!
ถือว่าคุณยายเหอเข้าใจความรู้สึกของเหยียนซินหย่าพอสมควร หลานสาวของลูกพี่ลูกน้องเธอไม่ได้เป็นคนเห็นแก่วัตถุสิ่งของแต่อย่างใด หากไม่มีเรื่องของเหมยเหมยเกิดขึ้น บางทีเธออาจจะไม่นึกถึงบ้านหลังนี้เลยก็ได้
แต่ในตอนนี้ลูกเขยตัวดีของเธอได้ขโมยลูกสาวของคนอื่นมา ไม่เพียงปฏิบัติกับเด็กได้ย่ำแย่เท่านั้น แต่เขายังยอมให้ลูกสาวของเธอทารุณกรรมเด็กคนนี้อีกด้วย จะมีพ่อแม่คนไหนที่จะไม่โกรธแค้นต่อคนที่ทำร้ายลูกตัวเองแบบนี้?
ครั้งนี้ต้องจบจริงๆ แน่ เหยียนซินหย่าคงได้เอาบัญชีเก่าและบัญชีใหม่มาคิดทบรวมกันแล้วจัดการทีเดียวแน่ เธอจะต้องกลับมาทวงคืนบ้านหลังเป็นแน่!
คุณยายเหอรู้สึกเสียใจและหวาดกลัวจนซีดเผือดไปทั้งลำไส้ ในช่วงก่อนหน้านั้นผู้ใหญ่บ้านแค่แสดงออกว่าอยากจะช่วย หากเธอยอมติดสินบนเขาด้วยเหล้าเหมาไถ เขาก็จะช่วยเป็นพยานให้ ขอแค่มีพยาน เธอก็จะสามารถแจ้งเรื่องออกโฉนดใหม่ได้ และบ้านหลังนี้ก็จะกลายเป็นของเธอได้โดยชอบธรรม
แต่ในตอนนั้นเธอรู้สึกเสียดายเหล้าเหมาไถสองขวดนั้น คิดเพียงว่าถึงอย่างไรเหยียนซินหย่าก็ได้ตายไปแล้ว บ้านหลังนี้ก็ไร้เจ้าของไป มีหรือไม่มีโฉนดก็ไม่ได้สำคัญอะไร เพราะคนที่อาศัยอยู่ก็จะเป็นเจ้าของไปโดยปริยาย ทำไมจะต้องเอาเหล้าดีๆ ไปแลกกับคนอย่างผู้ใหญ่บ้านด้วย?
คุณยายเหอจ้องมองเหอปี้อวิ๋นสองแม่ลูกด้วยความดุดัน ทั้งหมดเป็นเพราะตัวปัญหาทั้งสองนี่แท้ๆ รอให้จัดการเรื่องบ้านเสร็จ ค่อยกลับมาจัดการยายพวกนี้!
“ตาแก่ ทำอะไรให้ไวกว่านี้หน่อยเถอะ รีบเอาเหล้าเหมาไถสองขวดนี้ไปให้ผู้ใหญ่บ้านแล้วเอาพยานหลักฐานกลับมาด้วย ช่วงบ่ายเราต้องไปแจ้งทำเรื่องออกโฉนดใหม่นะ!”
คุณยายเหอเข้าไปหยิบเหล้าเหมาไถสองขวดจากในห้องออกมา และเร่งรัดให้คุณตาอู่ไปจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จ เธอต้องรีบจัดการเรื่องบ้านให้เสร็จก่อนที่เหยียนซินหย่าจะนึกได้แล้วกลับมาทวงคืน ขอแค่มีบ้านให้อยู่ เธอก็ไม่กลัวอะไรอีกแล้ว!
คุณตาเหอเกิดความรู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก เขาไม่อยากทำเรื่องนี้เพราะเกิดความรู้สึกผิดชอบชั่วดี แต่เขาก็กลัวว่าจะต้องได้ไปนอนเร่ร่อนข้างถนน ด้วยนิสัยเห็นแก่ตัวและอ่อนแอของเขา สุดท้ายจึงเลือกที่จะทำ ตัวเขาเองพยายามหาเหตุผลให้ตัวเอง
นั่นคือภรรยาของเขาดุ เขาไม่อาจค้านอะไรเธอได้
ระหว่างที่จะไปพบผู้ใหญ่บ้านถือว่าเป็นอะไรที่สบายมาก เขารับเอาเหล้าเหมาไถทั้งสองขวดไป และเซ็นหลักฐานการเป็นพยานให้ในทันที ทั้งยังปั๊มตราประทับราชการให้ด้วย พอหลักฐานถึงมือคุณยายเหอ เธอก็รู้สึกวางใจได้ครึ่งหนึ่ง
“รีบกินข้าวสิ กินเสร็จจะได้รีบเข้าเมืองเพื่อไปทำเรื่อง เฮ้อ! ขอแค่แม่ทำเรื่องออกโฉนดบ้านได้ คนมีอำนาจบาตรใหญ่มาจากไหนก็ไม่กลัวทั้งนั้น!”
คุณยายเหอรู้สึกมั่นใจเป็นอย่างมาก เธอตรวจสอบหลักฐานอย่างละเอียด เธอต้มบะหมี่เพิ่มเล็กน้อย กินเสร็จจึงได้เตรียมตัวเข้าเมืองเพื่อไปทำเรื่อง หากว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาพักกลางวัน เธอคงจะรีบไปโดยไม่แม้แต่จะกินข้าว
แต่คุณยายเหอดีใจเร็วเกิน แม้ว่าแผนกจัดการที่เกี่ยวข้องจะรับเรื่องและเก็บเอกสารทุกอย่างไว้ แต่เขาบอกเพียงแค่ว่าต้องผ่านการตรวจสอบจากเบื้องบน โดยทำตามขั้นตอนต่างๆ ตามลำดับ และอาจจะยืดเยื้อไปถึงปลายปี
ไม่ว่าคุณยายเหอจะขอร้องด้วยวิธีไหน เจ้าหน้าที่ในแผนกต่างก็ให้คำตอบเช่นเดิม โดยสำนักงานยุติธรรมจะไม่สามารถพูดหรือทำด้วยความเห็นใจใดๆ ได้ คุณยายเหอจึงต้องกลับบ้านมาอย่างคอตก เธอร้องอธิษฐานในใจ เหยียนซินหย่าคงไม่ได้กลับมาเร็วขนาดนั้น ถ้าจะให้ดีขอให้เธอมาช้ากว่ากำหนด ค่อยโผล่หน้ามาในช่วงที่ทำเรื่องออกโฉนดเสร็จสิ้นก็ยังดี!
คุณตาเหยียนรีบร้อนเกินไปจึงไม่ได้สนใจอะไรเธอมาก คุณตาเหอและคุณยายเหอยังไม่ทันก้าวขาหน้าเดินเข้าประตูบ้านได้ เหยียนซินหย่าและคนอื่นๆ ก็ตามมาจากด้านหลัง
“คุณลุง คุณป้า ไม่เจอกันตั้งสิบสองปี ดูเหมือนพวกคุณจะสบายดีนะคะ!” เหยียนซินหย่าเอ่ยทักทายขึ้นพลางจ้องมองพวกเขาด้วยสายตาเย็นชา
…………………………………………………………………………………………..
[1] คนที่ไม่คิดอ่านการกระทำ ย่อมประสบหายนะ