ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 575 คุณย่าออกเงินค่าตั๋วเครื่องบิน + ตอนที่ 576 มีข่าวดี
ตอนที่ 575 คุณย่าออกเงินค่าตั๋วเครื่องบิน
ฮูหยินผู้เฒ่าอาลัยอาวรณ์เหมยเหมยอย่างมาก บอกเธอแค่ว่าหากปิดเทอมก็มาอยู่เมืองหลวง “เหมยเหมยนั่งเครื่องบินมานะ ค่าตั๋วเดี๋ยวคุณย่าออกให้เอง เที่ยวหนึ่งก็สามชั่วโมง เร็วมาก”
จ้าวอิงหนานพูดหยอก “แม่ตัดใจเถอะ กลับมาครั้งนี้หนูกับพี่เล็กต้องกัดฟันเพื่อนั่งเครื่องบินมาเชียว เมืองจินบินมาเมืองหลวงทีต้องใช้เงินตั้งหกสิบแปดหยวน เงินเดือนของแม่จะบินได้สักกี่เที่ยวเชียว? เงินทอง แม่กับพ่อไม่คิดจะกินจะใช้กันแล้วหรือคะ!”
ฮูหยินผู้เฒ่าตกใจใหญ่ “โอ้โห! ทำไมตั๋วเครื่องบินแพงขนาดนี้ล่ะ? แพงกว่ารถไฟเยอะเลย”
“นั่นสิ นั่งเครื่องบินเที่ยวเดียวหนูนั่งรถไฟได้ตั้งสิบกว่าเที่ยว ถ้าไม่ใช่เพราะเวลาเร่งด่วนใครจะยอมนั่งเครื่องบินกัน!” ถึงตอนนี้จ้าวอิงหนานยังเจ็บใจอยู่เลย!
ต่อให้จ้าวอิงหนานไม่สนใจเรื่องเงินทองเพราะปกติก็ใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายอยู่แล้วแต่ราคาตั๋วเครื่องบินที่แพงหูฉี่กลับทำให้ใจของเธอถดถอย คิดว่าหลังจากนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่นั่งเครื่องบินอีกแล้ว!
นั่งเครื่องบินเที่ยวเดียวก็แทบจะใช้เงินเดือนทั้งเดือนของเธอ หากไม่ใช่เงินที่ขอเบิกได้ใครจะนั่งไหวกัน?
ทุกคนต่างคิดว่าฮูหยินผู้เฒ่าคงไม่คิดเรื่องนั่งเครื่องบินอีกแล้ว แต่ใครจะรู้ว่าขณะที่ทุกคนกำลังคุยกันออกรสฮูหยินผู้เฒ่าได้แอบดึงเหมยเหมยหลบไปที่ไร้ผู้คน พูดอย่างเขินอาย “เหมยเหมยช่วยย่านับนะว่าเงินเดือนหนึ่งเดือนของย่าสี่ร้อยหกสิบกว่าหยวน หกสิบกว่าหยวนเก็บไว้เป็นเงินใช้จ่าย หลานลองคำนวณสิว่าสี่ร้อยหยวนนั่งเครื่องบินได้กี่เที่ยว?”
เหมยเหมยคิดไม่ถึงว่าฮูหยินผู้เฒ่ายังติดอยู่เรื่องที่ให้เธอนั่งเครื่องบิน จู่ๆ ก็รู้สึกแสบจมูกแทบปิดเรื่องที่ว่าเธอมีเงินไว้ไม่อยู่ แต่สุดท้ายเธอก็ไม่ได้พูดอะไร
ก่อนหน้าที่มาเหยียนหมิงซุ่นเคยบอกเธอไว้ว่าอย่าไปบอกใคร รอดูสถานการณ์ในอนาคตค่อยหาโอกาสบอกทีละหน่อย!
ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา เธอรออีกสักหน่อยแล้วกัน!
“คุณย่าคะ นั่งเครื่องบินก็ไม่ได้เร็วมาก หนึ่งวันมีแค่เที่ยวเดียวแล้วยังต้องดูสภาพอากาศอีกว่าดีมั้ย อีกอย่างหนูไม่ชอบนั่งเครื่องบิน ไม่สบายเท่านั่งรถไฟ รอฤดูใบไม้ผลิที่หนูอาจจะได้มาแข่งที่นี่ ถึงตอนนั้นหนูจะกลับมานอนที่บ้าน ดีมั้ยคะ?”
เหมยเหมยลากหางเสียงยาวเป็นการออดอ้อน ฮูหยินผู้เฒ่าจะตั้งรับอย่างไรไหว ใจของเธอแทบละลาย เธอยิ้มตาหยีหยิกแก้มหลานสาวไปมา “ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ ย่าอยากให้หลานอยู่บ้านทุกวัน ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อหลานไม่ยอม ย่าจะให้หลานมาเรียนหนังสือที่นี่แล้ว อยู่กับย่าทุกวันดีจะตาย!”
“หลังจากปิดเทอมทุกครั้งหนูจะมาอยู่เป็นเพื่อนคุณปู่คุณย่า อีกอย่างยังมีพี่อยู่ทางนี้ด้วยแหนะ!”
เธอไม่อยากมาเรียนหนังสือที่เมืองหลวงเท่าไร แม้คนตระกูลจ้าวจะดีต่อเธอมากก็ตาม แต่เธอก็อยากอยู่เมืองจิน เธอต้องคอยจับตาดูอู่เยวี่ยให้ดี จะต้องไม่ให้โอกาสเธอได้ลุกขึ้นใหม่
อีกอย่างเธอก็ไม่อยากแยกจากเหยียนหมิงซุ่น เธอจำได้ว่าเหยียนหมิงซุ่นยังไม่ได้สอบจบชั้นมัธยมปลายด้วยซ้ำ หลังเรียนจบต้องไปเกณฑ์ทหารแล้ว นับแล้วยังเหลือเวลาไม่ถึงสองปี สองปีนี้เธออยากใช้เวลาสนุกๆ กับเหยียนหมิงซุ่น!
ฮูหยินผู้เฒ่าเองก็ไม่ฝืนใจเหมยเหมย ขอแค่ให้เธอโทรกลับมาหาบ่อยๆ ยังดีที่ข้างกายก็มีหลานชายหลายคน เธอคงไม่เหงาเท่าไร เพียงแต่…
ระหว่างมื้ออาหาร จ้าวเสวียหลินพูดขึ้น “คุณปู่คุณย่าครับ ผมไม่คิดจะเรียนต่อที่เมืองหลวงแล้ว ผมจะไปเมืองจิน”
“ทำไมล่ะ?” ท่านผู้เฒ่าจ้าวถาม
“ผมต้องปกป้องเหมยเหมย ถ้ามีคนรังแกเธอจะทำยังไง!” จ้าวเสวียหลินพูดเสียงจริงจัง
ความจริงจ้าวเสวียหลินอยากพูดว่าเพราะน้องสาวตัวเองหน้าตาดีเกินไป เขาต้องไปช่วยไล่พวกหมาป่าจอมกระหายพวกนั้นต่างหาก อย่างเช่นเหยียนหมิงซุ่น
จ้าวเสวียไห่กับจ้าวเสวียกงเองก็เสริมทัพ “พวกผมก็จะไปเรียนที่เมืองจิน เสวียหลินคนเดียวดูแลเหมยเหมยไม่ไหวหรอก ต้องให้สองพี่น้องอย่างพวกผมไปถึงจะไหว”
“กินข้าวของพวกแกไป จะที่ไหนก็มีแต่เรื่องของพวกแกนั่นแหละ!”
ท่านผู้เฒ่าจ้าวเขกหัวเป็นรางวัลให้ทีละคน ถ้าพวกเด็กๆ หนีหายไปหมดจนที่บ้านเหลือแค่เขากับภรรยาสองคนมันใช่เรื่องที่ไหน!
สุดท้ายจ้าวเสวียหลินก็ได้ไปเรียนหนังสือที่เมืองจิน เหยียนซินหย่าไม่อยากอยู่ห่างจากลูกชายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตอนนี้จ้าวเสวียหลินเสนอออกมาด้วยตัวเอง เธอย่อมดีใจเป็นที่สุด
……………………..
ตอนที่ 576 มีข่าวดี
วันที่สิบหกของเดือน ครอบครัวเหมยเหมยกับครอบครัวจ้าวอิงหนานกลับเมืองจินพร้อมกัน ขากลับพวกเขายังคงนั่งเครื่องบินเช่นเดิมเพราะพวกเหมยเหมยใกล้เปิดเทอมแล้ว หากนั่งรถไฟอาจจะไม่ทันเวลา
จ้าวอิงหนานกัดฟันซื้อตั๋วเครื่องบินขากลับอีกหน ลอบคิดในใจว่าต้องลดค่าซื้อเสื้อผ้าของปีนี้ครึ่งหนึ่ง ไม่อย่างนั้นเงินคงไม่พอใช้แล้ว!
เหมยเหมยที่ขึ้นเครื่องบินก็ซัดน้ำอัดลมเต็มท้องจนมีกลิ่นน้ำอัดลมขณะที่พูด เหยียนหมิงซุ่นรอที่โถงใหญ่แต่เช้าพร้อมกับหัวหน้าเลขาฯ ของโรงละครคนก่อน เขามารับจ้าวอิงหัวโดยเฉพาะ
จ้าวอิงหัวจะดำรงตำแหน่งรองนายกเทศมนตรีอย่างเป็นทางการเดือนหน้าแล้ว เขาย่อมต้องสานสัมพันธ์กับหัวหน้าของเขาล่วงหน้าที่เป็นถึงลูกชายของตระกูลจ้าวเชียว พระเจ้าส่งคนระดับนี้มาอยู่ตรงหน้าเขา หากเขายังไม่คว้าโอกาสให้ดีก็เสียแรงที่เป็นถึงเลขาฯ มาตลอดชีวิต!
“รองนายกเทศมนตรีจ้าวครับ…”
หัวหน้าเลขาฯ เพิ่งเอ่ยปากก็ถูกจ้าวอิงหัวห้ามไว้
“ตอนนี้ยังไม่ได้ตำแหน่งอย่างเป็นทางการ คุณเรียกชื่อผมเถอะ วันนี้ลำบากคุณแย่แล้ว”
“ที่ไหนกันครับ นี่เป็นงานของผมอยู่แล้วนี่นา คุณจ้าวรีบขึ้นรถเถอะครับ ผมได้สั่งให้คนทำความสะอาดบ้านพักของคุณเรียบร้อย พร้อมเข้าพักได้ตลอดครับ คุณจะไปตอนนี้เลยมั้ยครับ?”
หัวหน้าเลขาฯ เป็นคนไหวพริบดีจึงรีบเปลี่ยนสรรพนามทันที แต่ยังคงท่าทีมารยาทนอบน้อมเหมือนเดิม ความกระตือรือร้นมากล้นเป็นเท่าตัว
“ไปบ้านพักเถอะ!”
จ้าวอิงหัวกล่าวก่อนจะเตรียมขึ้นรถแต่กลับพบว่าลูกสาวตนไม่รู้วิ่งหายไปไหน ส่วนลูกชายกลับทำหน้าตึง จ้องไปที่จุดๆ หนึ่งข้างหน้าด้วยสายตาดุดัน
เขามองไปตามสายตาของจ้าวเสวียหลินและพบว่าเหมยเหมยอยู่ด้วยกันกับเหยียนหมิงซุ่นอย่างเบิกบาน
“พี่หมิงซุ่น ฉันจะบอกข่าวดีหนึ่งอย่างให้พี่นะ พี่ได้ยินแล้วต้องดีใจมากแน่ๆ”
เหยียนหมิงซุ่นมองยายหนูที่ยิ้มตาโค้งตรงหน้า ใบหน้าเล็กกลมกลึงขึ้นมากจนมีเหนียงแล้ว แถมยังขาวใสเนียนเด้งแทบกลั่นออกมาเป็นน้ำได้
เขารู้สึกคันที่ปลายนิ้วอย่างมาก อยากหยิกจมูกของยายหนูสักหน่อย แต่ว่า…
จ้าวเสวียหลินคอยยืนจ้องอยู่ข้างๆ ไม่วางตา เกรงแต่เขายื่นมือไปแล้วเจ้าหมอนั่นจะพุ่งมาหา!
เหยียนหมิงซุ่นถอนหายใจอย่างนึกเสียดายและสะกดกั้นอารมณ์ไม่ให้ยื่นมือออกไป คิดในใจว่ารอจ้าวเสวียหลินไม่อยู่ค่อยหาเวลาคุยกับยายหนูดีๆ รวมถึงแก้คันที่มือ
“ข่าวดีอะไร? เหมยเหมยได้เงินอั่งเปาเยอะมากเหรอ?”
เหยียนหมิงซุ่นพูดหยอกตายิ้ม เหมยเหมยมองค้อนใส่เขาที แต่แรกอยากเล่นตัวสักหน่อยแต่เธอกลับเป็นฝ่ายทนไม่ไหวเสียเอง เขย่งปลายเท้าเป็นเชิงให้เหยียนหมิงซุ่นก้มหน้าลง เธอขยับใบหน้าไปกระซิบเสียงเบา
“พี่หมิงซุ่น ฉันจะบอกให้นะ มีโสมร้อยปีให้คุณยายของพี่แล้วล่ะ คุณปู่ของฉันได้มา พ่อของฉันเอามา พ่อบอกว่าอีกสองวันจะเชิญพี่ไปทานข้าวด้วย ถึงตอนนั้นจะเอาโสมให้พี่นะ”
ไอร้อนจากเด็กสาวกระทบใบหูของเหยียนหมิงซุ่น ไออุ่นร้อนผ่าวที่ทำให้เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกร้อนรุ่มในใจมากกว่าเดิม ความดีใจที่พุ่งพรวดขึ้นมากลางอกทำให้เขาหลงลืมไปว่าตนกำลังอยู่ที่แห่งใด อยู่ๆ ก็ยกตัวเหมยเหมยโยนขึ้นกลางอากาศ
เขาทำเหมือนเวลาเขาเล่นกับอาฮวาที่บ้านเมื่อก่อน แต่เหยียนหมิงซุ่นกลับลืมไปว่าอาฮวาเป็นแมวตัวหนึ่ง เหมยเหมยเป็นคน!
“กรี๊ด”
เหมยเหมยตกใจจนหลุดเสียงร้องออกมาแต่ไม่นานเธอก็ตั้งตัวทันว่าเกิดอะไรขึ้นเลยไม่กลัวอีกต่อไป ทั้งยังรู้สึกท้าทายอย่างมาก รู้สึกเหมือนกำลังนั่งรถไฟเหาะ
“นายทำอะไร? ถ้าทำเหมยเหมยตกพื้นจะทำยังไง ทำไมนายไม่น่าไว้วางใจแบบนี้นะ เหมยเหมยไม่เป็นไรนะ?”
จ้าวเสวียหลินตกใจยิ่งกว่ารีบพุ่งตัวมาอย่างร้อนรนก่อนจะตำหนิเหยียนหมิงซุ่นไประลอกหนึ่ง แล้วรีบมองเหมยเหมยที่เท้าแตะพื้นอย่างเป็นห่วงเพราะกลัวเธอตกใจจนเสียขวัญ
……………..