ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 551 สุนัขจิ้งจอกเพศผู้ + ตอนที่ 552 ถูกคนเอากระสอบทรายครบหัว
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- ตอนที่ 551 สุนัขจิ้งจอกเพศผู้ + ตอนที่ 552 ถูกคนเอากระสอบทรายครบหัว
ตอนที่ 551 สุนัขจิ้งจอกเพศผู้
วันรุ่งขึ้นหลังมื้ออาหารเช้า คนทั้งสองครอบครัวเดินทางไปสนามบิน เหมยเหมยไม่ได้ทานอิ่มมากเพราะเธอตั้งใจปล่อยให้ท้องว่างล่ะ!
หลายคราที่จ้าวเสวียหลินอยากพูดบางอย่างแต่ก็ห้ามไว้ สุดท้ายทนไม่ไหวกระซิบข้างหูน้องสาว “เหมยเหมย คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ ยากที่จะรู้ว่าใจคนเราคิดอะไรอยู่โดยเฉพาะหัวใจของผู้ชาย ยังไงหนูก็ต้องระวังหน่อย”
หนูตัวยักษ์ที่ปีนกำแพงเมื่อคืน หากเขาเดาไม่ผิดน่าจะเป็นไอ้ชาติชั่วเหยียนหมิงซุ่น
ความสัมพันธ์ของน้องสาวตัวเองกับเหยียนหมิงซุ่นดีเกินไป ดีเสียจนพี่ชายอย่างเขาต้องหวง
เท่านั้นก็ช่างเถอะ สิ่งที่ทำให้จ้าวเสวียหลินโกรธมากที่สุดคือไอ้ชาติชั่วเหยียนหมิงซุ่นกลับปีนขึ้นห้องน้องสาวเขาดึกๆ ดื่นๆ นี่ไม่เห็นเขา จ้าวเสวียหลินในสายตาเลย!
เกินไปจริงๆ!
เหมยเหมยฟังแล้วรู้สึกมึนเลยมองพี่ชายจอมหวงด้วยใบหน้างุนงง จ้าวเสวียหลินกระแอมไอตัดสินใจพูดให้ละเอียดกว่านี้
“เหมยเหมย เจ้าเหยียนหมิงซุ่นไม่ใช่คนดีอะไร วันหลังหนูอยู่ให้ห่างเขาหน่อย”
เหมยเหมยหน้าตึงทันที ถลึงตาใส่จ้าวเสวียหลินอย่างไม่พอใจ “พี่หมิงซุ่นไม่ดีตรงไหน? เขาคือเพื่อนที่ดีของหนู พี่ ห้ามพูดใส่ร้ายเขานะ คราวหลังถ้าพี่ยังเป็นแบบนี้อีกหนูจะไม่สนใจพี่อีกแล้ว!”
เห็นสีหน้าโกรธเคืองของน้องสาวตัวเอง จ้าวเสวียหลินปวดใจอย่างบอกไม่ถูก
จากนั้นตลอดทางเหมยเหมยไม่ปริปากพูดกับเขาอีกแม้แต่คำเดียวยิ่งทำให้เขากัดฟันกรอดอย่างอึดอัดแทบตาย ทั้งอคติต่อเหยียนหมิงซุ่นมากขึ้นเรื่อยๆ
สุนัขจิ้งจอกเพศผู้ชัดๆ หลอกน้องสาวเขาหลงจนหัวปักหัวปำ!
เครื่องบินรวดเร็วอย่างว่าจริงๆ เหมยเหมยยังหลับฝันหวานอยู่ในอ้อมแขนจ้าวอิงหัวอยู่เลยเหยียนซินหย่าก็ปลุกเธอเสียแล้ว
“เหมยเหมย เราต้องลงเครื่องแล้วนะ!”
เหมยเหมยขยี้ตาไปมาขณะที่ตายังปรืออยู่เพราะไม่ตื่นจากฝันอันแสนหวานดีเท่าไร ราวกับสุนัขตัวน้อยเรียกความเอ็นดูจากคนมอง
แต่ไม่นานเหมยเหมยก็ตื่นเต็มตาเพราะปวดปัสสาวะ ร้องจะไปเข้าห้องน้ำแถมไม่ลืมเตือนสยงมู่มู่ “นายไปช่วยฉันเอาฉิวฉิวหน่อย ฉันจะไปเข้าห้องน้ำ”
สยงมู่มู่เบ้ปาก ยายบ้านี่ช่างน่าสงสารเสียจริง เมื่อก่อนต้องไม่เคยดื่มน้ำอัดลมแน่ๆ พอขึ้นเครื่องก็เหมือนคุณยายคนแก่ที่ได้เข้ามาชมสวนอันกว้างใหญ่ ดื่มน้ำอัดลมทีเดียวสามกระป๋อง กลั้นมาถึงตอนนี้ได้ก็นับว่าเป็นความสามารถอย่างหนึ่งล่ะ
บอดี้การ์ดของท่านผู้เฒ่าจ้าวได้มารอพวกเขาอยู่หน้าสนามบินแต่เช้าแล้ว แม้จะมีรถยนต์เพียงคันเดียวแต่ภายในรถกว้างขวาง นั่งอัดกันหน่อยก็เพียงพอ
“ผู้บังคับบัญชาการอาวุโสบอกว่าทุกบ้านมาครบกันหมดแล้ว เหลือแค่พวกคุณสองครอบครัว!”
บอดี้การ์ดสกุลหลี่ซึ่งอยู่บ้านตระกูลจ้าวมาหลายปี สนิทกับพวกจ้าวอิงหัวไม่น้อยและอายุก็ไม่ต่างกันมาก
“เด็กคนนี้คือเหมยเหมยสินะครับ หน้าตาสวยมากจริงๆ เหมือนนางฟ้าตัวน้อยบนภาพวาดเลย ตั้งแต่ผู้บังคับบัญชาการอาวุโสได้รับโทรศัพท์จนถึงตอนนี้ปากก็ไม่เคยหยุดพูดถึงเลยว่าทำไมพวกคุณยังไม่กลับมาสักที”
บอดี้การ์ดชวนคุยเก่งมากและไม่หยุดพูดเลยตลอดทาง สิ่งที่เล่าส่วนใหญ่เป็นเรื่องในชีวิตประจำวันทั่วไปของท่านผู้เฒ่าจ้าวกับฮูหยินผู้เฒ่า บรรยากาศภายในรถผ่อนคลายสบายๆ ช่วยให้ใจที่กังวลของเหมยเหมยเริ่มสงบลง
จากสิ่งที่คุณลุงบอดี้การ์ดเล่ามา ฟังออกไม่ยากว่าตระกูลจ้าวต้องเป็นครอบครัวที่รักกันดี ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางครอบครัวขนาดใหญ่เช่นนี้ต้องมีความสุขมากแน่ๆ!
ตระกูลเหยียน ณ เมืองจินในเวลานี้เองก็ครึกครื้นอย่างมาก เหยียนโฮ่วเต๋อกับถานซูฟางกลับมาทั้งคู่ แต่สองสามีภรรยาคู่นี้ดูแปลกไปจากเดิม
ไม่ว่าจะเหยียนโฮ่วเต๋อหรือถานซูฟางล้วนมีใบหน้าเขียวช้ำและท่าทางแปลกพิลึกชอบกล
“โฮ่วเต๋อ ทำไมล้มมาขนาดนี้ล่ะ?”
คุณย่าหยางยังคงเป็นห่วงลูกชายตัวเองรีบเอายามาทำแผลให้เหยียนโฮ่วเต๋อ ส่วนถานซูฟาง คุณย่าหยางไม่แม้แต่จะปรายตามองสักแวบเดียว
เหยียนหมิงซุ่นเหลือบมองเพียงชั่ววูบก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ต้องเป็นคุณน้าชายคนเล็กที่พาเพื่อนเขาเอากระสอบทรายมาครอบหัวแล้วดักทำร้ายพวกเขาสองคนแหงเลย!
……………………
ตอนที่ 552 ถูกคนเอากระสอบทรายครบหัว
เหยียนโฮ่วเต๋อ เจ้าตัวเองยังไม่รู้เรื่องดีด้วยซ้ำ เมื่อวานตอนค่ำเลิกงานช้าไปหน่อยผลคือถูกคนเอากระสอบทรายครอบหัว แบกเขาไปโถงกว้างแล้วทุบตีต่อยเตะจนเกือบตาย
ส่วนถานซูฟางยิ่งเลวร้ายไปกันใหญ่เพราะโม่เหวินต้งเกลียดผู้หญิงคนนี้ที่สุด เมื่อนั้นหากไม่ใช่เพราะถานซูฟางชอบไปหาเรื่องโม่เหวินเซียงที่โรงพยาบาลบ่อยครั้ง พี่สาวของเขาคงไม่ตายเร็วขนาดนั้น
นั่นจึงทำให้อาการบาดเจ็บของถานซูฟางค่อนข้างหนักกว่า ถูกทำร้ายจนหัวปูดไม่เหลือภาพลักษณ์หญิงรุ่นใหม่บนตัวเธอ
อีกทั้งจากสภาพอาการของเธออย่าคิดที่จะหายดีภายในหนึ่งเดือนเลย
ถานซูฟางก่นด่าอย่างเสียอารมณ์ “เหล่าเหยียน เรื่องนี้จะปล่อยไปทั้งอย่างนี้ไม่ได้ ต้องมีคนอยู่เบื้องหลังแน่ๆ เราต้องไปแจ้งตำรวจนะ”
เธอว่าแล้วมองไปทางเหยียนหมิงซุ่น ผู้ต้องสงสัยรายสำคัญที่เธอสงสัยก็คือเจ้าเด็กเหลือขอคนนี้ นอกจากเหยียนหมิงซุ่นแล้ว ไม่มีใครจะแค้นถึงขนาดลงมืออยู่ในความมืด
เหยียนหมิงซุ่นปอกส้มอย่างไม่สนใจพร้อมทั้งยื่นส้มที่ปอกเสร็จให้คุณย่าหยาง พึมพำเสียงเบา “บ้านเราปีนี้คึกคักจริงๆ คลื่นสงบไปรอบหนึ่งก็มีคลื่นลูกใหม่มาแล้ว!”
คุณย่าหยางรับส้มที่หลานชายคนโตยื่นให้ไว้แล้วยิ้มใจดีให้อีกฝ่ายก่อนหันหน้าไปตำหนิถานซูฟาง “จะไปหาตำรวจทำไม บ้านเรายังขายหน้าไม่พอสินะ? เท่าที่ฉันดูเพราะเธออยู่ข้างนอกทำสิ่งผิดศีลธรรมมาเยอะน่ะสิ ไม่อย่างนั้นทำไมคนอื่นสุขสบายดีแต่เธอกลับโดนคนลอบทำร้ายล่ะ?”
คุณย่าหยางมองลูกชายตัวเองที่สภาพไม่ต่างกันแวบหนึ่งถึงได้รู้ตัวว่าพูดผิดไป รีบเบี่ยงประเด็นด่าต่อ
“โฮ่วเต๋อลำบากเพราะเธอ เธอดูสิว่าช่วงนี้เธอทำเรื่องอะไรลงไปบ้าง วันๆ ยังพูดอยู่นั่นว่าตัวเองเป็นผู้หญิงรุ่นใหม่ที่มีความรู้ ผู้หญิงมีความรู้อย่างเธอน่ะ ครอบครัวเรารับมือไม่ไหวหรอก!”
ช่วงนี้เพราะเรื่องตระกูลอู่ทำให้ตระกูลเหยียนถูกคนวิพากษ์ไม่น้อย ในเมื่อตระกูลอู่เป็นเรื่องมาถึงจุดนี้ได้ ต้นตอสาเหตุที่ปะทุขึ้นมาก็ไม่พ้นถานซูฟางที่ไปหาเรื่องจริงๆ
จุดนี้ถานซูฟางมีส่วนต้องรับผิดชอบอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ ส่วนในฐานะแม่สามีของถานซูฟางอย่างคุณย่าหยาง เธอเองก็รู้สึกอับอายขายหน้า ย่อมไม่มีทางทำหน้าดีๆ ใส่ถานซูฟางอยู่แล้ว
ถานซูฟางหน้าถมึงทึง พูดอย่างไม่พอใจ “แม่คะ ทำไมแม่เข้าข้างคนนอกล่ะ? ตอนนี้คนที่ถูกรังแกคือลูกชายกับลูกสะใภ้แม่นะคะ”
คุณย่าหยางแค่นเสียง “ฉันช่วยคนมีเหตุผล ไม่ช่วยคนในบ้าน ใครทำผิดก็สมควรถูกด่า ฉันขอเตือนเธอนะ จากนี้ไปเธอต้องระวังตัวให้ดี อย่าไปทำตัวกร่างเป็นคุณนายอย่างที่เคยทำ จะหาเรื่องใส่ตัวก็อย่าให้ลำบากถึงโฮ่วเต๋อ!”
ถานซูฟางจะรับคำเสียดแทงขนาดนี้ไหวได้อย่างไร เธอไม่ใช่คนนิสัยอ่อนโยนใจกว้างอยู่แล้ว กำลังจะต่อความยาวสาวความยืดกับคุณย่าหยางสักทีแต่เหยียนโฮ่วเต๋อตวัดตาเย็นชามองมา ความเย็นชาในแววตาที่ถานซูฟางไม่เคยเห็นมาก่อน อดตัวสั่นระริกไม่ได้ ไม่กล้าเอะเสียงอีกแม้แต่น้อย
ในเมื่อทุกสิ่งที่เธอทำลงไปอย่างโอ้อวดล้วนขึ้นอยู่กับเหยียนโฮ่วเต๋อ หากเหยียนโฮ่วเต๋อยังไม่สนับสนุนเธออีก คุณนายข้าราชการอย่างเธอก็เป็นเพียงสิ่งประดับที่มีหรือไม่มีก็ได้
จุดนี้ถานซูฟางรู้ดีกว่าใคร
เหยียนโฮ่วเต๋อมองลูกชายคนโตพลางถาม “หมิงซุ่น ได้ยินว่าชีวิตของลูกสาวคนเล็กตระกูลอู่ค่อนข้างประหลาด ลูกรู้รายละเอียดมั้ย?”
“ไม่รู้ครับ”
เหยียนหมิงซุ่นไม่อยากพูดแม้แต่คำเดียวต่อให้เขาเป็นบุคคลที่รู้ดีทุกอย่างก็ตาม
คุณย่าหยางเองก็เริ่มสนใจ พูดอย่างสนอกสนใจ “ฉันได้ยินว่าเหมยเหมยไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของคุณครูอู่ แต่เป็นหลานสาวแท้ๆ ของคุณครูจ้าว สิบสองปีก่อนถูกคุณครูอู่ขโมยกลับมาเลี้ยง เรื่องครอบครัวนี้เอาไปถ่ายหนังได้เลยนะเนี่ย!”
………………….