ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 610 เรียนหนังสืออะไรอีก + ตอนที่ 611 ต้องมีคนคอยซ้ำเติมอยู่แล้ว
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- ตอนที่ 610 เรียนหนังสืออะไรอีก + ตอนที่ 611 ต้องมีคนคอยซ้ำเติมอยู่แล้ว
ตอนที่ 610 เรียนหนังสืออะไรอีก
อู่เยวี่ยเก็บเงินและหลอดยาไว้อย่างดี จะให้คุณย่าเหอเห็นเข้าไม่ได้ ไม่อย่างนั้นต้องถูกยายแก่ริบไปแน่ๆ
ห้องที่ตระกูลเหอเช่าอยู่ชั้นสอง แต่ห้องครัวกลับอยู่ชั้นหนึ่ง จะซักผ้าทำกับข้าวอาบน้ำต้องไปที่ชั้นหนึ่งซึ่งเป็นแบบนี้กันทุกชั้น รุ่งเช้าและหัวค่ำของแต่ละวัน ลานกลางแจ้งบริเวณชั้นหนึ่งจะแน่นแออัดราวกับตลาดสดที่ทั้งสกปรก เสียงดังและวุ่นวาย
ต่อให้อาศัยอยู่ที่นี่มาเกือบครบเดือน แต่อู่เยวี่ยก็ยังไม่ชินกับชีวิตที่นี่ เธอรู้สึกว่าตัวเธอไม่คู่ควรกับสภาพแวดล้อมและรูปแบบการใช้ชีวิตที่นี่ เธอไม่ควรมาอยู่ในที่ที่ทรุดโทรมแบบนี้
เหอปี้อวิ๋นกำลังทะเลาะกับคุณป้ารูปร่างอ้วนท้วมคนหนึ่งเพราะปัญหาเรื่องตักน้ำ ทั้งคู่ไม่มีใครยอมใคร ทะเลาะกันอย่างไม่มีท่าทีว่าจะสิ้นสุด เหอปี้อวิ๋นสองมือเท้าสะเอวด่ากราดเหมือนหญิงวัยทองไร้การศึกษา แถมยังถึงขั้นลงไม้ลงมือ
คุณย่าเหอเองก็ปรี่เข้าไปช่วย สองแม่ลูกร่วมมือกันย่อมไม่มีใครสู้ไหว คุณป้าอวบอ้วนจำต้องยอมให้เหอปี้อวิ๋นเติมน้ำก่อนและคิดบัญชีไว้ในใจ กะไว้หาโอกาสเอาคืนครอบครัวนี้ให้ได้ถึงจะสาแก่ใจ
“คุณยาย คุณแม่คะ หนูกลับมาแล้ว!”
อู่เยวี่ยอยากทำเป็นไม่เห็นอะไรแล้วย่องกลับห้องเหลือเกินแต่เธอทำแบบนี้ไม่ได้ เธอยังพึ่งคุณย่าเหอในการใช้ชีวิต เธอต้องทน ต้องทน!
คุณย่าเหอที่กำลังล้างผักเอามือที่เปียกชุ่มเช็ดบนผ้ากันเปื้อนแล้วพูดเสียงเรียบว่า “ล้างผักแล้วยกมา ฉันจะไปทำกับข้าว”
เหอปี้อวิ๋นรีบพูดขึ้น “แม่คะ หนูล้างผักเอง เยวี่ยเยวี่ยยังต้องทำการบ้าน !”
“ซักผ้าของแกไป ฉันให้แกอ้าปากพูดหรือไง? ทำการบ้านอะไรกัน กินข้าวจะไม่อิ่มท้องอยู่แล้วยังจะเอาเงินที่ไหนไปเรียนอีก หมดเทอมนี้ก็ไม่ต้องเรียนแล้ว ประกอบกล่องกระดาษขายยังพอหาเงินประทังชีวิตได้”
คุณย่าเหอหรี่ตามองแล้วหมุนตัวเดินไปที่ครัวขณะที่ปากยังด่าไม่หยุด หลานชายใกล้กลับบ้านแล้ว เธอจะต้องรีบทำกับข้าวให้เสร็จโดยเร็ว จะปล่อยให้หลานชายทนหิวไม่ได้
อู่เยวี่ยเกลียดคุณย่าเหอเข้าไส้ เมื่อก่อนได้ของดีจากบ้านเธอไปตั้งมาก ตอนนี้เพิ่งมาอาศัยอยู่บ้านตระกูลเหอไม่ถึงเดือนก็เริ่มจำบุญคุณกันไม่ได้เสียแล้ว
พวกคนใจดำอำมหิต!
แม่ของจ้าวเหมยด่าไว้ไม่มีผิด ญาติพวกนี้ของแม่เธอล้วนเป็นพวกไม่สำนึกบุญคุณ เกาะดูดเลือดกินเนื้อคนอื่นแล้วยังไม่สำนึก!
เธอจะอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว ต้องหาทางย้ายออกไป!
เพียงแต่นึกโกรธที่แม่ของเธอโง่เขลาดั่งหมูตัวหนึ่ง เพิ่งกลับมาก็เอาเงินออมทั้งหมดให้คุณย่าเหออย่างซื่อสัตย์ กลายเป็นว่าตอนนี้ไม่เหลือสักแดงเดียวติดตัว ไม่มีเงินพอจะเช่าห้องราคาที่ถูกที่สุดด้วยซ้ำ
อู่เยวี่ยกำเงินห้าหยวนในมือแน่น เกิดนึกอะไรบางอย่างในใจขึ้นได้ คราวก่อนเหยียนหมิงต๋าให้เงินเธอสิบหยวนรวมถึงเงินที่คุณย่าที่แอบให้เธอมา ตอนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวเธอมีอยู่ยี่สิบกว่าหยวน ค่าเช่าห้องไม่ใช่ปัญหาแต่สำคัญที่สุดคือค่าอยู่ค่ากิน ต้องคิดหาทางหาเงินมาประทังชีวิต ไม่อย่างนั้นต่อให้ย้ายออกไปก็ต้องหิวตาย
น้ำเย็นเจี๊ยบวาบไปถึงกระดูกทำเอาอู่เยวี่ยตัวสั่นสะท้าน แผลอักเสบบนมือสัมผัสโดนความเย็นปวดแทงทิ่มเข้ามา อู่เยวี่ยกัดฟันทนเจ็บรีบล้างผักกาดขาวหัวโตนั่นให้เสร็จ อย่างไรเสียผักสดพวกนี้เธอกับคุณแม่ก็ไม่ได้ทาน มีแต่คนตระกูลเหอที่ได้ทาน จะล้างสะอาดไปทำไมกัน!
“เยวี่ยเยวี่ย แม่ล้างผักเอง ลูกไปพักเถอะ!”
เหอปี้อวิ๋นสงสารลูกสาวจับใจ ปาดเช็ดมือที่มีแผลฟกช้ำเช่นเดียวกันพลางช่วยอู่เยวี่ยล้างผัก อนาคตเยวี่ยเยวี่ยของเธอต้องเป็นเจ้าคนนายคน จะเอามือมาทำงานบ้านไม่ได้นะ!
ช่างเป็นคนที่น่าแค้นใจและน่าสงสาร กระทั่งตอนนี้ยังฝันกลางวันไม่หาย หวังแต่ว่าอู่เยวี่ยจะกลายเป็นหงส์งดงามที่ลอยเหนือฟ้าต่างพาให้ผู้คนอิจฉากัน
อู่เยวี่ยมองเหอปี้อวิ๋นที่แก่ลงไปมากเงียบๆ ด้วยใจที่นิ่งสงบ
ที่กลายมาเป็นเฉกเช่นทุกวันนี้เป็นเพราะแม่ผู้แสนโง่เขลาของเธอคนนี้เป็นคนก่อ หากไม่ใช่เพราะศาลตัดสิน เธอคงไม่ยอมมาทนใช้ชีวิตลำบากกับเหอปี้อวิ๋นหรอก!
เธอยังต้องหาทางกลับบ้านตระกูลอู่ให้ได้ จะอยู่บ้านตระกูลเหอไม่ได้อีกแล้ว!
ไม่ว่าจะด้วยวิธีอะไร ขอแค่ได้กลับไปก็พอ!
…………………
ตอนที่ 611 ต้องมีคนคอยซ้ำเติมอยู่แล้ว
เหมยเหมยไม่ได้เสียเวลาไปสนใจสภาพปัจจุบันของอู่เยวี่ยมากเท่าไรนัก ชีวิตของเธอไม่ได้มีแค่อู่เยวี่ย เธอยังมีเพื่อนใหม่ เป้าหมายใหม่ ยุ่งจนหัวหมุนเชียว!
เพียงแต่ว่ามักมีคนเสนอตัวอย่างกระตือรือร้น ยินยอมเป็นเพื่อนที่ ‘สละตัวเองอย่างไม่กลัวตาย’ ต่อให้คนอื่นไม่ต้องการและมองข้ามไปก็ตาม
สถานะของเหมยเหมยในตอนนี้ไม่ค่อยมีคนในโรงเรียนรู้มากเท่าไร เพียงแต่หลายคนสงสัยว่าทำไมเธอถึงเปลี่ยนสกุลเป็นจ้าว มีคนมาถามสาเหตุแต่เหมยเหมยตอบกลับแค่ว่าตามหาพ่อแม่ที่แท้จริงเจอแล้ว และหลีกเลี่ยงที่จะเอ่ยถึงตำแหน่งงานของจ้าวอิงหัว
เพื่อนคนอื่นเลยไม่ได้ถามไปมากกว่านี้ในเมื่อเป็นเรื่องภายในครอบครัวของเขา ถ้าซักไช้ต่อไปคงไม่มีมารยาทเท่าไร
แต่ก็มีคนที่ให้ความสนใจมากกว่าใครๆ อย่างเช่นเจินหวานหว่าน
เด็กสาวผู้นี้ให้ความสนใจกับเรื่องภายในครอบครัวของสองพี่น้องตระกูลอู่มาโดยตลอด เรื่องของครอบครัวตระกูลอู่เองก็ไม่ใช่ความลับในโรงเรียนอีจง เด็กๆ รู้เรื่องสุนัขจิ้งจอกลักตัวรัชทายาทไปกันทุกคน นอกจากนี้เธอยังได้ยินอะไรมากกว่านั้น
อย่างเช่นพ่อแม่แท้ๆ ของจ้าวเหมยเป็นคนมีหน้ามีตาในสังคม ถึงขั้นอาศัยอยู่ในชุมชนเขตเทศบาล
ชุมชนเขตเทศบาลเชียวนะ เจินหวานหว่านอิจฉาจนแทบบ้า!
แม้แต่อดีตที่เหมยเหมยมีคุณพ่อเป็นคุณครูที่โรงเรียนอีจงเธอยังเคยอิจฉาแทบคลั่ง ตอนนี้กลับดีกว่าเดิม ชั่วพริบตาจากคุณครูโรงเรียนอีจงกลับกลายเป็นพนักงานราชการ เจินหวานหว่านกัดฟันอย่างนึกเกลียดจนฟันแทบหัก
แต่ที่เธอยังรู้สึกดีใจอยู่บ้างคืออู่เยวี่ยหนึ่งในคู่กรณีที่เธอเคยอิจฉาริษยา ตอนนี้กลับมีชีวิตที่สู้เธอไม่ได้ด้วยซ้ำ
อย่างน้อยบ้านของเธอก็เป็นห้องเดี่ยวขนาดสิบห้าตารางเมตร และแผงลอยของคุณแม่ในตอนนี้ขายดิบขายดี พี่ชายก็ได้งาน ชีวิตมีแต่จะดีขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนอู่เยวี่ยนั้นต้องอาศัยคนอื่น ทุกวันต้องทำงานไม่มีวันจบวันสิ้น แถมยังถูกตบตีดุด่าปล่อยให้หิวโซ ทุกครั้งที่เห็นอู่เยวี่ยโดนคุณย่าของเธอสาดทอคำด่าใส่ เจินหวานหว่านสะใจยิ่งกว่าใคร แต่เธอยังรู้สึกว่าไม่สาแก่ใจมากพอ
เธอจะต้องเหยียบซ้ำเติมอีกทีถึงจะพอใจ!
เมื่อก่อนตอนที่ให้เงินเธอ ใครใช้ให้อู่เยวี่ยชอบทำท่าทางผยองอยู่เหนือกว่าคนอื่นกันล่ะ!
ตอนนี้ถึงคราเธอเจินหวานหว่านเหยียบย่ำนางแพศยาคนนี้แล้ว!
ไม่แน่จ้าวเหมยอาจรู้สึกว่าเธอทำดี และยอมกลับมาเป็นเพื่อนกับเธออีกครั้ง!
ช่วงนี้สภาพการเรียนของอู่เยวี่ยดีไม่หยอก เพราะกลิ่นเหม็นบนตัวและอาการท้องร่วงของเธอไม่เกิดขึ้นอีกเลยตลอดช่วงปิดเทอมฤดูหนาว ซึ่งจุดนี้ทำให้อู่เยวี่ยดีใจไม่น้อย
เพราะแค่นี้ก็พิสูจน์แล้วว่าเธอไม่ได้มีอาการทางจิต ก่อนหน้านี้เป็นเพราะอุบัติเหตุแน่นอน ตอนนี้เธอกลับมาปกติแล้ว!
อีกทั้งเธอต้องตั้งใจเรียนเพื่อแย่งชิงเกียรติยศที่เคยเป็นของเธอกลับคืนมา ขอแค่เธอสอบได้ที่หนึ่งอีก คุณปู่ต้องยอมให้เธอกลับไปแน่ๆ เธอไม่ต้องกังวลว่าคุณยายจะไม่ให้เธอเรียนหนังสืออีกแล้ว
ถึงเวลามื้อเที่ยงอีกครั้ง เพื่อนๆ ต่างจับกลุ่มหอมล้อมนั่งทานมื้อเที่ยงที่พกมาด้วยกัน อู่เยวี่ยหยิบปิ่นโตไปนั่งอยู่ตรงมุมลับตาในสวนดอกไม้เงียบ ๆ เพียงลำพัง
เพราะมื้อเที่ยงของเธอน่าเวทนาเกินไป มีเพียงข้าวและผักกาดดองเค็มไม่มีแม้แต่ไข่สักฟอง นี่เป็นสิ่งที่เหอปี้อวิ๋นพยายามเรียกร้องให้เธอ หนำซ้ำอู่เยวี่ยไม่รู้เลยสักนิดว่าความจริงแล้วนี่เป็นมื้อเที่ยงของเหอปี้อวิ๋นต่างหาก
เหอปี้อวิ๋นยืนยันต่อหน้าคุณย่าเหอว่าหลังจากนี้เธอจะไม่ทานมื้อเที่ยงอีก คุณย่าเหอถึงได้ยอมให้อู่เยวี่ยพกมื้อเที่ยงมาด้วย
สำหรับอู่เยวี่ย เหอปี้อวิ๋นถือว่าได้ทำหน้าที่คุณแม่ใจดีคนหนึ่งเป็นอย่างดีแล้ว!
อู่เยวี่ยทานมื้อเที่ยงอย่างกล่ำกลืนฝืนทน เธอทานช้ามากเพราะผักกาดดองเค็มนี้รสชาติห่วยแตก เธอต้องรอเหยียนหมิงต๋ามา เหยียนหมิงต๋าจะเอาของอร่อยๆ มาให้เธอ
แต่ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นเหยียนหมิงต๋าถึงไม่มาสักที กลับมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญไม่กี่คนมาแทน
“นี่อู่เยวี่ยไม่ใช่เหรอ? ทำไมมาแอบกินข้าวที่นี่คนเดียวล่ะ? คงไม่ใช่เพราะกินของดีๆ เกินไปจนกลัวทำร้ายจิตใจของพวกเราหรอกนะ?”
คำพูดเสียดสีของหญิงสาวดังขึ้น ซึ่งเป็นเพื่อนนักเรียนหญิงที่เคยทะเลาะกับอู่เยวี่ยในห้องน้ำคนนั้น เธอพาเพื่อนนักเรียนหญิงราวสี่ห้าคนมาด้วยกัน มองอู่เยวี่ยด้วยสีหน้ายียวน
……………….