ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 606 หูของอู่เยวี่ย + ตอนที่ 607 ตีหูพังไปข้างหนึ่ง
ตอนที่ 606 หูของอู่เยวี่ย
“ฉันเรียกนายทำไมไม่ตอบ? อ่ะนี่ ฉันให้ นี่เป็นขนมฝูหลิงของขึ้นชื่อเมืองหลวง ไม่มีถั่วลิสง”
เหมยเหมยเดินเข้าไปหา เธอยังนั่งโต๊ะชิดติดกับอู่เชาเหมือนเดิม เธอหยิบกล่องขนมฝูหลิงจากกระเป๋ากล่องหนึ่งยื่นให้เจ้าอ้วน
สิ่งที่ตระกูลอู่ประสบในช่วงตรุษจีนเธอรับรู้นานแล้ว ความจริงเธอเองก็รู้สึกไม่ดีเท่าไรนัก ในเมื่ออดีตเคยใช้ชีวิตร่วมกันมาก่อน แต่เธอกลับไม่เห็นใจคนพวกนี้เท่าใดนัก
เพราะความเย็นชาของพวกเขาในชาติที่แล้ว ถึงทำร้ายให้เธออ่อนแอและรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจไร้ประโยชน์ อู่เยวี่ยก็ยิ่งเหิมเกริมได้ใจ พูดได้เลยว่าพวกเขาเป็นฆาตกรทางอ้อม
อีกทั้งเธอยั้งให้จ้าวอิงหัวปราณีแล้ว ไม่ได้สั่งไล่พวกเขาออกจากตำแหน่งงานเพียงแค่ย้ายงานไปในที่สภาพแวดล้อมย่ำแย่กว่าเดิมเล็กน้อยเท่านั้นเอง เงินเดือนไม่ได้น้อยลง ไม่ส่งผลใดต่อการใช้ชีวิต พวกคุณปู่อู่เองก็แค่ย้ายบ้าน เทียบกับความเฉยชาที่พวกเขามีต่อตนในอดีต การลงโทษจากคุณพ่อเธอนับได้ว่าเบาแล้ว
ส่วนครอบครัวอู่เจิ้งซือ เธอไม่มีวันปราณีเด็ดขาด พวกเขาเป็นฆาตกรที่ปลิดชีพเธอเมื่อชาติที่แล้ว ชาตินี้เธอไม่มีวันให้อภัยพวกเขา!
อู่เชาเห็นเหมยเหมยที่ยังคงมีท่าทีเช่นเดิม จู่ ๆ พลันอารมณ์ดีขึ้นมาในพริบตา แอบหัวเราะในใจที่ตนเองหาเรื่องหงุดหงิดเอง บุญคุณความแค้นของพวกผู้ใหญ่เกี่ยวอะไรกับเขา?
เขาแค่เล่นกับเหมยเหมยให้สนุกสนานก็พอนี่นา!
“ถือว่าเธอยังมีน้ำใจ ดีเลยฉันไม่ได้กินข้าวเช้ามา”
อู่เชาเปิดกล่องขนมฝูหลิงแล้วเริ่มลงมือเขมือบเข้าท้องอย่างมูมมามเหมือนไม่ได้ทานข้าวมาหลายมื้อ ดูน่าสงสารแปลกๆ เมื่อก่อนหากเขาไม่ซื้ออาหารเช้ามาทานก็ต้องทานมาจากบ้านคุณปู่อู่ อย่างไรเสียบ้านเขาอยู่ในเขตมหาวิทยาลัยจิน ไปทานข้าวเช้าเดินแค่ไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้ว
แต่ตอนนี้เขาย้ายบ้านไปนอกเขตซึ่งอยู่ห่างจากบ้านคุณปู่อู่พอสมควร กลายเป็นว่าตอนนี้ไม่ทันทานข้าวเช้า ช่วงนี้เขาถึงต้องซื้อข้าวเช้ามารองท้องทุกวัน แต่เช้าวันนี้แม่ของเขาดันทะเลาะกับพ่อ เขาฟังแล้วนึกรำคาญเลยตัดใจไม่หยิบเงินค่าอาหารแล้วมาโรงเรียนเสียก่อน
เหมยเหมยเห็นความตึงเครียดจากสีหน้าของอู่เชาก็แอบวิตกกังวลหน่อยๆ ตระกูลอู่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ อู่เชาต้องได้รับผลกระทบอยู่แล้ว ความจริงเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ที่สุด
“หลังจากนี้ไปข้าวเช้าฉันจะเอามาให้นายเอง แม่ของฉันทำข้าวเช้าอร่อยมากนะ” เหมยเหมยพูดขึ้น
อู่เชารู้สึกเกรงใจหน่อยๆ ต่อให้เขาจะหวั่นไหวขนาดไหน เหมยเหมยก็ตัดสินใจแน่วแน่แล้ว “ตกลงตามนี้แล้วกัน แค่ข้าวเช้าเอง บ้านฉันมีพอที่จะให้นายกินอยู่น่า”
“งั้นฉันก็ไม่ปฏิเสธแล้วกัน”
อู่เชาเองก็ไม่เกรงใจเธออีกต่อไป เห็นเหนียงใต้คางเธอจึงอดถามไม่ได้ “พ่อแม่ของเธอตอนนี้ดีกับเธอมั้ย?”
“ดีสิ นายดูเนื้อบนตัวฉันสิ มาจากการกินล้วนๆ ไม่ได้การแล้ว เดี๋ยวมื้อเที่ยงฉันจะเอาเนื้อของฉันให้นายกิน ฉันจะไม่อ้วนเหมือนนายเด็ดขาด”
อู่เชาเบ้ปากแต่ก็นึกดีใจ ช่วงนี้ที่บ้านเขาลดปริมาณอาหารลงฮวบจนเขาต้องทานผักมาหลายวันติดแล้ว เนื่องจากแม่ของเขาตัดสินใจจะเก็บเงินซื้อบ้านเพราะไม่อยากเช่าบ้านคนอื่นอยู่อีกต่อไป ดังนั้นคนทั้งบ้านต้องรัดเข็มขัดแน่นใช้ชีวิตอย่างประหยัด พ่อแม่ของเขาถึงได้ทะเลาะกันหลายครั้งเพียงเพราะเรื่องนี้
“เหมยเหมย เธอรู้เรื่องหูของอู่เยวี่ยมั้ย?”
ตอนเที่ยงเหมยเหมย อู่เชา สยงมู่มู่และจ้าวเสวียหลินพวกเขาไปทานมื้อเที่ยงที่สวนดอกไม้ อู่เชาทานเนื้อของอู่เหมยไปหลายชิ้นจนอิ่มหนำสำราญไปโดยปริยาย แถมยังเริ่มพูดถึงเรื่องอู่เยวี่ยด้วยท่าทางลึกลับ
“หูของเธอทำไม?” เหมยเหมยเริ่มมีท่าทีสนอกสนใจ
“เยื่อแก้วหูฝั่งขวาฉีกเลยต้องผ่าตัดรักษา แต่ต้องใช้เงินจำนวนไม่น้อย แถมความเป็นไปได้ที่จะผ่าตัดสำเร็จไม่ค่อยมากเท่าใด ตอนนี้หูฝั่งขวาของอู่เยวี่ยเลยไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย”
อู่เชาถอนหายใจดังเฮือก แม้อู่เยวี่ยจะกรรมตามสนองแต่สิ่งที่เธอต้องเผชิญในขณะนี้มันน่าเห็นใจจริงๆ อย่างไรเสียก็เป็นลูกพี่ลูกน้องแท้ๆ ของเขา!
…………………
ตอนที่ 607 ตีหูพังไปข้างหนึ่ง
เหมยเหมยรู้สึกแปลกใจ ทำไมอยู่ดีๆ เยื่อแก้วหูถึงฉีกขาดได้ล่ะ?
อู่เชาเล่าต่อว่า “ได้ยินว่าอู่เยวี่ยโดนคุณปู่ตีจนเยื่อแก้วหูขาด เธอบอกว่าวันที่เธอถูกไล่ออกไป คุณปู่ตบหน้าเธอแรงๆ ทีหนึ่ง หูดังอื้ออึงไปตลอดทั้งคืน ต่อมาตากอากาศเย็นอยู่ด้านนอกอีกหนึ่งคืน หลังจากนั้นหูก็ไม่ได้ยินอะไรอีก”
เหมยเหมยไม่นึกเห็นใจแม้แต่น้อย เธอรู้สึกสะใจมากกว่า ทำไมถึงหูตึงไปแค่ข้างเดียว ต้องตึงทั้งสองข้างสิถึงจะดี!
“คุณปู่ของนายลงไม้ลงมือโหดเหมือนกันนี่!” เหมยเหมยยิ้มหรี่ตาลงพลางพูดออกมา
ตระกูลอู่แต่ละคนล้วนเป็นพวกใช้วิธีสกปรกเพื่อให้ได้มาซึ่งชื่อเสียง ปากพร่ำบอกแต่จะกำราบผู้คนด้วยคุณธรรม ต้องใช้เหตุผลกับเด็กเล็ก เมื่อก่อนตอนที่เธอถูกเหอปี้อวิ๋นทารุณ แต่ละคนเหมือนเป็นใบ้หูตึง พอตอนนี้ที่บ้านเกิดเรื่องขึ้น คุณปู่อู่ผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวก็ต้องออกโรงด้วยตนเอง ใช้ฝ่ามือตบฟาดหูจนดับไปหนึ่งข้าง!
หึ นี่ใช่ศาตราจารย์อาวุโสที่น่าเคารพนับถือที่ไหนกันล่ะ!
ปีศาจแก่ๆ ที่มีจิตใจโหดร้ายอำมหิตเกินคนต่างหาก!
แต่คนที่ถูกตบคืออู่เยวี่ย เธอจึงทำเพียงปรบมือให้เท่านั้น ให้พวกเขากัดกันเองดีแล้ว เธอจะคอยดูเรื่องสนุกอยู่ข้างๆ ก็พอ!
สยงมู่มู่แค่นเสียงหัวเราะ พูดอย่างไม่แยแส “นั่นหมายความว่าคุณปู่ของเธอเป็นพวกหัวรุนแรง เมื่อก่อนต้องเสแสร้งเป็นคนเงียบขรึมสุภาพถึงได้แขวนคำว่าคุณธรรมศีลธรรมไว้ติดปาก ตอนนี้เสแสร้งต่อไปไม่ไหวก็เผยธาตุแท้ออกมาเลย”
อู่เชาชักสีหน้าพูดอย่างไม่พอใจว่า “นั่นคุณปู่ฉัน สยงมู่มู่ ทำไมนายต้องว่าแบบนี้ด้วย?”
สยงมู่มู่แค่นหัวเราะอีกที “ถ้าไม่เห็นแก่หน้านาย ฉันคงไม่พูดอ้อมค้อมขนาดนี้หรอก นายรู้มั้ยว่าปกติฉันเรียกคนประเภทคุณปู่นายว่ายังไง?”
“เรียกว่าอะไร?”
ทั้งที่เจ้าอ้วนรู้ว่าหมอนี่ไม่มีวันพูดจาดีๆ ออกมาหรอก แต่เขาก็อดถามไม่ได้ ช่วยไม่ได้นี่นา ความอยากรู้มีมากกว่า
สยงมู่มู่เผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาและตอบอย่างจริงจัง “หมาป่าที่หุ้มหนังคนไง!”
“พรวด”
จ้าวเสวียหลินพ่นข้าวออกมาทั้งคำ หันไปชูนิ้วโป้งให้สยงมู่มู่ สยงมู่มู่ยืดอกเหมือนไก่ตัวผู้ที่แสนภาคภูมิใจ เป็นครั้งแรกเชียวที่ลูกพี่ลูกน้องคนนี้พูดชมเขา!
ความจริงเหมยเหมยก็อยากหัวเราะ แต่เธอรู้ว่าอู่เชาต้องรู้สึกแย่ ไม่ว่าคุณปู่อู่จะไม่ดีกับเธออย่างไร แต่กลับเป็นคุณปู่ที่แสนใจดีสำหรับเจ้าอ้วนคนนี้
“ให้นายกินเนื้อ นายอย่าร้องไห้นะ!”
เหมยเหมยคีบเนื้อในถ้วยให้เจ้าอ้วนน้อยอีกหลายชิ้นแต่กลับเห็นเขาน้ำตาคลอเบ้า ถลึงตาใส่สยงมู่มู่และจ้าวเสวียหลินอย่างไม่พอใจ อย่าให้ต้องพูดเลยว่าเจ็บปวดขนาดไหน
หลังจากได้ยินคำของเหมยเหมย ความเศร้าโศกที่สั่งสมมาตลอดหลายวันของเจ้าอ้วนก็พลั่งพรูออกมา น้ำตาทะลักไหลพรากอย่างห้ามไม่อยู่
“ไม่กิน กินเนื้อของเธอแล้วเธอก็จะว่าคุณปู่ของฉันอีก ฉันรู้ว่าท่านไม่ดีกับเธอ แต่ท่านเป็นคุณปู่แท้ ๆ ของฉัน พวกเธอว่าท่านแบบนี้ฉันได้ยินแล้วรู้สึกแย่ ฉันไม่กินเนื้อของเธอแล้ว”
เจ้าอ้วนตัวน้อยร้องไห้ฮือฮือ ยกแขนขึ้นมาปาดน้ำตาอย่างเจ็บปวดใจ
สยงมู่มู่รู้ตัวว่าตนเองพูดแรงเกินไปเลยรีบกล่าวขอโทษ เจ้าอ้วนน้อยไม่สนใจเขาเอาแต่ร้องไห้ท่าเดียว ระหว่างร้องไห้ก็พูดฟ้องอีกเรื่อง เพียงแต่เบี่ยงประเด็นพูดไปอีกเรื่อง
“ตอนนี้พ่อดื่มเหล้าทุกวัน แม่ว่ายังไงก็ไร้ประโยชน์ พวกเขาทะเลาะกันทุกวันจนฉันไม่อยากกลับบ้านอยู่แล้ว แม่ยังบอกว่าต้องรัดเข็มขัดเก็บเงินซื้อบ้าน ฮือ ฉันไม่ได้กินเนื้อมาอาทิตย์หนึ่งแล้ว กับข้าวที่แม่ฉันทำไม่อร่อย พอไม่มีเนื้อก็ยิ่งไม่อร่อยเข้าไปกันใหญ่ ฮือ!”
มาถึงตรงนี้อู่เชาร้องไห้คร่ำครวญเสียใจอย่างฉุดไม่อยู่ เหมยเหมยเพียงรู้สึกว่าเขาเสียใจที่ไม่ได้ทานของอร่อยๆ มากกว่า ในเมื่อฝีมือทำกับข้าวของเว่ยชิวเยวี่ยออกจะแย่ไปสักหน่อยจริงๆ!
“ดูท่าทางของนายเข้าสิ ก็แค่กินเนื้อไม่ใช่หรือไง มา เนื้อของพี่ให้นายกินทั้งหมดเลย!”
สยงมู่มู่แบ่งกระดูกหมูในถ้วยตัวเองให้เจ้าอ้วนน้อยทั้งหมด กลับเห็นว่าในถ้วยเขามีแต่ผักและเต้าหู้เหมือนอาหารหมู มุมปากกระตุกมองอู่เชาอย่างนึกเห็นใจ
มิน่าถึงร้องไห้ขนาดนี้ นี่มันไม่ใช่อาหารสำหรับคนเลยนี่นา!
………………….