ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1000 บ้าไปแล้ว + ตอนที่ 1001 ถูกส่งเข้าโรงพยาบาลประสาท
ตอนที่ 1000 บ้าไปแล้ว
เหอปี้อวิ๋นเพิ่งจะหายใจได้สะดวก จากที่ต้องการจะยันตัวลุกขึ้นแต่กลับถูกชายคนนี้เตะล้มลงกับพื้นอีกครั้ง
“ไร้ประโยชน์ ยังไม่ไหว้ขอโทษลูกค้าอีก ถ้าขายปลาตัวนี้ไม่ได้ล่ะก็ ฉันจะให้ลูกสาวของแกออกจากโรงเรียน สอบตกยังจะเรียนอะไรอีกมันเปลืองเงินฉัน!”
ผู้ชายยิ่งด่ายิ่งโกรธ ก่อนหน้านี้เขาได้จัดหาครอบครัวเพื่อให้แต่งงานกับกับอู่เยวี่ย และอีกฝ่ายจะให้สินสอดเป็นเงินจำนวนมากด้วย เขาคิดว่านอกจากต้นทุนในการเลี้ยงดูอู่เยวี่ยแล้ว เขายังสามารถทำกำไรได้อีกเล็กน้อย
เขาดีดลูกคิดไว้ดีแล้วแต่เหอปี้อวิ๋นไม่เห็นด้วยอย่างมาก แถมยังเป็นบ้าไล่ตีฝ่ายชายอีกด้วย และงานเกี่ยวดองครั้งนี้ก็ได้ถูกล้มเลิกไป
จากที่ผู้ชายดีดลูกคิดวางแผนไว้แล้วก็ได้ล้มพังไม่เป็นท่า เมื่อคิดว่านอกจากจะไม่สามารถหาเงินได้แล้วแถมยังต้องเลี้ยงอู่เยวี่ยต่อไปอีกหลายปีเขาก็โมโหจนไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้ด่าและใช้กำลังรุนแรงมากขึ้น!
อู่เยวี่ยเป็นจุดอ่อนของเหอปี้อวิ๋น เธอกล้ำกลืนความเจ็บช้ำน้ำใจจากผู้ชายตรงหน้าก็เพราะต้องการให้ลูกสาวได้เรียนหนังสืออย่างสบายใจ และสามารถสอบเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยที่ดีได้ในอนาคต เหนือกว่าคนอื่น และให้เธอได้เชิดหน้าชูตาอีกครั้ง!
คำพูดของผู้ชายทำให้เหอปี้อวิ๋นสะเทือนใจ ดวงตาแข็งกร้าวและดูท่าทางเหมือนกับจิตไม่ปกติ
หรือบางทีสภาพจิตใจของเธอจะมีปัญหาแล้วจริง ๆ!
“แกอย่าได้มีความคิดที่จะตีเยวี่ยเยวี่ย ไม่อย่างนั้นฉันจะฆ่าแก…”
ไม่รู้ว่าเหอปี้อวิ๋นเอาแรงมาจากไหน เธอผลักชายคนนั้นออกไป แล้วหยิบกรรไกรผ่าปลาขึ้นมาจากพื้นพร้อมตะโกนใส่ผู้ชายคนนั้นด้วยเสียงที่แหบแห้ง
ผมเผ้าของเธอยุ่งเหยิง กรรไกรยังคงเปื้อนเลือดและมือของเธอก็เปื้อนเลือดเช่นกัน ใบหน้าของเธอดูดุร้ายจนทำให้คนที่มุงชมอยู่กลัวจนก้าวถอยหลัง เหยียนซินหย่าก็ลากเหมยเหมยถอยหลังไปหลายก้าวเช่นกัน
เหอปี้อวิ๋นทำให้ผู้ชายคนนั้นตกใจจนผละถอยไปหลายก้าว และหันกรรไกรไปที่พวกเหมยเหมย ตอนนี้จิตใจของเธอฮึกเหิมมากแล้วก็อันตรายมากเช่นกัน
เหมยเหมยขมวดคิ้วแน่น นึกไม่ถึงว่าเหอปี้อวิ๋นจะบ้าไปแล้วจริง ๆ!
นี่มันยากที่จะจัดการแล้ว คนบ้ามีเอกสิทธิ์ทางสังคมมากเกินไป!
“แล้วผู้คุมตลาดล่ะ? ทำไมปล่อยให้คนบ้ามาขายปลาที่ตลาด คนบ้าฆ่าคนไม่ผิดกฎหมายนะ แบบนี้ใครจะกล้ามาจับจ่ายในตลาดนี้!”
เหมยเหมยกระทำการอย่างฉลาด แกล้งทำเป็นร้องตะโกนด้วยความกลัว เจ้าของแผงและลูกค้าคนอื่น ๆต่างตกใจกลัวจนถอยหลังไปอีกหลายก้าว
“สาวน้อยพูดถูก ถ้าเราโดนคนบ้านี่ทำร้าย ไม่ตายก็ดีไปแต่ถ้าตายก็ถือว่าตัวเองซวยไป โอ๊ย ฉันยอมเดินมากขึ้นหน่อยไปที่ตลาดเก่าดีกว่า!”
“ไม่ได้การละ เราต้องให้ผู้ดูแลมาอธิบายเหตุผล ไม่ก็คืนเงินค่าแผงของเราหรือไม่ก็ให้ผู้หญิงบ้านี่ย้ายแผงออกไป!”
พ่อค้าแม่ค้าคนอื่น ๆไม่ขายของกันอีกต่อไป ลูกค้าก็ไม่มาจ่ายตลาดแล้ว พวกเขาจะทำธุรกิจต่อได้อย่างไรล่ะ?
ทั้งครอบครัวจะกินลมกินทรายแทนหรืออย่างไร?
“ฉันไม่ได้บ้า พวกแกสิบ้า! นังสารเลวจ้าวเหมยมันพูดจาซี้ซั้ว ฉันจะฆ่าแก…”
เหอปี้อวิ๋นบ้าคลั่งมากขึ้นเรื่อย ๆ เธอถือกรรไกรวิ่งไปหาเหมยเหมยด้วยความเร็วสูง เหยียนซินหย่าตกใจจนรีบพุ่งตัวมาบังหน้าลูกสาวเพื่อปกป้องเธอ แต่กลับถูกเหมยเหมยผลักออก
สามปีที่ผ่านมานี้เธอไม่ได้อยู่เฉย ๆ ตอนเช้าเธอตื่นมาวิ่งทุกวัน และยังลงทะเบียนเรียนเทควันโดอีกด้วย
โครงสร้างกระดูกของเธออ่อน ถึงแม้ว่าแรงของเธอจะน้อยไปหน่อยแต่ก็ยืดหยุ่นคล่องแคล่วมาก ถือว่าเสียแรงลงเรียนนิดหน่อยแต่ได้รับผลดีกลับมาไม่น้อยจนเธอได้ถึงสายแดง ทำให้มีความสามารถในการป้องกันตนเองเล็กน้อย
“เหมยเหมย…”
เหยียนซินหย่ามองเหอปี้อวิ๋นที่พุ่งไปทางเหมยเหมย ตกใจจนวิญญาณเกือบหลุดออกจากร่าง ภายใต้สถานการณ์อันคับขันแบบนั้นเธอเลยปากระเป๋าเงินในมือใส่เหอปี้อวิ๋น
เหมยเหมยยืนอย่างใจเย็นสบาย ๆ ร่างกายออกแรงเบา ๆก็ปัดกรรไกรของเหอปี้อวิ๋นหลุดกระเด็นไป ต่อด้วยเตะกลับหลังอย่างสวยงามเข้ากลางหน้าของเหอปี้อวิ๋นอย่างจัง
………………………………………….
ตอนที่ 1001 ถูกส่งเข้าโรงพยาบาลประสาท
เหอปี้อวิ๋นถูกเหมยเหมยเตะเข้าที่หัวทำให้กรรไกรในมือตกพื้นเพราะความเจ็บ เหมยเหมยจึงรีบเข้าไปเตะกรรไกรออกไปให้พ้นตัว
จากนั้นกระเป๋าสตางค์ของเหยียนซินหย่าก็บินร่อนมากระแทกเข้าที่หัวเหอปี้อวิ๋นพอดิบพอดี แต่กระเป๋าสตางค์มันนุ่มเลยไม่สามารถทำอะไรเหอปี้อวิ๋นได้
เหยียนซินหย่าพุ่งมาด้วยความโกรธ คว้ากระชอนสแตนเลสหน้าร้านทุบเหอปี้อวิ๋นอย่างไม่ออมแรง
“เธอยังกล้าทำร้ายเหมยเหมยของฉันอีกหรอ? นังคนจิตใจชั่วช้า ฉันจะตีเธอให้ตาย… ”
เหยียนซินหย่าไม่ได้สนใจภาพลักษณ์อะไรอีก ขณะนี้มีเพียงความคิดเดียวคือซ้อมนังตัวกาลกิณีเหอปี้อวิ๋นนี่เสีย!
เพียงแต่มือที่ใช้จับแต่ปากกาดินสอไปวัน ๆ จะไปสู้กับมือที่ถือมีดอย่างเหอปี้อวิ๋นได้อย่างไร?
เมื่อเห็นว่าเหอปี้อวิ๋นกำลังจะเอาคืนเหมยเหมยจึงจะเข้าไปช่วย แต่ชาวบ้านในชุมชนเดียวกันเข้ามาห้ามทัพไว้ก่อน ตอนนี้จึงถือว่าเป็นโอกาสดีที่จะประจบประแจง หากไม่รีบมาพวกเขาต้องเสียโอกาสนี้ไปแน่!
ไม่นานผู้ดูแลตลาดแห่งนี้ก็มาถึงเป็นคุณลุงอายุราวห้าสิบหกสิบปี พอเขาได้ยินว่าเหอปี้อวิ๋นเอามีดขู่ลูกค้าเลยรีบวิ่งกระหืดกระหอบมาด้วยความตกใจ ระหว่างทางก็ได้ยินคนพูดกันว่าฝ่ายที่โดนทำร้ายคือภรรยาและลูกสาวของผู้ว่าก็ทำเอาชายชราผู้น่าสงสารเกือบช็อกตายคาที่
แม่ค้าปลาคนนี้รีบไสหัวไปได้แล้ว!
จะอยู่ต่อไม่ได้เด็ดขาด เขายังหวังพึ่งเงินจากตลาดนี้เลี้ยงดูตัวเองยามแก่อยู่นะ!
เห็นสองแม่ลูกเหยียนซินหย่าไม่บาดเจ็บผู้ดูแลก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกเฮือกใหญ่ รีบก้มหัวโค้งคำนับให้พวกเหมยเหมยอย่างรู้สึกผิดก่อนหันไปทำหน้าดุดันแล้วตำหนิสามีเหอปี้อวิ๋นเสียงเข้ม
“ค่าเช่าที่คืนให้พวกนายไป พรุ่งนี้ไม่ต้องมาขายแล้ว ถ้ารู้มาก่อนว่าเมียนายเป็นคนบ้า ฉันไม่มีทางให้พวกนายเข้ามาที่ตลาดนี้ด้วยซ้ำ!”
ชายชราพูดจริงจังด้วยใบหน้าอย่างผู้มีอำนาจตัดสินใจ
สามีของเหอปี้อวิ๋นพูดโน้มน้าวไปตั้งมากมาย แต่ชายชรากลับไม่สนใจเขา บอกแค่ให้พวกเขาไสหัวไปตั้งแต่พรุ่งนี้ ไม่มีการอนุโลมใด ๆ
เหมยเหมยนั้นไม่ยอมปล่อยเหอปี้อวิ๋นไปทั้งอย่างนี้ เธอบอกผู้ดูแลอีกว่า “ฉันจะแจ้งตำรวจ เมื่อกี้คนบ้านี้เอากรรไกรพุ่งมาจู่โจมฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะฉันหลบได้ทันอาจจะไม่รอดแล้วก็ได้ คนบ้าแบบนี้ต้องจับส่งโรงพยาบาลประสาท ไม่งั้นใครจะรับประกันได้ว่าคราวหน้าเธอจะไม่ฆ่าคนอีก!”
“ใช่ใช่ใช่ ต้องแบบนี้แหละ ส่งเข้าโรงพยาบาลประสาทไม่ต้องปล่อยออกมาอีกตลอดชีวิต!” คนอื่นพูดคล้อยตาม
“ฉันไม่ได้บ้า จ้าวเหมยนางแพศยา เธอกล้าใส่ร้ายฉัน เธอทำร้ายเยวี่ยเยวี่ยของฉันแล้วตอนนี้ก็มาทำร้ายฉัน เธอจะไม่ได้ตายดี…”
เหอปี้อวิ๋นที่ถูกผู้ชายหลายคนควบคุมตัวไว้บิดตัวไปมาร้องโวยวาย สายตาที่มองไปทางสองแม่ลูกเหมยเหมยน่าหวาดกลัวอย่างมาก
“เธอหุบปาก กลับบ้านแล้วฉันค่อยจัดการเธอ!”
สามีของเธอตบหน้าเธออย่างแรงไปหนึ่งทีด้วยอารมณ์โกรธ แผงตลาดนี้ไม่ใช่ง่าย ๆ กว่าเขาจะได้มา ตอนนี้ยังขายได้ไม่เท่าต้นทุนเลย ถ้าเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ตั้งแผงขาย แล้วเขากับลูกชายจะกินจะดื่มอะไร?
และลูกชายก็ยังไม่ได้แต่งงานเลย!
เหมยเหมยพูดเย้ยหยัน “ลูกสาวของเธออู่เยวี่ยเลือกเดินผิดทางเอง ซ้ำชั้นแล้วเกี่ยวอะไรกับฉัน? เหอปี้อวิ๋นเธออย่าไล่กัดคนอื่นเหมือนหมาบ้า!”
“ไม่จริง เยวี่ยเยวี่ยของฉันคือนักเรียนดีเด่น ทั้งเป็นเด็กดีทั้งเรียบร้อย เธออย่าคิดที่จะทำลายชื่อเสียงเยวี่ยเยวี่ยของฉัน…”
เหอปี้อวิ๋นตวาดเสียงดังอย่างร้อนใจ สายตาที่มองเหมยเหมยเหมือนจะเขมือบเธอยังไงอย่างนั้น!
เธอไม่อนุญาตให้ใครมาทำลายชื่อเสียงของเยวี่ยเยวี่ย ไม่อย่างนั้นเธอจะสู้กับคนนั้นสุดชีวิต!
“นักเรียนดีเด่น? เหอะ…สอบได้ที่โหล่ทุกปี นักเรียนแบบนี้คือนักเรียนดีเด่น? เหอปี้อวิ๋นในหัวเธอมีแต่ขี้เลื่อยสินะ!”
เหมยเหมยพูดเยาะเย้ยไปยกหนึ่งอย่างไร้ความปราณีจนคนอื่นหัวเราะเสียงดังครืน มองเหอปี้อวิ๋นที่กำลังคลุ้มคลั่งด้วยสายตาเหยียดหยาม
…………………………….